รักในรอยน้ำตา บทที่ 8 : แก้ไขหรือแก้ตัว

รักในรอยน้ำตา บทที่ 8 : แก้ไขหรือแก้ตัว

โดย : ปิ่นฟ้า

Loading

รักในรอยน้ำตา นวนิยายโดย ปิ่นฟ้า เมื่อรักที่ต้องการมาทั้งชีวิต กลับต้องแลกมาด้วยน้ำตาจากผู้ชายที่เธอรักจนหมดหัวใจ แต่เขากลับทำร้ายเธออย่างเลือดเย็น…เรื่องราวสุดเข้มข้นจากการคัดสรรโดยอ่านเอา มาให้อ่านแล้วทางเว็บไซต์ anowl.co และเพจอ่านเอา anowldotco

“พี่ต้นกลับไปก่อนเถอะค่ะ ตอนนี้ระรินยังไม่อยากคุยกับพี่” หญิงสาวพยายามยื่นร่มให้ หากอีกฝ่ายกลับยืนนิ่ง

“ถ้าน้องระรินยอมยกโทษให้ พี่ถึงจะยอมกลับแต่โดยดี”

ถ้อยคำของเขาทำให้ฟางเส้นสุดท้ายของหญิงสาวขาดสะบั้น พร้อมร่มในมือที่ขว้างใส่แผงอกกว้างโดยแรง

“จะให้ระรินยกโทษให้เรื่องไหนดีคะ เรื่องในคลิปที่แชร์กันว่อนตอนนี้ จนทุกคนด่าว่าระรินเป็นผู้หญิงไม่ดี จนทำให้เพื่อนรักแตกคอกัน หรือเรื่องที่พี่เจตต์เล่าว่า ที่ผ่านมา พี่ต้นวางแผนต่างๆ เพื่อเข้าหาระริน เพราะต้องการเอาชนะคำท้าทายของเพื่อน พี่ไม่ได้ชอบระรินจริงๆ แต่พี่แค่เล่นเกมเพื่อเอาชนะให้ได้เท่านั้น นี่ระรินกลายเป็นตัวตลกในเกมของพี่เหรอคะ หรือเห็นระรินโง่หลอกง่าย”

คำพูดตัดพ้อทั้งน้ำตาของหญิงสาว ทำให้สรวิชญ์รู้ทันทีว่าเจตต์นำความจริงไปเล่าให้รินรดาฟังหมดแล้ว หัวใจของเขาหล่นวูบเพราะแผนการที่สู้อุตส่าห์ทำใกล้สำเร็จ กลับถูกเพื่อนเวรนั่นหักหลังเสียได้ ชายหนุ่มต้องตั้งสติพยายามใช้สมองฉับไวรีบแก้ปัญหาตรงหน้า

เขาใช้เวลาอยู่นานกว่ากำแพงหัวใจของรินรดาจะเปิดรับเขาเข้ามา สรวิชญ์จะไม่ยอมให้แผนที่เขาสู้อุตส่าห์ทำมาพังทลายลงเพราะเพื่อนทรยศเด็ดขาด

“ถ้าเราจะคุยกันเรื่องนี้ เราเดินไปคุยทางนั้นดีกว่าครับ พี่ไม่อยากให้น้องระรินต้องพลอยเปียกฝนไปด้วย เดี๋ยวจะไม่สบาย พี่เป็นห่วง…”

เขาเฉไฉเปลี่ยนเรื่องอย่างใจเย็น เพื่อยื้อเวลาให้ตัวเองคิดหาทางแก้ไข พร้อมกับก้มลงเก็บร่มที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาแต่แทนที่จะกางมัน เขากลับหันไปฉวยร่มในมือของเธอมาถือไว้แทนพร้อมกางให้อีกฝ่าย รินรดาชะงักไปอึดใจกับการกระทำอันอ่อนโยนของเขา

“ทำไมพี่ต้นไม่ใช้ร่มอีกคันล่ะคะ จะมาอยู่ในร่มคันเดียวกันทำไม”

“พี่ไม่ได้จะกางร่มให้ตัวเอง พี่อยากกางร่มให้น้องระริน เพราะถึงยังไงตอนนี้ตัวพี่ก็เปียกไปหมดแล้ว จะใช้ร่มหรือไม่ก็มีค่าเท่ากัน”

รินรดาจ้องมองอีกฝ่ายอย่างค้นหาคำตอบ หากเธอเห็นแต่แววตาจริงใจที่เต็มไปด้วยความสำนึกผิด หัวใจก็อ่อนยวบสงสาร หญิงสาวจึงยอมให้เขากางร่มให้แต่โดยดี

ภายใต้ร่มคันเดียวกัน แม้จะเป็นเวลาไม่นาน แต่ก็ทำให้ชายหนุ่มได้กลิ่นหอมหวานจากกายสาว ทำให้หัวใจของสรวิชญ์เต้นตึกตักรัวเร็วจนแทบจะอดใจไม่ไหว

‘ทำไมวันนี้ระรินถึงได้ดูสวยจังวะ คอยดูนะ กูจะรวบรัดเอาเป็นแฟนให้ได้’ สรวิชญ์หมายมั่นกับตัวเอง

รินรดาแอบสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ชายหนุ่มข้างกายก็ยื่นแขนโอบเธอมาชิดใกล้ท่ามกลางสายฝนที่เย็นเฉียบและเหน็บหนาว หากทว่าหัวใจของหญิงสาวกลับรู้สึกเต้นแรงและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนกระทั่งทั้งสองเข้าไปหลบฝนใต้ชายคาหอพักเรียบร้อยแล้ว เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากตัวเธอ ทำให้รินรดาต้องเบี่ยงตัวออกจากวงแขนที่ทำให้เธอพลอยเปียกปอนไปด้วย

“พี่ขอโทษนะที่ทำให้น้องพลอยเปียกไปด้วย” สรวิชญ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน พลางขยับห่างออกมาจากตัวเธอจนพาให้ความอบอุ่นจางไปจนรินรดาอดใจหายไม่ได้

“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นระรินขอตัวขึ้นไปบนห้องก่อนนะคะ”

“เดี๋ยวสิครับ” มือหนาเย็นเฉียบเอื้อมมาจับมือเธอไว้ ก่อนปล่อยทันทีเมื่อเห็นสายตาที่มองมา

“พี่ทำให้น้องระรินไม่พอใจอีกแล้วใช่ไหม” หญิงสาวมองหยดน้ำฝนที่ไหลจากเส้นผมของอีกฝ่ายมาตามใบหน้าอันหล่อเหลามีเสน่ห์ด้วยหัวใจที่เต้นรัว

“ที่พี่มาหาน้องระรินที่นี่ เพราะพี่อยากมาขอโทษจริงๆ น่ะครับ ขอโทษที่วันนี้พี่ใจร้อนวู่วามจนห้ามตัวเองไม่อยู่ แต่พี่ทนไม่ไหวจริงๆ ที่ได้ยินไอ้เจตต์มันมาว่าน้องระริน หาว่าเป็นผู้หญิงใจง่าย พี่เลยยอมไม่ได้ซัดปากมันไปทีหนึ่ง”

“พี่เจตต์น่ะเหรอคะ ว่าระรินเป็นผู้หญิงใจง่าย”

“ครับ พี่ไม่รู้ว่าไอ้เจตต์เล่าอะไรให้น้องระรินฟังบ้าง แต่ไอ้เจตต์ก็เคยเป็นเพื่อนรักของพี่ พี่เองก็ไม่อยากพูดอะไรมากกว่านี้ เดี๋ยวจะทำให้เพื่อนดูแย่ไปอีก เอาเป็นว่า…สำหรับเรื่องโกหก พี่ไม่มีอะไรจะพูดเพราะยิ่งพูด ยิ่งเหมือนเป็นการแก้ตัว แต่พี่อยากบอกแค่ว่า ถ้าหากพี่ไม่ชอบน้องระรินจริงๆ พี่คงไม่พยายามทำอย่างที่ผ่านมาหรอกครับ ความจริงใจของพี่ พี่รู้ว่าน้องระรินรับรู้และมองเห็นได้ ว่าพี่พูดจริงหรือโกหก พี่เชื่อว่าน้องระรินฉลาดพอที่จะคิดและตัดสินเองได้” เขาเว้นไปอึดใจ ก่อนจะพูดต่อ

“พี่เคารพการตัดสินใจของน้องนะครับ ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ น้องระรินไม่ชอบ แค่น้องบอกมาคำเดียวว่า ไม่ต้องการพูดคุยและเจอหน้าพี่อีกแล้ว พี่ก็จะไม่มาให้น้องระรินเห็นหน้าอีกเลย”

น้ำเสียงแผ่วเบาแววตาหม่นเศร้าของเขา ทำให้รินรดารู้สึกใจหายวาบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนบางสิ่งบางอย่างกำลังหลุดลอยไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ

‘เราไม่ได้คิดอะไรกับพี่ต้นไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมเราถึงรู้สึกแบบนี้นะ’

หญิงสาวยืนนิ่งไปอึดใจ เธอกำลังคิดทบทวนสิ่งที่เจตต์และสรวิชญ์พูด ซึ่งคำพูดของคนทั้งสองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จนเธอรู้สึกว่าจะต้องมีใครสักคนที่พูดโกหก

ขณะที่สรวิชญ์มองทีท่าซึ่งดูไม่ค่อยเชื่อของเธอ ทำให้เขาพอเดาออกว่า คำพูดเพียงอย่างเดียวไม่อาจทำให้เธอใจอ่อนได้ เขาจึงใช้ไม้ตาย ซึ่งไม่ว่าผู้หญิงกี่คนเมื่อเจอไม้ตายของเขาก็ต้องใจอ่อนกลับมาเชื่อคำพูดเขาอย่างแน่นอน

“น้องระรินครับ พี่รู้ตัวดี พี่มันก็แค่คนธรรมดา ไม่ใช่คนดีเด่อะไร เรื่องครั้งนี้พี่ทำผิดจริง จนทำให้น้องระรินต้องเดือดร้อน พี่ขอโทษอีกครั้งนะครับ” หางเสียงแผ่วเบาปนสะอื้น ก่อนที่น้ำตาจะรินไหลออกมา ทำให้รินรดาถึงกับชะงักไป

“นี่พี่ต้นร้องไห้เหรอคะ พี่ต้นอย่าร้องไห้เลยนะคะ ระรินเสียอีกที่ต้องเป็นฝ่ายร้องไห้ พี่ต้นเป็นผู้ชายแท้ๆ ทำไมถึงร้องไห้แบบนี้ล่ะคะ”

หญิงสาวรีบเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้เขาอย่างลืมตัว สรวิชญ์มองมือเรียวสวยอย่างกระหยิ่มในใจก่อนจะรวบมือมากุมไว้อย่างอ่อนโยน

“ที่พี่ร้องไห้ เพราะพี่เสียใจที่เป็นต้นเหตุให้น้องระรินต้องเดือดร้อน ไหนจะโดนไอ้เจตต์ใส่ความพี่ให้น้องระรินฟังอีก ไหนน้องระรินจะต้องมาเจอคนด่าในโซเชียลอีก ถ้าหากพี่อดทนมากกว่านี้ เรื่องร้ายพวกนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น พี่ขอโทษจริงๆ นะครับ พี่นี่มันเป็นผู้ชายไม่เอาไหนจริงๆ เลย”

“พี่ต้นไม่ต้องขอโทษแล้วละค่ะ ระรินยกโทษให้ พี่ต้นอย่าโทษตัวเองอีกเลยนะคะ พี่ต้นร้องไห้แบบนี้ เหมือนไม่ใช่พี่ต้นคนเดิมที่ระรินเคยรู้จักเลย”

รอยยิ้มหวานปลอบใจ ทำให้สรวิชญ์เผลอจ้องมองราวกับต้องมนตร์สะกดอย่างจัง หัวใจเขาเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน

หรือว่า…เขาตกหลุมรักเธอไปแล้ว

ส่วนรินรดาเองก็รู้สึกแปลกใจตัวเองที่คิดว่าจะลงมาหาเขา เพียงเพื่อนำร่มมาให้และไล่เขากลับให้พ้นหน้า แต่ตอนนี้เธอกลับไม่อยากเป็นเช่นนั้นเสียแล้ว สรวิชญ์ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นในหัวใจเมื่อมีเขาอยู่ใกล้ๆ

หรือว่า…เธอมีใจให้เขาเสียแล้ว

เมื่อหยาดน้ำตาถูกเช็ดออกไปเหลือทิ้งไว้เพียงดวงตาแดงช้ำบนใบหน้าที่มีรอยฟกช้ำดำเขียว รินรดาจึงเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“ระรินว่าพี่ต้นรีบกลับบ้านเถอะค่ะ เดี๋ยวจะไม่สบาย”

“พี่ก็อยากกลับนะครับ แต่ฝนตกหนักลมแรงแบบนี้ ถ้าขับรถไปถนนก็ลื่นอันตราย อีกอย่างพี่จอดรถไว้หน้าปากซอยต้องเดินกลับไป แล้วร่มคันเล็กแบบนี้คงจะเอาไม่อยู่ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่ยืนรอฝนให้หยุดตกอีกสักครู่ แล้วพี่ค่อยกลับก็ได้ น้องระรินรีบขึ้นห้องไปก่อนก็ได้ ข้างล่างอากาศเย็นลมแรง เดี๋ยวไม่สบายเอาได้ พี่เป็นห่วง…”

“เอาอย่างนั้นหรือคะ งั้นระรินขอตัวขึ้นห้องก่อนนะคะ” พอได้ฟัง ดวงตาของเขาก็ฉายรอยผิดหวังออกมา แต่ก็ยังฝืนใจพยักหน้าส่งยิ้มให้เธอ

“ฝันดีนะครับ”

รินรดามองเขาอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังกลับ

“ฮัดเช้ย!”

เสียงจามสนั่นนั่นทำให้เธอชะงักและสูดหายใจเข้าปอดจนลึก แล้วอะไรบางอย่างก็ทำให้เธอตัดสินใจหันกลับไปพร้อมกับพูดขึ้น

“พี่ต้นขึ้นไปนั่งรอบนห้องกับระรินเถอะค่ะ อย่างน้อยก็จนกว่าฝนจะหยุดตก ก็ค่อยกลับ”

ดวงตาคมทอประกายวาววับ แต่ยังข่มใจไม่ให้ร้องตะโกนด้วยความดีใจออกมา

“จะดีเหรอครับน้องระริน”

“พี่ต้นก็เคยขึ้นไปบนห้องระรินแล้ว หรือว่าพี่ต้นกลัวเป็นข่าวกับระรินเหรอคะ” เธอถามหยั่งเชิง ทำให้เขารีบปฏิเสธเป็นพัลวัน

“เพราะพี่ช่วยน้องระรินจากโจรผู้ร้าย น้องระรินเลยทำแผลให้พี่ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน… คนพวกนั้นเพิ่งด่าว่าน้องระรินในโลกโซเชียล หากใครมาเห็นเข้า พี่กลัวว่าจะยิ่งเป็นการเติมเชื้อไฟ ทำให้น้องระรินเสียหายอีกน่ะสิครับ พี่เป็นผู้ชาย ใครจะมองยังไงพี่ไม่สนใจอยู่แล้ว แต่น้องระรินเป็นผู้หญิง พี่ไม่อยากให้คนมองน้องระรินไม่ดีครับ”

“ในเมื่อพี่ไม่กลัว ระรินก็ไม่มีอะไรจะต้องกลัวค่ะ เราบริสุทธิ์ใจเสียอย่าง ใครอยากจะพูดอะไรก็ช่างเค้าเถอะค่ะ เรารู้ตัวเองดีว่าเราเป็นอย่างไร คนอื่นไม่ได้มารู้อะไรกับเรา คงไปห้ามปากคนไม่ได้หรอกค่ะ”

พูดจบหญิงสาวก็เดินนำหน้าพาสรวิชญ์ไปยังห้องพักของตัวเอง โดยไม่ทันเห็นสายตาของชายหนุ่มที่ลอบมองจากทางด้านหลังด้วยความดีใจปนเจ้าเล่ห์ ก่อนจะส่งยิ้มอบอุ่นให้รินรดาเมื่อเจ้าตัวหันมามองเขา

‘เกือบซวยไปแล้วไหมเรา ดีนะที่แถทัน’

สรวิชญ์ลอบถอนใจออกมาโล่งอกที่ตัวเองแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงที

สถานการณ์ที่เกือบจะพังเพราะเจตต์ตอนนี้กลับแปรเปลี่ยนได้เพราะน้ำตาและคำพูดของเขาไม่กี่คำ กอปรกับรินรดามีจิตใจดีเป็นทุนเดิม ต่อให้เธอใจแข็งกับผู้ชายสักเพียงใด ทว่าก็ต้องใจอ่อนให้กับน้ำตาผู้ชายอย่างเขาแน่นอน

บัดนี้ เขายิ่งกว่าแน่ใจว่าหญิงสาวมีใจให้เขาจริงๆ ไม่อย่างนั้นต่อให้เขาร้องไห้จนน้ำตากลายเป็นสายเลือด หากเธอไม่ชอบเขา เธอคงไม่ชายตาแลด้วยซ้ำ

 

ขณะที่สรวิชญ์กำลังเดินขึ้นบันไดเคียงข้างรินรดาด้วยเสื้อผ้าเปียกชื้น จังหวะนั้นเองมีผู้หญิงสองคนกำลังเดินสวนทางมาพอดีในมือถือขวดน้ำเปล่าใบใหญ่

ทันทีที่รินรดาและสรวิชญ์เดินผ่านไป หญิงสาวทั้งสองก็หันไปกระซิบกระซาบกันทันที

“แก…ใช่ผู้ชายในคลิปที่ทะเลาะกับอีกคนว่อนเน็ตป่าววะ”

“ฉันว่าใช่นะแก สงสัยผู้หญิงคนนี้คงชื่อระรินที่พูดถึงในคลิปแน่ๆ”

“สงสัยเลือกคนนี้สินะ”

“นั่นสิแก”

“อย่างว่าแหละ คนนี้หล่อกว่าผู้ชายอีกคนตั้งเยอะ”

“สวยเลือกได้ก็แบบนี้แหละ ผู้ชายถึงได้มาต่อยกันเพราะแย่งผู้หญิงคนเดียว”

“สงสัยอ่อยไปทั่วมากกว่า ไม่อย่างนั้นผู้ชายจะมาต่อยแย่งกันทำไม”

รินรดาได้ยินคำนินทาเต็มสองหู ใบหน้าสวยซีดเผือดไปชั่วขณะ ขณะที่สรวิชญ์เอื้อมมือไปบีบมือเรียวไว้อย่างอบอุ่นให้กำลังใจ ก่อนจะผละไปหาผู้หญิงทั้งสองคน

“ขอโทษนะครับ เมื่อกี้เหมือนน้องๆ กำลังพูดถึงพวกพี่อยู่หรือเปล่าครับ”

สองสาวชะงักไปอึดใจเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน แล้วมาเอาเรื่องกันซึ่งหน้า ทำให้ทั้งสองถึงกับหน้าเสีย อ้ำอึ้งไปชั่วขณะ

“เอ่อ…คือ…”

“พี่จะบอกน้องให้ชัดๆ นะครับ เผื่อน้องจะได้ไม่เข้าใจผิด แล้วเอาไปพูดต่อให้พวกพี่เสียหาย คือ พี่กับแฟนเราคบกันมาสักพักแล้วครับ แล้วก็ไม่ได้ทะเลาะกันเพราะแย่งผู้หญิงครับ”

“ผู้ชายในคลิปเป็นเพื่อนสนิทของพี่ไม่ใช่เหรอคะ ถ้าไม่ใช่ต่อยกันเพราะแย่งผู้หญิงเหรอคะ แล้วต่อยกันเพราะอะไรล่ะคะ” หนึ่งในสองทนไม่ไหวโพล่งออกมาด้วยความอยากรู้

“เคยเป็น…เพื่อนสนิทแต่ตอนนี้เขาไม่ใช่แล้ว เพราะเขาแอบชอบแฟนพี่จนอิจฉา พอเขารู้เรื่องของพี่กับแฟนคบกันเข้าก็เลยชวนทะเลาะอย่างที่เห็นในคลิป ถ้ายังไงก็ฝากพวกน้องช่วยกระจายข่าวที่ถูกต้องต่อด้วยนะครับ พี่ขอตัว”

“ขอบคุณค่ะพี่ ขอให้พี่ทั้งสองรักกันไปนานๆ นะคะ” สองสาวก็ส่งรอยยิ้มเป็นมิตรให้กับสรวิชญ์และรินรดาก่อนจะเดินจากไป

ครั้นสรวิชญ์หันมา เขาก็ถือวิสาสะเอื้อมไปกุมมือเรียวไว้ พร้อมพาเธอเดินเคียงกันไปจนถึงห้องพักของหญิงสาว

รินรดามองสรวิชญ์ด้วยความแปลกใจ เธอคิดว่าหลังจากเขาได้ยินคำนินทา ชายหนุ่มจะต้องหัวร้อนด่าทออีกฝ่าย จนกลายเป็นเรื่องใหญ่เสียอีก หากกลับผิดคาด คำพูดของเขาทำให้ผู้หญิงทั้งสองที่เคยมองเธอไม่ดี กลับยิ้มให้เธอด้วยสายตาที่ดีขึ้นและเข้าใจมากขึ้นกว่าเดิม

ทันทีที่สรวิชญ์และรินรดาก้าวเข้ามาในห้องพักเรียบร้อย หญิงสาวจึงออกปากพูดขึ้นมา

“ขอบคุณพี่ต้นมากเลยนะคะ ที่ช่วยแก้ข่าวให้เมื่อกี้”

“ไม่เป็นไรครับ พี่ยินดีช่วย เรื่องแค่นี้เอง สบายมาก อย่างน้อยพี่ก็ได้ทำอะไรเพื่อน้องระรินบ้าง แค่นี้พี่ก็รู้สึกดีขึ้นแล้วครับ”

เขาสบสายตาเธออย่างอ่อนหวานจนหญิงสาวอดเขินจนใบหน้าแดงก่ำไม่ได้ รินรดารีบหลบสายตาคู่คมไปที่เสื้อนักศึกษาที่เปียกจนแทบเนื้อของอีกฝ่ายที่แนบเนื้อจนเผยให้เห็นกล้ามเนื้อแข็งแกร่งของบุรุษเพศชวนให้ใจสั่นสะท้าน จนต้องรีบเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ก่อนจะเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าของตัวเอง

“พี่ต้นรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวระรินหาเสื้อผ้าให้เปลี่ยน ขืนอยู่ในชุดแบบนี้ พี่ต้นได้ป่วยแน่ๆ ดูสิคะ แผลเก่ายังไม่หายดี แล้วยังไปทะเลาะกับพี่เจตต์อีก แถมตอนนี้ยังมาเปียกฝนแบบนี้ถ้าพี่ต้นป่วยขึ้นมาจะทำยังไงล่ะคะ”

เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหญิงสาวลืมตัวจนเผลอพูดกับเขามากกว่าที่ผ่านมา ทำให้ชายหนุ่มหลุดขำออกมาด้วยความเอ็นดูไม่ได้

“พี่ไม่เป็นไรหรอกครับน้องระริน ถ้าเกิดพี่เป็นไข้เพราะเปียกฝนจริงๆ พี่ก็มีน้องระรินคอยดูแลนี่ไงครับ”

ไม่มีคำพูดโต้ตอบจากอีกฝ่าย ที่กำลังเขินจนมือไม้สั่น พอได้เสื้อผ้าที่ต้องการ เธอก็เดินกลับมาหาชายหนุ่มพร้อมกับยื่นเสื้อผ้าในมือให้ แล้วแกล้งทำเป็นหูทวนลมเสีย

“ที่นี่ไม่มีเสื้อผ้าผู้ชาย มีก็แต่เสื้อยืดตัวใหญ่ กับกางเกงวอร์ม พี่ต้นน่าจะพอใส่ได้นะคะ” พูดจบเธอก็รีบดึงมือเขาให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำโดยไม่ยอมสบตาแม้แต่นิดเดียว ใบหน้างามแดงระเรื่อ ยิ่งทำให้สรวิชญ์นึกสนุกจนอยากแกล้งมากขึ้นกว่าเดิม

“น้องระรินครับ”

“คะพี่ต้น มีอะไรหรือเปล่าคะ”

“ไม่ทราบมีผ้าเช็ดตัวบ้างไหมครับ ไหนๆ ตัวพี่ก็เปียกแล้ว พี่เลยว่าจะขออาบน้ำ…” เขาไม่พูดเปล่า ยังเปิดประตูห้องน้ำออกมาทั้งที่ช่วงบนเปลือยเปล่า ช่วงล่างยังสวมกางเกงนักศึกษาตามเดิม

เป็นครั้งแรกที่รินรดาได้เห็นเรือนร่างเปลือยของผู้ชายใกล้ๆ เช่นนี้ เธอรีบหันหลังกลับพร้อมรีบเดินไปหาเช็ดตัวมายื่นส่งให้เขา

“ผ้าเช็ดตัวผืนนี้ยังไม่ได้ใช้ค่ะ พี่ต้นใช้ได้ค่ะ”

ชายหนุ่มแกล้งยื่นมือรับแต่กลับฉวยโอกาสสัมผัสโดนมือของเธอแบบไม่ตั้งใจจนอีกฝ่ายเผลอสะดุ้งโหยงรีบชักมือกลับ ใบหน้างามแดงซ่านรีบเดินตุปัดตุเป๋หนีไปทางห้องนอน โดยไม่ทันเห็นสายตาเจ้าชู้ของอีกฝ่าย

สรวิชญ์คิดมาตลอดว่า เขาไม่เคยชอบรินรดาจริงๆ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไป หรืออาจเพราะเห็นอาการเขินอายแบบผู้หญิงของเธอแทนที่จะเป็นความเย็นชาเหมือนเคย

ผู้หญิงแข็งๆ เวลาเขินนี่ก็น่ารักดีแฮะ!

 



Don`t copy text!