โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 3 : แขกคนพิเศษ (1)

โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 3 : แขกคนพิเศษ (1)

โดย : ปีกดอกไม้

Loading

โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน นิยายโรแมนติกแฟนตาซีที่มีกลิ่นอายจีนโบราณ ผลงานรางวัลรองชนะเลิศโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 4 ของ ปีกดอกไม้ หรือ รสริน พระปริยัติ อ่านเอานำมาให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของโรงน้ำชาและเรื่องราวของผู้คนที่นี่ รวมถึงปริศนาเบื้องหลังของน้ำชาความทรงจำนี้ อ่านได้แล้วที่เว็บไซต์อ่านเอา anowl.co

โดยไม่เคยคาดคิดว่าคำทำนายจะใช้การได้ เฉินเอินกลับไปใช้วิธีการคำนวณเพื่อทำนายแบบดั้งเดิมที่เคยใช้มา เลือกปฏิเสธสิ่งใหม่และยอมใช้สิ่งเก่าซึ่งเกิดจากความเคยชินมากกว่าจะไปพินิจพิเคราะห์เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียอะไรให้ลึกซึ้งมากมาย

สายลมยังคงพัดผ่านมาอย่างแผ่วเบา น้ำชาถ้วยแล้วถ้วยเล่าถูกชงขึ้นตามจุดมุ่งหมาย วันเดือนเคลื่อนผ่านไป และแล้วในวันหนึ่งซึ่งเพิ่งจะพ้นฤดูร้อนมาไม่นานนักใครบางคนก็เปิดประตูไม้กรุกระจกของร้านเข้ามาพร้อมกับที่ก้อนเมฆหอบเอาละอองฝนแรกของฤดูเข้ามาด้วย

เสียงกระดิ่งที่เซี่ยเหมยซีติดเอาไว้ตรงประตูส่งเสียงกรุ๋งกริ๋งดูมีชีวิตชีวา ไม่ต่างจากกิริยาท่าทางของคนที่เดินเข้ามาพร้อมกวาดตามองไปทั่วร้าน ใบหน้ารูปไข่กับดวงตาคล้ายตากวางดูสดใสปรากฏให้เห็น ต่อเมื่อพบคนที่อยู่หลังเคาน์เตอร์รอยยิ้มกระจ่างของผู้มาเยือนก็ปรากฏขึ้น

“เชิญค่ะ รับอะไรดีคะ” เซี่ยเหมยซีเอ่ยต้อนรับลูกค้าคนแรกของวัน

ร่างบางนั้นก้าวเข้ามาและพาเอากลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายดอกไม้แรกฤดูใบไม้ผลิในความทรงจำของเซี่ยเหมยซีติดตัวมาด้วย มือบางของแขกรั้งประตูให้เปิดกว้างเซี่ยเหมยซีถึงได้เห็นว่าเธอไม่ได้มาคนเดียว

คนที่ก้าวถัดมาเป็นชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาภูมิฐาน ท่าทางก้าวย่างล้วนเต็มไปด้วยความองอาจมาดมั่นและติดจะเย่อหยิ่งเล็กน้อย ดวงตาคมกริบกวาดมองไปทั่วร้านด้วยอาการประเมิน เซี่ยเหมยซีนึกถึงพ่อบ้านจางเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วขึ้นมา ชายหนุ่มคนนี้ให้กลิ่นอายแบบเดียวกัน คือเป็นคนมีเงิน เป็นเจ้าของธุรกิจ และเป็นคนที่ได้ชื่อว่าอยู่เหนือบุคคลจำนวนมาก

“ผมมีนัดกับคุณเฉิน” น้ำเสียงมั่นคงเอ่ยแจ้งจุดประสงค์ไม่อ้อมค้อม

เซี่ยเหมยซีเดินอ้อมเคาน์เตอร์ออกมาด้วยรู้แล้วว่าคนที่มาไม่ใช่ลูกค้าของเธอ แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากเอ่ยอะไร สวีสุ่ยเหอซึ่งเป็นผู้ช่วยประจำตัวคุณเฉินก็ปรากฏตัวขึ้นตรงบันไดทางขึ้นก่อนจะเชิญแขกไปยังหออำพันซึ่งอยู่บนชั้นสองของร้าน

ก่อนขึ้นไป ชายแปลกหน้าท่าทางภูมิฐานซึ่งสรุปได้ว่าเป็นลูกค้า ‘พิเศษ’ ของเจ้าของโรงน้ำชาหันกลับมาสั่งความกับหญิงสาวที่มาด้วยกันสองสามประโยคแล้วจึงหายตัวขึ้นไปด้านบน

ร้านกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง เมื่อเหลือเพียงผู้หญิงสองคน ต่างฝ่ายก็เลยหันมาสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย เซี่ยเหมยซีเลยส่งยิ้มให้พร้อมเชิญนั่งและเอ่ยถาม

“รับชาอะไรไหมคะ”

“มีชาไข่มุกไหมคะ” เสียงหวานใสถามกลับมาทำเอาทีมาสเตอร์ลอบถอนใจก่อนจะส่งยิ้มแหยกลับไปโดยไร้คำพูด คนถามหาชาไข่มุกเดาว่าคำถามนี้คงถูกถามมาหลายครั้งจนต้องติดป้ายประกาศไว้ แต่มโนชาคิดว่าไม่ลองก็ไม่รู้ ไม่มีก็แล้วไป จนเมื่อเห็นท่ายิ้มแหยแบบนั้นก็พอจะเดาได้เลยรีบกลับตัว

“ซินพูดเล่นค่ะ เห็นป้ายหน้าร้านแล้วค่ะว่ามีแต่ชาจีน มีตัวไหนแนะนำไหมคะ”

เซี่ยเหมยซียิ้มออกมารู้สึกเบาใจลงที่ไม่ได้ทำให้ลูกค้าผิดหวังมากนัก ตั้งแต่วันนั้นที่สองสาวสวมใส่เสื้อสีแสบตาเข้ามาถามหาชาไข่มุก เธอก็ได้คิดหาวิถีทางบอกลูกค้าไว้แล้วด้วยการแปะป้ายบอกเอาไว้ บางคนเมื่อเห็นป้ายก็เดินหันหลังกลับไปในทันที แต่ส่วนใหญ่ก็เลือกก้าวเข้ามาเพื่อหาสิ่งแตกต่าง

“ปกติดื่มชาจีนอยู่แล้วหรือเปล่าคะ”

“ดื่มตามที่บ้านบ้างค่ะ เป็นยี่ห้อดังที่คนไทยชอบดื่มกัน” มือบางป้องปากกระซิบชื่อชายี่ห้อดังที่ว่า “แต่ถ้าซื้อเองก็เป็นพวกชาเขียวหลงจิ่ง (1) ปี้หลัวชุน (2) ชาดอกไม้อย่างพวกเก๊กฮวยบ้างหอมหมื่นลี้บ้าง”

“ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะคุ้นเคยกับชาเขียวดี ลองเป็นซินหยางเหมาเจียนดูไหมคะ เป็นชาของเมืองซินหยางมณฑลหูหนาน ที่จีนนิยมดื่มกันมากติดอันดับต้นๆ” เมื่อลูกค้าของร้านพยักหน้าเซี่ยเหมยซีก็หายเข้าไปหลังร้าน ไม่นานก็กลับออกมาพร้อมกับห่อชาซินหยางเหมาเจียน ก่อนจะลงมือชงอย่างชำนาญ

 

สวีสุ่ยเหอเดินนำแขกคนพิเศษขึ้นมายังด้านบนที่เรียกกันว่าหออำพันซึ่งพอจะเดาได้ว่าน่าจะเป็นสีของชายามสัมผัสกับน้ำร้อน ชั้นสองของร้านถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยวัสดุจากธรรมชาติ แต่หากว่าได้เพ่งมองลึกลงไปจะได้เห็นความพิถีพิถันซ่อนตัวเงียบเชียบท่ามกลางความเรียบง่ายเหล่านั้น

หลังจากบันไดขั้นสุดท้ายสิ้นสุดลงสองคนก็มาหยุดยืนอยู่หน้าประตูไม้บานใหญ่ ผู้ที่นำทางมาลงมือเคาะให้สัญญาณก่อนจะเปิดประตูเข้าไป

คนแรกที่ได้พบคือชายชราอายุกว่าเจ็ดสิบปีท่าทางใจดีมีสง่าราศี สวีสุ่ยเหอเอ่ยแนะนำพ่อบ้านจางกับแขกผู้มาใหม่เป็นภาษาอังกฤษ เมื่อได้ยินว่าอีกฝั่งเป็นเพียงพ่อบ้าน ชายหนุ่มผู้เป็นแขกก็คล้ายจะไม่ใส่ใจมากนักเลยกดหน้าลงหนึ่งครั้งเพื่อเป็นการทักทายก่อนจะมองตรงเข้าไปในห้องเพื่อหาเป้าหมาย จุดประสงค์ที่แท้จริงซึ่งนำพาเขามาที่นี่คือชาถ้วยเดียวอันโด่งดังและผู้รังสรรค์ชาถ้วยนั้น ‘คุณเฉิน’

พ่อบ้านจางมองกิริยานั้นพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างผู้เข้าใจโลก ที่ซ่อนอยู่ในแววตามีเพียงความเอือมระอาไม่ใช่เคืองโกรธเมื่ออีกฝ่ายเพียงก้มหน้าทักทายก่อนจะเดินผ่านเฉียดหน้าไปอย่างไม่ไยดี

สองเท้าเดินมั่นคงต่อไปข้างหน้าอีกสามสี่ก้าวโดยไม่ต้องให้ใครเชื้อเชิญเพื่อพบกับโต๊ะทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าตัวใหญ่ตรงหน้า ไม้หวงฮวาหลี (3) แผ่นเดียวไร้รอยต่อเต็มไปด้วยลวดลายสวยงามตามธรรมชาติมีอุปกรณ์ชงชาดูเก่าแก่อยู่บนนั้น และที่ยืนหันหลังอยู่ตรงหน้าต่างในชุดฮั่นฝู (4) ก็คงเป็นคุณเฉินผู้เต็มไปด้วยปริศนา ครู่เดียวเท่านั้นเขาก็หันกลับมา

“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้พบ คุณภาทิศ” เป็นเสียงนุ่มเรียบมีกังวาน ทอดน้ำเสียงสงบช้าทว่าแฝงความหนักแน่นราวกับเส้นสายของพู่กันจีนที่ติดอยู่บนผนัง เฉินเอินเอ่ยพร้อมกับยื่นมือออกมาเพื่อทักทายตามมารยาทสากลในยุคปัจจุบัน

ภาทิศขมวดคิ้วมีแววประหลาดใจอย่างยิ่งยวดเพียงเสี้ยวนาทีก่อนจะปรับสีหน้า

“คุณเฉิน” คนเป็นแขกยื่นมือทักทายกลับ แววตาวาวขึ้นอย่างพอใจเมื่อได้พบคนที่ต้องการพบ เพียงแต่ว่าอาจจะอายุน้อยกว่าที่คิดไปอยู่สักหน่อย “ได้ยินเรื่องของคุณมานานตั้งแต่โรงน้ำชายังอยู่ที่จีน เห็นว่าเพิ่งจะย้ายมาไทยไม่นาน ไม่คิดว่าจะพูดภาษาไทยได้ดีขนาดนี้ ผมเลยติดล่ามที่บริษัทมาด้วย”

เฉินเอินเพียงยิ้มรับประโยคบอกเล่านั้น หูยังแว่วเสียงหวานใสมีกังวานที่เอ่ยคุยภาษาไทยบ้างภาษาจีนบ้างกับเซี่ยเหมยซีอยู่ด้านล่าง เสียงหัวเราะดังแทรกมาเป็นระยะของทั้งสองคนฟังแล้วดูช่างเบิกบานต่างจากบรรยากาศเยียบเย็นเป็นทางการในห้องนี้โดยสิ้นเชิง หลังจากก่อนนี้ได้ฟังบทสนทนาระหว่างภาทิศกับคนขับรถ ชายหนุ่มก็นึกอยากเห็น ‘ล่าม’ ที่ว่าอยู่เหมือนกัน

แต่ถึงอย่างนั้น…

“ไม่จำเป็นต้องมีใครอื่นเลย ผมสามารถสื่อสารได้” เจ้าของโรงน้ำชาเอ่ยยิ้มไม่ได้อธิบายถึงการศึกษาภาษาต่างๆ เพื่อฆ่าเวลาอันอนันต์นี้ เฉินเอินผายมือเชื้อเชิญอีกฝ่ายให้นั่ง ก่อนจะเริ่มชงชาเพื่อรับแขก เริ่มจากการลวกถ้วยชาก่อนเป็นอันดับแรก

“คุณจาง…” เสียงนุ่มเรียกพ่อบ้านสูงวัย อีกฝั่งพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วเดินมาทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้

ชายหนุ่มผู้เป็นแขกเบนหน้าไปมองเล็กน้อย ปรับทัศนคติใหม่ เชื่อว่าพ่อบ้านชราท่าทางภูมิฐานคนนี้คงได้รับความไว้วางใจเป็นอย่างมาก ภาทิศดึงตัวเองกลับมา ไม่ใช่เวลาจะมาสนใจการมีการปรากฏอยู่ของพ่อบ้านชราเพราะสิ่งที่เขาสนใจคือชาที่อีกฝ่ายกำลังลงมือชงให้ต่างหาก

เฉินเอินเข้าใจสายตาที่มองมาอย่างพินิจพิจารณาได้ในทันที

“ลิ่วอันกวาเพี่ยน (5) แม้จะเป็นชาชั้นดี ทว่าไม่ใช่ชาความทรงจำ” มือหนารินน้ำสีเขียวอ่อนใสลงในถ้วยสามใบอย่าสม่ำเสมอ รินวนไปกระทั่งน้ำชาในป้านหมดจนหยดสุดท้ายแล้วจึงเลื่อนถ้วยใบแรกให้กับแขก ควันสีขาวลอยฟุ้งขึ้นมาส่งกลิ่นหอมกรุ่นกำจายของชาอันเก่าแก่ตั้งแต่สมัยต้นราชวงศ์ถังทั้งยังเป็นชาที่ปรากฏอยู่ในตำราชาของลู่อวี่ด้วย

ภาทิศปรากฏแววตาผิดหวังขึ้นจางๆ เขาขยับตัวเล็กน้อยปรายตามองผู้ช่วยของเฉินเอินที่เพียงยืนมองเงียบๆ แล้วจึงเหลือบมองของที่อยู่ในมือเพียงครู่ก่อนดื่มมันลงไป

เฉินเอินยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างช้าๆ ซึมซับรสชาติอ่อนเบานุ่มนวลดุจปุยเมฆ ขณะอีกฝั่งแม้จะพยายามเข้าถึงอารมณ์นั้นทว่าจิตใจกลับไม่ได้สงบนิ่งเลยเมื่อเทียบกัน ภาทิศไม่ได้ตั้งใจจะมารื่นรมย์กับชาชนิดอื่นใด เขาเอ่ยเข้าประเด็นในทันที

“ชาที่ผมต้องการคือชาความทรงจำ” มือหนาวางถ้วยชาลง ตรงกันข้ามกับความสงบในหออำพัน แววตาคู่นั้นกลับลุกโชนโชติช่วงไปด้วยความปรารถนาในอำนาจอันอยู่เหนือกฎธรรมชาติทั้งปวง

“คุณเชื่อหรือว่ามันมีอยู่จริง ความทรงจำที่สามารถได้มาและล้างออกไปได้ด้วยชาถ้วยเดียว” เฉินเอินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับทะเสสาบที่จับตัวเป็นหิมะ ดวงตาหงส์มองตรงอย่างประเมิณก่อนจะถาม “ความปรารถนาของคุณคืออะไร”

แน่นอนว่านักธุรกิจหนุ่มไม่ได้มาที่นี่อย่างคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ภาทิศทำการบ้านมาเป็นอย่างดี เพียงแต่การจะควานหาตัวผู้ที่เคยรับชานั้นไม่ง่าย ใช้เวลาหลายปีสืบค้นเสาะหา ด้วยความสงสัยใคร่รู้เป็นเหตุผลหลัก และเผื่อไว้เป็นแผนสำรองยามฉุกเฉินคือเหตุผลรอง

ครั้งแรกสิ่งที่ได้ฟังเกี่ยวกับชาความทรงจำนั้นมาจากปากนักธุรกิจชั้นแนวหน้าของจีนเมื่อเกือบสิบปีก่อน เพียงแต่คนเอ่ยเรื่องน้ำชาไม่ได้บอกภาทิศโดยตรงทว่าบอกกับบิดาของเขาซึ่งเป็นญาติห่างๆ ที่เคารพนับถือกัน

ไม่ใช่ทุกคนจะเชื่อ แน่นอนว่าบิดาของภาทิศไม่เชื่อและยิ่งไม่มีเรื่องให้ต้องใช้ ธุรกิจที่ดำเนินอยู่เจริญรุ่งเรืองเฟื่องฟูไปไกลตั้งแต่รุ่นพ่อของพ่อ ตกทอดมาถึงรุ่นพ่อของเขา และมาถึงรุ่นที่สามคือรุ่นของภาทิศเอง และเขาคิดว่าชาความทรงจำนี้ย่อมต้องตกทอดอยู่ในตระกูล ‘เฉิน’ เช่นกัน

จนคนมอดม้วยความลับเรื่องชาในตอนนั้นก็ถูกฝังลงหลุมไปด้วย ดูเหมือนแม้กระทั่งคนเล่าเองก็คล้ายไม่เชื่อเพราะไม่มีลูกหลานคนไหนเคยได้ยินได้ฟังเรื่องราวที่เกี่ยวกับน้ำชาความทรงจำนี้เลยสักคน

ภาทิศใช้เวลาหลายปีทีเดียวถึงได้สืบจนพบกับคนที่รู้เรื่องน้ำชากระทั่งรู้ตัวผู้ที่รังสรรค์ชาขึ้นมา แม้ฝั่งนั้นจะเตือนว่าอย่าเพิ่งวู่วามเปิดเผยความคิดความปรารถนาในการเข้ารับน้ำชาเพราะเฉินเอินไม่ใช่หมูที่อยู่ในอวย แต่ภาทิศรอไม่ได้อีกแล้ว

การดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบันเรียกได้ว่าไม่ง่ายเลยเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน โลกเปลี่ยน พฤติกรรมคนเปลี่ยน เทรนด์ของธุรกิจก็เปลี่ยนไปด้วย ธุรกิจเก่าแก่ต้องปรับตัว เงินทองเมื่อยุคก่อนที่เคยเฟื่องฟูบัดนี้กลับฝืดเคือง หันซ้ายเจอกำแพง หันขวาเจอขุนเขา แม้ยังเชื่อความสามารถตัวเองและสายเลือดของนักธุรกิจที่ไหลเวียนอยู่ในตัวมาหลายรุ่น ทว่าคู่แข่งก็แข็งแกร่งและไม่มีอะไรที่ด้อยกว่า และตอนนี้ก็ต่อสู้ห้ำหั่นกันมาจนถึงสุดปลายหน้าผาแล้ว และในเมื่อเขามีแผนสำรองอยู่ มีทางลัดที่จะได้ล่วงรู้สิ่งที่เป็นความคิดความทรงจำของคู่แข่ง แล้วเหตุใดจะไม่ใช้

“ผมต้องการซื้อความทรงจำ หากถามถึงความปรารถนาในชีวิต สิ่งนั้นคือการได้ขึ้นไปยืนเป็นนักธุรกิจแถวหน้าของประเทศ ผมมีโปรเจกต์สำคัญที่ต้องทำกับรัฐบาล มูลค่ามหาศาล ผมต้องการข้อมูลของคู่แข่ง ตัวเลขชุดเดียวเท่านั้น ต่อให้แลกกับอะไรก็ไม่เกี่ยง”

ยากที่จะบังคับน้ำเสียงให้ราบเรียบ ความกดดัน ตื่นเต้น ความกระหายอยากล้วนผุดพรายออกมาก่อนจะพลุ่งพล่านราวกับน้ำเดือด สิ่งที่ซ่อนไว้ภายใต้โฉมหน้าเจ้าของอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ได้เผยตัวออกมาในนาทีนี้ เพราะในห้องมีแต่ความเงียบน้ำเสียงของภาทิศเลยคล้ายตะโกนออกมา พอสิ้นประโยคห้องก็เลยกลับมาเงียบอีกครั้ง

พ่อบ้านจางลอบถอนใจออกมานึกถึง ‘เจตนา’ ที่เฉินเอินเคยเอ่ย ในตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงสัญญาแลกเปลี่ยนก็รู้ได้ทันทีถึงผลลัพธ์

เฉินเอินสงบนิ่ง มือหนาคลึงถ้วยชาว่างเปล่าในมือในเชิงครุ่นคิด ครู่เดียวก็ละออกไปหมุนฝากาน้ำร้อนเล่นเป็นวงกลม สุดท้ายจึงเติมน้ำที่สองจากกาต้มน้ำลงในป้านชาใบเดิม ภาทิศได้แต่เพียงอดทนอย่างรอคอย

ในบริษัทหรือจะเรียกว่าอาณาจักรธุรกิจของเขาตนยิ่งใหญ่ที่สุด เป็นผู้กุมบังเหียนอยู่เหนือผู้คนนับร้อยนับพัน ทว่าในห้องอันแสนเรียบง่ายนี้ เขากลับกลายเป็นคนธรรมดาที่ต้องนั่งรอเพียงเพื่อจะได้ดื่มน้ำชา ทั้งหมดนี้มันช่างน่าขัน

แต่แม้จะเป็นอย่างนั้น ภาทิศก็อดนึกแปลกใจไม่ได้ เหตุใดผู้ชายอายุไม่ถึงสามสิบปีท่าทางเฉยเมยสงบนิ่งแต่กลับมีบรรยากาศที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจบางอย่างรายล้อม นัยน์ตาหงส์ที่มองตรงมาอย่างเรียบเฉยคล้ายประเมิน คล้ายหยั่งเชิง คล้ายกดข่ม บางครั้งทำให้คนที่นั่งตรงข้ามเผลอตัวหลุดพูดสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาโดยไร้ชั้นเชิง บางครั้งก็ทำให้รู้สึกกดดันจนเหงื่อซึมออกมาจากฝ่ามือ

ผู้เป็นแขกกลั้นใจรอ สรรพสิ่งไร้เสียงไปเพียงอึดใจ และเมื่อน้ำเป็นสายไหลรินออกมาจากป้านชาเป็นครั้งที่สองเฉินเอินก็ผายมือเชื้อเชิญ

ภาทิศไม่เข้าใจ แต่ถึงอย่างนั้นมือหนาก็ยื่นออกมารับถ้วยชายกขึ้นดื่มอย่างว่าง่ายจนน่าแปลก ต่อเมื่อวางถ้วยเปล่าลงและประสานสายตากับผู้รังสรรค์ชาอีกครั้งเฉินเอินถึงได้เอ่ยปาก ม่านสีเข้มในดวงตาหงส์ขยายกว้างราวหลุมดำ

“ชาความทรงจำนี้ไม่มีอยู่จริง”

 

เชิงอรรถ : 

(1) ชาหลงจิ่งหรือชาสระมังกร มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ริมทะเลสาบซีหู เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง

(2) ชาหอยทากมรกตฤดูใบไม้ผลิ มีลักษณะคล้ายก้นหอย มีถิ่นกำเนิดในแถบภูเขาต้งถิง เมืองไท่หู มณฑลเจียงซู มักปลูกร่วมกับผลไม้

(3) ไม้พะยูงหอม Dalbergia odorifera เป็นไม้หายากของจีน เนื้อแน่นเนียน สีเหลืองทอง ลวดลายสวยงามมาก

(4) เครื่องแต่งกายดั้งเดิมของชาวฮั่นในประเทศจีน

(5) ชาเมล็ดแตงแห่งเมืองลิ่วอัน เป็นชาเก่าแก่ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง มีถิ่นกำเนิดในเมืองอันฮุย มณฑลลู่อาน



Don`t copy text!