เปลือกมุกสีชมพู บทที่ 7 : Amaros And Sorryows รสขมปร่า และความเศร้าโศก

เปลือกมุกสีชมพู บทที่ 7 : Amaros And Sorryows รสขมปร่า และความเศร้าโศก

โดย : ขวัญอินทร์

Loading

เปลือกมุกสีชมพู โดย ขวัญอินทร์ นวนิยายดราม่าเข้มข้นที่อ่านเอานำมาให้ได้อ่านออนไลน์ เรื่องราวที่จะแสดงให้เห็นว่าเราอาจไม่เคยมองเห็นเนื้อแท้ของใครได้เลย ถ้าเราเลือกมองแค่เพียงเปลือก ความสำเร็จ ความล้มเหลว และภาพจำที่ผู้อื่นตีกรอบให้ เราจึงไม่ควรด่วนตัดสินใคร เพราะสุดท้ายผลกรรมจะเปิดโปงทุกอย่างไม่ช้าก็เร็ว

 

เหล้ารสขม น้ำมะนาว สับปะรด น้ำเชื่อม ไข่ขาว

ผ่านไปสองอาทิตย์หลังจากเปิดพินัยกรรมไม่มีวันไหนที่ฟ้าพราวไม่ตั้งคำถามกับตัวเองว่า เหตุใดคุณย่าถึงทำพินัยกรรมแบบนั้น สำหรับเธอมันไม่ใช่แค่ทรัพย์สินหรือมูลค่าทางตัวเงินเท่านั้น แต่มันเป็นมูลค่าทางจิตใจ เป็นเครื่องยืนยันว่าเธอเป็นหลานรักคุณยาย ภาพความทรงจำในวัยห้าขวบของฟ้าพราวผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ภาพที่แม่กับอาจ่างทะเลาะกัน วันที่อาจ่างพาเด็กตัวแดงๆ เข้ามาในบ้าน เธอจำได้ว่าคุณยายเป็นลมแล้วเป็นลมอีก ส่วนคุณตากรรณ์นั้นโกรธมาก เพราะอยากวางตัวให้ลูกชายเป็นกำนันแทนตัวเองที่อยู่จนครบวาระ และกำลังจะลงสมัครนายกเทศมนตรี ท่านจึงผิดหวังเรื่องอาจ่างมาก

เธอมารู้เมื่อโตขึ้นว่า อาคว้าเอาผู้หญิงกลางคืนมาเป็นเมีย เด็กสาวคนนั้นมีสามีอยู่ก่อนแล้ว อาจ่างไปเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน เด็กสาวคนนั้นเกิดลูกเสร็จก็หนีไป หลังจากวันนั้นมุกอันดาก็อยู่กับคุณตาคุณยายที่จำต้องเลี้ยงเอาไว้ เธอไม่เคยเห็นคุณตาคุณยายแสดงความรักต่อมุกอันดา ไม่เคยพาไปออกงาน ไม่เคยให้รับแขก แม้แต่แม่ก็ไม่ให้เธอสนิทหรือรับว่าเป็นน้องสาวอีกคน เพราะมีคำครหาเกี่ยวกับมุกอันดาว่าไม่ใช่ลูกอาจ่าง จนกระทั่งมุกอันดาโตขึ้นแล้วหน้าเหมือนกับอาจ่างยังกับแกะ คำครหานั้นจึงเงียบไป ส่วนอากระจ่างก็กลายเป็นคนขี้เมา

ปีนั้นคุณตากรรณ์ได้เป็นนายกเทศมนตรี และให้พ่อกับอากระจ่างไปทำงานด้วย จนกระทั่งเธออายุได้เก้าขวบ ต้องมีการเลือกตั้งสมัยที่สอง พ่อกับอาจ่างช่วยกันหาเสียงพากันกินเลี้ยงสังสรรค์ ผลการเลือกตั้งคุณตาได้เป็นนายกเทศมนตรีอีกหนึ่งสมัย พร้อมกับที่แม่จับได้ว่าพ่อไปติดเด็กห้องอาหาร แม่ขอหย่าและพ่อก็ยอมหย่าแต่โดยดี พาเมียเด็กไปอยู่ที่อื่น พ่อทิ้งครอบครัวทิ้งโอกาสต่างๆ ทั้งที่ใครๆ ก็พูดกันว่าสมัยหน้าพ่อของเธอจะได้ลงสมัครแทนคุณตาเพราะพ่อเก่งกว่าอากระจ่างมาก แม่บอกว่าทุกอย่างพังไม่เป็นท่าเพราะทั้งพ่อและอาจ่างหลงผู้หญิงกลางคืน แต่เธอคิดว่าเป็นเพราะความมักง่ายไม่เอาไหนของพ่อกับอามากกว่า

เธอจำได้ว่าคุณตากับคุณยายผิดหวังเรื่องอาจ่างมาก เพราะอาจ่างได้ชื่อว่าเป็นลูกรัก เป็นความหวังของท่านทั้งสอง แล้วไหนต้องเลี้ยงหลานอย่างมุกอันดาที่เปรียบเหมือนเครื่องประจานความผิดพลาดของลูกชายอีก เพราะฉะนั้นเธอต้องเป็นหลานสาวที่ดี ทำตัวให้เหมาะสมกับหลานสาวคุณตาอดีตกำนัน และยังเป็นนายกเทศมนตรีสองสมัยติดกัน

เธอไม่เคยทำให้คุณตาคุณยายผิดหวัง วางตัวดี เรียนเก่ง ไม่เคยเกเร ไม่มีเรื่องเสื่อมเสีย มีแต่คนชื่นชม ต่างจากมุกอันดาที่ก่อแต่เรื่องตั้งแต่เล็กจนโต เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเหมือนโดนคุณยายหักหลังความดีงามที่เธอเคยยึดถือ เธอรู้สึกงี่เง่าที่ยึดถือเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดถึงแต่ความต้องการตัวเอง

ดูอย่างแม่ซึ่งมีพร้อมทุกอย่าง ฐานะ เกียรติยศ พ่อยังทิ้งแม่ไปได้ แล้วคุณยายที่บอกเสมอว่าเธอเป็นหลานรัก แต่เมื่อถึงเวลาจะมอบมรดกพิเศษ กลับยกให้มุกอันดาหลานที่สร้างแต่ปัญหา ในขณะที่เธอต้องแบกรับหนี้สินของครอบครัว

ฟ้าพราวมองตัวเองในกระจก บอกตัวเองว่าพอกันที ต่อไปนี้เธอจะไม่คิดถึงใคร จะคิดถึงแต่ผลประโยชน์ตัวเองเท่านั้น

“ฟ้าจะไปไหนลูก” ขจีเอ่ยถามลูกสาวที่กำลังแต่งตัวเหมือนออกไปข้างนอก

“ไปธนาคารค่ะ แม่ลืมแล้วหรือคะว่าใกล้สิ้นเดือนแล้ว”

ใกล้สิ้นเดือนก็คือวันที่เธอต้องรวบรวมเงินเท่าที่มีเพื่อเอาไปเข้าบัญชีสินเชื่อธนาคาร และดูเหมือนเงินทำบุญของคุณนวลพรรณช่วยเธอให้ต่อลมหายใจได้อีกอย่างน้อยสองเดือน

“ฟ้า แล้วเรื่องที่ขอสินเชื่อเพิ่มล่ะ เค้าว่าไง” ขจีถามลูกสาวท่าทางกังวลเหมือนกัน คุณขจีเองก็ไม่เข้าใจว่าทุกอย่างมันเริ่มจากตรงไหน และพลาดได้อย่างไร นอกเหนือจากเงินการเมืองครอบครัวเธอก็ทำธุรกิจอสังหามาตั้งแต่สมัยคุณนวลพรรณ เงินทองจากการขายที่ดินถูกนำไปลงทุนในโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วหลายโครงการ ซึ่งก็ไม่เคยมีปัญหา

จนกระทั่งโครงการอาคารพาณิชย์ล่าสุดที่เกิดพิษเศรษฐกิจ ไม่มีใครจับจอง ทำให้ที่คิดว่าจะเอาเงินดาวน์เป็นทุนหมุนเวียนก็ไม่ได้ผิดแผนไปหมด ประกอบกับช่วงที่ผ่านมาเธอนำเงินมาสร้างบ้านหลังนี้ และส่งฟ้าพราวเรียนเมืองนอก ทำให้เงินสดส่วนตัวก็ร่อยหรอไปด้วย

“ก็รอคำตอบจากเอกอยู่ค่ะ ดอกเบี้ยก็แพงแสนแพงเหลือเกิน” เอกมัยเพื่อนสมัยเรียนของเธอเป็นพนักงานสินเชื่อธนาคารเอกชนแห่งหนึ่ง เขาเป็นคนทำเรื่องขอสินเชื่อสถาบันใหม่ให้กับเธอ เพราะธนาคารเดิมให้วงเงินกู้ไม่พอหมุนเวียนในกิจการ

“เราขายโครงการดีมั้ยฟ้า แม่ว่าตอนนี้เราได้ไม่คุ้มเสียแล้วละ”

“ไม่ค่ะ ฟ้าจะสู้ ช่วยไม่ได้นี่คะ ฟ้าไม่ใช่หลานรักของคุณยาย” ฟ้าพราวปรายตาไปที่รูปถ่ายขนาดใหญ่สมัยเธออยู่ประถมและถ่ายรูปคู่กับกำนันกรรณ์ผู้เป็นตา กับคุณยายนวลพรรณ เศรษฐินีที่ดินของจังหวัด

“พูดถึงเรื่องนี้ แม่ไปสืบมาแล้วที่ดินอยู่ในควนโน่น ถ้าล้มไม้ยางก็คงได้สักสองสามล้าน แม่จะให้มุกล้มไม้เอาเงินมาแบ่งกัน ส่วนที่ดินก็ถ้าได้ราคาดีค่อยขาย แม่หานายหน้าอยู่”

“แม่พูดยังกะมุกจะยอม”

“ไม่ยอมก็ต้องยอม ที่เราหมดตัวส่วนหนึ่งเพราะอุ้มหนี้สินพ่อมัน มันก็ต้องช่วยบ้าง แม่อุตส่าห์เลี้ยงมันจนโต ไม่ตอบแทนบุญคุณบ้างให้มันรู้ไป” ขจีหมายมาดในใจ เธอเพิ่งมีความคิดนี้หลังจากสืบค้นจนรู้ว่าที่ดินมุกอันดาอยู่ตรงไหน

ฟ้าพราวคร้านจะเถียงว่าแม่ไม่เคยชนะมุกอันดาเลยสักครั้ง ที่สำคัญคือเธอไม่อยากเสียอารมณ์ เนื่องจากช่วงเช้าไปธนาคาร และช่วงบ่ายไปรับต้นบุญที่สนามบิน ซึ่งหลังจากวันเปิดพินัยกรรมวันนั้นก็ยังติดต่อกันทางไลน์เสมอ พอรู้ว่าเขามาหาดบุรีวันนี้ เธอจึงอาสาไปรับเอง

เธอมาถึงธนาคารราวสิบโมงเช้า ทำธุรกรรมการเงินเสร็จก็ไปยังแผนกสินเชื่อที่เพื่อนทำงานอยู่ นึกถึงตอนเรียนจบมหา’ลัยใหม่ๆ เธอเกือบได้ทำงานที่นี่เพราะเงินฝากมหาศาลของคุณยาย แต่เธอปฏิเสธคิดว่าไม่ใช่ได้จากความสามารถ เธอเลือกที่จะไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศออสเตรเลียด้วยทุนของตัวเอง เรียนจบแล้วก็มาเป็นเจ้าหน้าที่โครงการพิเศษของมหา’ลัย ได้สามเดือนก็ลาออกเพราะเงินเดือนน้อย แต่ต้องใช้เวลามากมาย เธอจึงมองว่าไม่คุ้ม

ตอนนั้นธุรกิจอสังหาที่บ้านกำลังบูม โดยเฉพาะโครงการบ้านจัดสรร เธอจึงผันตัวมาทำธุรกิจอสังหาเต็มตัว ด้วยวัย 26 ปี และอากรณ์ก็ให้มาช่วยงานที่เทศบาลในตำแหน่งประชาสัมพันธ์ เธอคิดว่าถ้าไม่เริ่มก็ไม่รู้ และตอนนี้เธอได้รู้แล้วว่าดำเนินธุรกิจผิดพลาด แล้วจะได้ผลอย่างไร

“ธนาคารไม่อนุมัตินะฟ้า นี่ขนาดเอกช่วยแต่งบัญชีแต่ก็ยังไม่ผ่าน เค้ามองว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ชัดเจนพูดง่ายๆ คืออาคารใหญ่โตแบบนั้น ไม่น่าไปอยู่ตรงนั้น มันไม่ใช่ย่านธุรกิจแล้วอีกอย่างที่ดินมันก็ไม่ได้มีมูลค่าสูงด้วย”

เอกมัยสรุปแบบภาษาชาวบ้านที่สุดว่าเธอไปสร้างตึกอาคารพาณิชย์ระดับใหญ่ในที่กันดาร เดิมทีที่ตรงนั้นคาดการณ์กันว่าจะกลายเป็นเมืองใหม่ เพราะมีมหา’ลัยเอกชนมาเปิด แต่ก็ผิดคาดมันบูมแค่ช่วงแรกๆ จากนั้นก็ซบเซาพร้อมกับชื่อเสียงมหาลัยที่ค่อยๆ ดรอปลงในไม่กี่ปี

“เราจะทำยังไงดี” ฟ้าพราวเอนตัวพิงเก้าอี้ มือกอดอกเม้มปากแน่น ชักอับจนหนทางเข้าทุกที ถ้ายังไม่เริ่มก่อสร้างเธอจะออกแบบแปลนใหม่เป็นอาคารพาณิชย์ธรรมดาที่ไม่ต้องใหญ่โตสี่ห้าชั้นอย่างตอนนี้ แต่มันก็สายเกินไป

“เอาจริงโครงการก็ไม่แย่หรอก แต่ต้องรอเศรษฐกิจให้ดีกว่านี้หน่อย ระหว่างนี้ฟ้าต้องหาคนร่วมทุน ผมรู้จักอยู่หนึ่งคนสนใจมั้ย คนนี้เงินหนาจริง”

“ใคร?” ฟ้าพราวถามเสียงนิ่ง เลิกคิ้วเล็กน้อย ไว้ท่าไม่ให้เพื่อนรู้ว่าตื่นเต้น

“ส.ส.เจนภพไงล่ะ ฟ้าก็รู้จัก เค้าเป็นลูกค้าธนาคารที่นี่ด้วย” เอกมัยกล่าว

“ไม่เอาเด็ดขาด” หญิงสาวส่ายหน้าทันที เมื่อนึกถึง ส.ส.เจนภพ ซึ่งเป็นคู่แข่งทางการเมืองกับพรรคของคุณตาไกร ถึงแม้ว่าตอนนี้ท่านจะเป็นอดีตไปแล้วก็ตาม “ฟ้าไม่อยากพัวพันกับคนแบบนั้น”

เอกมัยถอนหายใจ “งั้นฟ้าก็ต้องลองหาคนอื่นดูแล้วละ ทำไมไม่ชวนอากรณ์ดูล่ะ” เอกมัยเอ่ย ปิดอารมณ์ประชดไม่มิด

ฟ้าพราวอึ้ง ไม่อยากบอกเพื่อนว่าครอบครัวอากรณ์ไม่มีวันช่วยเธอ และตอนนี้อากรณ์ต้องเก็บเงินสู้ศึกเลือกตั้งของก้องเกียรติ เธอนึกการขายตลาดท่าพรุ แต่มันก็ไม่พออยู่ดี หรือไม่ก็…

เสร็จธุระจากเอกมัย เธอก็ตรงไปสนามบินประจำจังหวัด เกือบบ่ายสาม ต้นบุญก็มาถึงเธอให้เขาออกมารอด้านนอกอาคาร เพื่อที่เธอจะได้โฉบรถเข้าไปรับได้สะดวก

“คุณฟ้ามารอนานไหมครับ” ต้นบุญถามทันทีเมื่อขึ้นมาบนรถหรูฝั่งยุโรป แอร์เย็นฉ่ำ ปะปนกลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้รู้สึกสดชื่น ต่างจากอากาศอบอ้าวด้านนอก

“ไม่นานหรอกค่ะ คุณต้นหิวหรือยังคะ” ฟ้าพราวถาม ขณะหันมายิ้มให้เขา ต้นบุญแต่งตัวสบายๆ เพราะเป็นวันหยุด แต่ก็ยังเก็บลุคมาดนักธุรกิจ จากการแมตช์เสื้อผ้าให้ดูเรียบแต่หรู เสื้อผ้าแม้ไม่ใช่ราคาแพง แบรนด์ใหญ่ แต่ก็เป็นแบรนด์มีชื่อสำหรับคนมีสไตล์

“ผมดื่มมาแล้วครับ รอไปกินอาหารทะเล อร่อยๆ เลยทีเดียวดีกว่า” ต้นบุญบอกพร้อมรอยยิ้มกว้าง จนเห็นลักยิ้มสองข้างเป็นเอกลักษณ์ วันนี้เขามีนัดทานข้าวค่ำกับเธอที่ทะเลสาบประจำจังหวัด

“งั้นเราแวะไปออฟฟิศก่อนนะคะ ฟ้ามีเรื่องปรึกษาคุณต้นเกี่ยวกับโครงการค่ะ” ฟ้าพราวบอกขณะทั้งสองเดินไปลานจอดรถสนามบิน วันนี้เธออยู่ในชุดฟ้าครามลายดอกไม้ปักสีขาว ดูสดใสและสง่างาม

“ยินดีครับ วันนี้ผมว่าง”

“อยากว่างบ้างจังค่ะ วันนี้ฟ้ากะว่าไม่มีอะไรแล้ว แต่ก็มีจนได้” ฟ้าพราวพูดยิ้มๆ แววตาเคร่งเครียดจากนั้นเธอก็เล่าเรื่องผู้รับเหมาที่รับเงินไปแล้วแต่เบี้ยวค่าจ้างลูกน้อง ทำให้โครงการล่าช้าเนื่องจากขาดคนงาน

“ฟ้าเลยต้องเข้ามาประเมินงาน เพื่อจะหาผู้รับเหมาเจ้าใหม่มาทำต่อ ฟ้าพลาดเองค่ะ ไว้ใจผู้จัดการเกินไป พอดีช่วงนั้นฟ้าต้องช่วยงานอากรณ์ที่เทศบาลเยอะค่ะ ไม่มีเวลามาบริหารเลย”

นอกจากช่วยงานคุณกรณ์ วางแผนนโยบายแล้ว เธอยังต้องบริหารตลาดท่าพรุ รวมถึงดูแลคุณนวลพรรณและเรื่องในบ้านทั้งหมด ทำให้ไม่มีเวลาที่จะดูแลโครงการอาคารพาณิชย์ ซึ่งนำไปสู่ปัญหาในที่สุด

ฟ้าพราวพาเขามาจอดที่หน้าตึกแถวอาคารพาณิชย์ขนาดหน้ากว้างห้าเมตร โครงสร้างตึกเป็นแบบสไตล์ทันสมัยสูงสี่ชั้น ตอนนี้งานค้างอยู่ที่งานก่อฉาบ

“ตอนแรกแถวนี้ยังไม่เจริญหรอกค่ะ พอดีมีโครงการตัดถนนใหม่และมีมหาลัยเอกชนมาเปิด ฟ้ามีที่ดินอยู่แล้ว เลยอยากพัฒนาให้เป็นเมืองใหม่ของย่านนี้ และตอนนั้นเศรษฐกิจก็ดีมากค่ะ มีคนสนใจจะจองแต่พองานช้า ก็เลยหายหมด” ฟ้าพราวกล่าว ขณะนี้ใบหน้างามมีเหงื่อผุดซึมเต็มไรผมเพราะโดนแดด และอากาศอบอ้าว

“คุณฟ้าเก่งมากนะครับ โครงการใหญ่ขนาดนี้บริหารคนเดียว” ต้นบุญปลอบใจ เขาอยู่ในวงการอสังหารู้ปัญหาผู้รับเหมาก่อสร้างดี ขนาดบริษัทของเขามีผู้ช่วยหลายคน ยังเคยโดนผู้รับเหมาเทมาแล้ว แต่นี่เธอเป็นผู้หญิงคนเดียว แล้วอายุยังน้อยพวกเขี้ยวลากดินเห็นเข้าคงหวานหมู

“ตอนนี้ฟ้าอยากหาคนมาช่วยแล้วละค่ะ คุณต้นคิดว่าไงคะ”

คำพูดของฟ้าพราวทำให้ต้นบุญนิ่งอึ้งไป ไม่แน่ใจว่าเธอปรึกษาเรื่องหาจะหาคนมาร่วมทุน หรือชวนเขาร่วมทุนด้วย

“หมายถึงหาคนร่วมลงทุนหรือครับ ก็ดีนะครับ จะได้ช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน” เขาดูสภาพตึกก็รู้ว่าไม่ใช่แค่ปัญหาผู้รับเหมา แต่เป็นเรื่องการเงินของเจ้าของโครงการด้วย เพราะดูก็รู้ว่าตึกทิ้งร้างมาเป็นปี

ฟ้าพราวหน้าเจื่อนเล็กน้อยที่เขารู้ทัน โครงการเธอทิ้งร้างเพราะเกิดจากการขาดสภาพคล่อง เงินเท่านั้นจะเยียวยาทุกสิ่ง ดังนั้นตอนนี้เธอเลือกที่จะหาผู้ร่วมทุน และหนึ่งในเป้าหมายของฟ้าพราวคือ บริษัทภูวดล พร้อพเพอตี้ จำกัด ของต้นบุญ

“ใช่ค่ะ คุณต้นสนใจมั้ยล่ะคะ ฟ้าไม่ได้เสนอให้ทุกคนหรอกนะคะ” ในเมื่อเขารู้ทันเธอก็ตัดสินใจพูดตรงๆ

“ขอบคุณครับที่สนใจบริษัทเล็กๆ ของครอบครัวผม แต่ผมไม่มีอำนาจตัดสินใจหรอกครับ คงต้องไปถามคุณพ่อ” ต้นบุญไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ จะว่าไม่เห็นโอกาสเลยก็ไม่ใช่

“งั้นก็ฝากด้วยนะคะ หรือจะให้ฟ้าคุยกับคุณลุงภูเองก็ได้” ฟ้าพราวยิ้มดีใจ มีความหวัง เข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องที่จะตัดสินใจกันได้ง่ายๆ

“เข้าไปดูรายละเอียดโครงการกันดีไหมคะ เผื่อคุณต้นจะได้เอาไปให้คุณลุงภูพิจารณา”

ฟ้าพราวเชิญเขาเข้าไปในออฟฟิศซึ่งตอนนี้ถูกปิดเอาไว้ แต่ภายในยังดูสะอาดเรียบร้อย เพราะฟ้าพราวเข้ามาทำงานอยู่บ่อยครั้ง

ต้นบุญฟังเธออธิบายเรื่องโครงการ ผลกำไรที่คาดว่าจะได้หากขายโครงการทั้งหมดได้ ซึ่งดูสวยในทางบัญชี แต่ในความจริงเขากลับคิดว่า กว่าจะได้อย่างนั้นคงเหนื่อยเอาการ

“ขอบคุณนะคะ หวังว่าคุณต้นคงเห็นโอกาสที่จะได้รับจากโครงการนี้ อ้อ ส่วนเรื่องงานคุณต้นถ้ามีอะไรให้ฟ้าช่วยบอกได้เลยนะคะไม่ต้องเกรงใจ” ฟ้าพราวยิ้มพรายให้ชายหนุ่มซึ่งเป็นความหวัง…หวังร่วมทุน และหากเป็นเช่นนั้นจริง เธอก็พร้อมร่วมทางต่อไปในอนาคต แบบคนพิเศษ

“งั้นเตรียมตัวเลยนะครับ ผมคงต้องรบกวนหลายเรื่องทีเดียว”

 

 



Don`t copy text!