ฉันเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ ตอนที่ 1 : ฉัน
โดย : โสภี พรรณราย
ฉันเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ โดย โสภี พรรณราย…เมื่อชีวิตของชาลิสาพลิกผันไปจากความร่ำรวย กลายมาเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ เธอต้องงัดเอากลยุทธ์มากมายมาจัดการให้เรื่องราววุ่นวายทั้งหลายผ่านไปให้ได้ แต่ยังมีเรื่องวุ่นๆ ของหัวใจที่เกิดขึ้นทุกทีที่พบกับธีทัต เธอจะรับมืออย่างไร นวนิยายจากอ่านเอา ที่นำมาให้ทุกท่านอ่านออนไลน์ค่ะ
ฉันคือ…ชาลิสา เอกอนันต์
ลูกสาวที่โดดเด่น ทั้งสวย ทั้งเก่ง ของคุณพ่อสุทินกับแม่พจนีย์
สวย…เก่ง…และรวย
กับ…ชีวิตที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เป็นเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าร้านชาลิสา เป็นเจ้าของร้านกาแฟน่ารัก แค่ดูแลสองร้านก็หมดเวลาไปวันๆ แล้ว
พ่อสุทินทำก่อสร้าง รวมทุนกับเพื่อนๆ สร้างคอนโดฯ หรู และทำกำไรมหาศาล
พ่อกับแม่มีลูกสองคน คือ เธอ กับ น้องชายนนทกร ที่เรียนจบต่างประเทศ กลับมาเพื่อสานต่อจากพ่อ แต่ไม่ทัน เพราะอะไรหรือ
งานก่อสร้าง งานด้านเรียลเอสเตท ดูแลคอนโดฯ หรูๆ ไม่ใช่งานถนัดของชาลิสา หญิงสาวขอทำงานออกแบบเสื้อผ้าที่ชอบที่สุด รองลงมาก็ทำขนมเค้กขายในร้านกาแฟตัวเอง ร้านเสื้อกับร้านกาแฟก็อยู่ใกล้กัน จึงไม่มีปัญหาเรื่องดูแลและการเดินทางแค่ขับรถสิบกว่านาทีเท่านั้น
ชาลิสารู้สึกมีความสุขกับชีวิตจริงๆ กับพ่อแม่กับยายโสพิศและน้องชายนนทกร ครอบครัวห้าคนดูสมบูรณ์แบบและลงตัว
แต่…ความสุขสมบูรณ์จบลงด้วยวัยแค่ยี่สิบสี่ ในวันเกิดที่เลวร้าย วันที่พ่อกลับมาบ้านในสภาพมึนเมา ระบายอารมณ์ว่าล้มละลาย และโทษหุ้นส่วนว่าโกง โยนข้อผิดพลาดให้พ่อรับผิดชอบทั้งหมด
บ้าน…ที่เคยมีทุกอย่างหายวับ…
บ้านใหญ่ไม่มีแล้ว…มีแต่บ้านเล็กลง
บ้านที่เคยมีเสียงหัวเราะ ก็มีแต่เสียงเอะอะโวยวาย ด่าทอชะตาชีวิต ด่าทอหุ้นส่วน ชีวิตมีแต่ความอยุติธรรม
เพราะสุทินดื่ม…ดื่ม…และดื่ม…จนวันหนึ่งก็ล้มและเป็นอัมพฤกษ์ ร่างกายส่วนหนึ่งเคลื่อนไหวไม่สะดวก พูดลำบาก ไม่ชัด ใช้ชีวิตบนรถเข็น
แม่พจนีย์รับภาระหนักดูแลพ่อจนเครียด ขรึม ซึมเศร้า
ยายโสพิศก็พลอยเครียด และอารมณ์ไม่ปกติ
เกือบจะเรียกว่ามีคนป่วยสามคนในบ้าน
ชาลิสากลายเป็นเสาหลักของครอบครัว ถึงเป็นคนเข้มแข็งเพียงไรก็มีเวลาอ่อนแอ เวลาที่แอบร้องไห้ ยามเหนื่อยและหนักหน่วง
โชคดียังมีเพื่อนสนิทชายชื่อ…นที คอยช่วยเหลือและรับรู้ปัญหาของหญิงสาวทุกอย่าง
เพื่อนผู้หญิงก็มี แต่กลับไม่สนิทเท่า…นที
ยายโสพิศใช้เงินเก่งมาก และให้เธอไปเบิกมาให้ประจำ ทำเหมือนว่าบ้านยังเป็นปกติเหมือนเดิม เคยขอเงินเท่าไรกับพ่อแม่ได้เสมอ ยายไม่ยอมรับว่าขณะนี้บิดาล้มละลาย จะให้เหมือนเดิมได้อย่างไร
ยายเป็นคนเจ้าอารมณ์ คนเคยได้ ไม่ได้ก็จะอาละวาดจนบ้านไม่สงบสุข
ชาลิสาขับรถหลบออกมา เมื่อยายเริ่มเอ่ยปากขอเงิน
ยายขอมากไป แกล้งทำเป็นไม่สนใจ รีบออกจากบ้าน
แวะไปร้านกาแฟและร้านเสื้อผ้า รายได้วันนี้ เด็กในร้านบอกลูกค้าน้อย ร้านกาแฟได้หลักพัน ร้านเสื้อผ้าก็เกือบหมื่น ต้องเก็บไว้จ่ายน้ำไฟและค่าเช่า เงินเดือนพนักงาน
ยิ่งต้องการใช้เงิน รายได้กับลดลงเหมือนแกล้ง
เดินเข้าธนาคารในห้างสรรพสินค้าเพื่อเบิกเงินก้อนหนึ่ง ว่าจะไปจ่ายเงินเดือนเด็กที่ดูแลพยาบาลบิดา และส่วนหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ
ห้างสรรพสินค้ามีทางเดินเชื่อมต่อโรงแรมหรู เมื่อก่อนตอนครอบครัวยังปกติ หญิงสาวมักแวะพักผ่อนเดินชมร้านค้า แวะทานอาหาร ด้วยความเคยชินยังเดินเล่นตามเคย และพักนั่งเก้าอี้โซฟาที่บริการแขกในโรงแรม หลับตาสงบสติอารมณ์
ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงจากอีกมุมที่ค่อนข้างลับสายตา เป็นเสียงผู้หญิงก่อน
“ธีคะ…ภัทไม่ไหวแล้วจริงๆ นะ ภัททนคิดถึงคุณไม่ได้ หลับตาก็มีแต่ภาพของเรา”
และเสียงผู้ชายตามมา
“คุณเป็นคนเลือกเอง”
“คุณก็น่าจะรู้ว่าเพราะอารมณ์ชั่ววูบ”
“มันสายเกินไป”
“ภัทถูกบังคับนะคะ”
“คุณเต็มใจเอง”
“คุณเองทำให้ภัทน้อยใจนี่คะ ช่วงนั้นคุณไม่สนใจภัท ภัทเลยประชดคุณ”
“เมื่อตัดสินใจไปแล้ว คุณต้องรับผิดชอบการตัดสินใจนั้น”
“ภัทผิดพลาด และอยากแก้ตัว”
“ไม่มีทาง”
“ภัทรู้ว่า ตอนนี้คุณก็ยังรักภัทอยู่”
“ไม่ต้องพูดถึง”
“ภัทเกลียดที่ต้องเป็นนกน้อยในกรงทองของเสี่ยขจร ถ้าคุณพยักหน้า ภัทพร้อมจะออกจากกรงทองมาหาคุณ”
“พูดเมื่อสาย”
“ภัทรักคุณจริงๆ นะคะ”
“เราต่างมีหน้าที่ ตำแหน่งเมียเสี่ยขจรไม่ใช่จะได้มาง่ายๆ ผมว่าคุณรักษาไว้ให้ดีเถอะ ไม่มีใครให้คุณได้มากเท่าเสี่ยขจรแล้ว”
“ไม่…ไม่…ไม่ค่ะ ให้เลือกใหม่ ภัทเลือกคุณค่ะ”
เสียงฝ่ายหญิงออดอ้อน แต่เสียงฝ่ายชายแข็งและห้วน
ผู้ชาย เป็นใคร
ผู้หญิง เท่าที่ฟังคือเมียเสี่ยขจร
เสี่ยขจร…คงไม่ใช่มั้ง…บังเอิญชื่อเหมือนกัน คนทั้งโลกชื่อซ้ำกันเยอะแยะ
เสี่ยขจร…ที่เคยได้ยินจากปากพ่อ!
“ธีคะ…ภัทไม่มีความสุขจริงๆ นะคะ ภัทนึกถึงความสุขที่อยู่ในอ้อมแขนของคุณมากกว่า ถ้าคุณยังเกรงกลัวบารมีของเสี่ย เราก็แอบมาพบกันอย่างนี้บ่อยๆ” ฝ่ายหญิงเบียดตัวโอบกอดฝ่ายชาย
“ภัท…ไม่…” เขาเป็นฝ่ายผลักฝ่ายหญิง
“เรารักกัน ทำไมต้องแยกจากกัน”
“ไม่ใช่แบบนี้”
“ไม่รู้ละ ภัทจะทำตามใจตัวเอง”
“มันผิด…”
“ไม่สนทั้งนั้น…”
พอมีคนเดินผ่าน…เสียงก็จะเงียบ…
ชาลิสาเบ้ปาก…หรือเป็นชายหญิงที่จะทำผิดศีลธรรม
เงียบ…เงียบไปแล้ว เงียบนานพอสมควร
ชาลิสาอึดอัด และลุกขึ้นยืน หันไปทางเสียงเมื่อครู่…ตรงด้านหลังว่างเปล่า ไม่มีใคร แล้วพอหันกลับก็สะดุ้ง
ผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า ใกล้มาก แววตาไม่พอใจ ตะคอกเสียงดัง
“แอบฟังเรอะ”
ตอนแรกก็ตกใจ ทำอะไรไม่ถูก แอบหรือไม่ ก็ได้ยินทั้งหมดไปแล้ว
“ฉัน…ฉัน…”
เพราะอึกอักเป็นเหตุ ทำให้เขาสรุปได้และยิ่งไม่พอใจ
“ใครส่งเธอมา”
“คือ…ฉัน…” ปุบปับยังพูดไม่ออก ใครไม่ตกใจล่ะ โผล่มาเผชิญหน้าอย่างกับผี แถมยังหน้าตาดุดันอย่างกับยักษ์
โอ๊ย…ขอหายใจหายคอก่อนนะ
ดูๆ ไปเขาเป็นชายหน้าตาหล่อมาก…มาก…มาก แต่หล่อขนาดไหน ทำหน้าบูดก็ไม่ไหว
สูดลมหายใจลึกๆ ตอบว่า
“ฉันไม่ได้แอบฟัง ก็นั่งอยู่ตรงนี้ และบังเอิญได้ยิน”
“ไม่น่าใช่บังเอิญ ที่นั่งเยอะแยะ ไม่ควรมานั่งตรงนี้ ที่ไม่ค่อยมีคน”
อ้าว…ก็ตนกำลังคิดหนัก อยากหลบมุมสงบๆ นี่นา
“ก็ฉันอยากนั่งตรงนี้ บังเอิญจริงๆ”
ใบหน้าหนุ่มที่คมเข้มโคลงศีรษะ ใบหน้าบึ้งตึงตลอดเวลา ดูหนุ่มแท้ๆ แต่เริ่มมีร่องรอยย่นๆ หน้าผากแล้ว
“ตอบมาตามตรง แล้วฉันจะไม่เอาเรื่อง เสี่ยส่งมา ได้ค่าจ้างเท่าไหร่”
“เสี่ยที่ไหนกัน”
“เสี่ยขจร…อย่าทำหน้างง”
“ฉันไม่รู้จักเสี่ยที่คุณว่าเลย”
“ไม่ต้องทำหน้าใสซื่อ ดูดวงตาเธอเป็นตาที่ร้ายกาจ รูปปากแบบนี้โกหกเก่งมาก ลักษณะเจ้าเล่ห์ จมูกรั้นเอาเรื่อง”
โอ้โห…ชาลิสาร้องในใจ
เขาดูโหงวเฮ้งอย่างละเอียดเชียวหรือ
พ่อเคยพาไปดูและหมอชมว่า ใบหน้าเธอสมส่วน สวย ลักษณะมีเงินใช้ วาสนาดี ค้ำชูสามีให้รุ่งเรือง มั่งคั่งทรัพย์ล้นเหลือ
แล้วจะเชื่อหมอดูโหงวเฮ้งคนไหนดี
“คุณ…คุณ…อย่าแค่มองหน้าก็สรุปง่ายๆ สิคะ” ชาลิสาเป็นคนยอมคนเสียเมื่อไหร่ล่ะ
หญิงสาวมั่นใจและสู้จะตาย
“เธอก็อย่าคิดว่า จะเอาหน้าตาสวยๆ มาหาเงิน หากิน หรือแกล้งอ่อนต่อโลก สารภาพมาตามตรง ได้ค่าจ้างมาแอบดูพวกเราเท่าไหร่”
“ฉันเปล่า…”
“เสี่ยขจรคงให้เงินมามากพอจะตีหน้าตาย แล้วนี่เฝ้าสะกดรอยตามมานานแค่ไหนแล้ว”
หญิงสาวเหลืออดแล้ว ตอบโต้ว่า
“คนทำผิด แล้วรู้ว่าจะมีคนสะกดรอยตาม ก็ยังแอบๆ ซ่อนๆ อย่างมีพิรุธ” หล่อนเบ้ปาก “รู้แล้วยังทำ” ตอนท้ายพึมพำเบาๆ แต่น้ำเสียงน่ะสิ
ทำเขาหน้าเข้มขึ้นอีก ตวาด
“เธอมีสิทธิ์อะไรมาตัดสิน”
“คุณก็ตัดสินฉันเหมือนกัน”
เขาพยายามจะระงับความไม่พอใจ
“กล้านักนะ ทำงานบริษัทนักสืบที่ไหน”
ดวงตากลมโตของหญิงสาวเป็นประกาย ไม่เกรงกลัว
“ทำงานที่ไหน ทำไมต้องตอบคุณ”
“ย้อนเก่ง”
“ถือว่าชมนะคะ”
“ฉันไม่มีเวลามาก ส่งมือถือมา ถ่ายอะไรไปบ้าง”
โทรศัพท์มือถือในมือของหญิงสาว พอเขาพูดถึง โดยอัตโนมัติก็รีบกำแน่น
“มือถือฉัน”
“ส่งมา”
“ไม่ค่ะ…ไม่”
“แอบถ่ายอะไรบ้าง อาจทำให้คนอื่นเข้าใจผิด”
แน่นอนว่าเมื่อครู่ภัทราพยายามโอบกอด จูบเขา ถ้าเกิดหลุดออกไปจะไม่ดีไม่งามต่อภาพพจน์ภัทรา ซึ่งเป็นภรรยาของเสี่ยขจร
ภัทรา…อดีตคนรักของเขา…ธีทัต
แต่ขณะนี้…หญิงสาวไปแต่งงานกับเสี่ยขจรแล้วด้วยเหตุผลใดก็ตาม ทุกอย่างกลายเป็นอดีต
รักหรือ…สำหรับเขายังมีเยื่อใยบางๆ คนเคยรักกันและภัทราเป็นฝ่ายเลือกเสี่ยขจร เป็นอะไรที่กะทันหันและหยิ่งด้วยกันทั้งคู่
ภัทราเรียกร้องงานแต่งงานที่เขายังไม่พร้อม
เมื่อตัดสินใจไปแล้ว…ต้องจบ…หากภัทราไม่ยอมจบ
และ…นี่คือการสร้างปัญหาตามมา
“ฉันไม่ได้แอบถ่ายอะไรพวกคุณเลย”
“บอกให้ส่งมือถือมา”
“คุณไม่มีสิทธิ์บังคับฉัน”
“เรอะ…จะบอกว่าที่นี่โรงแรมของฉัน ฉันกำลังสงสัยว่าเธอเป็นพวกมิจฉาชีพ จะให้ รอปอภอมาจัดการหรือโทรแจ้งตำรวจในข้อสงสัยของฉันดี”
ชาลิสาผงะเล็กน้อย
เขาเป็นเจ้าของโรงแรม ใช่หรือ
“แอบอ้าง…” พึมพำออกไป
“จะลองของก็ได้”
กำลังมึนๆ แค่เห็นเขามองไปทางหนึ่ง พยักหน้า แป๊บเดียวก็มีพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินมาทำความเคารพเขาสองคน
และไม่ทันตั้งหลัก เขาเอื้อมมือมาดึงโทรศัพท์มือถือจากมือหญิงสาว
“คุณ!” ชาลิสาได้แต่ร้อง แต่ถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยประกบซ้ายขวา
หญิงสาวได้แต่กัดริมฝีปาก มองเขาหา ‘ภาพ’ ในโทรศัพท์
“ไม่มี…”
จะมีได้อย่างไร เธอไม่ได้ถ่ายอะไรเลย
ปากก็บอกว่าไม่มีไปแล้ว ยังพูดต่อ
“แล้วมาทำลับๆ ล่อๆ หรือยังเก็บหลักฐานไม่เสร็จ”
หญิงสาวเอื้อมมือไปดึงโทรศัพท์กลับคืน
“เห็นหรือยังว่าฉันพูดความจริง”
“ข้อสงสัยเยอะแยะ”
“คุณ…”
“ทำอะไรก็ให้ระวังหน่อย ถ้ามี…ภาพ…อะไรหลุดออกไป…ก็เพราะ…เธอ”
เขาใช้สายตาดุดันมองหญิงสาวอีกแน่ะ ก่อนจะหมุนตัวและผละไป
ชาลิสาตาโต
“เดี๋ยวสิคุณ…ขอโทษสักคำเป็นไหม”
ยังคาดหวังจะได้รับคำ ‘ขอโทษ’ จากชายหนุ่มมาดหยิ่ง
เปล่า…เปล่า…เขาได้ยินที่หญิงสาวตะโกนไล่หลังนะ แต่ไม่ยอมสนใจ
รู้จักคำว่ามารยาทไหมเนี่ย แล้วก็ทำอะไรเขาไม่ได้ ต้องปล่อยเลยตามเลย