ฉันเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ ตอนที่ 2 : สาวเจ้าอารมณ์
โดย : โสภี พรรณราย
ฉันเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ โดย โสภี พรรณราย…เมื่อชีวิตของชาลิสาพลิกผันไปจากความร่ำรวย กลายมาเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ เธอต้องงัดเอากลยุทธ์มากมายมาจัดการให้เรื่องราววุ่นวายทั้งหลายผ่านไปให้ได้ แต่ยังมีเรื่องวุ่นๆ ของหัวใจที่เกิดขึ้นทุกทีที่พบกับธีทัต เธอจะรับมืออย่างไร นวนิยายจากอ่านเอา ที่นำมาให้ทุกท่านอ่านออนไลน์ค่ะ
ตีสองเศษ…
เสียงคนเดินเข้าคฤหาสน์ และบ่นพึมพำ
“ยังไม่หว่างเลย ก็ฉุดกลับมาแล้ว” บ่นพลางเดินเต้นเข้ามา ราวกลับมีเสียงจังหวะดนตรีดังในสมอง
หว่าง…คือคำสั้นๆ มาจาก สว่าง
คนพูดสวมกระโปรงสั้นมากๆ และรองเท้าก็ส้นสูงแบรนด์ดัง ส้นเข็ม เดินมาถึงห้องรับแขกก็ทำท่าสะดุด
สาวอีกคนในชุดกางเกง เสื้อสูท ดูเรียบร้อย ทำะมัดทะแมงกว่ารีบเข้าประคอง
“ระวัง…คุณริก้า”
คนชื่อ…ริก้าโบกมือ
“โอ๊ย…ไม่เมา ไม่ล้มหรอก แค่สะดุด บอกว่ายังไม่อยากกลับ…ไม่กลับ คืนนี้เต้นมันจะตาย”
“พรุ่งนี้เช้ามีประชุมนะคะ ต้องกลับมาพักผ่อนก่อน”
“โอ๊ย…ย…ประชุมอีกแล้ว น่าเบื่อ พี่ณาก็ไปประชุมแทนริก้าสิ”
“ถ้ามีอำนาจประชุมแทนได้ ทำไปแล้วค่ะ พี่ณาคนนี้ก็แค่เลขาไร้อำนาจ”
“มีอำนาจมันจะดียังไง ต้องทำงาน ต้อง…ทำโน่นทำนี่ น่าเบื่อ…น่าเบื่อได้ยินไหม”
“เมาแล้ว คุณริก้า ไป…ไป…นอนค่ะ ขึ้นห้องค่ะ”
ถ้าไม่บอกขึ้นห้อง ก็ขอนอนที่โซฟาในห้องรับแขกนี่ละ กว้างขวาง สบายจะตาย
คนเป็นเลขาฯ ชื่อ ลักขณา อายุมากกว่าเจ้านายสาวสวยแค่สองสามปี
ริก้าได้ชื่อว่าเป็นสาวเจ้าอารมณ์
ริก้า บูรพาพัฒน์
ทายาทคนรองของคุณเอกสิทธิ์และคุณกอบุญ แห่งตระกูลบูรพาพัฒน์ ที่มีกิจการในเครือมากมาย
นอกจากความสวย ริก้าให้นิยามตัวเองว่า เป็นคนรักอิสระ ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง
เปลี่ยนเลขาฯ มาเยอะ เพราะขัดใจ แต่กับลักขณาคงยากจะเปลี่ยน
ลักขณามีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับริก้า
น้าวรพลเป็นน้องชายของแม่กอบุญ คุณกอบุญแต่งงานกับคุณเอกสิทธิ์ ก็ได้พาน้องชายคนเดียวมาช่วยงานบริษัทของสามี
วรพลแต่งงานกับน้าสร้อย…น้าสร้อยก็ช่วยเป็นแม่บ้านช่วยงานแม่กอบุญ และพอมีลูก…ลักขณาก็ช่วยงานทั้งบ้านและบริษัท
ลักขณาเกิดก่อนริก้าสองปี โตมาด้วยกัน และมาช่วยเป็นเลขาฯ ส่วนตัวให้ริก้า หลังจากริก้าเปลี่ยนเลขาฯ มาหลายคน สุดท้ายได้ลักขณาที่เรียกว่าเกือบลงตัวที่สุด เพราะเป็นญาติและยังตามใจริก้าเสมอ
ลักขณาฉุดริก้าขึ้นมาบนห้องจนได้
“ไปอาบน้ำ และเข้านอนค่ะ”
ไปอาบน้ำ…
ถ้าเชื่อฟังก็ไม่ใช่ริก้าแล้ว หญิงสาวกระโจนขึ้นเตียงเลย ไม่ว่าจะถูกลักขณาเขย่าตัวอย่างไรก็ไม่ยอมลุก
“อย่ามารบกวนริก้า เรื่องมากนัก ริก้าจะไล่พี่ณาออก”
ลักขณาโคลงศีรษะ
งั้นก็เชิญ…เชิญเลย เชิญทั้งที่ตัวสกปรกไปเลย หวังดีแท้ๆ ยังขู่ไล่ออก
ปล่อยให้เจ้าของห้องนอนตามสบาย ส่วนตัวเองออกจากห้องกลับไปห้องนอนตัวเองที่อยู่อีกด้านของตึก เป็นตึกเล็กสำหรับตนกับบิดามารดาและปลูกเลยไปนิดก็เป็นเรือนของพวกเด็กรับใช้
ลักขณาเจอพ่อกับแม่ ยังนั่งดื่มกันที่ระเบียงบ้าน พ่อวรพลกับแม่สร้อยชอบดื่มทั้งคู่และแทบเป็นเรื่องปกติ ที่ดื่มกันเองบ่อยมาก
“เหนื่อยมั้ย” แม่สร้อยถามลูกสาวลูกสาว
ลักขณาโบกมือ
“อย่าถามเลยแม่ เหนื่อยใจสุดๆ เอาใจคนเจ้าอารมณ์ ทั้งฝืนและต้องทน”
“ก็พวกเรากินเงินเดือนท่านบนตึกอยู่นะ”
“หน้าที่คือการเอาใจ ทุเรศตัวเอง”
“นี่ถ้าพ่อแกไม่ใช่น้องชายคุณกอบุญ พวกเราจะสุขสบายแบบนี้เรอะ”
“เกิดมาวาสนามันต่างกันนะคะ ณาน่าจะเกิดสลับกับคุณริก้า รับรองว่าจะขยันขยันทำงาน จะไม่เอาแต่ใจ จะไม่กินเที่ยวไปวันๆ โอ๊ย…พูดไปก็เท่านั้น ขนาดเอาใจ ยังขู่จะไล่ออก วันละหลายๆ ครั้ง”
“ใครกล้าไล่แกออก” วรพลดื่มจนหน้าแดง “ฉันเป็นน้องชายเจ้าของบ้านนะโว้ย แกก็เป็นหลาน คุณริก้าไล่มากี่คนแล้ว แต่กับแก ไล่ทีไรก็ติดพี่กอบุญขัดขวางไว้ ยังไงก็เส้นใหญ่โว้ย”
สร้อยค้อนสามี
“อย่าพูดอวดเก่งเลย ยอมรับเถอะ คุณเป็นเบ๊รับใช้ ยิ่งเป็นน้องท่าน ยิ่งถูกท่านโขกสับมากกว่าคนอื่น”
วรพลดื่มจนหน้าแดง และโบกมือ
“อย่าเอาความจริงมาพูดสิวะ รองรับอารมณ์คนรวย มันไม่สนุกหรอก ยังไงก็มีพี่กอบุญคุ้มหัวอยู่”
“พ่อกับแม่รองรับอารมณ์ท่านๆ ฉันรองรับอารมณ์คุณริก้า รายนี้สุดๆ แบบไม่มีเหตุผลเลยสักนิด” ลักขณาร่วมวงระบายความอัดอั้น
“บ้านนี้มีใครมีเหตุผลบ้างล่ะ คนมีเงินมันคือความถูกต้องเสมอ มีเงินแล้วเสียงดัง” วรพลเห็นด้วยกับลูกสาว
“อย่างน้อยพี่กอบุญก็ใจดีกับพวกเรานะ” สร้อยว่า
“ใจดี…อ่อนแอ…ขี้โรค บริษัทในเครือก็เยอะแยะไปหมด คุณเอกสิทธิ์เริ่มจะถอยๆ แล้ว ปีนี้ขึ้นมาเห็นแก่ไปเยอะ วันก่อนเห็นเดินก้าวถอยหลังสองก้าว ชักไม่มั่นคง ถ้าไม่จับแขนไว้มีหวังล้ม วัยแบบนี้ล้มแล้วลุกยาก”
ลักขณาโบกมือ
“อย่าหวังว่าพ่อจะได้เลื่อนตำแหน่งล่ะ คุณธีทัตอยู่ทั้งคน ท่านเป็นลูกชายเก่ง นี่ถ้าริก้าเก่งเท่าพี่ชายละก็ รุ่นสองเผลอๆ จะรุ่งเรืองกว่ารุ่นแรกด้วยซ้ำ”
“คุณธีทัตแบกคนเดียวมันไม่ไหวหรอก ยังไง คุณธีทัตก็ต้องอาศัยพวกเรา…แกกับพ่อแก ทำตัวให้เป็นประโยชน์มากๆ พวกท่านๆ ต้องเห็นญาติดีกว่าคนนอก” สร้อยบอกกับสามีและลูก
ลูกสาวโบกมือ
“ฝันลมๆ แล้งๆ ไปก่อน ณายังไม่เห็นทางข้างหน้ามันจะสดใสเลย เหนื่อยสุดๆ กับพวกเจ้าอารมณ์ ขอตัวไปอาบน้ำและนอนก่อนล่ะ พรุ่งนี้เช้าคุณริก้ามีประชุมที่ห้างสรรพสินค้า” พูดพลางก็เดินไป
“ไป…ไป…ไปอาบน้ำและพักผ่อน” สร้อยเห็นใจลูกสาว รู้เสมอว่า ‘ริก้า’ เป็นคนแบบไหน สาวที่รับมือยาก เพราะไม่มีเหตุผล
“เช้าแล้ว…ตื่น…ตื่น” ลักขณาต้องขึ้นมาปลุกริก้าถึงเตียงนอน และเหมือนเดิมที่ปลุกยากปลุกเย็น จนต้องขู่ด้วยประโยคเดิม “ถ้าไม่ลุกจะเชิญคุณธีมาปลุกเองเลย”
คุณธี…ธีทัต ชื่อนี้ใช้ได้กับริก้าเสมอ
ทั้งบ้าน…พ่อ…แม่กับพี่ชาย ริก้าจะกลัวพี่ชายที่สุด จำต้องลุกขึ้นนั่งอย่างไม่สบอารมณ์
“อย่าขู่สิ”
“เช้านี้มีประชุมที่ห้างสรรพสินค้านะ”
“คนอื่นไปแทนได้ไหม”
“ถ้าได้คงมาปลุกแล้ว จะปล่อยให้นอนถึงเที่ยงเลย”
“ไอ้เรื่องประชุม…ตัดออกบ้างเถอะ เดี๋ยวประชุมที่นั่น เดี๋ยวประชุมที่นี่ เบื่อ…เบื่อ…”
“ไปบ่นเองที่โต๊ะอาหารค่ะ”
แล้วก็บ่นจริงๆ นั่นละ เมื่ออาบน้ำแต่งตัวมาทานอาหารเช้าที่โต๊ะ
“วันนี้พร้อมหน้าพร้อมตาเลยนะคะ” คนลงมาสายกว่าเพื่อนเอ่ยแก้เกี้ยว เพราะทุกคนกำลังกินอาหารเช้า เป็นข้าวต้มเครื่องคนละถ้วย
คุณเอกสิทธิ์ คุณกอบุญ กับพี่ชาย ธีทัต ประจำที่…วันนี้น้าวรพลกับน้าสร้อยร่วมโต๊ะด้วย ซึ่งปกติแล้วสองน้าไม่ค่อยร่วมทานอาหารเท่าไร เพราะน้าวรพลต้องรีบเข้าบริษัทก่อน ส่วนน้าสร้อย นอกจากช่วยดูแลจัดการเรื่องในบ้านแทนคุณกอบุญที่สุขภาพอ่อนแอ บางครั้งยังเข้าบริษัทแทนคุณกอบุญบ้าง เรื่องร่วมโต๊ะทานอาหารเช้ากับเย็นจึงไม่สม่ำเสมอ
“ได้ยินว่าเมื่อคืนดึก?” ธีทัตเอ่ยปากถามน้องสาว
ริก้าตาโต
“ใครฟ้องพี่ธี…พี่ณาเรอะ”
ลักขณานั่งเกือบท้ายโต๊ะอาหาร ต้องรีบเงยหน้าแก้ตัว
“เปล่านะคะ…พี่เปล่าบอกคุณธี”
“พี่ยังไม่นอน เห็นรถเธอแล่นเข้าบ้าน” ธีทัตว่า
“แค่ไปสังสรรค์นิดหน่อยค่ะ”
“สังสรรค์ก็ต้องดูบ้างว่า เช้ามีงานหรือเปล่า”
“ริก้าไม่เห็นเสียงานตรงไหนเลย แค่ประชุม…” แค่…ประชุม…ลากเสียงแบบรำคาญสุดๆ และพึมพำเบาๆ “เข้าไปนั่งหลับยังได้”
ธีทัตจะเอ่ยตำหนิ แต่คุณเอกสิทธิ์เอ๋ยขึ้นก่อน
“แกไม่ต้องเก่งถึงครึ่งพี่ชายแกเลย แค่ได้สิบเปอร์เซ็นต์ พ่อก็ดีใจมากแล้ว”
ริก้าคอย่น
“โอ้โฮ้…ริก้าแย่ขนาดนั้นเชียว”
“คอยดูพี่ชายแกเป็นตัวอย่าง กิจการมากมาย ทั้งโรงแรม ทั้งห้างสรรพสินค้า ทั้งโรงงาน พี่ชายแกคนเดียวไม่ไหวหรอก”
“น้าพล…น้าสร้อย…พี่ณาก็ช่วยได้ค่ะ”
เลยถูกบิดาถลึงตาดุๆ ใส่ และพูดเสียงเย็นๆ
“คนอื่น…จะเปรียบเทียบกับลูกในไส้ได้ยังไง”
คนอื่น…พูดต่อหน้าวรพล…สร้อย…และลักขณา
คนฟังทั้งสามชาชินเสียแล้ว วรพลตระหนักว่า ตนก็แค่น้องเมียจะอะไรนักหนา ในสายตาคุณเอกสิทธิ์ มีแต่ลูกสองคนเท่านั้นคือ ธีทัตกับริก้า
คุณกอบุญรู้สึกแทนน้องเสมอ จึงพูดแทรกว่า
“ทุกคน…ญาติๆ กัน ก็ต้องช่วยกันละ พ่อเขาคาดหวังกับลูกๆ มากเป็นพิเศษ”
ริก้าเบ้ปาก
“เพราะพี่ธีทำมาตรฐานไว้สูงเกินไป”
“แกยังกล้าพูดอีก” บิดาว่า “รู้ว่าพีธีทำอย่างไง แกก็ทำตามสิ”
“หัวริก้ามันไม่เอาไหนนี่คะ”
“พี่น้อง…พ่อแม่เดียวกัน แกอย่าว่าสติปัญญาแกจะต่ำกว่าพี่ชาย ดูถูกตัวเองแท้ๆ”
“ก็หัวของริก้าทื่อจริงๆ นี่คะ…คุณพ่อ ริก้าไปห้างดีกว่า ไม่หิวเลย กินนิดหน่อยพอค่ะ” หญิงสาววางผ้าเช็ดปากไว้บนโต๊ะ แล้วพยักพเยิดกับลักขณา “ไป…พี่ณา ไปกัน”
ลักขณายังกินไม่อิ่มเลย เพิ่งไม่กี่คำ กำลังอร่อย แต่จำต้องวางช้อนอย่างแสนเสียดาย รู้รักษาตัวรอดก่อน อยู่ให้เป็น อย่าขัดใจริก้าเดี๋ยวจะพาซวย
ริก้าเดินลิ่วไปแล้ว ลักขณาต้องรีบวิ่งตาม
บทจะเร็วหรือ ริก้ารวดเร็วปรู๊ดปร๊าดเสมอ ตามให้ทัน ไม่ทันจะคลาดกัน เสียเวลาเปล่าๆ
แต่บางทีก็แกล้งคลาดบ้างนะ เพราะรองรับอารมณ์ไม่ไหว ต้องดูเป็นเรื่องๆ ไป
อยู่ในรถตู้ ลักขณามีหน้าที่บอกกล่าวเรื่องที่จะเข้าประชุมในเช้าวันนี้ อ่านสรุปรายงานก่อน
ริก้าฟังเสียเมื่อไหร่ล่ะ เล่นโทรศัพท์มือถือไปเรื่อยๆ แต่หน้าที่ของลักขณาต้องเป็นหน้าที่ อ่านและสรุปให้เจ้าสาวฟัง จะฟังหรือไม่ฟังก็ช่วยไม่ได้จริงๆ
นานเข้า ริก้าก็โบกมือ
“พอเถอะค่ะ พี่ณา เดี๋ยวต้องไปฟังในห้องประชุมอีก ค่อยไปฟังตอนนั้นเลย”
“แต่คุณริกาต้องรับรู้ก่อน เดี๋ยวจะได้เข้าใจทันที ไม่เสียเวลา”
“แล้วเห็นหรือเปล่าว่าริก้าฟังไหม” ปากพูด ตาก็จ้องแต่โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุด เคสมือถือก็ขอบทองประดับอัญมณีงดงาม
ลักขณาพยักหน้า เก็บรายงาน บ่นในใจ
‘เอาที่สบายใจเลย เกิดมาโชคดีบนกองเงินกองทอง เอาให้มันสุดๆ ไปเลย อนาคตจะเป็นยังไงก็ช่าง!’
และก็เหมือนเดิม เวลาริก้าเข้าไปประชุม ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ให้เวลามันผ่านไป ลักขณาเสียอีกต้องฟังและเก็บความสำคัญไว้รายงานเจ้านายสาว จนเลิกประชุมและริก้ากับลักขณาเข้าห้องน้ำ
ลักขณาออกมารอริก้าหน้าห้อง และรอจนผิดสังเกต ไม่เห็นไม่เห็นญาติน้องออกมาสักที จึงเดินเข้าไปตาม ห้องน้ำผู้บริหารกว้างและมองหาง่าย แต่ทุกห้องไม่มีริก้า
ริก้า…เอาอีกแล้ว โอ๊ย…หนีไปไหนเนี่ย จึงทั้งโทร.ตามและออกตามหา โทรศัพท์ก็ไม่ยอมรับ จึงต้องให้น้องพนักงานช่วยกันตามด้วย
ชาลิสาเดินในห้างฆ่าเวลา เพราะมีนัดกับลูกค้านำเสื้อมาส่ง เดินเตร่ไปที่แผนกเครื่องประดับ เพราะมาก่อนเวลานัด
หญิงสาวเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินเล่นบริเวณตู้เครื่องประดับ มีส่วนหนึ่งอยู่ในตู้ อีกส่วนก็วางนอกตู้ แขวนเรียงรายให้ลูกค้าเลือก พนักงานขายไม่อยู่ เพิ่งนำสินค้าไปชำระเงินที่เคาน์เตอร์ชำระเงิน
ชาลิสาไม่ได้ตั้งใจจับผิด แต่เห็นจนได้ เมื่อหญิงสาวคนนั้นหยิบเครื่องประดับและเดินออกจากแผนกไปเลย วูบแรกในสมองชาลิสาคือคำว่า ‘ขโมย’