สัญชีวนีมหามนตรา บทที่ 3 : นักทดลอง

สัญชีวนีมหามนตรา บทที่ 3 : นักทดลอง

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

สัญชีวนีมหามนตรา เรื่องราวของมนตราลึกลับที่ชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นขึ้นมาได้ แต่เพราะโกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ และอาจต้องแลกมาด้วยสิ่งสำคัญ อย่างเช่น…ชีวิตของเครื่องคราม…คนรักของเขานั่นเองคันทรรพจะเลือกอะไร “สัญชีวนีมหามนตรา” โดย หมอกมุงเมือง นวนิยายออนไลน์แนวลึกลับเหนือจริง ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์ 

****************************

– 3 –

“ฮัลโหล คุณธรรพอยู่ไหมจ๊ะ แม่เนียม?”

เสียงหวานสดใส ดังมาตามคลื่นสัญญาณโทรศัพท์ หญิงสูงวัยผู้คอยดูแลรับใช้ภายในบ้านเอ่ยตอบปลายสายไปอย่างนอบน้อม

“น่าจะยังอยู่ในห้องทดลองค่ะ เดี๋ยวเนียมไปตามให้นะคะ ว่าแต่ว่า คุณเครื่อง ได้ลองโทรฯเข้ามือถือคุณธรรพแล้วหรือยังคะ?”

“ก็โทรฯแล้วน่ะสิป้า แต่ติดต่อไม่ได้เลย ยิ่งไม่ค่อยยอมใช้โทรศัพท์มือถือเสียด้วย ฮึ!”

ต่อว่า มาตามสาย ขณะที่หญิงชรา นามว่า เนียม ยิ้มน้อยๆอย่างรู้ใจ ว่าอีกฝ่ายค่อนข้างใจร้อนเป็นไฟ ในขณะที่เจ้านายหนุ่มของตัวเอง นั่นก็ ใจเย็นเจี๊ยบเสียจนกลายเป็นน้ำแข็งอยู่รอมร่อ

“คุณเครื่องจะให้เนียมเรียนคุณผู้ชายว่าอย่างไรดีคะ?”

“เอางี้แล้วกัน บอกแค่ว่า เครื่องโทรฯ มาก็ได้จ้ะ แล้วตอนเย็นๆ เครื่องจะแวะเข้าไปหาที่บ้านอีกที รู้ไหมว่าเจ้านายของเนียมนี่ เป็นคนขี้ลืมสุดๆเลย โดยเฉพาะลืมนัดกับคู่หมั้น!”

“โถ..”

อีกฝ่ายเข้าใจ ความรู้สึกของฝ่ายหญิงสาวปลายสายเป็นอย่างดี คุณเครื่องหรือเครื่องคราม ราชเมธา เป็นคนรักของดอกเตอร์คันธรรพและเพิ่งหมั้นหมายกันไปไม่นาน แต่จะว่าไป เนียมก็แทบจะไม่ได้เห็นทั้งคู่มีโอกาสได้พูดคุยหวานแหววกันตามประสาคนรักเลยสักครั้ง เจ้านายของเนียม วันๆก็เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการค้นคว้าตำรับตำราหรือทดลองในห้องวิจัย หรือไม่ก็อาจจะปลีกตัวไปสอนในมหาวิทยาลัยหรือสถาบันวิจัยที่ทำงานอยู่สักวันสองวัน

เวลาว่างก็แทบจะไม่มี นอกจากท่านจะออกมารับประทานอาหาร อาบน้ำ แล้วก็กลับเข้าไปหมกตัวยังห้องวิจัยส่วนตัวตามเดิม อ้อหรือถ้าไม่อยู่ห้องวิจัย หญิงชราก็จะเห็นท่านอยู่กับวัตถุโบราณ รูปปั้นเทวรูปต่างๆ สารพัดในห้องพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวนั่นแหละ

บางครั้ง เนียมเองก็ยังสงสัย ว่ามันมีอะไรให้น่าสนใจนักหนา?

แต่กระนั้น ก็ยังอดแก้ตัวให้เจ้านายไม่ได้

“คุณเครื่องขา คุณธรรพน่ะ ท่านก็เป็นคนแบบนี้เองแหละค่ะ ตามประสานักวิทยาศาสตร์ ยิ่งถ้าสนใจเรื่องไหนเป็นพิเศษแล้ว ก็จะหมกมุ่นอยู่ทั้งวันทั้งคืน จนเนียมเองก็ยังต้องตามท่านมาทานข้าว ไม่งั้นก็คงจะลืมวันลืมคืนไปเลยแหละค่ะ คุณเครื่องก็เห็นไม่ใช่หรือคะ ว่า สิ่งนี้ถึงทำให้ท่านประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานตั้งแต่อายุยังไม่มาก”

มีเสียงหัวเราะหึหึ จากปลายสาย เหมือนแค่นเสียงหัวเราะเสียมากกว่า

“จ้ะแม่เนียม เข้าข้างกันเข้าไปเถอะ เครื่องน่ะเบื่อเจ้านายของเนียมเต็มทนแล้ว รู้ไหมจ๊ะ หน้าเครียดทุกวัน ขนาดจะไปกินข้าวด้วยกัน ก็ยังนึกถึงแต่ห้องทดลองๆๆ อยู่นั่นแหละ เครื่องจะบ้าตาย!”

พูดเสร็จ ก็วางหูโทรศัพท์ลงดังกริ๊ก! พร้อมกับที่แม่เนียม ได้แต่ถอนหายใจยาวเหยียด อดรำพึงกับตัวเองไม่ได้

“โธ่ คุณธรรพ นะ คุณธรรพ มัวแต่สนใจทดลองบ้าบอคอแตกอะไรอยู่ได้ ไม่รู้จักเอาใจใส่ แฟนเสียมั่งเลย ถ้าเป็นอีเนียมละก็… สงสัยจะต้องประกาศถอนหมั้นให้มันรู้สึกกันเสียมั่ง มาเห็นหลอดทดลอง ดีกว่า เราได้ยังไงกัน!!”

นางได้แต่บ่น แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและความห่วงใยเจ้านายเพียงคนเดียวในบ้านหลังใหญ่โตแห่งนี้ นางเนียมรู้จักคันธรรพมาตั้งแต่เด็กชายเพิ่งเป็นวัยรุ่นหนุ่มน้อยลูกชายคนเดียวของเจ้าของบ้าน ก่อนจะถูกส่งตัวไปเรียนต่อเมืองนอก ในขณะที่ภายหลังบิดามารดาของเขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุพร้อมกัน

แต่ด้วยมรดกมหาศาล คันธรรพ จึงสามารถจัดการ ดูแลและจ้าง นางกับคนสวนอีกคนที่เขาไว้ใจ ให้ช่วยดูแลบ้านหลังนี้ จนเขาสำเร็จการศึกษาปริญญาเอกกลับมา

ส่วนคุณเครื่อง หรือเครื่องคราม ราชเมธา เป็นคู่หมั้น ของดอกเตอร์คันธรรพมาได้เกือบปีเศษแล้ว ภายหลังจากที่ คุณธรรพ เรียนจบกลับมาทำงานที่เมืองไทยเมื่อสองปีก่อน และมีโอกาสได้คบหากับสาวสวยแสนปราดเปรียว และมีฐานะผู้นี้ จนใครๆต่างก็คิดว่า ช่างสมเป็นคู่กิ่งทองใบหยกเสียจริงๆ

คุณหญิงกาบแก้ว มารดาของ เครื่องคราม เองก็ค่อนข้างปลื้มใจในโปรไฟล์ของว่าที่ลูกเขยคนนี้อยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะรูปร่างหน้าตา บุคลิกนิ่งขรึมทรงภูมิ เอาจริงเอาจังกับงาน จนยุให้ เครื่องคราม เป็นฝ่าย “จีบ” เขาดูก่อน ซึ่งเครื่องครามเองก็ไม่ปฏิเสธ หล่อนเองเคยมีแฟนมาก่อนเหมือนกัน แต่ก็เลิกรากันไปแล้ว และเมื่อได้พบกับดอกเตอร์คันธรรพ ในงานสมาคมแห่งหนึ่ง เครื่องครามก็ยอมรับกับตัวเองเลยว่าประทับใจเขาตั้งแต่แรกเห็น แม้ว่าช่วงแรกๆของการสนทนา เขาจะทำท่าเฉยเมยกับสาวสวยอย่างหล่อนไปบ้างก็ตามที

“ดอกเตอร์โรบอต”

หล่อนแอบตั้งฉายาให้เขา ในขณะที่เพื่อนๆก็คอยเชียร์กันอย่างสนุกสนาน

และมันก็ประสบผลสำเร็จสมความปรารถนา จากการพูดคำตอบคำ เป็นการสนทนาเป็นประโยค และเขาเองก็มีท่าทีสนใจในเสน่ห์และความสวยของหล่อน จนคบหาเป็นแฟนกันในที่สุด

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็ดูเหมือนว่า เสน่ห์สาวโสภาจะยังไม่อาจเบนความสนใจ จากความมุ่งหมายในการทดลองทางวิทยาศาสตร์ของเขาลงได้เลย กลายเป็นว่า คู่แข่งของ หล่อนไม่ใช่สาวสวยคนอี่นคนใดเลย หากแต่เป็นอุปกรณ์การทดลองในห้องแลบเสียมากกว่า!

นั่นคงเป็นสิ่งเดียว ที่ทำให้ เครื่องครามซึ่งปกติเป็นใจร้อน เกิดปัญหาแง่งอนกับคู่หมั้นหนุ่มอยู่บ่อยครั้ง จนจวนเจียนจะเลิกรากันก็หลายหน แต่หล่อนเองนั่นแหละที่ตัดใจไม่ลงสักที

มันคงจะเป็นเพราะคำว่ารักนี่แหละกระมัง?

หล่อนยอมรับว่าหล่อนรักเขามาก จนคิดว่า คงต้องทำอะไรสักอย่าง เช่นการหมั้นหมาย… เพื่อให้นำไปสู่ประตูวิวาห์ อย่างที่ตัวเองก็เคยใฝ่ฝันเอาไว้

และด้วยการรบเร้า กึ่งอ้อนวอน ของ เครื่องคราม กับบิดามารดาของเจ้าหล่อน ทำให้ ดอกเตอร์หนุ่มต้องตัดสินใจหมั้นหมายหญิงสาวเอาไว้ แต่ความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะคงไว้แค่เพียงเท่านี้ ก็ทำให้ ฝ่ายหญิงเองก็รุ่มร้อนอยู่ไม่ใช่เล่น

คนใจหิน!

เครื่องครามเองก็แอบนึกบ่นเกี่ยวกับคู่หมั้นหนุ่มของตัวเอง ด้วยความน้อยใจแกมหมั่นใส้ไม่ได้ แต่ถึงอย่างไร ต่อให้หัวใจเขาเป็นหินผาที่แข็งแกร่งสักแค่ไหน สาวมั่นอย่างหล่อน ก็จะทำให้เขาหลอมละลายด้วยเสน่ห์และความรักให้สำเร็จให้จงได้

หล่อนเชื่อกับตัวเองเช่นนั้น

*****************************

เทวรูปขนาดใหญ่จากฐานและส่วนสูง จำลองสภาพอันอัปลักษณ์ที่สุดขององค์พระทุรคา เทวีแห่งสงครามและความตาย

พระโอษฐ์อันเม้มแน่นสนิท ปรากฏสีแดงฉานฉาบไว้สะท้อนแสงไฟระยับ สีแดงชาดนั้น คือโลหิต เป็นโลหิตสดๆที่เขาต้องกรีดจากร่างกายตนเอง เพื่อนำมาบวงสรวงพลีกรรม องค์เทวรูปมิให้เหือดแห้ง ธำรงความศักดิ์สิทธิ์ นั้นไว้ตลอดทุกวัน ณ เบื้องหน้า มหาคัมภีร์ ที่วางจรดบูชา

สองแสน!

คันธรรพยังจำได้ดี ในเหตุการณ์เมื่อหลายเดือนก่อน ภายหลังจากการค้นพบคัมภีร์ในหีบโลหะนั่นเอง ตอนนั้น เขาตัดสินใจติดต่อลงประกาศเพื่อหาร้านขายเทวรูปองค์พระทุรคา จนกระทั่งมีโอกาสได้พบในร้านแอนทีคแห่งหนึ่งโดยบังเอิญ

“นี่เป็นราคาที่ต่ำสุดแล้วนะครับ ที่ผมยอมปล่อยให้กับคุณ รูปหล่อองค์พระทุรคานี่ปั้นยากมาก ตามลักษณะที่คุณส่งมาให้ดู มีรายละเอียดเยอะไปหมดไหนจะเครื่องทรงเอย ทั้งพระกร และศัสตราวุธ และเครื่องประดับเพื่อให้ถูกต้องตามลักษณะ แล้วคุณลองดูฝีมือของช่างที่ทำว่า ละเอียดวิจิตรแค่ไหน ขนาดศัตราวุธบนหัตถ์ทั้งแปด ก็ยังเป็นของเก่าทุกอย่าง คุณลองดูพระขรรค์ หรือกงจักร ก็ได้ มันคมกริบไม่ต่างกับเป็นศัสตราวุธจริงๆเลยทีเดียว”

เขาเผลอแตะปลายนิ้วลงไปยังปลายใบจักร บนอุ้งหัตถ์เทวี แล้วก็สัมผัสความรู้สึกเสียวแปลบขึ้น ก่อนจะมีรอยโลหิตซึมผ่านออกมา เจ้าของร้านรีบหยิบกระดาษทิชชูส่งมาให้

“ผมบอกแล้วให้ระวัง เผลอนิดเดียวเอง ได้เลือดเลย”

“ผมไม่เป็นไรครับ แผลนิดเดียวเดี๋ยวก็แห้งแล้ว”

ดอกเตอร์หนุ่มนิ่งไป สายตามองเห็นหยดเลือดติดอยู่บนใบจักรเป็นจุดสีแดงเข้มก่อนจะซึมหายลงไปบนเนื้อโลหะราวกับมันสามารถดูดซับหยดเลือดนั้นเข้าไปเสียเอง

เขาไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าประหลาดใจของ “คนขาย” ที่แอบกลืนน้ำลายลงคอราวกับฝาดเฝื่อนเต็มที และถ้าสามารถอ่านความคิดอีกฝ่ายได้ คันธรรพก็คงจะประหลาดใจไม่น้อย

“จักรนั่นทำไมมันคมแบบนี้?  เมื่อวานตอนลองหยิบออกมาดูก็ไม่เห็นจะบาดมือตรงไหนเลย ประหลาดแท้ๆ!”

แต่คำพูดที่ออกมา จากท่าทีอ่อนน้อมนั้น กลับเป็นอีกประโยคหนึ่งแทน

“แต่ถ้าหากคุณอยากได้ราคาที่ถูกลงกว่านี้ จะลองไปติดต่อพวกนักศึกษาที่เรียนทางด้านนี้มาก็ได้นะครับ ให้ปั้นขึ้นมาเองตามต้องการได้เลย แบบนั้นคงไม่เกี่ยงราคาเหมือนกัน”

“ผมต้องการอย่างที่ดีที่สุด ให้ตรงกับรูปที่ผมส่งให้คุณดู”

เขาตอบทันทีด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะหึหึในลำคอ

“แล้วเรื่องราคา?”

“ตกลง! ตามที่คุณเสนอมา”

เขาตัดสินใจตอบออกไป คนขายเป็นฝ่ายยิ้มน้อยๆพลางอัดบุหรี่วาบหนึ่ง ก่อนจะพ่นควันระบายออกมาช้าๆ คันธรรพไม่ทันเห็นแววของความ “โล่งใจ”ที่แสดงออกมา เมื่อปล่อยสินค้าเทวรูปนี้ได้สำเร็จ

เขายืนขึ้นหลังการเจรจาต่อรองเสร็จสิ้น แล้วเซ็นเช็คให้กับอีกฝ่ายอย่างยอมจำนน แต่อย่างน้อย รูปปั้น องค์เทวีพระทุรคา รูปนี้ ก็ถูกใจเขาอยู่ไม่น้อย เมื่อนำมาส่งไว้ที่ห้องพิพิธภัณฑ์ คันธรรพก็เริ่มต้นขั้นตอนตามตำราที่เขาอ่านมา

เมื่อผ่านพิธีกรรมแห่ง “มนตราภิเษก”  ความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์ และศรัทธา ก็ยิ่งเพิ่มทวีมากขึ้นเป็นเท่าตัว เขาเกิดความเชื่อมั่นอย่างประหลาดว่า พลังแห่งองค์พระแม่ทุรคา จะทำให้ การทดลองของเขาประสบความสำเร็จในไม่ช้า

คันธรรพมองจ้องผ่านไปยังวงพักตร์ขององค์พระแม่ทุรคา เบื้องหน้า อุปาทานหรือเปล่าที่เขามองเห็นเหมือนมีเงาของใครบางคน ปรากฏขึ้นอยู่ ณ ที่นั่น

เงาของใคร?

ในแสงมลังเมลืองแห่งโคมไฟในห้องพิพิธภัณฑ์ของคฤหาสน์เทวนาคริน เขากางมหาคัมภีร์ลงบนแท่นวางเบื้องหน้า แล้วบรรจงใช้ปลายมีดคมจรดลงที่ปลายนิ้วตัวเอง แตะมันลงไปยังริมโอษฐ์ อันเผยออ้าขึ้น ราวกับรอรับภักษาหาร จากมนุษย์ผู้กระทำพลีกรรมอย่างนอบน้อมบูชาสูงสุด

จากนั้นก็ยืนสงบนิ่ง เพ่งมององค์เทวรูปนั้น ด้วยความดื่มด่ำ และเคลื่อนเข้าสู่ห้วงภวังค์อันเลื่อนลอย ลืมสิ้นทั้งวันคืนและทุกสิ่งทุกอย่าง ราวกับได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบา ดังออกจากริมโอษฐ์แดงฉาน

“อาห์ห์ห์”

เสียงขององค์เทพจากเทวรูปนั่นหรือเปล่า? ชายหนุ่มขนลุกเกรียวขึ้นมา ทว่า…

“คุณธรรพคะ คุณธรรพ”

เสียงเรียกดังมาจากประตูห้องด้านนอกเสียก่อน พร้อมกับเจ้าของเสียงก็ผลักบานประตูเข้ามาภายในห้องพิพิธภัณฑ์อย่างถือวิสาสะ เขารีบหันขวับกลับไปทันทีด้วยอารมณ์เดือดดาลอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พอดีกับอีกฝ่าย ยื่นหน้าเข้ามาด้วยใบหน้ากล้าๆกลัวๆ

สายตาของผู้บุกรุก พุ่งกระทบกับภาพภายในห้องทำงานที่ติดไฟดวงน้อยเพียงสลัว แล้วก็ถึงกับกรีดร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก

ว้าย!!

“แม่เนียม!”

คันธรรพ พยายามระงับอารมณ์โกรธที่เกิดขึ้นอย่างยากเย็น เขาเคยพยายามชี้แจงอีกฝ่ายแล้ว ว่าไม่ต้องเข้ามารบกวนในห้องทดลอง หรือห้องพิพิธภัณฑ์ ในเวลาที่ต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ดูเหมือนว่า แม่บ้านสูงวัยผู้นี้ จะชอบจุ้นจ้าน ฝ่าฝืนคำสั่ง หรือไม่ก็ทำเป็นหลงลืมคำสั่งอยู่เป็นประจำ

ดวงตาเบิกว้างของอีกฝ่ายเพ่งมองผ่านศีรษะของเขาไปยังรูปปั้นองค์เทวรูป ราวกับถูกมนต์สะกด คันธรรพ หันกลับมองไปด้วยความสงสัย แทบลืมความโกรธไปชั่วขณะ

“เอ้อ… เมื่อกี้ เนียมเห็น เทวรูปนั่น”

เสียงสั่นพร่าของแม่เนียมกระท่อนกระแท่น แทบจะจับใจความไม่ได้ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยต่อ ให้เป็นรูปประโยคอย่างยากเย็น

“มันกลอกตาใส่ดิฉันค่ะ คุณธรรพ เหมือนกับมีชีวิตเลย ช่าง น่ากลัวเหลือเกิน”

“เหลวไหลน่ะ แม่เนียม เทวรูปก็เป็นแค่รูปปั้นธรรมดา เป็นแค่วัตถุอย่างหนึ่ง ไม่ได้มีชีวิตจิตใจอะไรสักหน่อย แล้วมันจะไปกรอกตามองอะไรได้ล่ะ”

แต่ท่าทางของหญิงชราก็ยังแฝงความหวาดหวั่นไม่น้อย

“เนียมไม่ได้ตาฝาดนะคะ คุณธรรพ  เนียมเห็นนัยน์ตากระพริบด้วย แล้วปากแดงๆนั่นก็แสยะยิ้ม เหมือนกำลังดื่มเลือดสดๆเลย สีแดงนั่นคงไม่ใช่เลือดหรอกนะคะ คุณธรรพ”

ดูเหมือนว่าแม่เนียมจะจุ้นจ้าน จนเกินไปเสียแล้ว คันธรรพพยายามตัดบทการสนทนาอย่างสุภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้

“เนียมเองแก่แล้ว ก็คงนัยน์ตาฝ้าฟางไปนั่นแหละ ขนาดฉันทาสีแดงที่ปากเทวรูป เนียมยังเผลอคิดว่าเป็นเลือดเอาเสียอีกแน่ะ ใครจะอุตริเอาเลือดไปทา หรือเนียมจะเข้าไปพิสูจน์?”

เขาแกล้งข่มเสียงเป็นกลั้วหัวเราะในเชิงสัพยอกอีกฝ่าย และแม่เนียมก็รีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน

“ปละเปล่า ค่ะ เนียมแค่พูดเฉยๆ แค่ยืนห่างๆก็พอแล้วค่ะ คุณธรรพ ไม่ถึงกับต้องเข้าไปพิสูจน์หรอก”

คันธรรพไม่พูดต่อ นอกจากเดินตรงออกมายังหน้าห้อง เพื่อกันไม่ให้ อีกฝ่าย มองเห็นความผิดปกติ ของ “สีแดง”ที่ว่านั่นชัดๆ

“เอาล่ะ แล้วที่แม่เนียมถือวิสาสะ เข้ามาในห้องพิพิธภัณฑ์นี่ แสดงว่าต้องมีเรื่องสำคัญอะไรแน่นอนเลยใช่ไหม”

หญิงชราก้มหน้าลงเล็กน้อยอย่างประหม่า เมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้านายหนุ่ม แกพยายามตอบด้วยเสียงอ่อนน้อม

“คุณเครื่องมาค่ะ ตอนนี้เนียมก็เลยเชิญให้เธอรออยู่ที่ห้องรับแขกก่อน แล้วค่อยมาตามคุณธรรพ ไม่งั้น ดีไม่ดี เธออาจจะบุกเข้ามาหาเองก็ได้นะคะ”

เนียมรู้ดีว่า สถานที่ทั้งสองห้องนี้ ห้องทดลองและห้องพิพิธภัณฑ์ เป็นเขตหวงห้ามส่วนตัวของคุณธรรพโดยเฉพาะ แต่ก็อดพูดเหน็บนิดๆไม่ได้

“เรื่องอะไร เนียมพอรู้ไหม?”

เขาเอ่ยถามช้าๆ ขณะที่แม่บ้านแอบเบ้ปากอย่างขัดใจ แทนเครื่องคราม ที่เขากลับจำอะไรไม่ได้เอาเสียเลย

“ก็เรื่องนัดดินเนอร์ ที่คุณเครื่องนัดกับคุณธรรพเอาไว้เย็นนี้น่ะสิคะ”

เมื่อนั้นเอง คันธรรพ เทวนาคริน ถึงพอจะระลึกความทรงจำขึ้นมาได้ เขาหัวเราะแก้เก้อเล็กน้อย แล้วเอ่ยปาก

“ถ้างั้น แม่เนียมไปเตรียมของรับรองคุณเครื่องไว้ก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวฉันจะรีบตามออกไป ขอเคลียร์งานอีกนิดเดียว”

กล่าวเสร็จ คันธรรพก็รีบหันกลับเข้าไปในห้องพิพิธภัณฑ์ หญิงชราแทบจะถอนหายใจ เมื่อรู้ว่าในใจของอีกฝ่าย มีแต่เรื่องงาน และงาน เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แม่เนียมกำลังจะหันหลังกลับออกไปจากหน้าประตูห้องแล้ว ถ้าหากจะไม่เผลอเหลือบสายตาไปมองยังรูปปั้นองค์พระทุรคา ที่แม่เนียมเองก็ไม่รู้จักชื่อนั้นอีกครั้งอย่างหวาดๆ

รูปปั้นที่สร้างขึ้นขนาดแทบจะเท่าตัวคนจริงๆ อยู่ในอิริยาบถสงบนิ่งเป็นปกติ มีเพียงนัยน์ตาสีแดงก่ำเยือกเย็นอย่างไร้ชีวิต มันแตกต่างจากภาพที่แกมองเห็นเมื่อครู่

แม่บ้านแห่งเทวนาคริน รีบสลัดความคิดอันว้าวุ่นใจออกไป ก่อนพยายามจะปลอบใจตัวเองว่า คงจะตาฝาดไปเองเสียมากกว่า แล้วรีบจ้ำเท้าเดินผ่านออกไปยังระเบียงด้านนอก โดยไม่หันกลับไปมองอีกเลย

ในขณะที่ดวงตาสีแดงก่ำคู่นั้น จะกระพริบวาบขึ้นอีกครั้ง!

 



Don`t copy text!