ฉันเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ ตอนที่ 18 : หายตัว

ฉันเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ ตอนที่ 18 : หายตัว

โดย : โสภี พรรณราย

Loading

ฉันเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ โดย โสภี พรรณราย…เมื่อชีวิตของชาลิสาพลิกผันไปจากความร่ำรวย กลายมาเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ เธอต้องงัดเอากลยุทธ์มากมายมาจัดการให้เรื่องราววุ่นวายทั้งหลายผ่านไปให้ได้ แต่ยังมีเรื่องวุ่นๆ ของหัวใจที่เกิดขึ้นทุกทีที่พบกับธีทัต เธอจะรับมืออย่างไร นวนิยายจากอ่านเอา ที่นำมาให้ทุกท่านอ่านออนไลน์ค่ะ

“ริก้าไปไหน?” ธีทัตถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

ชาลิสางงกับคำถามของธีทัต

“อะไรนะคะ?”

“เธออยู่ไหน?”

“เธอ…?” หมายถึงใคร…ตนหรือริก้า

“เธอกับริก้า ตอนนี้อยู่ไหน คำถามฉันไม่ชัดเจนเรอะ”

“ฉันอยู่บ้าน”

“ริก้าไม่ได้กลับบ้าน!”

ชาลิสาสลัดศีรษะแรงๆ

“อ้าว…นึกว่าเธอกลับแล้ว ออกจากผับไปก่อนฉันเสียอีก”

“เธอทิ้งริก้า?”

“คุณริก้าทิ้งฉันต่างหาก โตจนป่านนี้คุณมาถามหาน้องกับฉันอีก คนจะนอน”

“กฎเหล็กที่ทุกคนรู้ เลขารู้ว่าจะไปไหนกับริก้าจะต้องกลับก่อนตีหนึ่ง ริก้าปฏิบัติกฎนี้เสมอมา ยกเว้นโทรบอกกรณีพิเศษ”

“อ้าว…” หญิงสาวอุทานอีกครั้ง “ใครจะไปรู้ คุณริก้าต้องรับผิดชอบตัวเองสิคะ”

“ฉันจ้างเธอพิเศษ ให้เป็นเลขาส่วนตัว จำได้ไหม ฉันพูดอะไร ต้องดูแลริก้าพิเศษมากๆ เน้นให้เป็นเพื่อนติดตามไปทุกแห่ง เข้าใจคำว่าทุกแห่งไหม”

“เกินไปแล้ว”

“แล้วเงินเดือนที่ให้พิเศษล่ะ เกินไปไหม?”

“แล้วจะให้ฉันทำอย่างไร?”

“ตามหาริก้า!”

“แต่…”

“เธอเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับริก้า”

รู้สึกว่าธีทัตจะเดือดร้อนจริงๆ นะ

“ก็ได้…ก็ได้ค่ะ”

“ครั้งสุดท้าย ริก้าอยู่ที่ไหน ไปเจอกันที่นั่น!” ธีทัตออกคำสั่ง

 

นทีขับรถกลับบ้านเกือบตีสองแล้ว

งานของนทีไม่มีเวลาเช้าเย็น บางครั้งสี่สิบแปดชั่วโมงไม่ได้นอนก็เคยมาแล้ว

บริษัทนักสืบและรักษาความปลอดภัยของเขาถือว่าประสบความสำเร็จ จะว่าเขาโชคดีก็ได้ แต่สิ่งสำคัญคือทุ่มเท และซื่อสัตย์ที่ถือว่าเขายืนหยัดได้เพราะมีคุณธรรมยึดถือ

รู้สึกง่วงนอน นทีต้องอมลูกอมรสกาแฟ รสกาแฟอบอวลในปาก มันช่วยได้มากที่จะทำให้เขาขับรถต่อไปได้ แต่ก็ยังอยากดื่มกาแฟจริงๆ มาก

ไม่ยากหรอก มีร้านกาแฟที่เปิดยี่สิยสี่ชั่วโมง และเขาก็มักแวะเสมอเพื่อซื้อกาแฟสักแก้วก่อนกลับ

ระหว่างรอกาแฟ ก็มองไปรอบๆ ร้าน

ดึกมากแต่ยังมีลูกค้าหลายโต๊ะ เงียบๆ อยู่กับคอมพิวเตอร์ อยู่กับโทรศัพท์มือถือ

แต่…แต่…สะดุดโต๊ะหนึ่งตรงกระจกบานใหญ่ที่มองออกนอกร้าน

ผู้หญิงคนเดียว นั่งเหม่อลอย

อาจเป็นภาพธรรมดา ถ้าเป็นคนไม่รู้จัก…ใช่หรือ ใช่ที่เห็นจริงๆ หรือ

ริก้า…?

เป็นเธอหรือ ในเวลาเช่นนี้หรือ และเธออยู่คนเดียวหรือ และเธอไปไหนฦ

คุณลักขณา…เอ๊ะ…ไม่ใช่แล้ว เลขาต้องเป็นชาลิสา ไม่เห็นชาลิสา หรือเธอไปห้องน้ำ มองที่โต๊ะก็มีแค่เครื่องดื่มแก้วเดียวอยู่ตรงหน้าริก้าแค่แก้วเดียว

รอจนแน่ใจว่าริก้าอยู่ตามลำพัง จึงได้เดินมา และวางแก้วของตัวเองไว้บนโต๊ะ

ยังไม่ทันเห็นเป็นใคร เจ้าหล่อนก็พูดว่า

“นี่…คุณโต๊ะว่างเยอะแยะ อย่ามาแย่งที่กัน”

“ผมเอง”

เพราะพูดแบบไม่มองหน้า ไม่อยากมองใครหรอก แต่เสียงคุ้นๆ

“อ้าว…คุณ…พนักงานรักษาความปลอดภัย”

“เจ้าของบริษัทรักษาความปลอดภัยครับ”

“เจ้าของ…ก็แค่นั้นเองล่ะ”

“ขอนั่งด้วยครับ” พูดจบก็นั่งเลย

“ดีเหมือนกัน กำลังต้องการเงิน เมื่อกี้รีบออกจากร้านไม่พกเงิน ค้นในกระเป๋ามีแค่สองร้อย พอค่าเครื่องดื่มแก้วเดียว อยากกินของว่างเพิ่มสักชิ้น เค้ก…หิวน่ะ ขนมปังก็ได้ อะไรก็ได้ ช่วยซื้อให้สักชิ้นสิ”

นทีลังเลครู่หนึ่ง

คำพูดของหญิงสาวคือก่ำๆ กึ่งๆ และเขาตัดสินใจไม่ทำตาม

“ผมไม่ได้กินเงินเดือนคุณ อย่าสั่ง!”

“เอ๊ะ…แต่คุณก็ทำงานให้พี่ชาย กินเงินเดือนพี่ชาย”

“ผมรับงานรักษาความปลอดภัยในรูปบริษัท ไม่ใช่เงินเดือน”

“แต่ละเดือนคุณก็ได้หลายงานและได้เยอะด้วย”

“บริษัทผมซื่อสัตย์”

“แค่นี้ช่วยไม่ได้ ไม่มีน้ำใจ”

“น้ำใจ…” ชายหนุ่มพยักหน้า “มีครับ แต่ต้องเหมาะสม เอาเป็นว่าผมให้คุณเป็นเงินสด” แล้วเขาหยิบเงินออกมาห้าร้อยบาท

“เหลือก็ถอนคืนด้วย”

“ฉันไม่ถนัดซื้อของกินเอง ปกติเลขาจัดการให้หมด”

“ตอนนี้คุณไม่ปกตินี่”

“ซื้อให้หน่อยก็ไม่ได้”

“จะเอาไหมครับ ห้าร้อย?” ทำท่าจะเก็บเงินคืน

แต่หญิงสาวไวกว่าคว้าก่อน

“หิว…หิว…อยากกินเค้ก”

ยอมเดินไปที่เคาน์เตอร์ ซื้อของกินไม่ยากเลย ตอนเข้ามาคนเดียวก็สั่งเครื่องดื่มแล้ว แค่ชี้ตู้โชว์เลือกเค้กสักชิ้น จ่ายเงินสด รับใบเสร็จ กลับมานั่งที่โต๊ะ รอพนักงานมาเสิร์ฟ

นั่งเชิดๆ หน้า

“เงินทอนล่ะคุณ?” นทีถาม

“ทิปหมด”

นทีโคลงศีรษะ

“ทิปหลายร้อย?”

“ทำไมหวงเงินเรอะ?”

“เงินผมนะ”

“ก้อให้ฉันแล้วนี่”

“คุณประหยัดเป็นมั้ย เดี๋ยวนี้เงินทองไม่ใช่หาง่ายๆ ทิปก็โอเค แต่ต้องเหมาะสม”

“ไม่กี่ร้อย อย่าบ่น”

“ถ้าไม่ใช่เงินผม จะไม่พูด”

“ถือว่ายืมก็ได้ ตัดรำคาญ พูดมาก”

นทีงง

“อะไรกันคุณ ดึกๆ มาทำอะไรคนเดียวที่นี่ เลขาคุณไปไหน?”

ริก้าเม้มริมฝีปาก

“เชอะ…เลขา…สาวคนรักคุณเรอะ เธอก็กลับบ้านไปนอนสบายๆ แล้วล่ะ”

“แล้วคุณไม่กลับไปนอนสบายๆ ล่ะ”

“ฉันยังไม่ง่วง”

“คุณหนีสา?”

“ฉันเป็นนายนะ ต้องหนีด้วย ชาลิสาทำหน้าที่ไม่ดีเอง ไม่ต้องพูดมาก อย่าเข้าข้างคนรักของคุณเกินไป”

“ผมรู้จักสาดี แต่ไม่รู้จักคุณ”

“ฉันจะมากินกาแฟสักแก้ว ผิดด้วย”

“เท่าที่รู้ คุณมันคุณหนูนี่ ต้องมีเลขาติดสอยห้อยตาม”

“อยากอยู่คนเดียวบ้าง”

“แล้วพี่ชายคุณรู้มั้ย?”

“พี่ธีก็งานยุ่งของเขา ไม่เห็นต้องให้รู้”

“ลูกคุณหนู ถ้าคุณไม่บอก พี่ชายคุณอาจเป็นห่วง ลองดูโทรศัพท์คุณสิ อาจมีหลายสายตามคุณ”

ริก้ายักไหล่

“แบตหมด” แล้วทานขนมเค้กกับกาแฟอย่างสบายๆ

“ผมส่งคุณกลับบ้านมั้ย?”

“ไม่ต้องมาทำใจดี”

“อยู่คนเดียวได้เรอะครับ?” นทีดื่มกาแฟหมดแล้ว

ริก้าโบกมือไล่

“จะไปไหนก็ไป”

ฝ่ายชายต้องใช้ความคิด ลังเล แยกจากเจ้าหล่อนหรือ หรือจะอยู่เป็นเพื่อนดี?

 

ชาลิสาหงุดหงิดเล็กน้อย ที่ต้องนั่งอยู่บนรถกับธีทัต โดยฝ่ายชายเป็นคนขับรถ

ง่วงก็ง่วง เหนื่อยก็เหนื่อย เพลียก็เพลีย แต่จำต้องออกมาตามหาริก้า

“โตจนป่านนี้ต้องให้พี่ชายตามหา” เผลอบ่นดังไปหน่อย

ธีทัตรู้สึกห่วงน้องสาว ขณะขับรถไปตามทางที่ชาลิสาบอกก็ส่ายสายตามองหาน้องไปด้วย พอได้ยินก็หันขวับ

“ว่าอะไรนะ”

“ก็ได้ยินแล้วนี่”

“ริก้าไม่เคยไปไหนตามลำพัง”

“คุณก็ต้องหัดปล่อยบ้างสิ”

“ค่อยๆ ปล่อย ต้องค่อยๆ เรียนรู้”

“น้องคุณไม่ใช่เด็กนะ”

ธีทัตเข้าใจ…ไม่ใช่เด็ก แต่การถูกเลี้ยงดูมาผิดๆ แต่แรก เขาไม่เคยยอมรับว่าถูก แต่เขาจะให้ริก้าค่อยๆ ปรับตัว

“แล้วน้องเธอล่ะ?”

ชาลิสาชะงัก

“อะไรนะคะ?”

“น้องเธอทำอะไรบ้าง?”

คนตอบกลืนน้ำลายยากเย็น เขาพูดเหมือนรู้ว่าครอบครัวตนเป็นอย่างไร

“คุณ…คุณ…สืบประวัติน้องชายฉันด้วยหรือคะ?”

“จบมาจากนอกไม่กี่เดือนก่อน แล้วยังไม่ทำงานทำการ ดูเหมือนจะยังรับสภาพครอบครัวไม่ได้ ฉันเคยบอกแล้วว่าต้องสืบ เพราะเธอต้องมาใกล้ชิดกับริก้า ฉันคงไม่ให้คนแย่ๆ มาใกล้ชิดน้องสาวฉัน”

ชาลิสาตาโต

“คนแย่ๆ ในสายตาคุณ ฉันเป็นอย่างไร?”

“ยังไม่ใช่เวลาตอบตอนนี้ เธอต้องมีสมาธิในการตามหาริก้าก่อน”

“คุณริก้าโตแล้ว”

“แต่ไม่เคยไปไหนคนเดียวเลย”

ก็ให้ไปบ้างสิ…พึมพำดังไปหน่อยอีกแล้ว ตั้งใจสิม่า

“เธอเข้าใจมั้ย ต้องค่อยๆ ปล่อย”

“ถ้าไม่มีครั้งแรก ก็ไม่มีครั้งที่สอง ต้องมีครั้งแรกค่ะ พอบ่อยครั้งมันจะชินไปเอง ไม่ตื่นเต้นตกใจแบบนี้”

ขับรถอยู่แต่หันมามองแว่บนึงอย่างไม่พอใจ

“สั่งสอนหรือ?”

“แนะนำค่ะ”

“ใช่เวลามันแนะนำมั้ย?”

“จะให้นั่งเงียบก็ได้นะ”

“ไม่รู้ตัวหรือว่าผิด?”

ชาลิสาตาโตอีกครั้ง

“ผิดตรงไหน?”

“บอกแต่แรกแล้ว เลขาของริก้าถ้าไม่ใช่เลขาธรรมดา ต้องอยู่ใกล้ชิดตลอด เคยบอกแล้วไม่ใช่เรอะ แม้แต่ต้องมานอนค้างที่บ้านกับริก้า ก็ต้องทำ ริก้าไปดื่มกับเพื่อนแบบนี้ ควรมาส่งบ้านและค้างเป็นเพื่อนเธอ”

ชาลิสาตาโตเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้

“ไม่ใช่เลขาแล้วมั้ง เป็นพี่เลี้ยงเด็กเล็กแล้วมั่ง”

“ใช่!”

“อ้าว…พูดประชด กลับจริง

“ฉันยอมรับ ถึงริก้าจะอายุยี่สิบกว่าแล้ว แต่ยังมีนิสัยแบบเด็ก ส่วนเธอมีความรับผิดชอบมากกว่า โตเกินอายุ มีประสบการณ์ชีวิตที่ต้องเป็นหลักของครอบครัว ฉันถึงคาดหวังกับเธอมากว่า เธอจะช่วยดูแลริก้าได้ให้เข้มแข็ง มีความคิดแบบเธอ”

แหม…แหม…ตอนจ้างตนไม่เห็นพูดแบบนี้เลย ชื่นชมตนขึ้นมาแล้วหรือ…ไม่ใช่หรอก จะหลอกใช้ตนมากกว่า

“งานหนักเกินหน้าที่”

“อย่าลืมว่าเธอเป็นหนี้ฉันเท่าไหร่”

“เรื่องตุ๊กตานางฟ้าจีนนั้น คือมีเหตุผล ยังไงก็ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด”

“เธอทำหรือเปล่าล่ะ?”

“คือ…ทำ…แต่…” โอ๊ย…พูดยากจัง

แต่เขาไม่สนใจคำพูดของเธอมากนัก เพราะเสียสมาธิ ขับรถไป ก็ต้องมองทางไป แถมยังต้องมองข้างทาง สอดใส่สายตามองหาน้องสาว

ถ้าไม่พบ ริก้าจะเป็นอย่างไรหนอ?

ชาลิสาเริ่มรู้สึกกังวลบ้างล่ะ คนไม่เคยเที่ยวกลางคืนตามลำพังอย่างน้อยก็มี ลักขณาดูแลใกล้ชิด กลับไปที่ผับนั่นก็ปิดแล้ว ไม่มีคนอยู่แล้ว

คุณริก้า…ทำไมไม่รู้จักกลับบ้านกลับช่องนะ

 



Don`t copy text!