ฉันเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ ตอนที่ 8 : เจ้าหนี้กัดไม่ปล่อย

ฉันเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ ตอนที่ 8 : เจ้าหนี้กัดไม่ปล่อย

โดย : โสภี พรรณราย

Loading

ฉันเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ โดย โสภี พรรณราย…เมื่อชีวิตของชาลิสาพลิกผันไปจากความร่ำรวย กลายมาเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ เธอต้องงัดเอากลยุทธ์มากมายมาจัดการให้เรื่องราววุ่นวายทั้งหลายผ่านไปให้ได้ แต่ยังมีเรื่องวุ่นๆ ของหัวใจที่เกิดขึ้นทุกทีที่พบกับธีทัต เธอจะรับมืออย่างไร นวนิยายจากอ่านเอา ที่นำมาให้ทุกท่านอ่านออนไลน์ค่ะ

ธีทัตมองหน้าน้องสาวและถาม

“สองวันก่อนไปก่อเรื่องเรอะ?”

ริกาจะบ้าตาย อยากเข้าไปขยุ้มหัวยัยชาลิสา ตัวดี แต่ต้องพยายามระงับอารมณ์ และพูดกับพี่ชายว่า

“สองวันก่อนไปที่ร้านของเธอ เสื้อผ้าไม่เห็นสวยเลย ไม่อยากซื้อ แค่จับมาดูเท่านั้นก็ถูกบังคับให้ซื้อค่ะ พี่ธี เจ้าของร้านเป็นพวกมัดมือชก เห็นริก้ามีเงิน เห็นริก้าโง่มัง บังคับซื้อ เพราะร้านขายไม่ดี เสื้อผ้ากับเครื่องประดับไม่ใช่แบรนด์เนม ริก้าไม่ใช้หรอก นี่ยังกล้าตามมาทวงเงินทั้งที่ไม่ได้เอาเสื้อผ้าออกมาจากร้านเลย”

ในขณะนั้น ลักขณาเดินกลับมาแล้ว ทันได้ยินริก้ารายงานพี่ชาย ต่อหน้าชาลิสา

เห็นชาลิสาก็เดาได้แล้ว ตนเองผิดเอ งรับปากจะไปชำระค่าเสื้อผ้ากับเครื่องประดับ…แล้วลืมสนิท

“โกหก!” ชาลิสาโพล่ง

ธีทัตมองคนพูดด้วยสายตาดุๆ แต่กลับไม่ถามเรื่องโกหกหั นมาทางลักขณา

“พูดออกมา มีเรื่องอะไรอีก?”

ลักขณาก็ถูกสายตาของริก้าถลึงใส่ และส่งคำพูดด้วยดวงตา

พูดสิ…พูดไม่ดี…โดน!

“เอ้อ” ลักขณาต้องพูดกลางๆ ไว้ก่อน เอาตัวรอด “น้องไปดูเสื้อผ้าที่ร้านคุณชาลิสา เกิดการเข้าใจผิดนิดหน่อย คุณริก้าไม่ตั้งใจซื้อหรอกค่ะ แต่มีปัญหานิดหน่อย…เรื่องเข้าใจผิดค่ะ เดี๋ยวณาจัดการเองเพราะคุยกับคุณชาลิสาไว้แล้วจะไปจ่ายเงินภายหลัง แต่ลืมค่ะ”

“ถ้าตกลงจะจ่ายเงินก็แสดงว่าริก้าผิด?”

“ไม่ใช่ค่ะ เรื่องเข้าใจผิด” ลักขณายืนยัน

“ค่ะ…พี่ธี…เรื่องเข้าใจผิด” ริก้าเน้น

ชาลิสาโคลงศีรษะ โพล่ง

“ฉันว่าฉันพูดเองดีกว่า แต่ละคนไม่กล้าพูดความจริงเลย ไม่รู้จะอ้อมไปโลกไหน ความจริงง่ายๆ ก็ไม่พูด วกวนแต่เข้าใจผิด ทำไมไม่พูดว่าไปแย่งชุดกับลูกค้าที่เขาตั้งใจซื้อ ไล่ลูกค้าร้านฉัน ทำให้ฉันเสียรายได้และทำความรำคาญให้ลูกค้าประจำของฉัน พูดง่ายๆ คือทำให้สูญเสียรายได้เป็นเงินสามหมื่นหกพันบาท!”

พูดชัดเจน รวมตัวเลขค่าเสียหาย  สามหมื่นหกพันบาทถ้วน

ความจริง ถ้าลูกค้าประจำซื้อจะมีส่วนลดให้ สิบ…ยี่สิบ หรือสามสิบเปอร์เซนต์ตามแต่แบบ และวัสดุของเครื่องประดับ แต่วันนี้ชาลิสาไม่ใจดีลดให้ คิดราคาเต็มที่กับคนแบบริก้า

กำไรเต็มๆๆ ราคาเต็มๆ อวดรวยนักนี่

ยังไม่ทันธีทัตจะกล่าวอะไร ยอมจ่ายแทนน้องหรือไม่จ่ายเลยเพราะเชื่อน้อง ก็ต้องชะงัก เพราะ…

มีคนหลายคนกำลังตรงมา

คุณเอกสิทธิ์กับคุณกอบุญ…พ่อแม่

เสี่ยขจรกับภัทรารวมทั้งดนัยและจิดาภา ตรงมาทางธีทัตอย่างตั้งใจ

ต้องชะงักเรื่องของริก้ากับชาลิสาไว้ก่อน

แต่ยังทันพูดกับชาลิสาอย่างรวดเร็วว่า

“หาหลักฐานมา ถ้าพูดจริงจ่ายจะเป็นสองเท่า ไปเจอที่บริษัทพรุ่งนี้ ถ้าไม่จริง ระวังจะถูกฟ้องนะ ถ้ายังฉวยโอกาสไม่เลิก!”

หาหลักฐานมา…ใช่สิ คนอย่างธีทัตต้องมีหลักฐาน…แค่สามหมื่นหกพัน…แต่ก็ยังยุติธรรมว่าถ้ามีหลักฐานจ่ายสองเท่า

สองเท่า…จากสามหกเป็นเจ็ดหมื่นสอง

เงินนะ…ทำไมจะไม่อยากได้…ต้องรีบกลับไปหาหลักฐาน จะรีบกลับ แต่ชะงักเช่นเดียวกับธีทัต เมื่อเห็น…

เสี่ยขจร…ใช่ล่ะ ใช่แล้ว คนนี้…คนนี้…ที่ทำให้ครอบครัวของตนล้มละลาย จึงจ้องเขม็ง…กำมือแน่น จะทำอะไรได้…ครอบครัวตนเป็นเหยื่อ ไม่เท่าทันเล่ห์กลของเสี่ยขจร

ยังมีลึกตื้นหนาบางอีกมากมายที่พ่อแม่ยังบอกตนไม่หมด แต่เสี่ยขจรคือต้นเหตุแน่นอน

“เธอเป็นใคร?” คุณกอบุญถามลูกชาย

“อ๋อ…เจ้าของร้านเสื้อที่ริก้าไปเลือกเสื้อครับ ไม่มีอะไรหรอกครับ” ธีทัตตอบอย่างไม่ใส่ใจ

ชาลิสาจึงค่อยๆ เลื่อนตัวออกห่างเล็กน้อย แต่ยังไม่ยอมผละไปเลยทีเดียว เพราะอยากมองคนโกงอย่างใกล้ชิดต่อ

เสี่ยขจรมองชาลิสาผ่านๆ อย่างสงสัยว่า แม่สาวคนนี้จ้องตน แต่ก็ไม่ใส่ใจ

อีกคนที่ใส่ใจกว่าคือ ภัทรา รวมทั้งดนัย ที่พึมพำว่า

“สวย เก๋ เท่ชะมัด”

สวย เก๋…คำพูดพวกนี้ ภัทราเคยได้ยินจากปากธีทัต

เคยมีคนมาสัมภาษณ์งานกับธีทัต และมีคำถามผู้หญิงในฝันของเขาต้องเป็นคนลักษณะใด…ภัทราในตอนนั้นเป็นคนรักธีทัต และอยู่เคียงข้าง

ธีทัตตอบชัดเจน

เก่ง…สวยแบบเก๋และเท่

เก๋และเท่ ไม่ใช่ลักษณะแบบภัทราเลย เพราะใครๆ ก็ชมว่าตนสวย…หวาน

แบบชาลิสา คือ ผู้หญิงในอุดมคติของธีทัต

โอ๊ย…ทำไมรู้สึกไม่ดีเลย สังหรณ์ใจลึกๆ และรู้สึกหึงหวงทั้งที่ตนหมดสิทธิ์

แล้วชาลิสาก็ต้องกลับ สังคมรายล้อมคนรวย แม้จะเคยมีประสบการณ์ แต่ขณะนี้ไม่ใช่แนวของตน แค่ต้องมุ่งมั่นทำมาหากิน พยุงประคองครอบครัวไม่ให้ล้มหนักกว่านี้ เป็นภาระอันดับแรกในชีวิต

ส่วนครอบครัวทั้งสองพูดคุยกัน

มันต้องมีช่วงจังหวะบ้างล่ะ ที่ภัทราหาโอกาสอยู่สองต่อสองกับธีทัต และเอ่ยปาก

“แหม…เห็นมองตาเป็นมันเลยนะคะ”

ธีทัตมองซ้ายขวาอย่างสงสัย

“มองใครครับ?”

“แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ…สวย เก๋ เท่ ไงคะ”

“ใคร?”

“ก็ผู้หญิงคนนั้น ขนาดคุณดนัยยังชมเลย”

“อ๋อ…หมายถึง…ชาลิสา?”

“ชื่อไพเราะด้วยสิ หวังว่าจะไม่ใช่ผู้หญิงคนต่อไปของคุณนะคะ”

ธีทัตถอนใจยาว

“ไม่ใช่!”

“แต่ตรงสเปคคุณนี่”

“ใช่เวลามาพูดตอนนี้ เรื่องนี้หรือ?”

“ก็ภัทหวงคุณ”

ชายหนุ่มส่ายหน้า ถึงรักมากแค่ไหน แต่สามีของเธอก็อยู่ไม่ไกลนัก เขาตระหนักแจ้งชัดและคอยเตือนตัวเองเสมอ

“คุณอาจใช้คำผิดนะ”

“ภัทหวงคุณจริงๆ”

“มีคนคอยจับผิดพวกเราอยู่นะ”

“ภัทกล้าเปิดเผยความในใจกับคุณ ภัทรู้ว่าความรู้สึกของคุณก็ไม่ต่างจากภัทเลย”

แล้วต้องหยุดพูดทันควัน เมื่อจิดาภาเดินมาใกล้ แน่ล่ะ จิดาภานี่แหละตัวจับผิด

“คุยอะไรกันคะ?”

ภัทราตอบทันที

“คุยว่าผู้หญิงเมื่อครู่ที่คุยกับคุณธี สวยเท่มากๆ ขนาดคุณดนัยยังเอ่ยชม”

“อ๋อ” จิดาภาก็ทันเห็น “อือม์…เห็นด้วย…ขนาดมองจากไกลๆ ยังสวยเด่นเลย เธอเป็นใครคะ?” หันมาถามธีทัต

ผู้หญิงคนเดียวกลายเป็นจุดสนใจของผู้หญิงหลายคนหรือ?

คงไม่ขนาดนั้นหรอก ถ้าไม่ใช่ว่าธีทัตเป็นจุดความสนใจของสาวต่างหาก

“คู่กับของริก้าเองค่ะ” ริก้าเป็นคนตอบแทน มาทันจังหวะที่พี่ชายทำหน้าเซ็งๆ และเป็นโอกาสให้พี่ชายผละไปได้

ทั้งภัทราและจิดาภาจึงหันมาทางริก้าอย่างอยากรู้อยากเห็น

ธีทัตผละไปแล้ว แต่ทันได้ยินน้องสาวสาธยายว่า…เริ่มต้นรู้จักชาลิสาอย่างไร ตอนท้ายไม่ได้ยินแล้ว แต่แน่ใจว่าริกก้าไม่พูดถึงชาลิสาในแง่ดีแน่นอน

 

ชาลิสากลับบ้านดึกตามเคย

ระยะหลังแทบไม่กลับมาทานอาหารเย็นเลย แต่ไว้ใจจวนที่จัดอาหารให้พ่อแม่กับยายได้ทุกมื้อ ไม่ขาดตกบกพร่อง เพราะนนทกรก็อีกคนที่ระยะหลังกลับบ้านดึกมาก บางทีก็เกือบเช้า

นนทกรมีข้ออ้างเสมอ ไปอยู่กับเพื่อนๆ ไปช่วยงานเพื่อน จะได้มีรายได้ส่วนตัว ไม่ต้องแบขอเงินจากพี่สาว

ไม่ขอเงินชาลิสา ก็เบาไปหนึ่งคน แต่งานการอะไร น้องชายไม่เคยบอกเล่า ได้แต่บอกว่าพอมีรายได้ใช้กับตัวเองได้ ไม่ต้องขอจากพี่สาวอีก

มันก็ดีล่ะ ถ้าน้องชายรู้จักคิดและทำงานเสียที แต่ไม่เปิดเผยงาน ก็ชวนสงสัย

เช้าวันรุ่งขึ้น ชาลิสารีบจะไปร้าน โดยดื่มกาแฟแค่แก้วเดียว

จวนกำลังจัดอาหารเช้าให้ พ่อ แม่ และยาย แต่สำหรับชาลิสาบอกกับจวนแต่แรกว่าไม่ต้องจัดเผื่อ เพราะจะรีบ

รีบอย่างไร ยายก็มาดักรอหน้าประตู

“ไม่เห็นหน้าค่าตามาสองวันแล้ว กลับก็ดึก เช้าก็ไม่ทันแกออกจากบ้านเลย”

ชาลิสายิ้มแห้งๆ

“สารีบค่ะ ต้องไปดูร้านตั้งสองร้าน”

“เมื่อก่อนไม่เห็นรีบแบบนี้”

“จำเป็นค่ะ รายได้หายไปเยอะค่ะ”

“ทำงานเหมือนเป็นหนี้อย่างนั้นล่ะ”

“ยังเป็นหนี้บ้านหลังนี้ค่ะ ยังต้องผ่อนค่ะ”

“ยายประชดแก แกอย่าทำเป็นโง่ อย่าคิดจะหลบหน้ายายได้”

รู้ค่ะ…หลบไม่ได้หรอก แต่ขอให้ผ่านไปวันก็วัน สองวันก็สองวัน ผ่านได้กี่วันก็เท่านั้น

“ยายมีอะไรคะ?”

“ยายอยากไปล่องเรือสำราญ ยายก็ไปประจำกับเพื่อนๆ ปีละหลายครั้ง แต่ตั้งแต่เกิดเรื่องกับพ่อแม่แก ยายยังไม่ได้ไปเลย”

“ดีแล้วค่ะ ตัดเรื่องไม่จำเป็นออก”

“ของแกอาจไม่จำเป็น แต่ของยาย จำเป็น”

“งดเถอะค่ะ ไว้ก่อน”

“แกเป็นหลานนะ และแกก็ไม่เคยขัดใจยาย”

“ตอนนี้อะไรก็เปลี่ยนไปแล้ว สาจะไม่ตามใจยาย”

“แกเปลี่ยนไปเยอะจริงๆ”

“ไม่ค่ะ สายังเป็นคนเดิม แต่สารู้ว่าควรทำอะไรและคนงดทำอะไร และทุกคนต้องฟังสาถ้าอยากให้ครอบครัวเราเดินหน้าต่อไปได้”

ยายโสพิศแค่นหัวเราะ

“เออ…นะ…แกก็ทำเป็น เล่นเป็น เล่นใหญ่ด้วย แต่ยังไงยายไม่เล่นกับแก ตอนนี้ยายต้องการสามแสน”

ชาลิสาถึงกับยกมือทาบอก

“ยาย!” พูดทีเป็นแสนๆ โคลงศีรษะ “เก็บไว้ผ่อนบ้านดีกว่าค่ะ”

“ยายรับฝากเพื่อนว่าจะไปล่องเรือสำราญด้วยเดือนหน้า แกจ่ายมาแค่มัดจำก่อนก็ได้ แสนเดียว อีกสองแสนไว้ก่อน“

ชาลิสาเม้มริมฝีปาก กัดฟันปฏิเสธ

“ไม่ค่ะ ไม่มี ไม่ให้!”

“แก…แกจะทำให้ยายเสียคำพูดเรอะ”

“เดือนหน้าพ่อต้องหาหมอ แม่ต้องซื้อยาเป็นหมื่นๆ สาจะจ่ายเท่าที่จำเป็นจริงๆ ยายอย่าหวังเลยจะได้จากสา สายอมยายมาเยอะแล้ว สาต้องขัดใจยายบ้างค่ะ”

“แกมันอกตัญญู”

อกตัญญู…เจ็บแปลบ กับภาระที่รับขณะนี้ ชาลิสาถือว่าทำดีที่สุดแล้ว และบอกกับตัวเอง ใจแข็ง…ใจแข็ง…ใจแข็ง

“สาต้องรีบไปธุระ ไม่มีเวลาคุยกับยาย”

“แกต้องคุย! แกหนียายไม่พ้นหรอก จนกว่าแกจะเอาเงินมาให้ยายสามแสน!”

 

ชาลิสาไปที่ร้านเสื้อของตัวเอง

หลักฐาน…

ใช่สิ ธีทัตต้องการหลักฐาน เพื่อจะจ่ายให้สองเท่า ดีเลยล่ะ ทำไมจะไม่อยากได้ จ่ายสองเท่า สามหมื่นหกพันเป็นเจ็ดหมื่นสอง หญิงสาวรับแน่นอน คนกำลังร้อนเงิน

โชคดีที่ร้านมีกล้องวงจรปิด และเห็นทั้งหมดว่าริก้าป่วนร้านจนเกิดความเสียหายจริงๆ

วันนี้หญิงสาวจะทวงถามความยุติธรรม เมื่อออกจากร้านจึงมุ่งตรงไปโรงแรมของธีทัต

ปกติเธอมักใช้บริการต่างๆ ในโรงแรมเสมอ ทั้งทานอาหาร พักผ่อน ดื่มชายามบ่ายในขณะที่ยังเป็นคุณหนู ในขณะที่พ่อแม่ยังไม่ล้มละลาย แต่พอทุกอย่างเปลี่ยนไป ชีวิตก็เปลี่ยน การดำรงชีพย่อมเปลี่ยน ชาลิสาปรับตัวได้ในภาวะจำยอม

และก็มาถึงหน้าห้องทำงานของเขา…

ชาลิสาแจ้งเลขาของธีทัตว่ามีนัดกับชายหนุ่ม แต่ในตารางนัดไม่มีชื่อตน

หญิงสาวย้ำชัดว่ามีนัด จนเลขาต้องโทรถามเจ้านายที่กำลังเดินทางมาโรงแรม เมื่อรับคำสั่งชัดเจนแล้ว จึงแจ้งกับชาลิสาว่า

“คุณธีกำลังเดินทางมาค่ะ ให้คุณชาลิสาไปรอในห้องทำงานของท่านก่อนนะคะ”



Don`t copy text!