คนที่คุณเองก็จะนึกถึงตลอดไป : ดัมเบิลดอร์กับสเนป
โดย : นกอัญชันหางดำ
กลั่นเกลาเล่าเพลิน โดย นกอัญชันหางดำ คอลัมน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากโลกวรรณกรรมที่มีตัวละครมากมายโลดแล่นอยู่ในใจนักอ่าน และมีเรื่องราวให้กล่าวถึงได้
ใครทำงานแล้วเคยมีคนแบบ ‘ดัมเบิลดอร์’ หรือ ‘สเนป’ มาเป็นหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงานบ้าง ยกมือขึ้น
ในจักรวาล แฮร์รี่ พอตเตอร์ เวอร์ชันหนังสือทั้งเจ็ดเล่ม มีหลายตัวละครที่ปรากฏแล้วชวนให้นึกถึงคนที่ได้ประสบพบเจอในการทำงานไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นลอร์ดโวล… คนที่คุณก็รู้ว่าใคร (ขอยังไม่เอ่ยชื่อเผื่อเป็นคำต้องห้ามที่มีอาถรรพ์คำแช่งหลงเหลืออยู่) หรือเพื่อนสนิทอย่างรอนกับเฮอร์ไมโอนี่ รวมถึงคนสำคัญที่คอยกำหนดยุทธศาสตร์ วางแผนดำเนินการ ให้คำแนะนำ ช่วยแก้ไขเมื่อเกิดปัญหา คอยดูแลผลักดันและขับเคลื่อนภารกิจของทีมให้ลุล่วงอย่าง อัลบัส ดัมเบิลดอร์ กับ เซเวอร์รัส สเนป
คงไม่ผิดนักหากจะนับสเนปเป็นเพื่อนร่วมงานที่อายุรุ่นพ่อรุ่นแม่ ทำงานอยู่กับองค์กรภาคีนกฟีนิกซ์มานาน เรียกได้ว่าเป็นรุ่นบุกเบิก (ถึงทีแรกจะมีแค่ท่านประธานรู้อยู่คนเดียวก็ตาม เพราะรับเข้าทำงานแล้วก็ส่งไปทำภารกิจลับนอกสถานที่เลยไม่ได้มาปฐมนิเทศทำความรู้จักกับใครในออฟฟิศ) สเนปเป็นคนที่มากด้วยทักษะรอบด้าน เก่งเรื่องงานแต่เสียเรื่องปาก ที่อยู่มาได้นานเพราะมีประสบการณ์สูง ยากจะหาใครมาทดแทนได้ รอบรู้ทั้งในตำราและการปฏิบัติจริง ที่เห็นได้ชัดคือ ความสามารถด้านการสกัดใจที่ปิดบังความจริงในใจจากจอมมารได้จนถึงนาทีสุดท้ายทั้งที่จอมมารเองก็เก่งเรื่องพินิจใจ นอกจากนี้สเนปยังเชี่ยวชาญด้านเทคนิคการปรุงยา เก่งขนาดดัมเบิลดอร์กับลูปินเคยเอ่ยปากชื่นชมและแฮร์รี่เองตอนปีหกก็ยังเคยได้ประโยชน์จากหนังสือเก่าของสเนปสมัยเรียน แต่ไม่นับที่สเนปคิดค้นคาถาเซ็กตัมเซมปร้านะ อันนั้นเป็นศาสตร์มืด การใช้ความสามารถในทางที่ผิดไม่ถือว่าเก่งจริงเพราะเกิดจากจิตใจพ่ายแพ้ต่อกิเลสความอยากรู้อยากลองของอยากอวดเก่ง
ถ้าจัดสเนปเป็นพวก Result Oriented ก็คงได้ ไม่สนใจวิธีการ ขอเพียงไปให้ถึงเป้าหมาย การที่หมวกคัดสรรจัดให้ไปอยู่บ้านสลิธีรินคงเหมาะที่สุดแล้วในเวลานั้นเพราะไม่ใช่แค่มีคุณสมบัติตรงตามที่บ้านต้องการ แต่เขาเองก็อยากอยู่กับสลิธีรินมาตั้งแต่ต้นตามที่คุยบนรถไฟตอนไปฮอกวอตส์ครั้งแรก (ก็อย่างที่ดัมเบิลดอร์เคยบอกกับแฮร์รี่ว่าหมวกคัดสรรยอมรับการเลือกของเจ้าตัวไปพิจารณาด้วย) เมื่อมุ่งเน้นแต่เรื่องผลลัพธ์มากกว่าความสัมพันธ์ พอมามีอำนาจสั่งคนยิ่งเห็นชัด ประมาณว่าฉันจะเอาแบบนี้ ไม่ต้องเถียงหรือถามมาก รู้เท่าที่บอกก็พอ สั่งแล้วก็ต้องทำ ฉันเน้นงาน ตรงไปตรงมา พูดจาหวานๆ เอาใจใครไม่เป็น… เออ แต่บางทีต้องแยกแยะให้ถูกนะ ปากกับใจตรงกันหรือแค่ปากแจ๋วชอบพูดแรงๆ ไม่คิดถนอมน้ำใจคนฟัง ด่าจนฉ่ำแล้วมาบอกเป็นคนตรงๆ มันก็ไม่ใช่
ไม่แปลกถ้าใครร่วมงานกับคนเช่นนี้แล้วจะอ่อนล้ามากทั้งร่างกายและจิตใจ คนที่ช่วยแก้ปัญหาให้ได้เสมอแต่ก็มีวาจาเชือดเฉือนได้ตลอด จะหนีพ้นได้อย่างไรหากยังต้องพึ่งพากัน ถ้าอยากจะเอาชนะเขาก็ต้องพยายามให้หนักขึ้นเพราะเขามีผลงานที่โดดเด่นคุ้มครองอยู่ ถ้าจะหาตัวช่วย หัวหน้าก็ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายเพราะเป็นใครก็ต้องเลือกคนที่ทำผลงานให้ทีมได้ดีไว้ก่อนอยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งที่จะช่วยเยียวยาได้อาจจะมีเพียงอาหารจานโปรด ไม่ว่าจะอาหารญี่ปุ่น กุ้งเผา ส้มตำ ชาบูหมูกระทะ ขนมหวาน ช็อกโกแลต เครื่องดื่มสเปเชียลตี้ทั้งหลาย จัดเต็มเข้าไปเลย เมื่อท้องอิ่ม ลิ้นอร่อย อะไรมันก็ไม่แย่นัก ยิ่งถ้ามีเพื่อนไปกินด้วยยิ่งดี จะได้มีคนคอยรับฟังในสิ่งที่อยากระบาย
จริงๆ ก็น่าเห็นใจสเนป ถ้าใครอ่านเล่มเจ็ดแล้วคงพอเดาได้ว่าเขามาจากครอบครัวที่มีปัญหา เติบโตขึ้นมาแม้จะเป็นคนเก่ง แต่ความทะเยอทะยานและเลือกคบคนผิดกลับทำให้ชีวิตไม่เป็นอย่างที่หวัง แล้วยังทำเรื่องผิดพลาดจนต้องเสียใจไปตลอดกาล ความขมขื่นที่กัดกินใจคงทำให้เขาไม่หลงเหลือมิตรภาพให้ใครมากนัก ยิ่งเมื่อเฉลยถึงแผนการของดัมเบิลดอร์และเปิดเผยถึงความรักที่มั่นคงของสเนปแล้ว บางทีแทบจะลืมไปเลยว่าในหกเล่มแรกเขาแสดงพฤติกรรม Toxic ไว้ขนาดไหนกับคนที่ไม่ใช่เด็กสลิธีริน โดยเฉพาะสิ่งที่พูดและแสดงออกต่อแฮร์รี่ซึ่งคงไม่ใช่แค่กลบเกลื่อนแผนการ แต่ส่วนหนึ่งคงมาจากอินเนอร์ด้วย ก็มีประเด็นบาดหมางคาใจกับรุ่นพ่อแม่ขนาดนั้นจะให้มาชื่นชมเอ็นดูเด็กมันก็ยากอยู่ ถึงอย่างนั้นถ้าเพื่อลิลี่แล้วเขาก็ยังยอมทำตามดัมเบิลดอร์ทุกเรื่อง ดังนั้นความดีที่ต้องยกย่องสเนปอีกเรื่องหนึ่งคือ การรู้จักสำนึกผิดและลงมือแก้ไข ทำในสิ่งที่ถูกต้อง
คำถามคือถ้าต้องทำงานกับคนแบบสเนปนานๆ จะไหวไหม คนที่แสดงความเห็นใจใครไม่เป็นแต่ถือประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าความสบายส่วนตัว คนที่ชอบถากถางแถมยังมีเรดาร์ตรวจจับความผิดพลาดได้แม่นเวอร์ แต่ก็แอบช่วยแก้ปัญหาให้หลายหน คนที่เก่งมากแต่เครื่องด่าก็ทำงานไวมากเช่นกัน เราจะอดทนทำงานกับคนแบบนี้ได้นานเพียงใด คำตอบคงขึ้นอยู่กับบริบทที่พบเจอและสถานการณ์ความจำเป็นของแต่ละคน ถ้าทางเลือกมีจำกัด คงไม่มีอะไรดีสำหรับตัวเราเองมากไปกว่า ลองทำความเข้าใจคนแบบนี้สักนิด ลองมองในมุมเขา เข้าใจที่มาที่ไปของเขา จะยอมรับหรือไม่ก็ได้ แต่เราอาจจะไม่รู้สึกแย่เท่าเดิมหากได้รู้ว่าสิ่งที่เขาเป็นก็ไม่ได้ทำให้เขาเองอยู่ดีมีสุข เพราะคนที่มีความสุขกับตัวเองได้จริงคงไม่ปล่อยพลังความรู้สึกด้านลบออกมาจนคนหนีหน้าเกือบหมดแบบนี้ การมีเมตตา มี Empathy ในทุกข์สุขของคนอื่น อาจทำให้ได้ใจเขาไปเต็มๆ เหมือนที่ดัมเบิลดอร์ได้รับและมีเขาเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งในการทำงานได้ในที่สุด
ในส่วนของดัมเบิลดอร์เอง สำหรับคนที่เพิ่งเข้าฮอกวอตส์ เอ๊ย เพิ่งเข้าสู่โลกแห่งการทำงานซึ่งทุกอย่างเป็นเรื่องใหม่ที่ต้องเรียนรู้ด้วยความรู้สึกตื่นเต้นสนุกสนานสลับกับกังวลใจกลัวทำได้ไม่ดี หากได้ผู้นำหรือมีโค้ชที่เป็นระดับตำนานแบบดัมเบิลดอร์คงอุ่นใจได้มาก อัจฉริยะตัวจริง มีผลงานจับต้องได้จริง มีชื่อเสียงเป็นที่ยกย่องในทุกวงการ ขนาดพวกโลกใต้น้ำอย่างชาวเงือกและพวกไม่ชอบยุ่งกับใครอย่างเซ็นเทอร์ก็ยังให้ความเคารพนับถือเขามาก ซึ่งไม่ใช่เพราะตำแหน่งหรือยศถาบรรดาศักดิ์ แต่เป็นเพราะประจักษ์ในผลงาน เห็นถึงความเสียสละทุ่มเททำอย่างสม่ำเสมอเพื่อประโยชน์สุขของคนส่วนใหญ่อย่างจริงใจ จึงทำให้เขาเป็นที่สรรเสริญและรำลึกถึงคุณงามความดี
ดัมเบิลดอร์ให้โอกาสคนอื่นเสมอ จะเป็นเลือดบริสุทธิ์หรือเลือดสีโคลนเขาก็ไม่ดูถูกหรือแบ่งแยก แม้แต่คนที่สังคมไม่ยอมรับ เช่น พวกเชื้อสายยักษ์หรือคนที่ติดเชื้อมนุษย์หมาป่าอย่างแฮกริดหรือลูปิน หรือคนที่เคยเป็นฝ่ายตรงข้ามกันมาก่อนอย่างสเนป เขาก็เชื่อใจและให้โอกาสได้พิสูจน์ตัวเอง นอกจากนี้เขายังสามารถรับมือได้อย่างเหนือชั้นกับผู้ใช้อำนาจโดยมิชอบโดยไม่ประหวั่นพรั่นพรึง ทั้งผู้แทนกระทรวงฯ อย่างอัมบริดจ์ ตัวรัฐมนตรีเองอย่างฟัดจ์ หรือต่อให้เป็นอันธพาลเงินหนาอย่างพวกมัลฟอยก็ตาม สำหรับคนที่เป็นผู้เยาว์ ดัมเบิลดอร์ก็ไม่เคยชักจูงไปในทางที่ผิดหรือเอามาเป็นข้ออ้างบังหน้า ในเล่มห้าเขายอมรับผิดแทนด้วยซ้ำเพื่อไม่ให้เด็กถูกลงโทษหนัก ขณะเดียวกันเขาก็ไม่ได้ประคบประหงมเด็กจนเกินไป เมื่อคาดการณ์ได้ถึงปัญหาในอนาคต แทนที่จะห้ามตรงๆ เขากลับพยายามสอนและให้คำชี้แนะให้มากพอ รวมถึงมอบอุปกรณ์ที่จำเป็น (อย่างผ้าคลุมล่องหนหรือดีลูมิเนเตอร์) เพื่อให้เด็กสามารถช่วยเหลือตัวเองเอาตัวรอดได้ในวันที่เขาไม่อยู่ด้วย
กระนั้นความยิ่งใหญ่นี้ก็แลกมาด้วยความเจ็บปวดเช่นกัน ครั้งแรกที่อ่านถึงความลับของดัมเบิลดอร์ (สมัยที่ยังไม่มีการเสริมแต่งสร้างเรื่อง Side Story เพิ่มมา) ความเห็นส่วนตัวเรามองว่าดัมเบิลดอร์กับกรินเดลวัลด์เป็นเพื่อนรักกันเหมือนแฮร์รี่กับรอนหรือเจมส์กับซิเรียส คนที่คุยกันถูกคอ จริตตรงกัน เวลาใครจะทำอะไรถ้าห้ามไม่ได้ก็ไปด้วยกันเสียเลย หากจะเปรียบเทียบให้ชัดขึ้นก็อาจเหมือนโปรเฟสเซอร์เอ็กซ์กับแม็กนีโต้จากภาพยนตร์เรื่อง X-Men ที่เป็นคนฉลาดพอกัน คุยกันรู้เรื่องตามกันทัน แต่ถึงจะเคยสนิทสนมเพียงใดเมื่ออุดมการณ์ไม่ตรงกันก็ต้องแยกย้ายไปคนละเส้นทาง ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่เมื่อพลาดพลั้งและสูญเสียสิ่งสำคัญไปแล้ว ดัมเบิลดอร์ก็ชัดเจนในจุดยืน ทุ่มเทแรงกายแรงใจสติปัญญาเพื่อปกป้องพวกมักเกิ้ลและต่อสู้กับศาสตร์มืดอย่างเต็มกำลังมาตลอด เมื่อรู้ตัวว่าอะไรเป็นจุดอ่อนเขาก็ไม่เอาตัวเองไปอยู่ใกล้สิ่งล่อใจ และเมื่อเห็นว่าจุดแข็งของเขาอยู่ที่การถ่ายทอดองค์ความรู้เป็นครูที่ดี เขาก็พาตัวเองมาอยู่ในที่ที่เหมาะสม
จากบทเรียนชีวิตที่เผชิญมา ดัมเบิลดอร์คงอยากบอกให้รู้ว่าโลกนี้ยังมีสิ่งอื่นที่ควรให้คุณค่ามากกว่าความสำเร็จที่มีแต่เปลือกอีกมากมาย เช่น การมีไหวพริบเอาตัวรอดได้ในชีวิตจริงนอกห้องเรียน การมีสติควบคุมตนเองได้ การยืนหยัดกล้าตักเตือนเมื่อเพื่อนจะทำผิด ตอนที่กริฟฟินดอร์ได้คะแนนในช่วงท้ายของการเก็บแต้มจนชนะได้รางวัลบ้านดีเด่นนั้นก็คงเพราะสิ่งเหล่านี้คู่ควรแก่การเน้นย้ำไม่ให้เผลอหลงลืม ยิ่งเมื่อดูจากที่สลิธีรินชอบใช้อุบายโกงเล่นตุกติกตัดกำลังคู่แข่งทุกครั้งเวลาแข่งควิดดิชแล้วจะบอกว่าได้คะแนนนำมาเพราะความสามารถล้วนๆ นี่เชื่อได้ยากนะ แถมส่วนใหญ่ยังไม่สุงสิงหรือทำตัวเป็นมิตรกับใคร จะว่าเป็นอินโทรเวิร์ตก็ไม่น่าใช่เพราะเห็นแต่ไประรานบ้านอื่นก่อนอยู่เรื่อย ถ้าไม่โกงใครหรือเคยทำดีกับคนอื่นบ้าง เด็กบ้านเรเวนคลอกับฮัฟเฟิลพัฟจะมาร่วมโกรธแฮร์รี่ตอนทำกริฟฟินดอร์เสียแต้มจนเกือบแพ้ และร่วมดีใจตอนสลิธีรินเสียแชมป์ทำไมกัน ชัยชนะหากได้มาตอนที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่มีใครร่วมยินดีด้วยจากน้ำใสใจจริงมันจะอิ่มเอมได้สักแค่ไหน
นอกจากความพลั้งพลาดขาดสติสมัยวัยคะนองแล้ว เคยหมือนกันที่ดัมเบิลดอร์ในวัยชราตัดสินใจผิดเหมือนที่ผู้ใหญ่หลายคนทำ นั่นคือ เลือกที่จะไม่อธิบายสถานการณ์และเหตุผลให้เด็กได้เข้าใจภาพรวมทั้งหมด ด้วยเพราะไม่อยากให้แฮร์รี่ต้องแบกทุกข์เกินวัยจึงไม่เล่าเรื่องคำทำนายและชะตากรรมที่เกี่ยวพันของแฮร์รี่กับเจ้าแห่งศาสตร์มืด และด้วยเกรงแฮร์รี่จะพลาดเหมือนเขาในอดีตเมื่อไปข้องเกี่ยวกับเครื่องรางยมทูต จึงบอกเล่าเพียงภารกิจทำลายฮอร์ครักซ์ ผลที่ตามมาจึงเป็นความเสียศรัทธาจนเกือบทำให้งานล้มเหลว โชคดีที่แฮร์รี่ยังรับรู้และเข้าใจในความรักความห่วงใยความปรารถนาดีของดัมเบิลดอร์และก้าวข้ามเรื่องที่เคยขุ่นข้องหมองใจมาได้ แล้วหลังจากที่เคยอาละวาดปาข้าวของขึ้นเสียงใส่อารมณ์ในห้องอาจารย์ใหญ่ เขายังมีโอกาสได้บอกความรู้สึกในใจกับดัมเบิลดอร์ ประกาศตัวกับคนอื่นอย่างภาคภูมิใจว่าเขาเป็นคนของดัมเบิลดอร์ จนได้ซาบซึ้งใจกันทั้งสองคน ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าเหตุการณ์คำสาปพิฆาตบนหอคอยเกิดขึ้นก่อนได้เคลียร์ใจกัน จะวิปโยคโศกเศร้ากันไปอีกนานแค่ไหน โชคดีอีกอย่างที่ดัมเบิลดอร์เป็นผู้ใหญ่ที่ทำผิดแล้วกล้ายอมรับผิด กล้าแสดงความเสียใจแล้วเอ่ยคำขอโทษกับเด็กก่อน
อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องชื่นชมดัมเบิลดอร์ในฐานะหัวหน้าทีมคือ เขาเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้าเพื่อหา Successor มาดำรงตำแหน่งทำงานแทนในวันที่เขาจากไป ผู้นำเก่งๆ หลายคนพลาดเรื่องนี้ แต่สำหรับดัมเบิลดอร์ที่ยังคงยึดมั่นในหลักการไม่ถือพรรคถือพวกและให้โอกาสทุกคน เขาเลือกผู้สืบทอดภารกิจจากความสามารถและความเหมาะสมกับสถานการณ์ คนแรกคือแฮร์รี่ ซึ่งแม้จะอายุน้อยและประสบการณ์ยังไม่มาก เกรดตอนเรียนก็ไม่สูง มีพลังเวทมนตร์ระดับปานกลาง แต่มีคุณสมบัติสำคัญคือจิตใจใฝ่ดีและเก่งการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด ซึ่งเมื่อแฮร์รี่ยอมรับในการเป็นผู้ถูกเลือกแล้ว เขาจึงสอนโดยใช้วิธี Job Shadowing ให้มาติดตามเรียนรู้งาน ส่วนผู้สืบทอดอีกคนนั้น ดัมเบิลดอร์ไม่ได้เลือกมักกอนนากัลที่เป็นศิษย์เก่าบ้านกริฟฟินดอร์เหมือนเขา แม้จะเป็นคนเก่งสุดยอดและได้รับการยอมรับจากคนในองค์กรก็ตาม แต่เขาเลือกสเนปเพราะรู้ว่าในยุคที่ศาสตร์มืดกลับมาสร้างความโกลาหลจนเกิดหายนะไปทั่วนั้น สเนปจะสามารถรับมือได้ดีกว่าและช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้
นอกจากคนแบบดัมเบิลดอร์กับสเนป ถ้าจะถามว่าแล้วเคยเจอคนอื่นอีกไหมที่เหมือนเป็นพ่อมดแม่มดจำแลงกาย (หรือดื่มน้ำยาสรรพรส) แอบมาปะปนอยู่ในโลกของชาวเรา …
“ตลอดเวลาที่ทำงานมานี่น่ะหรือ” … “Always.”
- READ เพอร์ซิอุส : ก่อนจะได้เป็นดาว
- READ เบลเลอโรฟอน : บินสูงได้ก็ตกลงมาได้เช่นกัน
- READ เดดาลัส : เมื่อเลือกทางผิด ชีวิตจึงต้องวกวนวุ่นวาย
- READ ไซคี : ชีวิตคู่ไม่ได้มีกันแค่สองคน
- READ เอนิส : ชีวิตที่ไม่หมดหวังและยังก้าวต่อไป
- READ ยูลิสซิส : เมื่อมีความตั้งใจก็ย่อมหาหนทางไปได้เสมอ
- READ อะกาเมมนอน : ผู้ชนะศึกนอกแต่พ่ายศึกใน
- READ ปารีส : เพราะชะตากรรมหรือทำตัวเอง
- READ หนึ่งมิจ (ฉาชีพ) ชิดใกล้ : เคร้าช์ จูเนียร์
- READ คนที่คุณเองก็จะนึกถึงตลอดไป : ดัมเบิลดอร์กับสเนป
- READ อยู่และเรียนรู้
- READ รวมมิตรที่คิดไม่ถึง : ด๊อบบี้ กับ ครีเชอร์
- READ ทางที่เลือก : แฮร์รี่ vs โวลเดอมอร์
- READ มีแต่เพื่อนแท้เท่านั้นที่อยู่เหนือกาลเวลา
- READ ขมิ้นกับปูน : มัลฟอย
- READ เสาหลักที่แข็งแกร่งมั่นคงและตรงแบบแผน : มักกอนนากัล
- READ มีใครร้ายกาจกว่านี้อีกไหม : อัมบริดจ์
- READ อย่าตัดสินเนื้อหาจากปกหนังสือ : แฮกริด