โหงลำโขง บทที่ 6 : ลูกรักและลูกชั่ว (1)

โหงลำโขง บทที่ 6 : ลูกรักและลูกชั่ว (1)

โดย : ทศพล

Loading

โหงลำโขง โดย ทศพล กับเรื่องราวของ “คูน” ชายหนุ่มผู้อาภัพ บิดามารดาถูกฆาตกรรม เขาจึงเติบโตโดยการฟูมฟักจากแม่เฒ่าต้วน ผู้หวังว่าสักวันหนึ่งคูนจะกลับไปล้างแค้นให้กับบิดามารดา และทำให้ครอบครัวของฆาตกรนั้นอยู่อย่างตายทั้งเป็น หากแต่แผนการและหัวใจสวนทางกัน คูนจะทำอย่างไร นวนิยายคุณภาพที่อ่านเอานำมาให้คุณอ่านใน anowl.co

จำปาเดินถือตะกร้าที่เต็มไปด้วยยอดมะรุมขึ้นมาบนเฮือน ทุกครั้งที่เดินขึ้นมาแล้วเห็นแม่จำปูนนั่งบนเก้าอี้ในโซนห้องรับแขก เหตุการณ์ในความทรงจำเมื่อ 3 ปีก่อนก็มักจะผุดเข้ามาในความคิด เธอได้แต่ตัดพ้อในใจว่าเพราะเหตุใดเธอถึงต้องเป็นคนผิดในสายตาของแม่เสมอ จากแม่หญิงที่กล้าคิด กล้าแสดงออกมาตั้งแต่เด็ก กลับแปรเปลี่ยนเป็นคนเก็บตัวเงียบ

 

….หากจะพูดถึงจุดเริ่มต้นความเปลี่ยนไปของจำปานั้น คงต้องเท้าความไปเมื่อครั้งที่จำปาถูกคูนโอบกอดเป็นครั้งแรกในวัยเยาว์ ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ในครั้งนั้นมีเพียง ‘จำปี’ แต่เมื่อจำปีกลับบ้านไปก็เล่าเรื่องนี้ให้แม่จำปูนฟังว่า ‘มีชาวบ้านหลายคนแอบเห็นจำปายืนกอดกันกับพ่อชาย จนเป็นที่ร่ำลือกันจนหนาหู’

ยามอาทิตย์อัสดง จำปาก้าวเท้าขึ้นมาบนเฮือน เธอรู้สึกแปลกใจที่เห็นแม่นั่งถือไม้เรียวอยู่บนเก้าอี้ด้วยรังสีน่าสะพรึงกลัว กรามขบเข้าหากันจนเป็นสันนูน สันชาตญาณของคนเป็นลูกย่อมรู้ดีว่าการที่แม่ถือไม้เรียว ต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ

“อีจำปา นั่นมึงแม่นบ่” แม่จำปูนมองไม่เห็นว่าเป็นใคร แต่รู้สึกได้ว่ามีคนเดินขึ้นมาบนเฮือน จึงเอ่ยถามด้วยเสียงทุ่มต่ำอย่างไม่สบอารมณ์

จำปายืนงุนงงและเดาไม่ถูกว่าแม่เป็นอะไรไป ถึงต้องเรียกชื่อเธอเน้นคำว่า ‘อี’ ขนาดนั้น

“แม่นจ้ะ แม่มีหยังหรือจ๊ะ” เธอขานตอบพร้อมกับกำลังจะเดินเลี้ยวเข้าไปในห้องนอนตัวเอง

“มึงมานี่” แม่จำปูนเดินมาหาจำปาโดยใช้ไม้เรียวคลำทาง “บอกกูมาเดี๋ยวนี้ ว่ามึงถูกพ่อชายผู้ใดกอด”

“แม่พูดเรื่องหยังจ๊ะ พ่อชายอิหยัง” จำปารู้ตัวดีว่าตนเองเพิ่งถูกพ่อชายสวมกอดมา แต่เธอต้องโกหกออกไปเพื่อปกป้องตัวเอง “บ่มีไผมากอดข่อยหรอก”

“ขี้ตั๋ว” แม่จำปูนตะคอกเสียงดังคับเฮือน จนคนละแวกใกล้เฮือนเคียงถึงกับพากันตกใจไปตามๆ กัน “ไผสั่งไผสอนให้มึงหัดขี้ตั๋ว มีคนเห็นมึงยืนกอดกับพ่อชายไปหมาดๆ มึงยังกล้ามาขี้ตั๋วกูอีกบ่…อีลูกชั่ว”

“ข่อยบ่ได้ถูกพ่อชายกอดอีหลี” จำปาเถียงออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“งามหน้านัก ชาวบ้านเขาลือกันให้แซ่ด ถ้ามันบ่แม่นเรื่องจริง ชาวบ้านเขาสิกล้าลือจนมันมาถึงหูกูซั่นติ” แม่จำปูนเหวี่ยงไม้เรียวฟาดไปข้างหน้า หวังให้โดนตัวลูกสาว แต่จำปากลับหลบหนีได้ทัน ยิ่งทำให้ความโกรธของเธอทวีขึ้นเรื่อยๆ “มึง…มายืนกอดอกเดี๋ยวนี้ มื้อนี้กูสิเอาเลือดชั่วมึงออกไปให้หมด เป็นถึงลูกสาวหัวหน้า กลับเฮ็ดตัวต่ำเหมือนคนบ่มีหัวนอนปลายตีน”

“นี่แม่เชื่อไทบ้านหลายกว่าข่อยซั่นติ ข่อยเป็นลูกสาวแม่เด้อ หัดเชื่อใจข่อยแน่” จำปาเถียงออกไปพร้อมกับน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาอย่างพรั่งพรู เธอไม่อาจทนแบกรับความโกรธของแม่ได้ จึงคิดจะวิ่งหนีลงไปจากเฮือนให้เร็วที่สุด แต่ในขณะที่กำลังจะวิ่งถึงหัวบันไดเฮือน เสียงของผู้เป็นแม่ก็ดังขึ้นเพื่อหยุดเธอ

“ถ้ามื้อนี้มึงก้าวลงจากเฮือนนี้ไป กูกับมึง…กะสิบ่แม่นแม่ลูกกันอีก แล้วมึงสิไปตายหม่องใดกะไปเลย” แม่จำปูนชี้นิ้วไปตรงหัวบันไดเฮือน “ถ้ามึงยังนับถือว่ากูเป็นแม่…กะจงกลับมายอมรับผิดและเล่าความจริงมา”

จำปายังเด็กเกินไปที่ต้องมาตกอยู่สถานการณ์แบบนี้ เธอร้องไห้ไม่หยุดเมื่อผู้เป็นแม่พูดถึงเรื่องตัดความสัมพันธ์และจะขับไล่เธอออกจากเฮือนโดยไม่มีเยื่อใย ด้วยความกลัวแม่ทิ้งเธอจึงค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปหาแม่ด้วยความหวาดกลัวมาก จนเนื้อตัวสั่นไปพร้อมกับน้ำเสียงสั่นเครือ

แม่จำปูนควานหาตัวของจำปาก่อนจับตัวลูกมายืนอยู่ต่อหน้าใกล้ๆ แล้วตะคอกเสียงไป “กอดหน้าอก มึงเฮ็ดผิดกะต้องถูกลงโทษ” มือซ้ายที่ถือไม้เรียงยกสูงขึ้นเพื่อฟาดเข้าไปที่ก้นของจำปาแรงๆ

แม้จำปาจะนุ่งผ้าซิ่นอยู่ แต่ก็ไม่อาจจะทนความเจ็บปวดได้ น้ำตาจากความเจ็บปวดทะลักออกมาผสมกับเสียงสะอึกสะอื้นจากความน้อยเนื้อต่ำใจ สิ่งที่เธอทำได้มีเพียงยืนอดทนรับแรงเหวี่ยงของไม้เรียวที่ฟาดเข้ามารัวๆ จนไม้แทบจะหักเป็นท่อน

เสียงร้องไห้ของจำปาดังลั่นเฮือน จนชาวบ้านพากันมามุงที่หน้าเฮือน แต่ก็ไม่มีใครกล้าวิ่งขึ้นไปห้ามเลย เมื่อท้าวคำมั่นและท้าวพาเดินตรงมาถึงหน้าเฮือนแล้วเห็นชาวบ้านยืนมุงกัน ทั้งสองจึงพากันรีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น

เมื่อท้าวคำมั่นได้ยินเสียงเมียกำลังก่นด่าลูกสาวตัวเองอยู่ ก็พอเดาสถานการณ์ได้ทันทีว่าลูกสาวที่ถูกเฆี่ยนตีนั้นคือใคร เขาจึงรีบวิ่งขึ้นไปบนเฮือนเพื่อห้ามปราม

ท้าวคำมั่นรีบเข้าไปกระชากไม้เรียวออกจากมือของเมียตัวเอง “แม่จำปูน…นี่กะสิฆ่าลูกเลยหรือไง” เขารีบโอบกอดจำปาเอาไว้ในอ้อมอกก่อนหันหน้ามาพูดกับเมีย “ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากันกะได้ จำปามันกะยังน้อยอยู่ แล้วตีลูกเฮ็ดหยัง”

“นี่ยังกล้ามาปกป้องมันอีกติ ฮู้บ่ว่ามันไปสร้างเรื่องงามหน้ามา มันไปยืนกอดกันกับพ่อชาย จนไทบ้านเขาลือเขาซากันทั่ว” แม่จำปูนพูดออกมาอย่างเหลืออดเหลือทน “ฮู้ไปฮอดไส อายไปฮอดนั่น จนข่อยบ่ฮู้ว่าสิเอาหน้าไปไว้ไสแล้ว”

“กะเอาหน้าตั้งไว้บนคอคือเก่านั่นล่ะ” ท้าวคำมั่นก้มลงไปมองหน้าจำปา “เรื่องราวมันเป็นยังไง มันเป็นคือคำที่แม่เว้ามาบ่ บอกพ่อได้บ่ลูก”

จำปาร้องสะอึกสะอื้นไม่หยุด เธอให้คำตอบแก่ผู้เป็นพ่อด้วยการส่ายหน้าแทนการพูดปฏิเสธ ท้าวคำมั่นไม่อยากกดดันลูก จึงลูบหลังลูกสาวช้าๆ เพื่อปลอบโยนว่าไม่เป็นอะไรแล้ว ก่อนจะพาเดินเข้าไปส่งที่ห้องนอน

ในขณะที่ท้าวคำมั่นกำลังพาจำปาเดินไปยังห้องนอนนั้น จำปาเหลือบไปเห็นจำปีที่ยืนหลบอยู่ที่มุมเฮือน จึงพอที่จะปะติดปะต่อได้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเองในตอนนี้ ต้องเกิดจากฝีมือของพี่สาวที่มาฟ้องแม่อย่างแน่นอน



Don`t copy text!