โหงลำโขง บทที่ 3 : จากไปนาน (1)

โหงลำโขง บทที่ 3 : จากไปนาน (1)

โดย : ทศพล

Loading

โหงลำโขง โดย ทศพล เรื่องราวของจำปาและจำปีฝาแฝดที่งดงาม อ่อนหวาน เป็นที่รักใคร่ของทุกคนแต่สิ่งที่เห็นจะใช่ความจริงหรือเปล่า มีเพียงคนใกล้ชิดเท่านั้นที่จะสัมผัสและรับรู้ได้ โดยเฉพาะเมื่อเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงในสายน้ำโขง มีเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต เธอคนนั้นคือใครกันแน่ นวนิยายคุณภาพที่อ่านเอานำมาให้คุณอ่านใน anowl.co

เกือบเที่ยงวันแล้ว แม่เฒ่าต้วนได้เทียมเกวียนมาหยุดตรงหน้าเฮือนเครื่องผูกที่ใช้เสาไม้ ตัวเฮือนเป็นเฮือนเดี่ยว ใต้ถุนสูง ตีสายบัว ฝาเฮือนค่อนข้างหนาทึบ หน้าต่างเล็ก หลังคาเป็นหน้าจั่วไม่สูงมาก ชายคาค่อนข้างกว้างและต่ำ มุงหลังคาด้วยแป้นเกล็ด (กระเบื้องไม้) แม้สภาพจะดูทรุดโทรมไปมาก แต่ประเมินแล้วคงซ่อมแซมได้ไม่ยาก

แม่เฒ่าต้วนก้าวลงมาจากเกวียนก่อนชักไม้เท้าเดินเข้าไปใกล้ๆ บันไดบ้านที่ผุพังลงไปตามกาลเวลา

“ถึงแล้ว เฮือนของแม่” แววตาของแม่เฒ่าบ่งบอกให้รู้ว่าคิดถึงเฮือนหลังนี้มากแค่ไหน ถ้าเหตุการณ์เมื่อ 20 ปีก่อนไม่เกิดขึ้น แม่เฒ่าคงไม่จากเฮือนหลังนี้ไปไหนแน่นอน

คูนก้าวเท้าเข้ามายืนข้างๆ และมองดูเฮือนหลังนี้ด้วยใจที่อยากเห็นมันกลับมางดงามดังเดิม “คงต้องใช้เวลาสักพักขอรับ กว่าเฮือนหลังนี้สิกลับมางดงามเหมือนเดิม”

สภาพบริเวณโดยรอบเฮือนเต็มไปด้วยหญ้าและวัชพืชที่ขึ้นจำนวนมาก จนมองไม่เห็นพื้นดิน เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องในครั้งนั้น ชาวบ้านก็ไม่กล้าเฉียดกรายเข้าใกล้เฮือนหลังนี้อีกเลย บ้านเฮือนหลายหลังที่เคยอยู่ใกล้ๆ กันก็ถูกรื้อถอนไปปลูกที่ใหม่จนหมด เป็นเหตุให้เฮือนของแม่เฒ่าต้วนถูกปล่อยทิ้งร้างและไร้คนดูแลมานาน

“แถวนี้บ่มีเฮือนคนเลยหรือขอรับ” คูนถามขึ้นด้วยความสงสัย

“เมื่อก่อนเคยมี แต่พวกมันจงเกลียดจงชังแม่ด้วยความโง่เขลา ความกลัวของพวกมันเฮ็ดให้แม่ต้องจากเฮือนหลังนี้ไป” ยิ่งพูดถึงเรื่องราวในอดีตทีไร ความรู้สึกมันช่างจุกอยู่กลางอก คล้ายกับมีอะไรกดทับให้รู้สึกอึดอัดไปทั้งกายและใจ “ถ้าบ่ได้พ่อแม่ของลูกมาช่วยไว้ ป่านนี้แม่คงได้ตายเป็นผีมาเฝ้าเฮือนหลังนี้แล้ว”

คูนรีบเข้าไปโอบไหล่แม่เฒ่าต้วนเอาไว้ด้วยความเข้าใจดี เพราะเรื่องราวความแค้นภายในใจของแม่เฒ่าในอดีตนั้น เขาได้รับรูจนหมดสิ้นแล้ว “บ่ต้องคิดถึงเรื่องในอดีตอีกแล้วเด้อขอรับ นับจากนี้คูนสิปกป้องแม่เองขอรับ”

“ขอบใจหลายเด้อลูก” แม่เฒ่าต้วนพยักหน้าพร้อมกับอมยิ้มออกมา “เอาบัดนี้ ถอยห่างออกไป แม่สิซ่อมแซมเฮือนหลังนี้เอง”

“อย่าบอกเด้อว่า…แม่สิใช้มนตร์ดำอีกแล้ว”

“ถ้าบ่ใช้มนตร์ดำ แล้วตอนไหนสิได้ขึ้นเฮือนล่ะ”

“คูนบ่อยากเห็นแม่ต้องมาเจ็บปวดบัดหลังอีก ใช้มนตร์ดำยามใด แม่ต้องเจ็บทรมานตัวอยู่เรื่อย”

ไม่แปลกที่คูนจะเป็นห่วงแม่เฒ่ามาก เพราะทุกครั้งที่แม่เฒ่าใช้มนตร์ดำ พอตกกลางคืนมนตร์ดำเหล่านั้นก็ต่างรุมทรมานร่างกายของแม่เฒ่าอยู่ตลอดทั้งคืน ผีผู้หญิงและผีผู้ชายกว่าสิบตน ต่างร้องโหยหวนอย่างคนหิวกระหาย นี่แหละหนากว่าจะได้สิ่งใดมาย่อมต้องมีการแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้มาเสมอ

“แม่บ่เป็นหยัง เจ็บปวดแค่นี้ มันบ่เฮ็ดให้แม่ตายง่ายๆ หรอก”

หลังจากนั้นคูนก็เดินถอยให้ห่างแม่เฒ่าต้วน ต่อให้คัดค้านไปก็ไม่เคยทำได้สำเร็จเลย เพราะแม่เฒ่าไม่ใช่คนที่จะเชื่อฟังใครง่ายๆ

ด้วยพลังของมนตร์ดำที่แม่เฒ่าร่ำเรียนมา เพียงแค่ร่ายคาถาและปักไม้เท้าลงไปกระแทกกับพื้นดิน แสงสีดำก็กระจายตัวเข้าโอบตัวเฮือนและบริเวณโดยรอบ ไม่นานนักเฮือนหลังเก่าๆ ก็ถูกซ่อมแซมได้ด้วยตัวของมันเองและกลับมางดงามราวกับเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ จนแทบจำสภาพเฮือนหลังเดิมที่มีหญ้าและวัชพืชขึ้นรกชัฏไม่ได้

“เฮือนงามหลายขอรับ” คูนทึ่งในความสามารถของแม่เฒ่าและทึ่งในความงดงามของเฮือนหลังนี้ มันช่างใหญ่เกินกว่าที่ที่จะอยู่กันสองคน

“ไป…ขึ้นเฮือนกันได้แล้ว มักห้องไหนกะเลือกเอาได้ตามใจชอบเลยเด้อ ตอนเย็นเฮาค่อยไปหาพวกคนชั่วกัน”

“ขอรับแม่” สองเท้าของเด็กหนุ่มวิ่งขึ้นไปบนเฮือนด้วยความตื่นเต้น ไม่ว่าคูนจะเปิดดูห้องไหน ก็พบว่าภายในทุกห้องนั้นล้วนเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้อย่างครบครัน จะไม่ให้เขาตื่นเต้นได้อย่างไรกัน ในเมื่อตั้งแต่จำความได้เขาก็อาศัยอยู่แต่ในถ้ำ ยังไม่เคยได้สัมผัสการอยู่บนเฮือนแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้ง

 

ดวงตะวันลาลับขอบฟ้า เหล่าชาวบ้านพานต่างพากันกลับเข้าเฮือนและง่วนอยู่กับการทำอาหาร กลิ่นข้าวเหนียวนึ่งร้อนๆ โชยออกมาตลบอบอวลปะทะจมูกชวนให้หิว

คนที่นี่นิยมสร้างบ้านเฮือนติดๆ กัน พื้นที่โดยรอบของแต่ละเฮือนกว้างพอที่จะปลูกพืชผักสวนครัวและทำคอกเลี้ยงสัตว์ได้ ตัวเฮือนเครื่องผูกแต่ละหลังสร้างคล้ายคลึงกันและมีขนาดใหญ่เนื่องจากผู้คนส่วนมากนิยมอาศัยอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ เช่นนี้ชาวบ้านแถบนี้จึงไปมาหาสู่กันง่าย หากยามมีเหตุเภทภัยเกิดขึ้น ก็สามารถออกมาช่วยกันได้ทันท่วงทีอยู่เสมอ

เฮือนไหนที่มีวัวและควายก็มักปล่อยพวกมันไปเดินเล็มหญ้าในช่วงกลางวัน พอตกเย็นพวกมันต่างพากันกลับเข้าคอกได้เองโดยไม่ต้องมีใครมาควบคุม แม้แต่หมู หมา แมว เป็ดและไก่ พวกมันยังรู้ว่าเฮือนหลังไหนเป็นเฮือนของมัน

วิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่เรียบง่าย กลางวันออกทำงานตามท้องไร่ท้องนา หาปลาริมน้ำโขง ไม่ก็ขึ้นภูเขาไปเก็บของป่า บ้างก็มีอาชีพประจำ เช่น ตีดาบ เลี้ยงปลาที่กระชัง เลี้ยงหมู เลี้ยงไก่หรือเลี้ยงเป็ด ครั้นพอตกกลางคืนก็รีบเข้าบ้านพักผ่อนเอาเรี่ยวเอาแรงไว้สู้กับวันใหม่

ในยามที่เป็นช่วงของการฝึกขี่ม้า ฟันดาบ ยิงธนู เหล่าบรรดาพ่อชายทุกคนล้วนพากันปฏิบัติตามคำนัดหมายของหัวหน้าชนเผ่าอย่างไม่มีข้อแม้ เว้นเสียแต่เด็กและคนแก่ชราเท่านั้นที่ไม่ต้องฝึก กลุ่มพ่อชายเหล่านี้ต้องผลัดเปลี่ยนเวรยามกันเฝ้าหมู่บ้าน รวมถึงออกลาดตระเวนในยามกลางคืน เพราะชาวบ้านยังคงหวาดผวากับกลุ่มโจรป่าที่มักเข้ามาปล้นอยู่เป็นครั้งคราว ในบางครั้งโจรป่าไม่ได้ต้องการเพียงแค่ทรัพย์สินมีค่า พวกมันยังต้องการแม่หญิงวัยละอ่อนและเด็กน้อยไปเป็นข้ารับใช้อีกด้วย



Don`t copy text!