โหงลำโขง บทที่  11 : แห่พระข้ามโขง (2)

โหงลำโขง บทที่ 11 : แห่พระข้ามโขง (2)

โดย : ทศพล

Loading

โหงลำโขง โดย ทศพล กับเรื่องราวของ “คูน” ชายหนุ่มผู้อาภัพ บิดามารดาถูกฆาตกรรม เขาจึงเติบโตโดยการฟูมฟักจากแม่เฒ่าต้วน ผู้หวังว่าสักวันหนึ่งคูนจะกลับไปล้างแค้นให้กับบิดามารดา และทำให้ครอบครัวของฆาตกรนั้นอยู่อย่างตายทั้งเป็น หากแต่แผนการและหัวใจสวนทางกัน คูนจะทำอย่างไร นวนิยายคุณภาพที่อ่านเอานำมาให้คุณอ่านใน anowl.co

รูปหล่อองค์หลวงพ่อพระสานนั้น ชาวบ้านได้อัญเชิญไว้บนแพไม้ไผ่ในการใช้ล่องไปตามลำน้ำโขงโดยมีท้าวคำมั่น ท้าวพา เก้อ คูนและพ่อชายพายเรืออีก 4 คน ที่ถูกคัดเลือกให้มาดูแลองค์พระเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นระหว่างทาง

ในขณะที่เรือล่องไปตามลำโขงได้ไม่นาน ท้องฟ้าก็เกิดวิปริตขึ้น เกิดลมพัดแรงตามด้วยกระแสน้ำเชี่ยวไหลเวียนวนจนน่าสะพรึงกลัว มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความมืดมิดและบรรยากาศเย็นยะเยือก เป็นเหตุให้เรือหลายลำกระจัดกระจายกันออกไปคนละทิศละทาง ชาวบ้านทุกคนต่างพากันหวาดกลัวมาก แต่ทุกคนพยายามตั้งสติและจับขอบเรือไว้ให้มั่นพร้อมกับอธิษฐานภาวนาให้ตนปลอดภัย

เรือลำที่มีแม่จำปูน จำปี และจำปากำลังนั่งอยู่นั้น ได้หลุดเข้าไปในกระแสน้ำวน เป็นเหตุให้เรือหมุนตัวแรงไปตามความเร็วของเกลียวคลื่น

ท้าวคำมั่นรีบตะโกนเสียงดังออกมาจากแพ “แม่จำปูน จำปี จำปา จับเรือให้มั่นไว้เด้อ” เขาเป็นห่วงลูกเมียมาก ภายในใจแทบอยากจะกระโจนเข้าไปช่วยเหลือ แต่ด้วยกระแสน้ำวนอันเชี่ยวกราก จึงไม่อาจจะเข้าไปใกล้ได้เลย

ชาวบ้านทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างรู้สึกหวั่นกลัวว่าจะเกิดเหตุไม่ดีขึ้น จึงพากันตะโกนบอกแม่หญิงทั้งสามให้มีสติและจับขอบเรือให้มั่น บางคนถึงกับยกมือขึ้นเหนือหัว เพื่อขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครองพวกเขาทั้งสามให้รอดพ้นและปลอดภัยด้วยเทอญ แม่หญิงทั้งสามพยายามส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากผู้คน แต่ก็ไม่มีใครกล้าพายเรือเข้ามาใกล้กับกระแสน้ำวนนี้เลย

แม่จำปูนที่นั่งอยู่ตรงกลางเรือคอยเรียกสติลูกสาวทั้งสองให้จับเรือให้มั่น “จำปี จำปา พากันจับเรือให้มั่นเด้อลูก”

“เอื้อยและแม่ อย่าหลับตาเด็ดขาดเด้อ มีสติเข้าไว้” จำปาที่นั่งอยู่ท้ายเรือตะโกนบอกพี่สาวและแม่ห้ามหลับตาและตั้งสติ เพราะถ้ายิ่งหลับตาลงจะยิ่งมองไม่เห็นว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น อาจรับมือไม่ทันและส่งผลเสียมากกว่าเดิมได้

ส่วนจำปีนั้นไม่ได้ยินเสียงของใครเลย เธอหวาดกลัวมากจนเกิดอาการสั่นไปทั้งตัว มือที่จับขอบเรือไว้ได้ปล่อยออกมาโอบกอดร่างกายตัวเอง และแล้วสิ่งที่ทุกคนหวั่นกลัวก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อจำปีถูกแรงเหวี่ยงของคลื่นน้ำซัดร่างของเธอตกลงไปในลำโขง

เสียงกรีดร้องของแม่จำปูนตะโกนชื่อลูกสาวดังก้องฟ้าพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรากออกมาอาบแก้มแทบขาดใจ ใครหลายคนที่เห็นเหตุการณ์เข้าต่างพากันแตกตื่นเมื่อเห็นจำปีตกลงไปในน้ำ และในเวลาต่อมายิ่งตกใจมากขึ้น เมื่อเห็นจำปากระโดดลงในน้ำเพื่อช่วยเหลือพี่สาว

ในเวลาเดียวกัน จำปากำลังพยายามแหวกว่ายเพื่อตามร่างของพี่สาวไป แต่ขาทั้งสองข้างของเธอดันเกิดตะคริวเข้า ทำให้เธอไม่อาจทรงตัวได้และถูกกระแสน้ำซัดร่างไปกระแทกเข้ากับโขดหินใต้น้ำจนหมดสติไป ร่างของเธอจมดิ่งลงไปยังก้นบึ้งของลำโขงทันที

ร่างอันหมดสติของจำปีไหลลงไปตามกระแสน้ำและค่อยๆ จมดิ่งลงไปสู้ใต้น้ำ ทั้งเธอและดอกจำปีที่ทัดหูอยู่นั้นได้หลุดลอยไปตามกระแสน้ำโดยไม่รู้ว่าปลายทางจะเป็นเช่นไรนับต่อจากนี้

คูนถอดเสื้อขาวออกก่อนรีบกระโดดลงลำน้ำเพื่อแหวกว่ายลงไปช่วย เขาใช้คาถาที่ร่ำเรียนมาจากแม่เฒ่าต้วนเพื่อให้ตนลืมตาในน้ำที่ขุ่นมัวนี้ได้อย่างชัดเจน เขาไม่แน่ใจว่าร่างที่ลอยอยู่เบื้องหน้านี้เป็นจำปีหรือจำปา เนื่องจากจากพวกเธอเหมือนกันมาก ทั้งวันนี้ยังแต่งตัวคล้ายกันอีก แต่เขาก็ตัดสินใจว่ายเข้าไปดึงร่างนั้นขึ้นไปบนฝั่งอย่างทุลักทุเล

การว่ายน้ำฝ่ากระแสน้ำวน ทำให้คูนหอบออกมาอย่างหนัก ก่อนสังเกตเห็นว่าแม่หญิงที่เขาช่วยขึ้นมาได้คือจำปา เขาเรียกชื่อจำปาเสียงดังพร้อมกับตบไหล่ทั้งสองข้าง หลังจากนั้นก็กดนวดหัวใจจำนวน 30 ครั้ง ดูเหมือนจะยังไม่ได้ผล เขาจึงช่วยหายใจแบบเป่าปาก โดยเป่าลมจนหน้าอกขยับขึ้นนาน 1 วินาที เป่า 2 ครั้ง แล้วกลับไปกดนวดหัวใจอีกรอบ

ไม่นานจำปาก็ได้สติกลับคืนมาพร้อมกับสำลักน้ำออกมาด้วย เธอรู้สึกเพลียมากจากการถูกกระแสน้ำซัดเข้าอย่างหนัก หน้าผากของเธอมีบาดแผลจนเลือดไหลออกมา เธอนึกถึงพี่สาวตัวเองก่อนดันตัวเองลุกขึ้นนั่งเหลียวมองหาจำปี “เอื้อยจำปีล่ะ”

คูนโล่งใจเป็นอย่างมากที่เห็นจำปารอดชีวิตกลับมาได้ เขาจึงตัดสินใจลุกขึ้นยืนก่อนที่จะกระโดดลงไปในน้ำเพื่อช่วยตามหาจำปีต่อไป แต่ยังไม่ทันได้กระโดดลงน้ำ เขาเห็นท้าวคำมั่นกำลังตะเกียกตะกายพาร่างของจำปีกลับเข้าฝั่งเสียก่อน จึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยอุ้มร่างของจำปีมานอนราบกับพื้นดินในจุดปลอดภัย

ท้าวคำมั่นเป็นคนปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับจำปีด้วยตัวเอง วิธีการช่วยเหลือคล้ายๆ กับคูน แต่พอช่วยไปได้นานระยะหนึ่ง จำปีกลับไม่มีท่าทีจะตอบสนองเลย เขาจึงนำร่างอันไร้วิญญาณของลูกสาวเข้ามาโอบกอดเอาไว้ในอ้อมอก คนเป็นพ่อถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาเป็นสาย ชาวบ้านหลายที่กลับขึ้นฝั่งต่างพากันมามุงล้อมดูด้วยความสงสาร

 



Don`t copy text!