โหงลำโขง บทที่  13 : ผีโหง (2)

โหงลำโขง บทที่ 13 : ผีโหง (2)

โดย : ทศพล

Loading

โหงลำโขง โดย ทศพล กับเรื่องราวของ “คูน” ชายหนุ่มผู้อาภัพ บิดามารดาถูกฆาตกรรม เขาจึงเติบโตโดยการฟูมฟักจากแม่เฒ่าต้วน ผู้หวังว่าสักวันหนึ่งคูนจะกลับไปล้างแค้นให้กับบิดามารดา และทำให้ครอบครัวของฆาตกรนั้นอยู่อย่างตายทั้งเป็น หากแต่แผนการและหัวใจสวนทางกัน คูนจะทำอย่างไร นวนิยายคุณภาพที่อ่านเอานำมาให้คุณอ่านใน anowl.co

ติ้วเดินถือโคมไฟมาได้ไกลพอสมควร เธอหยุดนิ่งก่อนเอ่ยขึ้นมาลอยๆ “ข่อยเฮ็ดตามที่แม่เฒ่าบอกแล้ว หวังว่าแม่เฒ่าสิบ่เข้ามายุ่มย่ามกับการใช้ชีวิตในร่างนี้ของข่อยอีก ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ถึงแม้สิสั้น แต่กะขอให้ข่อยได้มีบ้างสักครั้ง ชีวิตที่ได้รู้สึกว่ามีทั้งคนฮักและได้ถูกดูแลเป็นอย่างดี มันเป็นแนวใด”

แม่เฒ่าต้วนค่อยๆ ก้าวออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ “หากภารกิจนี้สำเร็จ เจ้ากะสิได้ไปเกิดยังภพภูมิอื่นแล้ว เป็นผีโหงมาหลาย…”

“ชั่วชีวิตของคนแล้ว” ติ้วพูดต่อประโยคแม่เฒ่าทันที “เลยฮู้ว่า…การเฮ็ดบาปเพื่อแลกกับความสะใจ มันเป็นวิธีสิ้นคิดของหมาจนตรอกเท่านั้นแหละ” หลังจากนั้นเธอก็รีบเดินทางกลับไปคุ้มตีดาบทันที

ทุกอย่างที่ทำมาหลายปี แม่เฒ่าต้วนรู้ดีอยู่แก่ใจว่ามันคือการสร้างบาป แต่ความแค้นมันครอบงำจิตใจมานาน จนไม่อาจมองเห็นเส้นทางสว่างได้เลย ดังนั้น เธอจึงก้าวต่อไปข้างหน้าด้วยวิธีการนี้ ถึงจะยังไม่แน่ใจว่าชีวิตตอนนี้ต้องการอะไรกันแน่ แต่อีกไม่นานก็คงรู้แน่ชัด

ไม่มีใครรู้มาก่อนว่าชีวิตหลังความตายเป็นเช่นไร แล้วดวงวิญญาณที่ตายแล้วจะไปไหน เพราะเมื่อครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น ผู้เฒ่าผู้แก่มักจะบอกเสมอว่าคนที่ตายไปแล้ว วิญญาณจะยังคงเร่ร่อนอยู่ในบริเวณถิ่นฐานที่ตนเคยอาศัยอยู่ แต่ตอนยังมีชีวิตพอมองหันไปรอบๆ แล้ว กลับไม่เห็นดวงวิญญาณของใครเลยสักคน การเป็นผีนี้ช่างโดดเดี่ยวและอ้างว้าง แล้วต่อจากนี้จำปีจะใช้ชีวิตอย่างไรกับการเป็นผีที่ไร้ตัวตน

 

จำปีเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าบันไดเฮือนของตนเอง เธอร้องไห้ออกมาด้วยความเศร้าใจ หวนคิดถึงเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ จากนั้นเธอก็ค่อยๆ ก้าวเท้าขึ้นไปเหยียบบันไดเฮือนลองดูว่าจะสามารถเดินขึ้นไปบนเฮือนได้หรือไม่ ผลปรากฏว่าขึ้นไปได้ เธอโล่งใจเป็นอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้เธอไม่สามารถจับด้ามโคมเทียนได้เลย

พอเดินขึ้นไปบนเฮือน มีเพียงแสงเทียนส่องแสงที่โถงรับแขก จำปีเหลือบไปเห็นแม่และน้องสาวกำลังเตรียมดอกดาวเรืองปักใส่เจกันอยู่อย่างประณีต

จำปีดีใจมากจึงรีบวิ่งเข้าไปยืนใกล้ๆ “แม่จ๊ะ ข่อยกลับมาแล้ว จำปา…เอื้อยมาแล้ว”

แม่จำปูนและจำปาไม่ได้ยินเสียงของจำปีเลย พวกเขาสองคนยังคงง่วนอยู่กับการคัดเลือกดอกดาวเรืองมาปักที่แจกัน รวมถึงการคัดเลือกผลไม้อันสวยงามมาวางไว้บนขันกระหย่อง

“ของทุกอย่างที่สิถวายเจ้าโองมู้ ลูกต้องคัดเลือกแต่สิ่งดีๆ ไปถวาย” แม่จำปูนนำดอกดาวเรืองที่ถืออยู่นั้นปักลงไปในแจกัน “เฮาเฮ็ดผิดจารีตมากะต้องไปเฮ็ดพิธีขอขมาท่านก่อน หลังจากนั้นลูกกับคูนกะค่อยบอกท่านว่าสิแต่งงานกัน ถึงแม้ว่าเฮาสิมองบ่เห็นท่าน แต่ท่านนั้นเห็นเฮา บอกกล่าวท่านไว้นั่นแหละดีแล้ว อย่างน้อยท่านกะเป็นบรรพบุรุษของเผ่าเฮานับถือกัน”

“ได้จ้ะ ข่อยสิเฮ็ดตามที่แม่บอก” จำปายิ้มให้ผู้เป็นแม่ “นี่กะดึกแล้ว แม่เข้านอนก่อนเถอะจ้ะ เดี๋ยวที่เหลือข่อยสิจัดการต่อเอง”

จำปีเบิกตากว้างขึ้นด้วยความงุนงง “จำปากับอ้ายคูนสิแต่งงานกัน นี่มันเรื่องจริงหรือเนี่ย” เธอกระวนกระวานมากก่อนจะวิ่งเข้าไปนั่งข้างๆ แม่ “แม่จ๊ะแม่ เป็นหยังจำปาถึงสิได้แต่งงานกับอ้ายคูน ข่อยเพิ่งสิตายไปเองเด้อแม่” เธอยื่นมือไปคว้าแขนของแม่ แต่กลับทะลุผ่านไปได้ “เกิดหยังขึ้นกันแน่” เธอร้องไห้ออกมาอย่างคนคลุ้มคลั่งก่อนคลานเข่าเข้าไปมองหน้าจำปา “บอกเอื้อยได้บ่จำปา ได้ยินเสียงเอื้อยบ่”

“กะได้…งั้นแม่ไปนอนก่อน” แม่จำปูนวางของทุกอย่างลงก่อนที่จะลุกยืนขึ้น “มื้ออื่นดึกๆ พ่อสิกลับมาถึงเฮือน บ่ฮู้ว่าไปเฝ้าเจ้าเมืองเทื่อนี้ สิได้งานหยังกลับมาอีก”

“กะคงเป็นงานลาดตระเวน หรือให้ไปสอดแนมเมืองอื่นคือเก่านั่นแหละจ้ะ”

“เอาเถอะ…งั้นแม่ไปนอนก่อนเด้อ”

หลังจากนั้นแม่จำปูนก็รีบสาวเท้าเดินไปห้องนอนตัวเอง จำปีพยายามวิ่งเข้าไปขัดขวาง แต่แล้วร่างของแม่กลับเดินผ่านร่างของเธอได้ เธอเอามือทั้งสองขึ้นไปกุมขมับหัวตัวเองก่อนทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นเอือนด้วยความคลุ้มคลั่ง เมื่อไม่มีใครมองเห็นเธอได้เลย

 

จำปายังคงวุ่นอยู่กับการจัดเตรียมของเพื่อนำไปขอขมาเจ้าโองมู้ที่ศาลเจ้า จากการที่ตนได้กระทำผิดธรรมเนียมประเพณีไปโดยไม่ได้ตั้งใจ การขอขมาในครั้งนี้ยังเป็นพิธีกรรมที่ทำให้คนทำผิดได้รู้ตัวว่าตนได้ทำผิดอะไรลงไปบ้าง จะได้จดจำไว้และไม่กลับไปทำพลาดอีก

ไม่นานก็มีเงาบุคคลหนึ่งกำลังปีนป่ายขึ้นมาบนเฮือน จำปีตกใจหนักมาก เมื่อเงานั้นเผยให้เห็นว่าเป็นคูน พ่อชายที่เธอรักมาโดยตลอด

คูนค่อยๆ ย่องเบาๆ เข้าไปจำปาใกล้ เขาสวมกอดจำปาจากด้านหลังก่อนที่จะขโมยหอมแก้มจนจำปาตกใจเกือบรีดร้องออกมา แต่ดีที่เธอตั้งสติยับยั้งได้ทัน ไม่เช่นนั้นหากเผลอร้องออกมา แม่จำปูนคงได้ออกมาเห็นเข้าและคงถูกบ่นตั้งแต่เช้ายันเย็นแน่ ถึงแม้ว่าจะได้แต่งงานกันในสักวันก็ตาม แต่ถ้าตราบใดยังไม่ได้เข้าพิธีอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม พ่อชายและแม่หญิงควรอยู่ห่างกันไว้ ไม่ใช่มาแอบจับเนื้อต้องตัวกันแบบนี้

“อ้ายอย่าเฮ็ดแบบนี้อีกเด้อ เดี๋ยวแม่ตื่นออกมาเห็นเข้า” จำปาบ่นออกมาเบาๆ

คูนหอมแก้มจำปาอีกฟอดใหญ่ “อย่าบ่นน่า ถ้ายังบ่นอีก อ้ายสิหอมแก้มน้องอยู่นี่เด้อ”

“กะได้ ว่าแต่อ้ายมีหยัง ถึงกล้าแอบขึ้นมาฮอดนี้ได้”

“พ่อใหญ่บ่อยู่ทั้งที บ่ใช้โอกาสนี้ แล้วสิไปใช้โอกาสตอนไหนล่ะจ๊ะ” คูนเหลือบตามองดูสิ่งของต่างๆ ที่จำปากำลังจัด “นี่น้องจัดของใกล้เสร็จยังจ๊ะ”

“ใกล้เสร็จแล้ว”

สองมือของคูนที่โอบเอวจำปา เริ่มรัดแน่นขึ้น “อ้ายคิดว่า เฮาไปหาหยังเฮ็ดกันดีกว่าบ่”

“เฮ็ดหยังล่ะอ้าย” จำปาพยายามขยับเขยื้อนตัวออกจากอ้อมกอดของคูน “ข่อยว่ามันดึกแล้ว อ้ายเมือนอนได้แล้วเด้อ มื้ออื่นเช้า เฮาต้องไปขอขมาเจ้าโองมู้กัน”

คูนพยักหน้าเห็นด้วย “แม่นแล้ว มันดึกแล้ว…งั้นนอนกันเถอะ” เขาเอนตัวลงไปเป่าแสงเทียนให้ดับแล้วส่งยิ้มหวานๆ ให้กับคนรัก “เฮามานอนกันเถอะ อ้ายสัญญาว่าสิบ่ส่งเสียงดังให้รบกวนแม่ที่นอนอยู่เลยจ้ะ”

หลังจากนั้นจำปาและคูนก็ร่วมหลับนอนกันที่ตรงนี้ นับได้ว่านี่เป็นครั้งแรกของทั้งสองที่ได้สานสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งจนเกินงามไปมาก ถือเป็นการกระทำที่ผิดธรรมเนียมประเพณีอย่างยิ่ง

และสิ่งที่ทั้งสองกำลังกระทำร่วมกันอยู่นี้ มันทำให้จำปียิ่งทวีความโกรธมากขึ้นหนักจนดอกจำปีที่เธอกำเอาไว้อยู่นั้นได้ถูกเธอบีบให้สลายหายไปในพริบตาเดียว แม้จะไม่รู้ว่าเรื่องราวมันเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร แต่ภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าในตอนนี้ก็ให้คำตอบชัดเจนแล้วว่า…ที่ผ่านมาทั้งหมดนั้น มันคือเรื่องโกหกทั้งเพ เธอไม่ต่างอะไรกับคนโง่คนหนึ่งที่ถูกหลอกให้รักมาก

จำปีไม่อาจยืนทนมองสองคนนี้พลอดรักกันอย่างดูดดื่มต่อไปได้ เธอจึงตัดสินใจวิ่งลงไปจากเฮือนทั้งน้ำตาและความคับแค้นใจ แต่พอวิ่งออกไปได้สักระยะหนึ่ง เธอก็เหลือบไปเห็นแม่เฒ่าต้วนกำลังยืนถือโคมเทียนอยู่ข้างหน้าเข้าโดยบังเอิญ

“ข้าช่วยเจ้าได้เด้อ…จำปี” แม่เฒ่าต้วนเอ่ยขึ้นทันทีที่จำปีวิ่งมาถึง แล้วแสร้งตีหน้าเศร้า “แม่หญิงผู้น่าสงสาร ข้าเองกะถูกหลานรักหลอกลวงมาคือกัน”

“แม่เฒ่า” จำปียืนอึ้งปนสับสน “มองเห็นข่อยด้วยเหรอ”

“เห็นสิ และสัมผัสได้นำเด้อ” แม่เฒ่าเดินชักไม้เท้าเข้าไปใกล้ๆ แล้วยื่นอีกมือไปจับแขนจำปี “ข้ามีความจริงหลายอย่างให้เจ้าเบิ่งด้วยเด้อจำปี ข้าเองกะเพิ่งสิฮู้คือกัน”

จำปีแปลกใจมากที่ทำไมแม่เฒ่าถึงสามารถจับเนื้อต้องตัวเธอได้ “แม่เฒ่า…” เธอยังไม่ทันได้พูดจบประโยค ภาพเหตุการณ์ในอดีตที่มีคูนกับจำปาอยู่กันสองต่อสอง รวมถึงบทสนทนาต่างๆ ได้ผุดเข้ามาให้เห็นทั้งภาพและเสียง และแล้วความจริงทุกอย่างก็ถูกเปิดออกมาให้เธอเข้าใจถึงการกระทำของคูนและจำปาที่กำลังพลอดรักกันอยู่

 



Don`t copy text!