รักในรอยน้ำตา บทที่ 16 : คนที่เลือก

รักในรอยน้ำตา บทที่ 16 : คนที่เลือก

โดย : ปิ่นฟ้า

Loading

รักในรอยน้ำตา นวนิยายโดย ปิ่นฟ้า เมื่อรักที่ต้องการมาทั้งชีวิต กลับต้องแลกมาด้วยน้ำตาจากผู้ชายที่เธอรักจนหมดหัวใจ แต่เขากลับทำร้ายเธออย่างเลือดเย็น…เรื่องราวสุดเข้มข้นจากการคัดสรรโดยอ่านเอา มาให้อ่านแล้วทางเว็บไซต์ anowl.co และเพจอ่านเอา anowldotco

ขณะที่รินรดากำลังร้องไห้กอดเสื้อของสามี จู่ๆ ประตูห้องนอนของเธอก็เปิดออก ก่อนร่างเล็กของน้ำฟ้าจะโผล่เข้ามาพร้อมตุ๊กตาหมีตัวโปรดในมือ ด้วยความตกใจที่เห็นลูกน้อยเข้ามาหาเธอแทนที่จะนอนหลับอยู่บนเตียง หญิงสาวจึงรีบปาดน้ำตา แล้วรีบเดินไปหาหนูน้อยทันที

“น้ำฟ้า ทำไมหนูยังไม่นอนล่ะลูก”

เธอพยายามพูดให้เป็นปกติ แต่ดูเหมือนว่าน้ำเสียงของเธอจะสั่นเครืออย่างห้ามไม่อยู่ แม้แต่น้ำตาเจ้ากรรมที่พยายามสะกดกลั้นไว้ก็ไหลออกมาต่อหน้าลูกสาวจนได้

น้ำฟ้าเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาที่เปื้อนแก้มของผู้เป็นแม่ ดวงตากลมโตจ้องมองด้วยความสงสัยก่อนจะถามขึ้น

“แม่จ๋า แม่ร้องไห้ทำไมเหรอจ๊ะ”

“น้ำฟ้าลูก…”

“แม่จ๋า อย่าร้องไห้เลยนะจ๊ะ โอ๋ๆ”

เสียงใสเจื้อยแจ้วพยายามปลอบใจก่อนจะโถมตัวกอดคนเป็นแม่ ทำให้รินรดาที่พยายามจะกลั้นน้ำตาไว้ กลับปล่อยโฮออกมาพร้อมกอดลูกสาวไว้แน่นราวกับยึดเป็นที่พึ่งทางใจ

นี่เธอกำลังทำอะไรอยู่ ในสถานการณ์เช่นนี้ เธอควรจะเข้มแข็งและเป็นหลักให้กับลูกสาวไม่ใช่เหรอ ทว่าตอนนี้ เธอเอาแต่ร้องไห้ ปล่อยให้ความอ่อนแอกัดกินหัวใจ มัวแต่นึกถึงอ้อมกอดของคนที่ไร้ค่า จนหลงลืมไปว่า ลูกสาวคนเดียวของเธอก็ต้องการอ้อมกอดอบอุ่นและความรักจากเธอเช่นกัน

“แม่จ๋า ไม่ร้องไห้นะ โอ๋ๆ นะคนดี หนูยกพี่หมีตัวนี้ให้แม่ไว้กอดก็ได้ค่ะ แม่อย่าร้องไห้เลยนะจ๊ะ”

เด็กน้อยเลียนแบบวิธีปลอบของแม่ยามเมื่อเธอร้องไห้งอแง ก่อนจะส่งตุ๊กตาหมีสุดโปรดที่เธอชอบนอนกอดเป็นประจำให้รินรดา ทำให้หญิงสาวยิ้มออกมาทั้งน้ำตา เอ็นดูในความไร้เดียงสาของลูกสาวตัวน้อยและสะท้อนใจไปพร้อมๆ กัน

“แม่หยุดร้องแล้วจ้ะ” รินรดาเช็ดน้ำตาออก ก่อนจะพยายามบอกตัวเองให้หยุดร้องไห้ พร้อมหอมแก้มลูกสาวตัวน้อยแล้วพูดขึ้นว่า “ขอบใจมากนะจ๊ะ ไปเถอะลูก เรากลับไปนอนหลับต่อดีกว่า พาพี่หมีไปนอนด้วยนะคะ”

“ดีค่ะ”

รินรดาอุ้มลูกสาวตัวเล็กพากลับไปยังห้องนอนของเด็กน้อยพร้อมกับตุ๊กตาหมีสีน้ำตาล อีกครั้งที่เธอพยายามกล่อมลูกให้นอนหลับ

ชั่วระยะเวลาไม่นาน น้ำฟ้าก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง หญิงสาวก้มมองใบหน้าไร้เดียงสาของหนูน้อยที่กำลังหลับสนิทอยู่ข้างๆ แม้คืนนี้จะดึกมากแล้ว แต่เธอก็ไม่อาจข่มใจให้หลับลงได้อย่างที่ควรจะเป็น

อีกครั้งที่รินรดาร้องไห้ออกมาเงียบๆ ในความมืด ทว่าครั้งนี้ เธอกลับรู้สึกเข้มแข็งที่เกิดขึ้นมาในจิตใจ ความเข้มแข็งที่อยากจะปกป้องลูกน้อยในอ้อมแขนให้มีความสุข ไม่ต้องเจอเรื่องทุกข์ใจอย่างที่เธอเคยเจอมาในอดีต

พ่อนอกใจไปมีเมียน้อยแล้วเลิกกับแม่ไปโดยไม่เคยกลับมาเหลียวแลเธอ กระทั่งแม่ตายก็ยังควงเมียใหม่ใส่ชุดแดงมาเยาะเย้ยถึงที่ เธอได้แต่หวังว่าสรวิชญ์จะไม่เลวร้ายเหมือนพ่อในอดีต หรืออย่างน้อยถึงเราจะไปด้วยกันต่อไม่ได้ ก็ขอให้เขารักลูกของตัวเองบ้างก็ยังดี

“น้ำฟ้า แม่รักหนูนะลูก ต่อไปนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แม่จะปกป้องหนูเอง”

รินรดากระซิบบอกเด็กน้อยแผ่วเบา พร้อมกับบรรจงหอมแก้มนุ่มของคนที่อยู่ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม แล้วผล็อยหลับไปทั้งที่ยังกอดลูกน้อยแนบอก

 

ทางด้านสรวิชญ์หลังจากเกิดเหตุการณ์รถไฟชนกันสนั่นกลางห้าง เขาก็เลือกจะตามง้อกวินนาถแทนที่จะกลับไปหาลูกเมียและพูดคุยให้รู้เรื่อง

ทันทีที่ชายหนุ่มวิ่งตามกวินนาถออกมา เขาก็เห็นเธอกำลังขึ้นรถแท็กซี่คันหนึ่งพอดี จึงรีบขับรถไล่ตามรถแท็กซี่คันนั้นให้ทันด้วยความเร็วเท่าที่จะทำได้ จนมาทันเอาตอนที่รถจอดติดไฟแดง เขารีบลงมาจากรถและเดินไปเคาะประตูรถแท็กซี่ด้านที่กวินนาถนั่งอยู่ทันที

“ยี่หวา เปิดประตูลงมาคุยกับพี่ก่อน เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

เขาพยายามเคาะกระจกด้วยความร้อนใจ เพื่อให้หญิงสาวยอมเปิดประตูลงมาคุยกับเขา แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่ยอมลงมา กวินนาถชายตามองมาเพียงนิด ก่อนจะนั่งนิ่งไม่สนใจคนที่กำลังโวยวาย จนคนขับแท็กซี่ต้องทักขึ้น

“คุณจะไม่ลงไปหาแฟนหน่อยเหรอครับ เดี๋ยวกระจกรถผมจะแตกเสียก่อน”

“ไม่ต้องมายุ่ง มีหน้าที่ขับรถ ก็ขับไป ถ้ากระจกแตกเดี๋ยวฉันซื้อรถคันใหม่ให้”

หญิงสาวตวาดกร้าวอย่างอารมณ์เสีย จนกระทั่งเมื่อเห็นไฟแดงกะพริบ และกำลังจะเปลี่ยนเป็นไฟเขียวในอีกไม่นาน สรวิชญ์จึงกระโจนเข้าขวางหน้ารถแท็กซี่คันนั้นไม่ยอมให้ขับไปโดยง่าย เสียงบีบแตรจึงดังลั่นทั้งถนน เมื่อการจราจรถูกกีดขวาง

คนขับแท็กซี่ละล้าละลัง มองผู้หญิงที่กำลังนั่งนิ่งในรถสลับกับผู้ชายที่กำลังยืนขวางด้านหน้าอยู่ด้วยความลำบากใจ บัดนี้รถบริเวณแยกนั้นเริ่มติดเป็นทางยาว เพราะรถแท็กซี่ของเขาและชายผู้นั้นกำลังจอดนิ่งขวางการจราจร

“คุณครับ ผมว่าลงไปคุยเถอะครับ ดูสิรถติดใหญ่แล้ว”

“งั้นก็ชนไปเลย”

“เฮ้ยคุณ! ขืนผมทำแบบนั้นก็โดนตำรวจจับสิครับ ผมว่า…คุณน่ะลงไปคุยกับเขาเถอะครับ เรื่องจะได้จบๆ”

“นี่ ฉันจ้างคุณให้ขับแท็กซี่ ไม่ใช่ให้มาพูดมาก มีหน้าที่ขับก็ขับไป ไม่ต้องสะเออะมาสั่งสอน เงินแค่นี้พอมะ”

กวินนาถโยนเงินจำนวนหนึ่งให้กับคนขับรถแท็กซี่ด้วยกราดเกรี้ยวขุ่นมัว ก่อนที่คนขับรถจะเงียบไป เฝ้ามองดูสถานการณ์ด้วยความลำบากใจ

ขณะที่หญิงสาวจ้องมองไปยังคนร่างสูงที่กำลังยืนขวางหน้ารถพร้อมกับร้องตะโกนพยายามเรียกเธอให้ลงไปหาเขา โดยไม่สนใจสายตาของผู้คนรอบข้างที่กำลังจ้องมองดูการกระทำของเขาเป็นตาเดียว

สรวิชญ์ไม่รู้จะทำเช่นไรดี หญิงสาวถึงจะยอมพูดคุยกับเขา สำหรับเธอแล้ว ในตอนนี้เขายอมทุ่มหมดหน้าตัก เพื่อให้กวินนาถยอมใจอ่อนพูดคุยกับเขาอีกครั้ง แม้ว่าตัวเองจะต้องโดนรถชนก็ยังดีกว่าการเสียบ่อเงินบ่อทองนี้ไปง่ายๆ

บัดนี้ การกระทำของเขาทำให้รถติดเป็นทางยาว จนรถหลายคันต่างบีบแตรไล่เสียงดังสนั่น บางคันก็มีคนลดกระจกรถลงมาแล้วตะโกนต่อว่าเขา แต่เขาก็ไม่สนใจคนเหล่านั้น นอกจากกวินนาถเพียงคนเดียว

“มึงเป็นบ้าอะไรเนี่ย มาจอดรถขวางทางทำไม”

“ถ้าจะง้อไปง้อกันที่อื่น จะมาง้อบนถนนให้ชาวบ้านเขาเดือดร้อนทำไมวะ”

“โอ๊ย ขยับรถได้แล้ว ฉันจะรีบกลับบ้าน”

เสียงโหวกเหวกโวยวายของคนบนท้องถนนด่าทอไม่ขาดสาย หากเขาก็ทู่ซี้ยืนขวางอยู่อย่างนั้นไม่มีทีท่าว่าจะหนีไปไหน จนมีบางคนเลือดร้อนเปิดประตูลงมาด่าเขาใกล้ๆ และพยายามลากเขาออกไปข้างถนน แต่สรวิชญ์ก็ขืนตัวเองไว้ จนเกิดการชกต่อยเกิดขึ้น

ผลัวะ!

ชายหนุ่มพลาดท่าทำให้ตัวเองโดนอีกฝ่ายซัดเข้าที่ใบหน้าอย่างจังจนเขาเสียหลักล้มไปกองที่พื้นถนนหน้าแท็กซี่ของหญิงสาว แต่ยังไม่ทันที่เขาจะโดนต่อยซ้ำเข้าอีกครั้ง เสียงแหลมของยี่หวาก็ขัดขึ้นด้วยความไม่พอใจ

“ไม่ต้องต่อยแล้ว เดี๋ยวพวกเราไปเอง”

เธอรีบเดินไปห้ามชายคนนั้นไว้ได้ทัน ก่อนที่เขาจะซัดหมัดเข้าไปที่สรวิชญ์ ขณะที่กวินนาถรีบเดินตรงเข้าไปประคองชายหนุ่มให้ลุกขึ้นยืน แล้วกลับไปที่รถเก๋งของเขาที่กำลังจอดขวางทางจราจรในตอนนี้ ทำให้การจราจรกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

“ขอบคุณนะที่รัก”

ชายหนุ่มพึมพำ หลังจากที่เขาขับรถออกจากความวุ่นวายบนถนนเมื่อครู่ โดยมีกวินนาถนั่งหน้างออยู่เคียงข้างเขา หลายครั้งที่ชายหนุ่มพยายามหันมองหน้าคนข้างๆ แต่เมื่อเห็นใบหน้าบึ้งตึงที่ดูท่าจะไม่ยอมให้อภัยเขาง่ายๆ สรวิชญ์จึงจอดรถที่ข้างทาง ก่อนที่เขาจะดึงมือของเธอมากุมไว้ด้วยสายตาออดอ้อนอย่างสำนึกผิด

“ที่รักเมื่อกี้ขอบคุณมากเลยนะ หากไม่ได้ที่รักช่วยเอาไว้ พี่คงโดนไอ้หมอนั่นต่อยอีกแน่ๆ ดูสิ พี่เจ็บหน้าไปหมดเลย”

เขาพูดพร้อมสูดปากใบหน้าเหยเกราวกับเจ็บปวดสาหัส ทำให้กวินนาถชำเลืองมองแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม แววตายังขึงโกรธเช่นเดิม

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเถอะค่ะ”

“ไปไหนล่ะครับ พี่ไม่รู้จะไปไหน”

“ไปไหนก็ได้”

“ถ้าจะให้เป็นที่ไหนก็ได้ไม่ได้หรอกครับ ที่พี่ไปจะต้องมีที่รักด้วย พี่ถึงจะยอมไป ถ้าหากไม่มีที่รักต่อให้หรูขนาดไหนพี่ก็ไม่ไปหรอกครับ”

สรวิชญ์ป้อนคำหวานเพื่อทำให้อีกฝ่ายใจอ่อน หากเธอกลับหันมาจ้องหน้าเขาอย่างจับผิด

“ไปคอนโดค่ะ ยี่หวาอยากไปคอนโดของพี่”

“ตามบัญชาครับ” เขารับคำก่อนจะขับรถมุ่งหน้าพุ่งทะยานไปยังคอนโดของเขาในทันที

ตลอดเวลาที่ทั้งสองนั่งเคียงข้างกันในรถ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบและน่าอึดอัด จนเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรกันแน่ แต่เขารู้เพียงว่าถ้าเขาต้องเลือกในตอนนี้ ระหว่างรินรดาและลูก กับกวินนาถ เขาจะเลือกกวินนาถอย่างแน่นอน

ไม่ใช่เพราะว่าเขารักกวินนาถมากกว่า แต่เธอมีทุกอย่างที่เขาต้องการ ไม่ว่าจะทรัพย์สินเงินทอง หรือชื่อเสียงและหน้าตาในสังคม ขณะที่รินรดาคือผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด หากความรักที่เธอมีให้ก็ยังเทียบไม่ได้กับทรัพย์สินเงินทองและชื่อเสียงเกียรติยศที่เขาต้องการจากกวินนาถ

เพราะความรักมันกินไม่ได้ ไหนเลยจะสู้ทรัพย์สินเงินทองได้ยังไง

‘ยังไงกูก็ต้องง้อยี่หวาให้ได้’ เขาหมายมั่นปั้นมือ

 

ทันทีที่สรวิชญ์พากวินนาถขึ้นมาคอนโด หญิงสาวก็ยิงคำถามชุดใหญ่จนอีกฝ่ายเริ่มหน้าเสีย ใบหน้าสวยที่บึ้งตึงอยู่แล้ว ประกอบกับเสียงตวาดแว้ดอย่างเอาเรื่องยิ่งทำให้เขาใจแป้ว หวาดหวั่นเป็นอีกเท่าตัว

ไม่ใช่เพราะว่าเขากลัวเธอ แต่เพราะเขากลัวเสียเธอไปซึ่งเปรียบเสมือนเป็นเสี่ยกระเป๋าเงินเคลื่อนที่ไปด้วย

“ตกลงมันคืออะไร เล่ามาให้หมด อย่าให้รู้นะว่าโกหก พี่ต้นคงรู้ว่า ยี่หวาทำอะไรได้บ้าง ถ้ายี่หวารู้ว่าพี่โกหกแม้แต่คำเดียว ยี่หวาจะฟ้องพ่อ แล้วถ้าหากพ่อของยี่หวารู้เข้าละก็ พี่คงถูกไล่ออกจากงาน พี่ต้นคงรู้ดีว่า การถูกไล่ออกจากงานทำให้ประวัติเสีย การที่บริษัทใหม่จะรับพี่เขาทำงานก็คงยากขึ้นไปอีกโดยเฉพาะในวงการนี้”

สรวิชญ์หน้าเจื่อน กลืนน้ำลายฝืดคอเมื่อคิดตามสิ่งที่เธอพูด

“พี่รู้ครับว่ายี่หวาทำได้อย่างที่พูด พี่อยากให้ยี่หวารู้ว่าพี่รักยี่หวาจริงๆ จะให้พี่ไปสาบานที่ไหนก็ได้ เราคบกันมาสามปีแล้วนะ น้องยังดูไม่ออกอีกเหรอว่าพี่รักน้องจริง ส่วนเรื่องระหว่างพี่กับผู้หญิงคนนั้น เราไม่ได้เป็นอะไรกัน เราสองคนเลิกกันมาพักใหญ่แล้ว ที่ผ่านมาพี่ไม่เคยคิดจะโกหกหรือหลอกลวงอะไรยี่หวาเลยนะครับ ถ้าพี่พูดโกหก ขอให้พี่ไม่ตายดี ที่รักเชื่อพี่เถอะนะครับ พี่อยู่ไม่ได้จริงๆ ถ้าไม่มียี่หวา”

“แต่พี่คบผู้หญิงสองคนพร้อมกัน พี่ต้นกำลังทำให้ยี่หวากลายเป็นเมียน้อย”

“พี่ไม่ได้ตั้งใจเลยนะยี่หวา สำหรับพี่ ยี่หวาคือคนรักของพี่ ไม่ใช่เมียน้อยสักหน่อย”

“ถ้าไม่ใช่เมียน้อย แล้วนังผู้หญิงนั่นเป็นอะไร เขาได้แต่งงานหรือจดทะเบียนกับพี่หรือเปล่า”

“เราไม่ได้แต่งงานกัน แต่ว่า…เราสองคนจดทะเบียนกัน” คำสารภาพแผ่วเบาของสรวิชญ์ ทำให้กวินนาถฟาดฝ่ามือใส่ไปที่ใบหน้าของเขาโดยแรง

“เลว สารเลว แล้วมาจีบฉันทำไม มาหลอกกันทำไมว่ายังโสด อย่าบอกนะว่า…รอยสักรูป ร.เรือบนหน้าอกข้างซ้าย ที่คอยพร่ำบอกฉันว่า แทนคำว่า ‘รัก’ จริงๆ แล้วเป็นชื่อของนังระรินอะไรนั่น”

“พี่ขอโทษ พี่ผิดไปแล้ว พี่มันเลว สารเลวจริงๆ ยี่หวาให้อภัยพี่ด้วยเถอะนะ ส่วนรอยสักนั่น ร.เรือ แทนคำว่า ‘รัก’ จริงๆ ไม่ใช่ชื่อนังนั่นเลย เพราะพี่ชอบยี่หวาจริงๆ พี่ถึงยอมเจ็บไปสัก ร.เรือ ไว้ตรงหัวใจ ตอนที่พี่จีบแรกๆ พี่ก็ไม่หวังว่าน้องจะรับรักพี่ แต่พี่คิดเพียงว่า อย่างน้อยพี่ก็มียี่หวาอยู่ในใจพี่ก็พอ”

เขาถลาเข้าไปกอดขาเธอพลางร้องไห้พูดพร่ำรำพันขอให้อภัย

“ตอนแรกที่พี่เห็นยี่หวา พี่ก็รู้ว่า ยี่หวาคือคนที่ใช่ คือคนที่พี่ตามหามานาน แต่พอเราสองคนได้คุยและรู้จักกันมากขึ้น พี่ถึงได้รู้หัวใจตัวเองว่า ยี่หวาคือผู้หญิงคนเดียวที่พี่รักและอยากแต่งงานด้วย แต่พี่…ก็ไม่กล้าพอที่จะบอกเรื่องของระริน เพราะพี่กลัว…พี่กลัวว่าจะเสียยี่หวาไป พี่ทำใจไม่ได้ ถ้าพี่จะไม่มียี่หวาในชีวิต” ชายหนุ่มเริ่มบีบน้ำตา

“ส่วนระริน เขาคือความผิดพลาดที่พี่ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ความรักเลยครับ ถ้ายี่หวายังไม่เชื่อพี่อีก จะให้พี่ไปสาบานที่ไหนก็ได้ พี่ยอมทุกอย่าง ขอเพียงอย่างเดียว ขอให้ยี่หวาอภัยให้พี่เถอะนะครับ พี่อยู่ไม่ได้จริงๆ ถ้าพี่ไม่มียี่หวา ให้พี่ตายเสียดีกว่าที่จะต้องมีชีวิตอยู่อย่างเดียวดาย”

เขากอดขากวินนาถสะอื้นไห้ออกมาดังๆ น้ำตาไหลอาบแก้ม ขณะที่ภายในใจ สรวิชญ์ได้แต่ภาวนาให้อีกฝ่ายเห็นน้ำตาแล้วใจอ่อนลง ทว่าเมื่อเขายังเห็นแววตาของอีกฝ่ายที่ยังดูแข็งกร้าว ชายหนุ่มจึงงัดไม้ตายสุดท้ายออกมา

“ถ้าสิ่งที่พี่พูดออกไป ยี่หวายังไม่ให้อภัยพี่อีก พี่ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว พี่ยอมตายเสียตอนนี้ดีกว่าอยู่คนเดียว”

สรวิชญ์ถลาวิ่งไปที่ระเบียงคอนโดฯ ก่อนจะเหยียบขึ้นไปที่รั้วอันแรกริมระเบียง หากจังหวะที่เขากำลังก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของกวินนาถก็ดังมาจากด้านหลัง

“พี่ต้น ทำอะไรคะ” ทำให้ชายหนุ่มลอบยิ้มอย่างมีชัย เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายหลงกลยอมใจอ่อนให้กับเขาแล้ว สรวิชญ์แสร้งทำหน้าเศร้าก่อนหันมาหาเธอ

“ในเมื่อยี่หวาไม่ให้อภัยพี่ พี่ก็ไม่รู้จะอยู่ต่อไปทำไม ลาก่อนนะครับที่รัก พี่รักยี่หวามากนะครับ…”

พูดจบเขาก็ขยับจะก้าวขึ้นไปอีกขั้น ทว่าคราวนี้ไม่ใช่แค่เสียงของกวินนาถที่กรีดร้องด้วยความตกใจ เสียงร้องของคนจากด้านล่างคอนโดฯ ที่กำลังเห็นเหตุการณ์ต่างก็ร้องห้ามปรามกันเสียงดังยกใหญ่

โดยที่ไม่ทันตั้งตัว ร่างของเขาถูกกอดรั้งทางด้านหลังโดยหญิงสาว ทำให้เขาเสียหลักหงายหลังและล้มใส่กวินนาถก่อนจะไปนอนกองที่พื้นระเบียงเคียงข้างกัน

“ยี่หวา”

“พี่ต้น ทำไมพี่ต้นทำแบบนี้ ทำไมพี่ต้นใจร้ายแบบนี้”

กวินนาถในตอนนี้ไม่หลงเหลือมาดเกรี้ยวกราดเหมือนเมื่อครู่ เธอทั้งทุบที่หน้าอกและต่อว่าเขาทั้งน้ำตา ด้วยเกรงว่าอีกฝ่ายจะกระโดดลงไปจริงๆ ในนาทีหวาดเสียว เธอรู้เพียงว่า เธอรักเขา ไม่อยากให้เขาตาย เธอคงอยู่ไม่ได้ หากเธอไม่มีเขาอยู่เคียงข้าง

หญิงสาวสะอื้นไห้ซุกตัวเองอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของคนรัก โดยมีใบหน้าของเขาอยู่ห่างแค่คืบ

“ยี่หวา พี่ขอโทษนะครับ พี่รักยี่หวาจริงๆ พี่รับปาก พี่จะไปจัดการหย่ากับเขาให้เรียบร้อยนะครับ ยี่หวาให้อภัยพี่เถอะนะครับ”

“จริงๆ เหรอคะ”

“ครับ พี่พูดจริง”

ลมหายใจแผ่วเบาของสรวิชญ์อ้อยอิ่งอยู่ที่พวงแก้มของเธอ ก่อนจะค่อยๆ คลอเคลียไปที่ใบหูและซอกคอ กลิ่นน้ำหอมรัญจวนใจพร้อมกับความใกล้ชิดของชายหนุ่ม ทำให้หญิงสาวอ่อนระทวยในอ้อมกอดคนรัก จนหลงลืมเรื่องกังวลใจไปชั่วขณะ นอกจากความต้องการในกายที่ปะทุรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

บัดนี้สรวิชญ์รู้แล้วว่ากวินนาถคนนี้ต้องการเขามากขนาดไหน เขาช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะพาไปวางบนเตียงนอนอย่างเบามือ

ความกังวลที่เขากลัวจะเสียเธอไป กอปรกับความต้องการทางกายเป็นทุนเดิม ทำให้สรวิชญ์ต้องการเธอมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ชายหนุ่มเริ่มบรรเลงเพลงรักหฤหรรษ์ในท่วงทำนองร้อนแรงกว่าทุกครั้ง

กรุ่นกลิ่นหอมอบอวลของกายสาวผสมกับกลิ่นกายกำยำของเขา สอดประสานเป็นท่วงทำนองอันเร่าร้อน ก่อนจะเร็วและแรงขึ้นเรื่อยๆ เพียงไม่นานเขาก็นำพาเธอไปสู่สรวงสรรค์ แต่เพลงรักยังไม่จบลงง่ายๆ ยังคงดำเนินต่อไปอีกหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งต่างหมดแรงนอนหอบเหนื่อยในอ้อมแขนของกันและกัน

สรวิชญ์บรรจงจุมพิตที่ไหล่เปลือยเปล่าของอีกฝ่าย ก่อนจะพร่ำพูดกับเธออีกครั้ง

“ที่รัก พี่รักยี่หวามากที่สุดเลยรู้ไหม คราวหลังหนูอย่าโกรธพี่ หรือบอกเลิกพี่อย่างวันนี้เลยนะ พี่อยู่ไม่ได้จริงๆ ถ้าพี่ไม่มีหนู”

“ยี่หวาก็ไม่เชื่อหรอกค่ะ ว่าสิ่งที่พี่ต้นพูดจะเป็นความจริง แล้วคอนโดนี่เป็นคอนโดของพี่ต้นหรือของผู้หญิงคนนั้นคะ”

กวินนาถมองไปรอบๆ ห้องด้วยความสงสัยก่อนจะถามขึ้นมา

“พี่จะไปหย่าครับ หลังจากพี่หย่าแล้ว เรามาแต่งงานกันนะครับที่รัก ส่วนนี่กุญแจคอนโดหลังนี้ครับ พี่มอบให้น้องยี่หวาเป็นการมัดจำไว้ก่อน วันไหนที่พี่หย่าแล้ว เราแต่งงานกันนะครับ”

“แต่งงานเหรอคะพี่ต้น”

“ครับ พี่อยากแต่งงานกับยี่หวา”

คำพูดหนักแน่นจริงจังของเขา ทำให้กวินนาถเกือบเชื่อสนิท หญิงสาวมองหน้าสรวิชญ์สลับกับกุญแจคอนโดในมือ เธอไม่คาดคิดเลยว่าชายหนุ่มจะขอเธอแต่งงานในสถานการณ์แบบนี้ แม้ส่วนลึกในใจเธอจะรู้สึกดีใจมาก หากอีกใจหนึ่งเธอก็ยังไม่เชื่อใจเรื่องการหย่าของเขาสักเท่าไร จนกว่าจะเห็นกับตา

“ถ้าหากพี่ต้นนำใบหย่ามาให้ยี่หวาดูได้ ยี่หวาก็จะเชื่อคำพูดค่ะ ยี่หวาให้เวลาเจ็ดวัน หากพี่ต้นยังเอาใบหย่ามาให้ดูไม่ได้ เราสองคนเลิกกันนะคะ”

“ครับ พี่รับปาก”

เธอยื่นคำขาดกับเขา คราวนี้สรวิชญ์รู้ดีว่า คำพูดของกวินนาถไม่ใช่แค่คำพูดเล่นๆ เหมือนเคย และการที่เขาจะแถหรือแกล้งเบี่ยงเบนความสนใจอย่างเมื่อก่อนคงจะใช้ไม่ได้ในครั้งนี้ นอกจากเขาจะต้องหย่ากับรินรดาจริงๆ แล้วนำใบหย่ามาเป็นหลักฐาน เมื่อนั้นเขาก็จะได้กลายเป็นหนูตกถังข้าวสารทันที

“ยี่หวาครับ หลังจากพี่หย่าแล้ว เราจะได้แต่งงานกันนะครับ งานแต่งงานของเรา ยี่หวาอยากจัดงานแต่งงานแบบไหนบอกพี่ได้เลยนะครับ พี่พร้อมจะเนรมิตงานแต่งงานให้ รับรองว่าไม่อายใครหน้าไหนแน่นอน”

“แน่นอนสิคะ งานแต่งงานของยี่หวาทั้งที ต้องจัดใหญ่ๆ ให้สมฐานะลูกเจ้าของบริษัท จะมาจัดเล็กๆ หรือแอบไปอยู่ด้วยกันไม่มีการจัดงาน ยี่หวายอมไม่ได้หรอกนะคะ”

“ครับที่รัก พี่จะไม่ทำให้ยี่หวาผิดหวังแน่นอน”

เขาถอนหายใจออกมาโล่งอก สุดท้ายการง้อกวินนาถก็ได้ผล แม้ว่าเขาจะต้องใช้วิธีโป้ปด เขาก็จะทำเพียงเพื่อให้ตัวเองได้คืนดีกับกวินนาถ และเขาจะเป็นเจ้าบ่าวของเธอ ผู้ชายที่เธอจะรัก และยอมมอบกายใจ ตลอดจนทรัพย์สินเงินทองให้ใช้โดยไม่ขาดมือ

 



Don`t copy text!