พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 33.2 : คิวมูลัส

พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 33.2 : คิวมูลัส

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

ขณะเดินตามเชวัง ทินเลย์ลงจากเขา นารีญาก็ยังครุ่นคิดถึงความแปลกประหลาดของเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา

…ใช่…

มันประหลาดมากกับการที่ผู้หญิงคนนั้นและล่องเมฆจะพาลิ่วลมไปหาหมอในเมือง ซึ่งอยู่ห่างออกไประยะทางเดินเท้าใช้เวลาถึงสองวัน

เธอคิดว่าคนอื่นก็สงสัย แต่เพราะคนที่ออกหน้าแทนผู้หญิงคนนั้นคือเชวัง ดังนั้น คินซา เยชิ และลูกหาบทั้งสาม รวมไปถึงน้าของเธอ จึงพร้อมใจกันนิ่งเงียบ ไม่เอ่ยปากถามอะไร

ขณะนี้ทุกคนอยู่บนภูเขาสูง หากจะไปในเมืองได้อย่างรวดเร็ว มีทางเดียวคือต้องเหาะไปเท่านั้น

ยังเชนจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร…

เครื่องร่อน เฮลิคอปเตอร์ เป็นไปไม่ได้แน่ๆ เพราะถ้ายังเชนมีพาหนะเช่นนั้น ตอนที่เธอมาถึงจะต้องมีเสียงดังให้ทุกคนได้ยิน

แล้วยังเชนพาลิ่วลมและล่องเมฆ สองพี่น้องฝาแฝดเข้าไปในเมืองได้อย่างไร

นารีญาคิดแล้วคิดอีกจนปวดหัว คิดจนเดินสะดุดนั่นนี่ไปแล้วหลายรอบ

หรือจะโหนเถาวัลย์เหมือนทาร์ซาน

หรือว่าขี่เมฆไปเหมือนไซอิ๋ว…ก็ไม่ใช่แน่ๆ

เมฆ…

เดี๋ยวก่อนนะ

นารีญานิ่วหน้า นึกทบทวนย้อนไปถึงตอนที่ยังเชนพาลิ่วลมจากไปพร้อมกับล่องเมฆ…ตอนที่เชวัง เดินกลับมานั้น…เธอสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ

ความที่เป็นนักอุตุนิยมวิทยา นอกจากทำให้นารีญาเป็นคนช่างสังเกตกับธรรมชาติรอบตัวแล้ว ยังทำให้หญิงสาวรู้จักเมฆทั้งหลายเป็นอย่างดี

ตอนนั้น บนท้องฟ้าเกิดมีเมฆสีขาวก้อนใหญ่ มองดูคล้ายกับสำลี

เมฆก้อนนั้นกำลังลอยละลิ่วไปในทิศทางที่แปลกประหลาด สวนกับทิศทางของกระแสลมที่กำลังพัดไปอีกทางหนึ่ง

นอกจากจะลอยไปในทิศทางที่แปลกประหลาดแล้ว เมฆก้อนที่ว่ายังเกิดผิดที่ผิดทางอีกด้วย…

เมฆก้อนเดี่ยวลักษณะนี้เรียกกันว่าคิวมูลัส – Cumulus เป็นเมฆที่เกิดในระดับต่ำ ความสูงไม่เกิน ๒ กิโลเมตร

นี่พวกเธออยู่ในที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลหลายกิโลเมตร…เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดเมฆคิวมูลัสบนนี้

ทั้งหมดนี้คือความผิดปกติที่นารีญาเห็น เธอคิดว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับการที่ยังเชนพาลิ่วลมลงไปในเมือง

เหมือนกับหญิงสาวคนนั้นพาลิ่วลมขี่เมฆไปจริงๆ

แต่จะเป็นไปได้อย่างไร…

นารีญาได้แต่คิดกลับไปกลับมา

เป็นไปไม่ได้หรอก เหลือเชื่อ ไม่ใช่การ์ตูนสักหน่อย

แต่…มาถึงตรงนี้ นารีญาได้แต่ถอนใจยาวด้วยความพิศวง เพราะตลอดเส้นทางที่ผ่านมา เธอได้พบกับอะไรมากมายที่ไม่เคยคิดว่าจะมีอยู่จริงในโลกใบนี้

ไม่ว่าจะเป็นเห็ดเพชฌฆาต ค้างคาวที่จ้องจะกินเฉพาะลูกตาของสัตว์อื่น สาหร่ายที่มีอำนาจควบคุมจิตใจของมนุษย์ ไปจนถึงปลายักษ์ที่ซ่อนตัว หมกอยู่ในโคลนจนทุกคนคิดว่าหลังของมันคือแผ่นหิน…

ทั้งหมดควรจะมีอยู่แต่ในการ์ตูน ในโลกจินตนาการเท่านั้น

แต่เธอกลับได้พบและสัมผัสมันด้วยตัวเองมาแล้ว

ดังนั้น ถ้าจะขี่เมฆไปในเมือง ก็อาจจะเป็นไปได้…

เอาเถอะ…ตอนนี้คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก หญิงสาวบอกกับตัวเองว่าเมื่อไปถึงโรงพยาบาลแล้วพบลิ่วลม เขาน่าจะเล่าให้ฟังได้ว่าพาหนะที่พาเขาเข้าไปในเมือง

คืออะไรกันแน่…

 

“เห็นเมฆนั้นไหม”

เขาชี้ให้ลูกน้องดูเมฆประหลาด ที่ลอยสวนทิศทางกับเมฆก้อนอื่นๆ

“เห็นครับ ก็เมฆก้อนหนึ่ง”

“ไอ้โง่” มือหนาๆ ตบลงบนศีรษะของชายคนที่อยู่ใกล้ที่สุดเต็มแรง ร่างสูงของชายคนนั้นถึงกับเซไป “พวกมึงลองดูดีๆ…เมฆก้อนนั้นไม่ธรรมดา มันลอยสวนทางกับเมฆก้อนอื่น”

“จริงด้วย” ชายที่ถูกตบหัวอ้าปากค้าง ไม่ได้โกรธเคืองอะไรที่ถูกกระทำรุนแรงขนาดนี้ เขาจ้องมองเมฆก้อนที่ว่าด้วยความสงสัย

“หรือว่าจะเป็นเพราะลมบนพัดสวนทาง”

“ไม่ใช่หรอก”

ฝรั่งวัยกลางคน รูปร่างล่ำสัน มีลายสักเต็มตัวส่ายหน้า เสียงพื้นไม้ดังตึกๆ เมื่อเขากระแทกขาเทียมที่ทำจากโลหะลงไปเป็นจังหวะตามความรู้สึกตื่นเต้นที่ก่อตัวขึ้นในใจ

“เป็นมันต่างหาก”

“โอ…” ชายสัญชาติอินเดียที่ร่วมเดินทางมาด้วยถึงกับอุทาน “ติดตามหาจนคนของเราตายไปตั้งมากมาย…บทจะเจอ ก็เจอได้ง่ายๆ แบบนี้เลยหรือครับ”

“ปกติมันระวังตัวมาก”

ชายผู้เป็นหัวหน้าทีมเอ่ยเสียงแผ่วต่ำในลำคอ ดวงตาของเขายังมองตามเมฆประหลาดที่ลอยละลิ่วไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว

“นี่คงมีเหตุอะไรสักอย่าง ที่มันจำเป็นต้องออกมา”

เขาหันไปโบกมือให้ลูกทีมอีกคนหนึ่ง ชายคนนั้นหยิบเครื่องเรดาห์ติดตามออกมาจากกล่องโลหะ เปิดใช้งานและกดติดตามเมฆประหลาดก้อนนั้นทันที ลูกน้องของเขามาร์กจุดก้อนเมฆเอาไว้ เครื่องมือของเขามีความแม่นยำสูงมาก ไม่ว่าก้อนเมฆก้อนนั้นจะลอยไปที่ไหน เขาจะติดตามมันได้ไม่ยาก

พวกเขาเป็นคณะทำงานกลุ่มที่หนึ่ง ออกเดินทางล่วงหน้ามาก่อนแล้ว พร้อมกับอุปกรณ์ทันสมัยมากมาย

ยังมีลูกน้องทีมที่สองอีกหนึ่งกลุ่มตามหลังมา พวกนั้นมีภารกิจตามไล่ล่าพวกของเชวัง ทินเลย์

ชายคนนั้นมีผ้าทังกาผืนสำคัญที่เรียกกันว่า ‘พยับฟ้าโพยมดิน’ มันเป็นแผนที่ที่จะนำทางไปถึงหุบเขามังกร ถ้าชิงเอามาได้ การติดตามค้นหาสิ่งที่ Linn Plant ต้องการ ก็จะง่ายขึ้นมาก

แต่จนป่านนี้ ลูกน้องกลุ่มนั้นของเขายังไม่มีใครโผล่หัวมาสักคน เป็นไปได้มากว่า…พวกมันตายไปหมดแล้ว

อังเดรส่ายหน้า พร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ

โลกก็เป็นอย่างนี้ละ ใครแข็งแรงกว่าก็อยู่รอด คนที่อ่อนแอก็แพ้ไป พวกมันทุกคนรู้เงื่อนไขตั้งแต่แรกแล้วว่าการเดินทางมาภูฏานครั้งนี้มีชีวิตเป็นเดิมพัน ถ้ารอดกลับไปได้ก็ถือว่าโชคดี แต่ถ้าตายระหว่างทางก็ไม่เสียอะไร เพราะ Linn Plant พร้อมจะจ่ายให้ครอบครัวของพวกมันอย่างงาม

เป็นอันว่ายังไม่ได้ทังกามาไว้ในครอบครอง

แต่แล้วจู่ๆ ขณะที่อังเดรกำลังวางแผนว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี เมฆก้อนนั้นกลับปรากฏมาให้เห็น

พระเจ้าช่วยเขาแล้ว…

เมฆประหลาดที่ดูแล้วกำลังแอบซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้

จะเป็นอะไรไปได้ถ้าไม่ใช่ ‘มัน’

อุปกรณ์ในวันนี้ทันสมัยกว่าเมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนที่เขามาที่นี่ครั้งแรกและกลับไปพร้อมกับความล้มเหลว รวมถึงทิ้งขาเอาไว้ที่นี่หนึ่งข้าง

ใช่…

เพราะมัน ขาของเขาถึงหักรุนแรง กว่าจะถึงโรงพยาบาลก็แทบเอาชีวิตไม่รอด หมอต้องตัดขาขวาของเขาทิ้งเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้

ครั้งนั้น เขามาตามหาดอกไม้ในตำนานของภูฏาน

อูดุมบารา หรืออุทุมพร ดอกไม้ที่จะขึ้นได้เฉพาะผืนดินที่ผู้คนเต็มไปด้วยความสุข

คนของเขาได้เบาะแสว่ามีดอกอุทุมพรขึ้นอยู่ในหุบเขาแห่งนั้น

อังเดรมาพร้อมกับคณะค้นหา เขาเป็นเด็กหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่ม

พวกเขาดั้นด้นไปจนพบกับดอกอุทุมพรของจริง อังเดรเก็บตัวอย่างใส่ในน้ำยาเคมี เพื่อนำกลับไปวิจัยที่แล็บของ Linn Plant ส่วนหัวหน้าของเขากำลังขุดอุทุมพรขึ้นมาจากดิน เพื่อนำกลับไป

น่าประหลาด ทันทีที่รากของมันพ้นดิน กลีบดอกทั้งหมดก็ร่วงหล่นลงไปในทันใด ไม่ว่าจะขุดอีกสักกี่ต้นก็ไม่สามารถขุดขึ้นมาได้จนหัวหน้าของเขาเริ่มหงุดหงิด และตอนนั้นเองที่มังกรสองแม่ลูกปรากฏตัวพร้อมกับเด็กชายและบิดาของเขา

อังเดรยังจำดวงตาตื่นเต้นของหัวหน้าเขาได้แม่น

ใครจะคิดว่าจากดอกอุทุมพรที่มาตามหา สุดท้ายคณะของเขากลับค้นพบอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น

มังกร…

มังกรตัวเป็นๆ

ไม่ใช่แค่ตัวเดียว แต่มีถึงสองตัว

ถ้าเขาจับมันกลับไปได้ มังกรสองตัวนี้จะทำให้ทุกคนในคณะของเขากลายเป็นมหาเศรษฐี มีกินมีใช้ไปจนตลอดชีวิต

แต่การจะจับมังกรกลับไปไม่ใช่เรื่องง่าย

พ่อลูกชาวภูฏานทั้งสองพยายามป้องกันมังกรของพวกเขาเอาไว้จนสุดความสามารถ

มังกรทั้งสองก็เช่นกัน…

สุดท้าย ภารกิจของเขาก็ล้มเหลว พร้อมกับคนในคณะเสียชีวิตทั้งหมด เหลือเขาคนเดียวที่รอดมาได้ แต่พวกมันก็สูญเสียไม่แพ้กัน…

มังกรตัวแม่และพ่อของเด็กผู้ชายคนนั้น

ยังเหลือมังกรตัวลูกอยู่อีกหนึ่ง…

อังเดรเฝ้ารอคอยมาตลอด หมายมั่นว่าสักวันเขาจะต้องกลับมาที่ซัมเซอีกครั้ง

จะต้องมาแก้แค้น

มาจับมังกรตัวที่เหลือกลับไปให้ได้

และวันนี้ เขากลับมาแล้ว

พร้อมกับเทคโนโลยีและอาวุธหนักมากมายที่ทันสมัย…

มันไม่รอดมือเขาไปได้แน่

อังเดรมั่นใจว่า ครั้งนี้…เขาจะไม่กลับไปมือเปล่า!



Don`t copy text!