อภัยแต่ไม่ยกโทษ : ทันจิโร่
โดย : นกอัญชันหางดำ
กลั่นเกลาเล่าเพลิน โดย นกอัญชันหางดำ คอลัมน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากโลกวรรณกรรมที่มีตัวละครมากมายโลดแล่นอยู่ในใจนักอ่าน และมีเรื่องราวให้กล่าวถึงได้
การ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง ดาบพิฆาตอสูร หรือ Demon Slayer : Kimetsu no Yaiba ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่ตอนที่เป็นมังงะ มีคนติดตามอ่าน ร่วมลุ้นเอาใจช่วยเหล่านักล่าอสูรให้ปราบพวกอสูรกินคนในพื้นที่ต่างๆ ได้สำเร็จ จนถึงตอนที่ถูกนำมาสร้างเป็นอานิเมะทั้งซีรีส์และภาพยนตร์ ก็มีสินค้าของที่ระลึก ชุดคอสเพลย์เลียนแบบตัวละคร ตามออกมามากมาย
* Spoiler alert มีบางส่วนเปิดเผยเนื้อหาสำคัญตอนจบเรื่อง *
เรื่องราวในดาบพิฆาตอสูรเกิดขึ้นในยุคไทโช (เทียบกับไทยก็ประมาณสมัยรัชกาลที่ 6) คามาโดะ ทันจิโร่ เป็นเด็กหนุ่มนิสัยดีมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือคนอื่น ความที่เป็นลูกชายคนโตจึงเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัวหลังจากพ่อป่วยเสียชีวิต แม้ฐานะไม่ร่ำรวย เป็นเพียงคนเผาถ่านขาย แต่ก็มีความสุขกันตามอัตภาพ ชีวิตที่สงบสุขของทันจิโร่ถูกพรากไปโดยจอมอสูรมุซัน มาฆ่าแม่และน้องๆ ในคืนหนึ่งที่เขาไม่อยู่บ้าน เหลือรอดชีวิตเพียง เนซึโกะ น้องสาวคนโต แต่ก็ถูกทำให้กลายเป็นอสูร ทันจิโร่จึงมีเป้าหมายที่จะตามล่ามุซันเพื่อหาทางทำให้น้องสาวกลับมาเป็นมนุษย์ เพราะเนซึโกะนั้นต่างจากอสูรอื่นคือ ไม่กินคน และคอยช่วยเหลือทันจิโร่เวลาตกอยู่ในอันตราย แม้ว่าความทรงจำจะหายไป พูดคุยกันไม่ได้ แต่ความผูกพันยังเหนียวแน่น สื่อสารกันพอรู้เรื่องได้
หากจะมองว่าสิ่งที่ทำให้เนซึโกะต่างจากอสูรทั่วไป คือ ความรักความห่วงใยและกำลังใจจากครอบครัว ที่พยายามช่วยกันแก้ไขไม่ให้ไปสร้างความเสียหายกับใครเพิ่มอีก และไม่ทิ้งให้อยู่รับความผิดตามลำพัง รวมถึงจิตใจที่เข้มแข็งของเจ้าตัวเอง ที่พยายามรั้งสติไว้ไม่ทำตามใจอยาก ก็คงจะไม่ผิดนัก (กรณีของเนซึโกะคือ ไม่ตามใจปาก แม้จะหิวโหยก็ไม่ดื่มกินเลือดมนุษย์) ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุนี้หรือเปล่าจึงทำให้คลายคำสาปของมุซันได้บางส่วน มุซันไม่สามารถครอบงำสั่งการเหมือนที่ทำกับอสูรตนอื่นได้ ไม่สามารถอ่านความคิด หรือติดตามได้ว่าเนซึโกะอยู่ที่ไหน … สำหรับคนที่ถลำตัวไปในทางที่ผิด แต่ยังไม่ยอมปล่อยใจตามกิเลสมารไปจนสุดทางอย่างเลยตามเลย ก็ยังมีโอกาสกลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้องได้เสมอ
กว่าทันจิโร่จะเข้ากลุ่มพิฆาตอสูรได้นั้นไม่ง่ายเลย ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนักเป็นปีๆ ก่อนจะได้เข้าร่วมคัดเลือกรอบสุดท้าย ข้อสอบไฟนอลคือ เอาชีวิตรอดให้ได้เจ็ดวันบนภูเขาที่เต็มไปด้วยอสูร เมื่อสอบผ่านจึงจะได้รับมอบหมายงานไปปราบอสูรที่ออกอาละวาดไล่กินคนตามสถานที่ต่าง ๆ พวกนักล่าอสูรต้องกระจายตัวกันไปเพราะมุซันนั้นเที่ยวไปสร้างอสูรไว้ในหลายพื้นที่
อสูรมีทั้งระดับทั่วไปที่มีพละกำลังเหนือมนุษย์ และระดับสูงที่เรียกว่า 12 จันทราอสูร ซึ่งแข็งแกร่งเกือบเท่ามุซัน ว่องไว มีอาวุธร้ายกาจและใช้มนต์อสูรโลหิตขั้นสูง ฟื้นฟูร่างได้รวดเร็ว ถูกฟันแขนขาขาดก็งอกใหม่ได้ การเป็นอสูรก็คล้ายกับแวมไพร์ผีดูดเลือด เป็นอมตะ ไม่แก่ มีชีวิตอยู่ได้ด้วยเลือดมนุษย์ ยิ่งกินคนมากก็ยิ่งมีพลังมากขึ้น แต่ต้องคอยหลบแสงตะวันเพราะทำให้ร่างสลายได้ วิธีฆ่าอสูรคือ ต้องตัดคอด้วยดาบเพลิงสุริยัน ซึ่งเป็นอาวุธประจำตัวของเหล่านักล่าอสูร ทำจากเหล็กและแร่ธาตุพิเศษที่ดูดซับแสงของดวงอาทิตย์เอาไว้
ทันจิโร่เองไม่ได้มีพรสวรรค์โดดเด่น แต่ความมุ่งมั่นและความเพียรฝึกตนนั้นไม่เป็นสองรองใคร แถมยังมีประสาทสัมผัสด้านการดมกลิ่นดีเยี่ยม ประมาณว่าได้กลิ่นแล้วจะรู้เลยว่าใครมาดีหรือมาร้าย หรือกำลังรู้สึกอย่างไร นอกจากนี้ทันจิโร่ยังเป็นผู้สืบทอดวิชาของยอดฝีมือในอดีตซึ่งเป็นปรมาจารย์นักดาบด้วย ถึงแม้ช่วงแรกจะยังไม่รู้ตัวว่าท่วงท่าร่ายรำที่สืบต่อกันมาในตระกูลเพื่อบวงสรวงบูชาไฟเป็นประจำทุกปีนั้น เป็นกระบวนท่าต่อสู้ของผู้ใช้ปราณตะวัน ซึ่งเป็นวิชาที่สูญหายไปหลายร้อยปีแล้ว
เมื่อทันจิโร่ทำภารกิจปราบอสูรไปได้สักพักก็เริ่มรู้ตัวว่าไม่อาจใช้กระบวนท่าปราณวารีตามที่ฝึกมาจากอาจารย์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และเขาก็ไม่ลังเลที่จะลองทำสิ่งใหม่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น (เปลี่ยนมาใช้ท่าปราณตะวันเมื่อค้นพบว่าช่วยทำให้กำหนดลมหายใจขณะต่อสู้ได้ดีขึ้น) ถ้าเป็นยุคนี้ก็คงคล้ายคนที่กล้าออกจากเซฟโซนมาเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ เปลี่ยนสายงานโดยที่ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง ซึ่งต้องใช้ใจที่ไม่ย่อท้อ ใช้สติปัญญาพลิกแพลงเองตามสถานการณ์ ผสมผสานแนวทางจากเพื่อนที่แม้จะอยู่คนละสายงาน ใช้ปราณไม่เหมือนกัน แต่ก็นำมาประยุกต์ใช้ด้วยกันได้ ดังเช่นที่ใช้เคล็ดลับเพิ่มความเร็วจากเซนอิทสึที่ใช้ปราณอัสนี
ความอ่อนโยนใจดีเป็นนิสัยเด่นของทันจิโร่ แม้แต่กับอสูรที่ต่อสู้กันมาแทบตาย ถ้าเห็นว่าอสูรยอมจำนนไม่สู้ต่อแล้ว เขาก็จะใช้กระบวนท่าพิฆาตของปราณวารีที่ไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวด หรือเมื่อเขาเอาชนะได้แล้วหากได้ “กลิ่น” ที่แสดงถึงความเศร้าหรือความสำนึกผิดของอสูรตนนั้น ก็จะสวดแผ่เมตตาส่งวิญญาณให้ ครั้งหนึ่งตอนที่ทันจิโร่กับเพื่อนและรุ่นพี่ช่วยกันสู้จนเอาชนะอสูรสองพี่น้องที่เป็นระดับ 12 จันทราอสูรได้แล้ว ก่อนสลายร่าง อสูรทั้งสองเกิดทะเลาะกัน ก็ได้ทันจิโร่นี่แหละที่ช่วยห้าม ช่วยย้ำเตือนให้นึกถึงความเป็นพี่น้องที่เคยรักและดูแลกันมา จนทั้งคู่คืนดีกันได้ก่อนพากันไปสู่นรกภูมิ
อีกตัวอย่างหนึ่งคือ ตอนที่ทันจิโร่และเพื่อนตามไปสมทบกับเคียวจูโร่ เสาหลักเพลิง ซึ่งเป็นหนึ่งในเก้านักดาบระดับสูงของกลุ่มพิฆาตอสูร และช่วยกันต่อสู้กับอสูรความฝันที่ใช้มนต์ทำให้หลับฝันดี (เพื่อให้ไม่นึกอยากตื่น) ก่อนลอบส่งคนเข้าไปในจิตเพื่อทำลาย “แก่นแห่งจิตใจ” ขณะหลับ เพราะพลังขับเคลื่อนของมนุษย์อยู่ที่ใจ หากแก่นแห่งจิตใจถูกทำลาย มนุษย์ก็จะไม่คิดสู้และถูกทำลายได้ในโลกแห่งความจริงอย่างง่ายดาย ศึกครั้งนี้เคียวจูโร่เป็นกำลังหลักที่ช่วยชีวิตผู้โดยสาร 200 คนบนรถไฟไว้ได้ แต่ก็ต้องขอบคุณทันจิโร่ด้วยที่เป็นคนแรกที่รู้ตัวว่าหลงติดอยู่ในความฝันจึงตื่นขึ้นมาปลุกทุกคนได้ ทั้งนี้ ตอนที่ยังหลับอยู่นั้น ขอบเขตของจิตอยู่คนละส่วนกับความฝัน และมีลักษณะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล คนที่ลอบเข้าไปในจิตของทันจิโร่ได้พบเจอบรรยากาศที่อบอุ่นสวยงามกว้างไกลสุดสายตา และได้พบกับร่างแยกของทันจิโร่ในรูปของคนแคระเรืองแสง ซึ่งพอรู้ว่ากำลังมองหาแก่นแห่งจิตใจอยู่ เหล่าคนแคระก็จูงมือพาไปส่งถึงที่เองเลย
แต่ทว่าพลังของความเมตตากรุณานั้นสามารถเปลี่ยนใจคนที่มุ่งร้ายให้กลับมาดีได้ เดิมทีเขาต้องการหนีทุกข์ของตัวเองจนยอมร่วมมือกับอสูร แต่เมื่อได้รับรู้ว่าแก่นแห่งจิตใจนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดแสงสว่างและความรู้สึกอบอุ่นที่เขาได้รับอยู่ เขาก็ทำลายไม่ลง พอทันจิโร่ตื่น เขาก็ถูกดึงกลับมาสู่โลกแห่งความจริงโดยมีส่วนหนึ่งของจิตใจทันจิโร่ติดมาด้วย ใจที่เคยมืดมิดของเขาจึงเริ่มมีแสงสว่าง ทันจิโร่ไม่ได้ถือโทษที่เขาเคยคิดร้ายเพราะเห็นว่าสำนึกได้แล้ว รวมถึงให้อภัยพนักงานรถไฟที่ร่วมมือกับอสูรด้วย แม้จะเป็นคนที่ขาดสติลงมือแทงทันจิโร่จนบาดเจ็บ เพราะเห็นว่าเขาอยู่ในสภาพที่เหมือนได้รับการลงโทษไปแล้ว อีกทั้งยังคิดว่าผู้ร้ายตัวจริงคืออสูรความฝัน ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนการนี้โดยมาหลอกใช้คนที่กำลังทุกข์ร้อนจิตใจอ่อนแอ
สำหรับทันจิโร่ การที่ไล่ล่าสังหารอสูรก็เพราะไม่อยากให้มีใครเคราะห์ร้ายเสียชีวิตหรือสูญเสียครอบครัวเพิ่มอีก ทำเพราะความจำเป็น ไม่ใช่เพราะแค้นขุ่นเคือง การให้อภัยจึงไม่ได้หมายความว่าจะงดเว้นโทษให้ เพราะเมื่อทำผิดก็ย่อมต้องถูกลงโทษทัณฑ์ แต่การลงโทษด้วยความเข้าใจน่าจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าทำด้วยความโกรธ
ถ้ากับอสูรยังมีน้ำใจขนาดนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากับผองเพื่อนและรุ่นพี่ในกลุ่มพิฆาตอสูร ทันจิโร่จะเที่ยวผูกมิตรไปทั่วและใจดีมากแค่ไหน เต็มใจบริการทุกเรื่อง โดนแย่งของกินก็ไม่ถือสา ถูกดุด่าหรือถูกเมินก็ไม่โกรธ เห็นใครเศร้าก็ตามไปปลอบ ถึงจะเคยทะเลาะขัดแย้งกันก็ไม่เก็บมาเป็นอารมณ์ สู้จบก็เลิกแล้วต่อกัน เจอกันใหม่ก็ยิ้มแย้มทำดีด้วยเหมือนเดิม (เพื่อนร่วมรุ่นอย่างอิโนะสุเกะและเกนยะคงรู้ดี ขนาดไม่ยุ่งด้วยยังโดนตื๊อเลย) ขณะเดียวกันทันจิโร่จะไม่ยอมอ่อนข้อให้ถ้าเห็นว่าเป็นเรื่องที่ผิด เขากล้าเตือนกล้าสอนเพื่อนอย่างไม่กลัวโดนเกลียด กล้ายืนหยัดในหลักการ แม้แต่รุ่นพี่ที่เป็นเสาหลักของกลุ่มอย่างเทนเง็น มุอิจิโร่ และซาเนมิ หรืออดีตเสาหลักที่เกษียณแล้วอย่างพ่อของเคียวจูโร่ เขาก็เคยปะทะคารมด้วยเพื่อเตือนสติไม่ให้นึกถึงแต่ปัญหาของตัวเอง
แล้วทันจิโร่จะเป็นคนดีไปถึงไหน ก็จนกระทั่งติดเชื้ออสูรจากมุซันไง เหมือนว่ายิ่งดีมากเท่าใด หากเข้าสู่ด้านมืดก็จะยิ่งร้ายมากด้วย ในศึกสุดท้ายตอนที่ทันจิโร่กับเพื่อนและเสาหลักช่วยกันโจมตีมุซันจนเอาชนะได้แล้ว แต่ขณะที่ร่างมุซันกำลังสลาย กลับใช้ความมุ่งมั่นเฮือกสุดท้ายส่งต่อเซลล์อสูรไปรวมกับร่างของทันจิโร่ที่บาดเจ็บสาหัสใกล้ตายอยู่ข้างๆ ทันจิโร่จึงกลายเป็นอสูร จำใครไม่ได้และเริ่มสู้กับคนในกลุ่ม ยังดีที่ไม่ถึงขั้นทำร้ายใครจนตาย และเนซึโกะ (ที่ตอนนี้ได้รับยารักษาแล้วและเพิ่งกลับมาเป็นมนุษย์) มาช่วยห้ามไว้ก่อน ถึงอย่างไรก็คงพอรับรู้ได้ว่าเป็นน้องสาวตัวเอง จึงไม่โจมตีหรือฆ่า แสดงให้เห็นว่าพยายามดึงสติกลับมาเองด้วยเหมือนกัน
โชคดีที่เป็นอสูรอยู่ไม่นานทันจิโร่ก็ได้รับยารักษาที่เหลืออยู่หลอดสุดท้าย และกลับมาเป็นมนุษย์ได้ในที่สุด ตอนที่เป็นอสูรเขาแกร่งกว่ามุซันเสียอีก ทั้งแสงตะวันและดาบเพลิงสุริยันทำอะไรทันจิโร่ไม่ได้เลย กลุ่มพิฆาตอสูรเองก็ต่อสู้มาทั้งคืนจนบาดเจ็บสะบักสะบอมกันถ้วนหน้า และสูญเสียเสาหลักไปหลายคนแล้ว ถึงกระนั้นทุกคนก็ยังพยายามหยุดทันจิโร่ให้ได้ เพราะเคยคุยกันไว้ว่าหากใครหลงไปเส้นทางที่ผิด คนที่ยังอยู่จะช่วยกันหยุด
Everything happens for a reason. ถ้าตอนนั้นไม่กลายเป็นอสูร ทันจิโร่อาจตายไปแล้วก็ได้เพราะนิ่งจนดูเหมือนจะหยุดหายใจแล้ว พอได้รับเซลล์อสูรจึงเหมือนถูกปั๊มหัวใจขึ้นมา แต่เขาคงไม่อยากสูญเสียตัวตน ถ้าเลือกได้คงยอมตายในฐานะมนุษย์เสียเลยยังดีกว่ามีชีวิตอยู่อย่างอสูร ครั้นเมื่อได้กลับมาเป็นมนุษย์เขาก็ยังรู้สึกผิดกับทุกคนที่เคยทำให้บาดเจ็บ ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาต้องเรียนรู้ที่จะก้าวข้ามอดีตที่เคยผิดพลาดของตนเอง ที่ผ่านมาเขาเคยให้อภัยอสูรที่สำนึกผิด เคยให้โอกาสและไม่ทอดทิ้งน้องสาวที่หลงไปอยู่ในเส้นทางของอสูร ครั้งนี้เขาก็ต้องเรียนรู้ที่จะให้อภัยตัวเอง และก้าวไปข้างหน้าต่อไป
อ้างอิงจาก : ดาบพิฆาตอสูร เล่ม 1, 2, 4, 6, 7, 8, 9, 11, 12, 23
- READ อภัยแต่ไม่ยกโทษ : ทันจิโร่
- READ เพอร์ซิอุส : ก่อนจะได้เป็นดาว
- READ เบลเลอโรฟอน : บินสูงได้ก็ตกลงมาได้เช่นกัน
- READ เดดาลัส : เมื่อเลือกทางผิด ชีวิตจึงต้องวกวนวุ่นวาย
- READ ไซคี : ชีวิตคู่ไม่ได้มีกันแค่สองคน
- READ เอนิส : ชีวิตที่ไม่หมดหวังและยังก้าวต่อไป
- READ ยูลิสซิส : เมื่อมีความตั้งใจก็ย่อมหาหนทางไปได้เสมอ
- READ อะกาเมมนอน : ผู้ชนะศึกนอกแต่พ่ายศึกใน
- READ ปารีส : เพราะชะตากรรมหรือทำตัวเอง
- READ หนึ่งมิจ (ฉาชีพ) ชิดใกล้ : เคร้าช์ จูเนียร์
- READ คนที่คุณเองก็จะนึกถึงตลอดไป : ดัมเบิลดอร์กับสเนป
- READ อยู่และเรียนรู้
- READ รวมมิตรที่คิดไม่ถึง : ด๊อบบี้ กับ ครีเชอร์
- READ ทางที่เลือก : แฮร์รี่ vs โวลเดอมอร์
- READ มีแต่เพื่อนแท้เท่านั้นที่อยู่เหนือกาลเวลา
- READ ขมิ้นกับปูน : มัลฟอย
- READ เสาหลักที่แข็งแกร่งมั่นคงและตรงแบบแผน : มักกอนนากัล
- READ มีใครร้ายกาจกว่านี้อีกไหม : อัมบริดจ์
- READ อย่าตัดสินเนื้อหาจากปกหนังสือ : แฮกริด