
ฉันเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ ตอนที่ 12 : เกิดเรื่องวันงาน
โดย : โสภี พรรณราย
ฉันเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ โดย โสภี พรรณราย…เมื่อชีวิตของชาลิสาพลิกผันไปจากความร่ำรวย กลายมาเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ เธอต้องงัดเอากลยุทธ์มากมายมาจัดการให้เรื่องราววุ่นวายทั้งหลายผ่านไปให้ได้ แต่ยังมีเรื่องวุ่นๆ ของหัวใจที่เกิดขึ้นทุกทีที่พบกับธีทัต เธอจะรับมืออย่างไร นวนิยายจากอ่านเอา ที่นำมาให้ทุกท่านอ่านออนไลน์ค่ะ
วันโชว์อัญมณีเพชรสีชมพู ระลานตาด้วยอัญมณีหลากหลายในตู้กระจก สำหรับจำหน่ายแก่แขกพิเศษที่ได้รับเชิญเฉพาะ
โดดเด่นที่สุดคือเพชรสีชมพูเม็ดโดดๆ ที่อยู่ในตู้กระจกกลางงานที่แขกทยอยกันมาชื่นชม เพราะยังไม่ขายในงานนี้ โชว์เพื่อให้แขกเห็นและจะให้ประมูลกันที่เมืองนอกอีกครั้ง
เพชรชมพูราวยี่สิบกะรัต ที่หาจากที่ไหนไม่ได้แล้ว เป็นจุดสนใจของแขกกระเป๋าหนัก
ชาลิสาทำงานกับนทีเป็นงานแรก ยืนเฝ้าบริเวณประตูหน้างาน หญิงสาวออกอาการตื่นเต้นจนนาทีต้องเดินมาประกบและพูดว่า
“ตื่นเต้นหรือ?”
ชาลิสามองค้อนเพื่อนรัก
“ก็แปลกๆ นิดๆ”
“ทำตัวสบายๆ”
“สาไม่ใช่แขกนะ ถึงจะทำตัวสบายๆ ได้”
“ครั้งแรกก็อย่างนี้แหละ คราวต่อๆ ไปจะสบายตัวขึ้น”
ชาลิสาตาโต
“หมายความว่าจะจ้างสาต่อ?”
“จะช่วยให้สามีรายได้เพิ่มขึ้นไง ให้ยืมเงินก็ไม่รับ จ่ายเป็นค่าจ้างดีกว่า”
“ค่าจ้างสูงผิดปกตินะ” หญิงสาวหรี่ตา
นทีหัวเราะ
“ถือว่าเพื่อนช่วยเพื่อนไง อย่าคิดเล็กคิดน้อย”
“สาจะไม่ลืมบุญคุณของนทีเลย”
นทีตบบ่าเพื่อนรักเบาๆ
“พูดซ้ำซากอีกแล้ว…”
หากว่าภาพนี้ ริก้ากับลักขณาเดินมาเห็น
ริก้าจึงพูดกับลักขณาลอยๆ หากรู้ความหมายว่าหมายถึงใคร
“พี่ณาดูสิ จ้างพวกเขามาทำงานแท้ๆ หรือเข้าใจผิดว่าจ้างมาจู๋จี๋กันนะ อยู่ๆ ดีๆ เจ้าของร้านเสื้อผ้ากลายเป็นบอดี้การ์ดรักษาความปลอดภัย อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้เสมอ”
ชาลิสาจะโต้กลับแต่ถูกนทีจับมือไว้และส่ายศีรษะพูดเบาๆ ว่า
“อย่า”
มันไม่ใช่นิสัยของชาลิสาที่ต้องมาทน แต่เพราะเห็นแก่นทีจึงจำยอมเงียบ
พอเงียบ อีกฝ่ายก็ยิ่งได้ใจ พูดใหญ่เลย
“พี่ณา…พลอดรักกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา เห็นสถานที่ทำงานเป็นห้องนอนส่วนตัวหรือเปล่า จับมือกัน ถ้ามาเห็นช้ากว่านี้อาจเห็นภาพกอดจูบด้วยซ้ำ”
ลักขณายิ้มแห้งๆ เอาใจญาติผู้น้องที่เป็นเจ้านายส่งๆ ว่า
“ค่ะ…ค่ะ…”
แต่ชาลิสาเหลืออด โพล่งว่า
“ไม่รู้ความจริงอะไร อน่าริพูดอย่างคนตาบอด ใจบอด ใจสกปรก”
ริก้าตาโต
“หมายถึงใคร?”
“ก็ไม่ระบุชื่อเหมือนคุณพูดไงล่ะ”
“หมายถึงฉัน”
“ใครอยากรับก็รับไป”
“ฉันไล่เธอออก!”
“เสียใจ เพราะฉันไม่ได้กินเงินเดือนคุณ”
นทีกลัวเรื่องบานปลาย เพราะอยู่ในระหว่างทำงานจึงลากตัวชาลิสาให้ออกห่าง
“มากับผม เปลี่ยนที่รักษาความปลอดภัย มาอยู่ข้างประตูหลังดีกว่า คนไม่เยอะ”
ชาลิสาเดินตามนทีเพราะถูกลากตัว ไม่วายบ่น
“ทำไมต้องหนี ไม่เห็นต้องกลัวเลย”
“ครับผม…ไม่กลัวครับ แต่ระหว่างงาน…งานต้องมาก่อน”
“ทำเป็นมืออาชีพไปได้”
“เอาเถอะ…สาอยู่ตรงนี้นะ คุมประตูหลัง มีเพื่อนอีกคนช่วยกัน เผื่อต้องเข้าห้องน้ำหรือมีอะไรฉุกเฉิน”
เพื่อนร่วมงานอีกคนก็เป็นชาย ซึ่งยิ้มให้ชาลิสาอย่างเป็นมิตร โดยไม่ได้ทักทายอะไรกันเลย
ในขณะนั้น ครอบครัวเสี่ยขจรมาถึง และน่าแปลกใจที่ระบุจะเข้าทางประตูด้านหลัง แทนจะเป็นประตูหน้าที่มีช่างภาพนักข่าวหลายสำนักมาทำข่าว
“ขี้เกียจเจอนักข่าว” มีเสียงแว่วๆ พูดขึ้น
ชาลิสากัดฟัน…สะกดกลั้นอารมณ์
เดินผ่านเข้าไป…เสี่ยขจร ภัทรา ดนัยและจิดาภา และสองคนสุดท้าย บอดี้การ์ดส่วนตัวชายหญิงของเสี่ย
ชาลิสาสูดลมหายใจลึกๆ และผ่อนออกช้าๆ อย่างระงับอารมณ์ หลบมาเฝ้าประตูที่ไม่ค่อยมีคนเข้าออก นอกจากพนักงานบริการเครื่องดื่มที่ถือถาดบริการเครื่องดื่มสารพัดตั้งแต่น้ำเปล่าจนถึงน้ำมึนเมา
สองคนสุดท้าย บอดี้การ์ดของเสี่ยขจรผ่านไป พร้อมกับกลิ่นน้ำหอมจางๆ
แต่ภัทรา…มีสะดุดก่อนจะผ่าน
ภัทรามองหน้าชาริสาอย่างไม่ตั้งใจ…เหมือนเคยเห็นที่ไหน เหมือนจะมีปัญหา อ๋อ…จำได้แล้ว สาวที่ชื่อ…ชาลิสา
เพราะภัทราสะดุด…ทำเอาจิดาภาพลอยสะดุดไปด้วย มองบอดี้การ์ดสาวสวย และจำได้เช่นกัน จากที่ริก้าเคยเล่าว่าชาลิสาทำอะไรกับริก้า
ที่ริก้าเล่า…ก็เล่าเข้าข้างตัวเอง จนชาลิสาเป็นพวกผู้ร้าย เป็นพวกฉวยผลประโยชน์ เอาเปรียบริก้า
ที่สำคัญอีกหนุ่มก็จำได้…ดนัย คนที่เคยชื่นชมชาลิสาสวย เก๋ เท่
ดวงตาของดนัยเป็นประกายทันที จะเอ่ยทักทายสาวสักหน่อย แต่ก็ไม่มีโอกาส เพราะครอบครัวของธีทัตเดินมาพอดี
เสี่ยขจรจึงทักทายกับคุณเอกสิทธิ์
จิดาภาหรี่เข้ากอดแขนธีทัต และพากันเดินเข้างาน
ดนัยต้องเดินตามครอบครัวไปก่อน
ชาลิสายังกำมือแน่น แต่โล่งอกที่ไม่ต้องอยู่ใกล้ครอบครัวเสี่ยขจรนานนัก และมีเสียงทัก เมื่อริก้ากับลักขณาเดินกลับมา
ถึงขนาดต้องถอนใจยาวเลย
ชาลิสาโครงศีรษะ ศรศิลป์ไม่กินกัน ต้องมาเจอกันบ่อยๆ
เงียบ
“ไงล่ะ…ตอนนี้จากเจ้าของร้านเสื้อกลายมาเป็นบอดี้การ์ดรักษาความปลอดภัยในงานแล้วเรอะ อ๋อ…คงช่วยกันทำมาหากินกับแฟนสินะ”
“ฉันกำลังทำงาน ไม่มีเวลาชี้แจงอะไรกับคุณ” ชาลิสาพูดเรียบๆ
“คนอย่างเธอทำงาน ฉันรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยเลย”
“ฉันทำงาน!” หญิงสาวเน้น
“ผอมแห้งแรงน้อยอย่างนี้นะ จะรักษาความปลอดภัย” แล้วหัวเราะเยาะพูดกับลักขณา “พี่ณา เดาสิคะว่าพนักงานคนนี้หนักกี่กิโล”
ลักขณาตอบไม่ถูก
“คุณริก้า เราไปกันเถอะ”
“กลัวอะไร คุยกับพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่ได้เรอะ” ริก้าเบ้ปาก หันกลับมาทางชาลิสา
“ทำงานหาเงินทุกรูปแบบ นี่…ถ้าเครื่องประดับหายไปสักชิ้นในงาน หวังว่าคงไม่โทษกัน”
“พูดอะไรก็ตามใจคุณ ขออย่างมีเรื่องก็พอ”
“อย่าโทษกันก็พอ”
“คุณไม่ไปชื่นชมอัญมณีหรือไง มาหยุดคุยตรงนี้ ไม่มีประโยชน์”
“ก็ใช่ละนะ ไม่มีประโยชน์เลย เซ็ง ไปก็ได้” พูดจบก็ผละไป
ชาลิสาโล่งอกได้แป๊บเดียว ก็มีใครคนหนึ่งมาแทนที่ริก้า
ดนัยยิ้มกว้าง ทักทายอย่างสุภาพ
“สวัสดีครับ คุณชาลิสา”
หญิงสาวขมวดคิ้ว
“เรารู้จักกันหรือคะ?”
“แหม…ผมแน่ะรู้สึกชื่นชมคุณตั้งแต่พบครั้งแรก ผมว่าคุณเท่มาก ในตอนนี้ คุณก็เท่เหมือนเดิม”
ชาลิสาอยู่ในชุดสูท ทะมัดทะแมง ดูดีมาก รู้สึกแปลกใจกับท่าทีเป็นมิตรของดนัย
เสียดาย…ดนัยเป็นลูกชายของเสี่ยขจร คนที่ตนเกลียดเข้ากระดูกพาลไม่ชอบหน้าไปหมด
ชาลิสา…มีเหตุผลหน่อยสิ เตือนตัวเอง พ่อก็ส่วนพ่อ ลูกก็ส่วนลูก เขาอุตส่าห์มาคุยอย่างมิตร จึงโต้ตอบอย่างมิตร
“ขอบคุณค่ะ ที่มองว่าฉันเท่”
“จริงๆ นะครับ แต่ว่าผมรู้ว่าคุณเป็นเจ้าของร้านเสื้อ ทำไมกลายเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยในงานล่ะครับ”
“ฉันรับงานชั่วคราวค่ะ”
“เจ้าของร้านเสื้อผ้า กับพนักงานรักษาความปลอดภัย มันคนละขั้วกันเลย”
“คุณนทีเจ้าของบริษัทเห็นว่าฉันทำได้ ฉันก็ควรลองบ้าง”
แล้วก็มีเสียงแทรก
“เรอะ…ลองเรอะ งานแบบนี้ต้องรักษาความปลอดภัยสูงมาก เล่นเป็นเด็กเลยนะ”
ชาลิสาชะงักกับเสียงแทรก
จิดาภานั่นเอง…เดินมาเงียบๆ เพราะเห็นพี่ชายคุยกับชาลิสาอย่างชื่รนชม จิดาภาไม่ชอบหน้าชาลิสาเลย ยิ่งเคยเห็นธีทัตคุยกับชาลิสาแล้ว อารมณ์เกิดประมาณว่าหึงหวงราวนั้น
ยิ่งริก้าเคย ‘ใส่ไฟ’ กับประวัติของชาลิสา…นั่นก็ยิ่งทวีคูณว่าชาลิสาเป็นพวกฉวยโอกาส
ยังไม่ทันชาลิสาจะพูดอะไร จิดาภาหันมาตำหนิพี่ชาย
“พี่นัยทำตัวอย่างไรกัน ไม่วางตัวเลย เราเป็นแขกนะคะ แขกในงานก็เยอะแยะไม่คุย มาคุยกับเธอ…ทั้งที่ริก้าก็เคยเตือนแล้วว่าคนแบบนี้เป็นพวกฉวยโอกาส เอาเปรียบริก้า แค่เรื่องเสื้อผ้าถูกๆ ก็ยังแล่นไปฟ้องคุณธี ทำเป็นเรื่องใหญ่โต จนคุณธีต้องยอมจ่ายค่าชดเชยเป็นสองเท่าเพื่อตัดรำคาญ ริก้าเป็นเหยื่อคนแล้ว พี่นัยอยากเป็นเหยื่ออีกคนหรือไง”
ดนัยปรามน้องสาว
“เฮ้ย…เบาหน่อย…”
เพราะกลัวอารมณ์น้องสาวที่ไม่พอใจอย่างมาก จึงรีบตัดบท
“เราไปกันเถอะ”
จิดาภาตาโต ถูกพี่ชายฉุดแขนเข้างานเลย โดยที่ชาลิสายังไม่ทันตอบโต้สักนิด
โอ๊ย…ต้องคอยรองรับพฤติกรรมคนพวกนี้หรือ
ชาลิสาขอตัวกับเพื่อนร่วมงานไปห้องน้ำ ว่าจะหลบไปสงบสติสักหน่อย กลับเจอหนักกว่าเก่า ต้องชะงักกับภาพตรงหน้า
อีกแล้ว…ธีทัตกับภัทรา
ภัทราจับแขนธีทัตไว้
“ภัทนัดคุณไปพบ ทำไมคุณไม่ไป”
“ภัท…ระวังตัวด้วย”
“ก็ภัททนคิดถึงคุณไม่ได้”
“ปล่อยแขนผมก่อน”
“ก็คุณไม่ยอมไปตามนัด”
“เราไม่เหมือนเดิมแล้ว”
“ภัทไม่ยอมรับ ให้ภัทได้เจอคุณบ้าง ให้หายคิดถึง”
“ภัทครับ…มีสติหน่อยสิครับ”
ธีทัตพยายามควบคุมตัวเองและควบคุมหญิงสาวอีกฝ่าย เขาหลีกเลี่ยงแต่ฝ่ายหญิงเรียกร้อง…อดีต…ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย
แล้วทำไมต้องเป็นแบบนี้…
ชาลิสาไม่ต้องการหรอก แต่เจออีกแล้ว เขาสองคนอุตส่าห์หลบมุมไม่มีคนเห็น เพราะอยู่มุมอับ สามด้านเป็นกำแพง อีกด้านที่เข้าได้เป็นห้องไฟและปิดเกือบตลอดเวลา
ชาลิสาหนอ…ชาลิสา เพราะได้ยินเสียงเบาๆ กระซิบกระซาบ นิสัยส่วนตัวที่ตำหนิว่า ‘แย่’ ใช่นิสัยแย่ๆ ที่อยากรู้อยากเห็น จึงเดินไปเยี่ยมๆ มองๆ แล้วก็เห็น…
ธีทัตกับภัทราผละออกจากกันโดยอัตโนมัติ
ชาลิสาเบิกตากว้าง ในขณะที่ธีทัตตาขวาง และภัทรากำมือแน่น…อีกแล้ว…ผู้หญิงคนนี้ แต่พูดไม่ออก รีบเดินจาก
ธีทัตจ้องมองชาลิสาอย่างสงสัย
“สะกดรอยตามชฉันเรอะ?”
ชาลิสาไม่กล้าตอบ รีบผละหนีไปห้องน้ำเพราะต้องทำงาน มีหน้าที่ต้องไปรักษาความปลอดภัย
ธีทัตเองก็ไม่ได้ตาม เขากับแม่สาวคนนี้มีบัญชีต้องจัดการอีกยาวและยังมีเวลาเสมอ
ทุกคนต้องทำตามหน้าที่ของตัวเอง
ชาลิสาเฝ้าระวังอยู่ประตูด้านหลัง
แขก…ในงานก็เดินชมสินค้าเพชรอัญมณีหลากหลาย งดงามที่โชว์และมีบางชิ้นที่ขาย
แขกไม่ได้เยอะมาก แต่ล้วนมีชื่อเสียงในวงสังคมและมีกำลังซื้อ จึงเลือกสินค้าอย่างสนใจ
ไฮไลท์อยู่ที่เพชรชมพูน้ำหนักร่วมยี่สิบกะรัต
เพชรรอการประมูล และจะเปิดประมูลอีกหลายเดือนข้างหน้า ตอนนี้ได้เศรษฐีทั่วโลกชื่นชมด้วยสายตา
และแล้ว…ท่ามกลางความดูแลรักษาความปลอดภัยจากทั้งบริษัทและตำรวจนอกเครื่องแบบก็เกิดเรื่องจนได้
เกิดอะไรขึ้น…
ไฟในงานดับสนิท ราวปิดสวิตช์ ห้องพี่สว่างไสวก็พลันมืดสนิท
ทุกคนในงานตกใจ และบ้างก็ส่งเสียงกรีดร้อง ชุลมุนวุ่นวายไปทั่วห้อง
- READ ฉันเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ ตอนที่ 12 : เกิดเรื่องวันงาน
- READ ฉันเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ ตอนที่ 11 : เสี่ยขจรต้นเหตุปัญหา
- READ ฉันเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ ตอนที่ 10 : นทีโดนลูกหลง
- READ ฉันเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ ตอนที่ 9 : จากเจ้าหนี้กลายเป็นลูกหนี้
- READ ฉันเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ ตอนที่ 8 : เจ้าหนี้กัดไม่ปล่อย
- READ ฉันเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ ตอนที่ 7 : ทวงค่าเสียหาย
- READ ฉันเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ ตอนที่ 6 : ป่วนร้านเสื้อ
- READ ฉันเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ ตอนที่ 5 : นกน้อยในกรงทอง
- READ ฉันเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ ตอนที่ 4 : ปัญหาต่างๆ ของชาลิสา
- READ ฉันเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ ตอนที่ 3 : ฉันกับสาวเจ้าอารมณ์
- READ ฉันเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ ตอนที่ 2 : สาวเจ้าอารมณ์
- READ ฉันเป็นเลขาของสาวเจ้าอารมณ์ ตอนที่ 1 : ฉัน