ตอนที่ 11
โดย : สำสา
เรื่องหลังโรงพยาบาล เรื่องสั้นโดย สำสา คุณหมอผู้ชื่นชอบการสื่อสารเเละถ่ายทอดเรื่องราวของชีวิตเเละธรรมชาติออกมาเป็นงานศิลปะ และครั้งแรกของเขากับงานเขียนในรูปแบบเรื่องสั้นที่อ่านเอานำมาให้ได้อ่านกัน เรื่องราวของ ‘หมอบุญเสก’ เพื่อนที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับและการตายที่อาจมีเงื่อนงำ
ผมอึ้ง จุกจนกินมาม่าต่อไม่ไหว เพราะเนื้อความในจดหมายซึ่งอยู่ในซองสีขาวเก่าๆ ฉบับนั้น มันทำให้ผมตกใจและขนลุก
“เชี่ยเเล้ว”
ผมอุทานแล้วรีบปิดจดหมายฉบับนั้น อย่างกับกลัวว่าจะมีใครมาเห็นทั้งๆ ที่ผมนั่งอยู่ในห้องเพียงคนเดียว
มีกี่คนนอกจากบุญเสกที่เห็นเนื้อหาในจดหมายฉบับนี้
มันเป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้ผมกลัวและกังวลไปว่าผมจะปะติดปะต่อเรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างไร
“วันนี้เธอทำไมพูดน้อยจัง ปล่อยให้ฉันพูดอยู่คนเดียวตั้งนาน”
“ก็หมอเปิดโอกาสให้หมอเค้าพูดแทรกได้ตอนไหนล่ะ”
“บ้าเหรอ ฉันเนี่ยนะ เธอหมายความว่าฉันพูดมากสิ”
“เปล่าค่า”
“ฉันก็หาเรื่องพูดคุยไปยังงั้นแหละกลัวคนไข้จะหลับ”
“โอ๊ยหมอ คนไข้ที่ไหนจะหลับลง กรอฟันอยู่อย่างนั้น”
“อ้าวๆ นั่นไงลุงเเกสำลักน้ำลายเลย”
ทันตแพทย์รุ่นพี่กับผู้ช่วย คุยตอบโต้กันสนุกสนานระหว่างทำงาน เตียงทำฟันของเธอกับของน้อยหน่าอยู่ติดกัน
ทันตแพทย์รุ่นพี่หันกลับไปมองรุ่นน้องของเธอเมื่อรู้สึกว่าไม่มีเสียงตอบกลับมา ทันใดนั้นเธอก็สังเกตเห็นรุ่นน้องหน้าดูซีดจนเกือบจะไม่มีสี
“เฮ้ย น้อยหน่า เป็นอะไรเป็นอะไร เฮ้ยยย”
โชคดีที่ทันตแพทย์สาวเป็นลมล้มลงไปในตอนที่เครื่องมือทำฟันถูกนำออกมาจากปากผู้ป่วย วางอยู่บนถาดข้างๆ แล้ว
น้อยหน่าตื่นขึ้นมาบนเตียงปฐมพยาบาลในห้องฉุกเฉิน
“ช่วงนี้มีอาการแปลกๆ ตื่นมารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว แล้วก็กินอะไรไม่ค่อยได้”
เธอเล่าอาการให้หมอหนุ่มรุ่นพี่ซึ่งเป็นแพทย์ฝึกหัดในห้องฉุกเฉิน
“บางทีก็รู้สึกอยากจะอาเจียนช่วงเย็น บางครั้งก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว หนาว แต่เช้าวันนี้อาการเยอะสุดรู้ตัวเลยว่าคงต้องเป็นลมแน่ๆ”
“พี่ตรวจดูเบื้องต้นก็ไม่เห็นจะมีอะไรนะ ความดันอาจจะต่ำนิดหน่อย แต่เดี๋ยวให้น้ำเกลือซักนิดนึงแล้วค่อยกลับไปนอนพักที่หอนะ ยังไงขอเจาะเลือดดูเม็ดเลือดหน่อยก็แล้วกัน”
หมอหนุ่มเดินผละออกมา วางสเตตโตสโคปบนโต๊ะของพยาบาลอาวุโส เเล้วคุยอะไรสองสามประโยค สักครู่หนึ่งก็เดินย้อนกลับมาคุยกับน้อยหน่าอีกครั้ง
“อ้าวนี่เราเพิ่งแต่งงานได้ไม่นานนี้เอง ท้องหรือเปล่าวะ งั้นเดี๋ยวพี่เก็บปัสสาวะเช็กดูแล้วกันนะ”
มีแฟน เรียนจบ ทำงาน แต่งงาน ตั้งท้อง เเล้วมีลูก ย้ายไปอยูเป็นครอบครัว เลี้ยงลูกส่งลูกไปโรงเรียน นี่คือชีวิตที่เธอจินตนาการเอาไว้และปรารถนาให้มันเกิดขึ้นจริงๆ เธอแทบจะเก็บความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่ขณะที่นอนพักอยู่หลังผ้าม่านบนเตียงชั่วคราวในห้องฉุกเฉิน จิตใจเธอล่องลอยไปถึงแฟนหนุ่มอยากให้เขามานั่งอยู่ตรงนี้ รอผลตรวจปัสสาวะเช็กการตั้งครรภ์พร้อมกัน เชื่อว่าเขาคงจะต้องดีใจไม่น้อยไปกว่าเธอ
เดือนนี้บุญเสกมีงานยุ่งที่โรงพยาบาลจนทำให้ทั้งสองคนไม่มีโอกาสได้พบกันในช่วงวันหยุดของสัปดาห์ที่ผ่านมา
มีพยาบาลเปิดม่านเข้ามา ตามมาด้วยคุณหมอวัยกลางคนอีกท่านหนึ่งซึ่งเธอจำได้ว่าเป็นสูตินรีแพทย์ของโรงพยาบาล
“ผมขอตรวจอัลตราซาวนด์ไปเลยดีกว่า บางครั้งผลตรวจปัสสาวะแม้จะเป็นลบก็อาจจะเชื่อไม่ได้”
ไม่นานน้อยหน่าก็ถูกเข็นไปที่ห้องตรวจอัลตราซาวนด์ หมอใช้หัวตรวจ ทาเจล วางลงบนท้องน้อยของเธอ
“อืม ไม่รู้สิ ผมว่าผมยังไม่เห็นแซคนะ”
“เอางี้ หมอกลับไปนอนพักก่อน สัปดาห์หน้าเราค่อยมาตรวจกันอีกครั้ง เดี๋ยวผมจะให้เขาเจาะเลือดดูเพิ่มเติมไปเลย”
น้อยหน่าฟังคำอธิบายแล้วรู้สึกผิดหวัง แต่ที่รู้สึกมากกว่าคือความกังวลว่าหากไม่ตั้งครรภ์แล้วเธอเป็นอะไรกันแน่
สัปดาห์ที่ผ่านมาน้อยหน่าก็ยังคงมีอาการอยู่เกือบทุกวันแต่ยังไม่ถึงขนาดที่เป็นลมล้มลงไปอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวันนั้น เธอยังรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ เหมือนมีไข้ในทุกช่วงเย็น วันนี้ครบกำหนดที่เธอต้องมาตรวจกับอาจารย์สูตินรีเวชท่านเดิม ซึ่งคำอธิบายของอาจารย์ทำให้เธอยิ่งเกิดความกังวลขึ้นไปอีก
“CBC ผิดปกตินะคุณหมอ เม็ดเลือดขาวมันต่ำมาก คงต้องให้หมออายุรกรรมมาช่วยดู”
หมออธิบายผลการตรวจนับเม็ดเลือดขาวซึ่งมีปริมาณต่ำกว่าปกติ
“วันนี้วัดไข้พบว่าคุณหมอมีไข้ต่ำๆ ด้วย”
เธอจำได้ว่าหากมีไข้แล้วสงสัยเรื่องของการติดเชื้อในร่างกาย เมื่อตรวจนับเม็ดเลือดขาวจะพบว่ามีปริมาณสูงขึ้นกว่าปกติ มันไม่ควรจะต่ำแบบนี้
เธอไม่รู้ว่าระหว่างเธอกับบุญเสก ใครเป็นคนขี้กังวลมากกว่ากัน แต่ในสถานการณ์ตอนนี้มันคงจะดีกว่าที่เธอจะยังไม่บอกเขา เธออยากให้เขาได้มีสมาธิกับงานของเขา ไม่ต้องมาพะวงกับอาการของเธอซึ่งอาจจะไม่ได้เป็นอะไรมากก็ได้
ความเห็นของหมออายุรกรรม มิได้ช่วยยืนยันความคิดของเธอที่คาดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรมาก หมอสั่งตรวจอะไรเพิ่มเติมอีกมากมาย ทั้งจากเลือดจากปัสสาวะและการเอกซเรย์ปอด และครั้งนี้เธอถูกขอให้แอดมิตอยู่ในหอผู้ป่วยอีกสองสามวัน เพื่อที่จะรอหมออายุรกรรมโรคเลือดจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยที่จะมาช่วยตรวจที่โรงพยาบาลในสัปดาห์นี้พอดี
คืนนี้เธอรู้สึกหนาวแต่ถูกขอให้ไม่ทานยาลดไข้ เพื่อที่จะสังเกตว่าไข้สูงแค่ไหนและมีรูปแบบอย่างไร
…แต่มากกว่าความหนาว ตอนนี้เธอรู้สึกเหงาจับใจ…
“เป็นแฟนของบุญเสกใช่ไหม พี่เป็นอาจารย์ของเขาเองแหละ”
อาจารย์หมออายุรกรรมโรคเลือดยังสาวและดูใจดี พูดกับน้อยหน่าด้วยความเป็นกันเอง หมอซักประวัติเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยแล้วขอตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งเปิดตาอ้าปากฟังเสียงปอดหัวใจ ดูตามมือตามเล็บและเนื้อตัวของน้อยหน่า คลำหน้าท้อง หน้าอก และคลำบริเวณคอทั้งสองข้าง หมอตรวจบริเวณลำคอของน้อยหน่าอยู่หลายครั้ง
อาจารย์สาวเดินออกไปพูดคุยกับคุณหมออายุรกรรมเจ้าของไข้อยู่พักใหญ่แล้วทั้งคู่ก็เดินกลับเข้ามาในห้อง
“คุณหมออยากจะคุยกับอาจารย์ตอนนี้เลยไหม หรือว่าอยากให้สามีมาร่วมรับฟังด้วย”
แน่นอนคำตอบจากน้อยหน่าคือไม่ เธอยังมั่นใจว่าสามารถรับฟังและรับมือกับมันได้
“นอกจากอาการไข้ไม่ทราบสาเหตุเรายังพบเม็ดเลือดขาวผิดปกติ ที่สำคัญวันนี้อาจารย์ตรวจพบว่าหนูมีต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณคอหลายเม็ด”
“ตอนนี้เราลุ้นให้มันเป็นวัณโรคต่อมน้ำเหลือง”
นั่นหมายความว่าอีกโรคหนึ่งที่อาจารย์สงสัยมันคืออะไรล่ะ…น้อยหน่าคิดในใจและถามออกมา
“อีกอันหนึ่งที่ยังไม่แน่ใจ คือมีโอกาสแต่น้อยกว่าคือลิมโฟม่า”
เธอจำได้ว่าลิมโฟม่าคือมะเร็งต่อมน้ำเหลือง!