ตอนที่ 7
โดย : สำสา
เรื่องหลังโรงพยาบาล เรื่องสั้นโดย สำสา คุณหมอผู้ชื่นชอบการสื่อสารเเละถ่ายทอดเรื่องราวของชีวิตเเละธรรมชาติออกมาเป็นงานศิลปะ และครั้งแรกของเขากับงานเขียนในรูปแบบเรื่องสั้นที่อ่านเอานำมาให้ได้อ่านกัน เรื่องราวของ ‘หมอบุญเสก’ เพื่อนที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับและการตายที่อาจมีเงื่อนงำ
เป็นเวลาเกือบตีสี่ รถตู้สีขาวที่ดัดแปลงเป็นรถฉุกเฉินของโรงพยาบาลชุมชน ภายในมีพนักงานขับรถเป็นชายวัยกลางคนในชุดเสื้อซาฟารีสีเข้มกับชายหนุ่มหน้าจีนผิวขาวในเสื้อกาวน์สีขาวคาดเขียว สายตาของทั้งสองคนที่นั่งอยู่ในตอนหน้าจ้องตรงออกไปบนถนน สายตาคู่หนึ่งตั้งใจมีสมาธิอยู่กับการขับรถ ส่วนสายตาอีกคู่หนึ่งมองออกไปอย่างล่องลอยไม่มีจุดหมาย เหม่อลอยไปไกลกว่าระยะทาง 40-50 กิโลเมตรของถนนเส้นทางจากจังหวัดกลับไปยังโรงพยาบาลอำเภอ สลับกับการมองถนนและสองข้างทางระหว่างขับรถ ชายวัยกลางคนหันกลับมามองชายหนุ่มเป็นระยะระยะด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับพูดประโยคสั้นๆ ภายหลังความเงียบเกือบ 20 นาทีตั้งแต่ออกรถมาจากโรงพยาบาลจังหวัด
“หมออย่าคิดมากตะ ใครก็รู้ว่าหมอตั้งใจดี”
ไม่มีใครรู้ว่าบุญเสกได้ยินเสียงสำเนียงใต้ที่กล่าวปลอบใจหรือเปล่า สายตาของเขายังจ้องมองอยู่จุดเดิมขณะที่รถเคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูง คนขับรถสังเกตว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลของเขาไม่ปริปากพูดกับใครอีกเลยตั้งแต่ได้รับแจ้งจากหมอรุ่นพี่ในห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลจังหวัดว่า คนไข้ที่เขาเพิ่งนำมาส่งเมื่อชั่วโมงที่แล้วตอนนี้ตกเลือดซ้ำเสียชีวิตไปแล้ว
บุญเสกอยากให้ชีวิตของเขาย้อนกลับไปได้สัก 24 ชั่วโมง ซึ่งก็น่าจะเป็นเวลาที่เขากำลังจะได้พบกับภรรยาสาวซึ่งคือความสุขเพียงสิ่งเดียวที่เขามีอยู่ ท่ามกลางเรื่องราวในชีวิตที่ไม่สุขสมเลยแม้แต่เรื่องเดียวตั้งแต่เรียนจบเป็นแพทย์ใหม่มาทำงานได้ห้าเดือน
แต่หากจะย้อนได้มากกว่านั้นเขาอยากย้อนไปถึงวันที่เขามาทำงานที่โรงพยาบาลชุมชนได้ไม่ถึงสัปดาห์ เป็นวันที่เขาถูกเชิญให้ไปกินเลี้ยงกับพนักงานของโรงพยาบาล ย้อนไปถึงในคืนที่เขาถูกบังคับให้ดื่มเหล้าจนมีอาการมึนเมาไร้สติ และจำอะไรไม่ได้อีกเลย จนกระทั่งเช้าวันนั้น เช้าแห่งความอัปยศที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับหญิงสาวที่เขาไม่รู้จักและเพิ่งจะรู้ว่าเป็นผู้ช่วยอยู่ในโรงพยาบาลชุมชนของเขาเอง
บุญเสกแต่งงานกับน้อยหน่าโดยที่ครอบครัวหญิงของภรรยาไม่ได้เรียกร้องสินสอดเป็นเงินทองหรือทรัพย์สินใดๆ แต่สองสามวันก่อนที่เขาจะเข้าสู่พิธีแต่งงานกับคนรัก เขาต้องเสียเงินจำนวนมากเพื่อชดเชยแก่ความเสียหายที่เขาได้สร้างขึ้นต่อหญิงสาวคนนั้นและครอบครัวของเธอ เขาต้องฝืนใจอับอายขอเงินทางบ้านเพื่อทำให้ทั้งสองฝ่ายให้คำมั่นกันว่าจะลืมเรื่องราวต่างๆ ไปเสีย ให้เหมือนกับมันไม่เคยเกิดขึ้น เพื่อที่ทั้งคู่จะได้มีชีวิตตามทางของตัวเองกันต่อไป ไม่ยุ่งเกี่ยวต่อกัน…
แต่นั่นก็เป็นสัญญาปากเปล่าที่เกิดขึ้นได้เพียงไม่นานก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะขอกลับเข้ามาสู่ชีวิตของบุญเสก ใช้ชีวิตเป็นเหมือนภรรยาลับๆ เข้าออกบ้านพักของเขาโดยที่ไม่มีใครระแคะระคาย เขาต้องจำยอมรับเงื่อนไขที่ไม่มีทางออกเนื่องด้วยคิดว่าเดิมพันของมันคือเกียรติยศชื่อเสียงของเขาและชีวิตครอบครัวกับภรรยาที่เพิ่งแต่งงาน
คำพูดซึ่งไม่รู้ว่าคือเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จของหญิงสาวผู้ช่วยที่บอกว่า
‘พ่อไม่ยอม พ่ออยากให้แต่งเหมือนกัน’
และนั่นคือเหตุผลที่บุญเสกหมดความอดทน ตะคอกฝ่ายหญิงกลับไปว่า
‘กดดันผมเเบบนี้ ผมคงต้องย้ายไปที่อื่น’…
หรือว่าจริงๆ แล้วเขาควรย้อนกลับไปถึงขนาดที่ไม่ควรเกิดมาบนโลกนี้มากกว่า
บุญเสกคิดขึ้นมาแวบหนึ่งในขณะที่รถตู้แล่นเข้าสู่เขตอำเภอ
“ผอออ ผอออ เป็นไรครับ ใกล้ถึงแล้วครับ”
เสียงคนขับรถตะโกนเบาๆ เหมือนปลุกคนที่หลับแต่ไม่ปิดตา
บุญเสกพยุงตัวเองขึ้นจากเบาะรถที่เอนลงไป หันมากล่าวขอบคุณคนขับรถที่พูดต่อ
“หมอครับหมอ ผมขอพูดอะไรคำหนึ่ง”
คนขับรถมองมาที่หมอด้วยสายตาจริงจังขณะที่ชะลอรถเมื่อใกล้ถึงบ้านพัก
“หมออย่าไปยุ่งกับพ่อบ้านโรงบาลตะ อะไรตามน้ำได้ก็ตามไป ผมกลัวหมอมีอันตราย”
หมอหนุ่มอึ้ง ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากคนขับรถ
“แล้วข่าวที่ว่าเช้านี้หมอจะไปฟ้องหมอใหญ่ที่จังหวัดนั้นเค้าก็รู้แล้ว”
หมอฝืนยิ้มให้คนขับรถ พยักหน้าเหมือนขอบคุณแต่ไม่พูดอะไร ด้วยยังไม่มั่นใจว่านั่นคือความหวังดีหรือคำขู่ ในใจก็อยากจะคิดเสียว่าบทสนทนาเมื่อครู่มันไม่เคยเกิดขึ้น
เรื่องราวที่เข้ามาในสมองของเขาใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มันมากมายเสียจนไม่พร้อมที่จะรับเรื่องใดๆ อีกเลย
ทันใดเขาก็นึกถึงจดหมายซองสีขาวที่น้อยหน่าฝากไว้กับถุงอาหาร มันเป็นเรื่องอะไรอีกล่ะ
ไฟนีออนสีขาวหน้าบ้านพักดับๆ ติดๆ ฟ้าในเวลาตีห้ายังมืดอยู่เหมือนตอนค่ำ
ก่อนที่หมอจะคว้าตัวจับที่เปิดประตูรถ ทันใดนั้นคนขับก็พูดขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้นว่า
“เดี๋ยวหยุดก่อน อย่าพึ่งลง”
สัญชาตญาณทำให้หมอค่อยๆ หันไปด้านซ้ายของตัวรถมองไปที่ประตูบ้านพักที่มืดสนิท แต่ยังพอสังเกตเห็นมีเงาของคนสองคนหลบอยู่ตรงมุมมืดหนึ่งในบริเวณนั้น ฉับพลันที่เหมือนสายตาสองคู่ปะทะกัน เงามืดของสองคนนั้นก็หลบหายออกไปทางด้านข้างซึ่งเป็นพุ่มไม้รกๆ เชื่อมต่อไปทางด้านหลังซึ่งเป็นป่ายาง เสียงย่ำเท้าเกือบเหมือนวิ่งไปทางนั้นแล้วค่อยๆ เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว ต่างกับเสียงหัวใจเต้นระทึกของคนสองคนที่กำลังตกใจอยู่ในรถ