ก่อนฟ้าสาง บทที่ 2 : ถนนสายนักเลง

ก่อนฟ้าสาง บทที่ 2 : ถนนสายนักเลง

โดย : ม.มธุการี

Loading

ก่อนฟ้าสาง นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์ เรื่องราวโดย ม.มธุการี เมื่อ ‘เจียง’ เลือกพาครอบครัวหนีความเดือดร้อนมาพักพิงยังแผ่นดินไทย แต่แผ่นดินแห่งนี้จะเป็นที่พักพิงที่ปลอดภัยให้กับเขาได้จริงๆ หรือ เจียงยังจะต้องฝ่าฟันอะไรอีกมากมาย อาจจะมีเพียง ‘ใกล้รุ่ง’ หญิงสาวผู้อ่อนโยนคนนั้นที่เป็นความหวังของเขา

ธงพารถคลานกลับมาได้ในอีกไม่นานนัก  เสียงเครื่องดังเหมือนประทัดแตกตามมาด้วยควันขึ้นโขมง  พอจอดรถได้ธงก็รีบเดินมารายงาน

“ไม่มีใครเลยที่นั่น  มีแต่กองเลือด  แสดงว่าไม่มีใครตาย”

“มันคงหอบหิ้วกันไปก่อนที่ตำรวจจะมา” พลว่า

“มันมากันกี่คนแน่”

“สาม”

“อาจจะกลับไปพาพวกมาอีก  มึงก็นอนเสียที่นี่คืนนี้  พวกมันรู้นี่ว่าบ้านมึงอยู่ไหน”

“เกิดมันตามมาที่นี่”

“จะได้เจอลูกซองปะไร  ไม่กล้าหรอกกับพ่อกู  นี่ยังสงสัยไอ้คนที่ไปช่วยมึงไว้ ตายห่าเลยนะถ้าพวกมันตามเจอ  ล่อซะเลือดสาดแบบนั้น  ไม่รู้ว่าคนในหมู่บ้านเรานี่รึเปล่า  ถ้าใช่นะมันตามเจอแน่  รู้อยู่ถึงความเหี้ยมไอ้นักเลงแก๊งนี้  ว่าแต่มึงไม่ทันเห็นหน้ามันเลยหรือ”

“กำลังล้มอยู่  โดนกระโปรงน้องรถเข้าไปเต็มเปา  เห็นแต่ดาวกับปลาตีน  อีกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก  พั้บๆๆๆไม่กี่ทีเอง  แมร่งมีเสียงร้องระงม  กูว่ามันต้องเป็นนักมวยย่านนี้แน่”

“กูช่วยสืบเอง  ถ้าเป็นคนย่านนี้มันก็แน่มากที่ไม่กลัวไอ้แก๊งระยำนี่  แต่ดีไม่ดีซวยหลายต่อถ้าพวกนั้นมันสืบรู้เข้าว่าใคร  มันเอาตายแน่เลยมึง”

พลหลับตานิ่ง  แว่วเสียงเพื่อนผละจากไป  มีเสียงขึ้นบันไดไปข้างบน  ใครคิดว่าเหตุร้ายจะเกิดขึ้นในลักษณะนี้  ลำพังเขาคงเอาตัวไม่รอด  แถมมีคนอื่นเข้ามาพัวพันอีกราย คงจะเป็นพลเมืองดีแถวนี้ที่อาจจะผ่านมาเห็นเข้าและทนไม่ได้  แล้วอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป

มันเป็นโลกที่คนดีอยู่ยากขึ้นทุกวัน  ข่าวฆ่ากันตายมีขึ้นทุกหัวระแหง  จับมือใครดมไม่ได้ด้วย…

ธงกลับลงมา  รอบนี้มีปืนสั้นพกติดเอวมาด้วย

“ถ้ามันตามมานี่กูยิงไม่เลี้ยง”

“มันต้องตามไปบ้านกูก่อน  พี่สาวอยู่คนเดียว” พลลุกขึ้นนั่ง “ยังไงกูก็ต้องกลับ”

“งั้นเอาปืนกูไป” ธงยัดเยียดปืนใส่มือเพื่อน “เพื่อความปลอดภัย  เอารถกูไปด้วยส่วนรถมึงกูจะซ่อมให้เอง  แล้วจะแวะไปทีหลัง”

พลขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อนกลับบ้าน  พร้อมปืนที่ช่วยให้อุ่นใจอยู่บ้าง  อย่างน้อยเกิดอะไรขึ้นจะได้ใช้ป้องกันตัว  บ้านไม่มีปืน  พ่อไม่ยอมให้ใครเล่นปืนมาแต่ไหนแต่ไร

หลบเข้าห้องส่วนตัวเมื่อกลับมาถึง  เสียงพี่สาวร้องถามแต่เขาไม่ตอบ  รีบซ่อนเสื้อเปื้อนเลือดใส่ตะกร้าซักซุกปืนไว้ใต้หมอนแล้วเอาผ้าห่มกองสุมทับ  เดินไปมองตัวเองในกระจก  เลือดยังซึมที่ผ้าพันแผลจนเห็นได้ชัด  โชคดีพอที่ไม่ต้องไปเย็บแผล

เสียงพี่สาวเรียกให้ไปกินข้าวและพลก็รีบออกจากห้อง  พอเห็นหน้าเขาฝ่ายนั้นก็ร้องตกใจ

“หัวไปถูกอะไรมา”

“รถล้มนิดหน่อย“ตอบไม่เต็มปากเต็มคำขณะทรุดตัวนั่นที่โต๊ะกินข้าว  เอื้อมมือรับจานข้าวที่พี่สาวตักส่งให้

“เยอะนะน่ะ  เลือดยังซึมอยู่เลย”

“เดี๋ยวก็หาย” ก้มหน้าก้มตากินข้าว

“พี่ชลคลอดแล้ว  ได้ลูกชาย  พ่อกับแม่เห่อใหญ่” พี่สาวชวนคุยเรื่อยไป

“พ่อกลับเมื่อไหร่“ พลห่วงอยู่เรื่องเดียว

“คงอีกหลายวันมั้ง  เห็นว่างั้นนี่“

คงทันแผลหาย…พ่อจะรู้ไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา  มันจะเป็นเรื่องใหญ่  พ่อเคยห้ามขาดการไปมีเรื่องกับแก๊งสารเลวแก๊งนั้น  หัวหน้าแก๊งเป็นลูกนายตำรวจใหญ่ในท้องที่  รุ่นพี่เขาตอนที่เรียนช่างกลมาด้วยกันและเริ่มมีเรื่องบาดหมางกัน ตั้งแต่ตอนนั้น

เสียงพี่สาวคุยเรื่อยไปแต่เขาแทบจับใจความสำคัญอะไรไม่ได้  หวั่นวิตกไปถึงเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า  มันเป็นความสังหรณ์ที่เกิดขึ้นมาในส่วนลึก  พวกมันคงไม่ปล่อยให้เรื่องผ่านไปโดยไม่หาทางกลับมาแก้แค้น  เขารู้จักพวกมันดี  ยิ่งบาดแผลร้ายแรงที่พวกมันได้รับกลับไปจะเป็นชนวนให้พวกมันฝังใจเจ็บ และหาทางกลับมาเอาคืนในสักวันหนึ่ง….

 

อาหารค่ำมื้อนั้นมีแค่ผัดผักบุ้งเพียงอย่างเดียว  เจียงนั่งขัดสมาธิกินกับแม่และน้องบนแคร่ข้างล่าง 

เพิ่งจะย่ำค่ำและแสงอาทิตย์สุดท้ายเพิ่งจะลับเหลี่ยมเขา เห็นเป็นเส้นสายสีทองเจือจาง  ไม่มีใครคุยอะไรต่อกันและรอบกายก็มีเพียงเสียง หวีดหวิวของสายลมพัดผ่าน  เจียงเหลือบมองแม่ที่นั่งกินข้าวเงียบๆ  ผมขาวโพลนมัดเป็น มวยอยู่เบื้องหลัง

แม่ชำเลืองมองที่มือของเขาเป็นครั้งคราว  รอยแดงช้ำยังปรากฎให้เห็น ชัดเจนและแม่คงเดารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา  นานมากแล้วที่เขาไม่เคยมีเรื่องอะไรกับใคร  มันนานพอดูกับการหลบตัวซ่อนเร้นในซีกโลกแถบนี้อย่างสุขสงบ…

แล้วอะไรกันที่ทำให้เขาเผลอตัวเข้าไปข้องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ดูจะไม่ใช่เรื่องอะไรของเขาสักนิด…อาจจะการที่ทนเห็นคนถูกรุมรังแกอยู่ต่อหน้าต่อตาไม่ได้นั่นเอง  นาทีนั้นมันเหมือนวิญญาณของเขาได้กระโจนออกจากร่างและทุกสิ่งก็เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติรวดเร็วเกินกว่าจะทันได้คิด มารู้ตัวอีกทีก็พบว่าพวกมันลงไปนอนร้องครวญคราง  คงไม่มีใครตาย…แน่ใจว่าเขา ไม่ได้รุนแรงขนาดจะฆ่าใครตาย  แต่ใครจะรู้กำลังของตัวเอง  เขาจะระวังตัวให้มากในครั้งต่อไป…เพราะการเข้าไปพัวพันกับกฎหมายและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะเป็นกับดักให้เขาต้องจนมุมกับการไล่ล่า  เขาเป็นคนมีค่าหัว  ไม่รู้กระทั่งว่า จุดจบจะมาถึงตนเองเมื่อไหร่  ห่วงก็แต่แม่กับน้อง  ลินจะพาแม่เอาตัวรอดได้หรือไม่ถ้า เกิดอะไรขึ้นกับเขา…

แอบลอบระบายลมหายใจลึก  แม่อิ่มอาหารแล้วและสั่งน้องให้ต้มน้ำร้อนให้เขาก่อน จะเดินขึ้นเรือน  เรือนไม่ไผ้ไหวยวบแม้จะรองรับคนบอบบางอย่างแม่  สักวันหนึ่งเขาคงมีที่ทางที่ดีกว่านี้ให้แม่อยู่…

เอาข้าวที่เหลือไปเทให้เจ้าหมาจรจัดที่เฝ้าโยงหน้าบ้านตรงทางเข้า  เขาเห็นมันกินอย่างโหยหิว  มันคงไม่มีที่ไปและหมายจะยึดที่ตรงนั้นเป็นเรือนตาย  เจียงออกไปมองตรงถนนด้านนอกที่ร้างผู้คน  เส้นทางสายนี้ไม่ได้ปลอดอันตรายอย่างที่เขาคิด

มันมีนักเลงประจำถิ่นที่คอยรุกรานคนอื่นและเขาก็เห็นมากับตา  ภาพเด็กหนุ่มคนนั้นโดนรุมจนเลือดท่วมหน้ายังติดตายากที่จะลืมเลือน  เขาเข้าใจผิดไปเองที่ว่าหมู่บ้านแห่งนี้เป็น ที่สุขสงบที่สุด  คงต้องเตือนน้องสาวให้ระวังตัวเวลาไปไหนมาไหน  อะไรจะเกิดขึ้นกับ ใครเมื่อไหร่ก็ได้  เขาเห็นมันมาแล้ว…

 

พลเฝ้าดูบริเวณหน้าบ้านอยู่จนดึก  เขารู้ว่ามันจะกลับมา…ไอ้พวกนั้น  มันรู้ว่า เขาอยู่ที่ไหน ปืนที่ธงให้ไว้ช่วยให้อุ่นใจแต่เขาจะให้พ่อรู้ไม่ได้เลยเรื่องมีปืนในครอบครอง

ธงโทรมาถามข่าวคราวตอนดึก

“มันโผล่กันไปมั่งรึเปล่า”

“ไม่มาเลย”

“กูว่ามันเข็ด  กูเล่าให้พ่อฟังและพ่อก็สืบถามไปที่โรงพยาบาล  เห็นว่ามีคนเจ็บหนักอยู่คน  น่าจะรายเดียวกัน”

พลอึ้ง  เท่ากับว่าพ่อต้องรู้ในที่สุดจากพ่อของธงนั่นเอง  รีบบอกไปว่า

“พ่อกูรู้เข้าละซวย”

“มึงโชคดีแค่ไหนที่มีคนมาช่วย  อีกอย่างเริ่องนี้ปิดไม่มิดหรอกเพราะมันต้องเอาคืนแน่  อย่างน้อยบ้านมึงจะได้ระวังต้ว  ปืนน่ะถ้าจำเป็นต้องใช้ก็ต้องใช้”

เพื่อนวางสายไปแล้วและพลก็ลงไปสำรวจหน้าบ้าน  รั้วลวดหนามจะป้องกันอะไร ได้ถ้าพวกมันจะบุกเข้ามาจริงๆ  ที่สำคัญคืออะไรจะเกิดขึ้นถ้าพ่อรู้เรื่องนี้เข้า  บ้านไม่เคยมีเรื่องร้ายแรงขนาดนี้เกิดขึ้นมาก่อนเลยก็ว่าได้…

กินยาแก้ปวดก่อนเข้านอนคืนนั้น  บาดแผลเริ่มระบมจนบวมไปทั้งหน้า  พวกมันกะจะเล่นเข้าหนักชนิดต้องนอนหยอดข้าวต้มนั่นเลย  อะไรจะเกิดขึ้นถ้าใครคนนั้นไม่มา ช่วยเขาเอาไว้ได้ทันเวลา…

พายุฝนกระหน่ำหนักทั้งคืนและเพิ่งจะมาซาลงตอนใกล้สาง  ละอองหมอกฝนขาว โพลนเมื่อใกล้รุ่งเลิกม่านมองออกไปภายนอก  เพิงขายของถูกพายุพัดพังราบ  คงเป็นอีกวันหนึ่งที่ต้องงดขายของ

เสียงน้องชายไออยู่ในห้อง  พลกินยาแก้ปวดก่อนเข้านอนและทำท่าว่าจะจับไข้  มันเป็นอุบัติเหตุที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักกับน้องชาย…

เตรียมทำโจ๊กแต่เช้าไว้ให้พล  จากนั้นก็ลงไปดูเพิงขายผักข้างล่าง  ไอละอองหมอกและฝนหนักเมื่อคืนเพิ่มความชุ่มฉ่ำให้กับบรรยากาศรอบตัว  พยายามตั้งโต๊ะใหม่ให้พอใช้การได้ เต้นท์ที่พังไปคงต้องให้พลมาซ่อมติดตั้งทีหลัง  มีผักและผลไม้ที่เก็บมาจากเมื่อวานและกำลังสด  ยังไงหล่อนก็ต้องตั้งโต๊ะขายของวันนี้

เปิดประตูรั้วกว้างให้ลูกค้าเข้าหลังจากตั้งโต๊ะเสร็จ  ตักโจ๊กร้อนๆมานั่งกินไปด้วย ถนนหน้าบ้านเริ่มมีผู้คนสัญจรไปมา  ใครบางคนเดินเข้ามาดูผักและผลไม้ที่หล่อนวางขาย

เด็กหนุ่มแปลกหน้าผิวขาวจัดจนแก้มแดงระเรื่อ  คิ้วเข้มเฉียงและตาเข้มชนิดนั้นเตือนใจ

หล่อนให้คิดไปถึงลูกค้าผู้ชายคนที่แวะมาเมื่อวาน  ยิ่งมองก็ยิ่งเห็นชัดถึงความละม้ายคล้ายคลึงกันของคนทั้งคู่  ต้องเป็นน้องชายของเขานั่นเอง…

ยิ้มให้ผู้มาเยือนและฝ่ายนั้นก็ยิ้มตอบเจื่อนๆ  มือขาวบางเลือกได้ผักสองสามอย่างมีมะเขือยาวกับมะเขือเทศและผักกาด  ถามราคาก่อนเพื่อความแน่ใจด้วยภาษาไทยแปร่งๆ ใกล้รุ่งบอกราคาที่ถูกที่สุดและจัดใส่ถุงให้  แถมผลไม้กับขนมกล้วยที่ทำไว้เมื่อวานจนเต็มถุง  ฝ่ายนั้นจ่ายเงินและเดินจากไป  ล้วนแล้วแต่เป็นเศษเงินเหรียญที่คงสะสมเอาไว้

มีรถมอเตอร์ไซค์สองคันขับวนไปมาหลายรอบที่ถนนหน้าบ้าน  มองเห็นหน้าไม่ชัด เพราะสวมหมวกกันน็อค  ใครกัน…ประวัติที่ผ่านมาน้องชายเคยมีปัญหากับนักเลงวัยรุ่นเรื่อยมาตั้งแต่อยู่ในวัยเรียน  จนพ่อเป็นห่วงและห้ามขาดไม่ให้พลไปข้องแวะมีเรื่องมีราวกับนักเลงหัวไม้พวกนั้นอีก  ตอนนั้นบ้านแทบไม่เป็นบ้านเมื่อพ่อต้องคอยวิ่งประกันตัวน้องชายตอนไปมีเรื่องชกต่อยกัน

หรือว่าเหตุการณ์ร้ายๆจะหวนกลับมาอีกครั้ง  บาดแผลที่หัวน้องชายอาจจะไม่ใช่เกิดจากอุบัติเหตุจริงอย่างที่พลบอกไว้ก็ได้…

 

ผักและผลไม้ที่น้องสาวซื้อกลับมามันมากกว่าที่เขาได้มาครั้งที่แล้ว  คนขายคงมีไร่ใหญ่โตจนผักผลไม้ล้นไร่กินไม่หมด และต้องการจะแจกจ่ายให้ใครก็ได้ที่ผ่านเข้าไป

ซ่อมหลังคาบ้านที่พังลงมาจากพายุเมื่อคืน  เขาสร้างบ้านหลังนี้อย่างหยาบๆตอนย้ายเข้ามาครั้งแรก  สร้างแค่พออยู่ได้สำหรับคนสามคนและเตรียมพร้อมสำหรับการอพยพ ย้ายหนีในทุกเมื่อ

นับเป็นหลายๆเดือนที่เขาร่อนเร่ในลักษณะนี้ตั้งแต่หนีเข้าเขตแดนไทย  เริ่มมั่นใจว่าเขาอาจจะปลอดภัยที่นี่จากการไล่ล่าอย่างน้อยก็ชั่วระยะเวลาหนึ่ง…

เสียงรถมอเตอร์ไซค์วิ่งเวียนวนไปมาตามเส้นทางสายหน้าบ้านชวนให้ผิดปกติ…

มันเคยเป็นถนนสายเปลี่ยวร้างที่นานๆจะมีรถแล่นผ่านมาสักคัน  หรือว่าจะเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน  นักเลงพวกนั้นอาจจะกำลังตามหาตัวคนที่ฟาดฟันพวกของมันจนหน้าแหกยับไปหลายคน  แน่ใจว่าเขาไม่คิดที่จะเอาใครถึงตาย  รู้ด้วยว่าบางคนอาจจะจำหน้าเขาได้  ความประมาทที่เขาไม่ต้องการจะให้มันเกิดขึ้นอีก  แค่ความลืมตัวและทนไม่ได้ที่จะเห็นใครถูกรังแก ครั้งต่อไปเขาจะพยายามทนให้ได้ก่อนที่จะพาตัวเองก้าวลึกเข้าไปในขบวนการต่อสู้ล้างแค้นของคนบางกลุ่ม  อาจจะมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนแล้วระหว่างนักเลงกับ นักเลงด้วยกัน  ให้ตาย…เขาไม่เคยรู้จักด้วยซ้ำไปกับเจ้าหนุ่มที่โดนรุมทำร้ายวันนั้น…

เสียงรถเงียบไปได้และความสงบสงัดก็คืนกลับมาอีกครั้ง  เจียงซ่อมหลังคาเสร็จและเดินลึกเข้าไปในดงไผ่  ความเขียวชะอุ่มร่มเย็นให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย ที่ดินผืนนี้คล้ายป่าไผ่ที่ยังรกร้างขาดการทะนุบำรุง  นกเล็กๆบินถลาร่อนตามกิ่งไผ่ที่ไหวโอนไปมา  ป่าหลังฝนเขียวใสไม่ต่างอะไรกับมรกต  แม้กระทั่งใบไผ่ที่เคยหมองจาก ฝุ่นลูกรังก็ถูกชำระล้างเสียใหม่ เจียงเดินลึกเข้าไปตามเส้นทางที่ชาวบ้านคนอยู่มาก่อนคงถากถางเอาไว้  มันเป็นทางเดินแคบๆที่มีหญ้าแห้งล้มตายจากฝีเท้าคนเดิน  ป่าเริ่มรกชัฎขึ้นทุกที และเขาก็ไม่รู้กระทั่งว่ามันจะไปสิ้นสุดที่จุดใด มีเสียงฝีเท้าอะไรสักอย่างที่เดินตามเขาเงียบๆ  พอเขาหยุดมันก็หยุด  ประสาทสัมผัสที่เฉียบคมทำให้เขาเพิ่มความระมัดระวังตัว  อาจจะเป็นสัตว์ร้ายในย่านนี้ และเขาก็ไม่ควรประมาทแต่อย่างใด

เดินวกกลับเส้นทางเดิมและเขาก็เห็นเจ้าตัวที่แอบตามเขามา  หมาจรจัดขี้เรื้อนตัวนั้นนั่นเอง  มันผวาวิ่งกลับไปหยุดยืนมองห่างๆแค่เห็นเขา  ท้องที่เคยแห้งติดสันหลัง ตอนนี้มีเนื้อหนังขึ้นมาบ้างแล้ว  เจียงดีดนิ้วเรียกและมันก็ส่ายหางไปมาอย่างยอมญาติดีด้วย  รอบนี้เดินเข้ามาจนใกล้และหมอบลงเอาจมูกซุกตีน  บ้านมีอีกชีวิตหนึ่งเข้ามาพึ่งใบบุญในวันคืนที่เขาเอง ก็ยังไม่รู้แม้กระทั่งจุดหมายปลายทางของตัวเอง…



Don`t copy text!