พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 39.1 : ภาพลวง

พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 39.1 : ภาพลวง

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

“อะไรวะ” อังเดรสบถ ขณะเหลือบสายตามองไปรอบกายด้วยความประหลาดใจ ท้องฟ้าที่ยังแจ่มใสเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา กลับกลายเป็นสีแดงเพลิงน่าหวาดกลัว

หูของเขาได้ยินเสียงอึงอล และเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองดูก็เห็นมังกรกำลังกระพือปีกบินบนท้องฟ้า เสียงดังพึ่บพั่บและลมที่พัดรุนแรง เกิดจากปีกขนาดใหญ่ของมังกรนั่นเอง

เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง บทจะง่าย มันก็ออกมาให้เขาจับง่ายๆ

“เตรียมอุปกรณ์พร้อม” เขาหันไปสั่งลูกน้อง

หลายปีที่ผ่านมา Linn Plant ผลิตตาข่ายที่ทำจากแร่ใยแก้ว ไม่ว่าสัตว์นั้นจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหนีรอดตาข่ายพิเศษนี้ไปได้ เขาเตรียมเครื่องยิงตาข่ายมาด้วย ขอเพียงมันบินโฉบมาใกล้ พวกเขาจะจับตัวเป็นๆ ของมันได้อย่างง่ายดาย

ลูกน้องของเขานิ่งเงียบจนอังเดรต้องหันกลับไปตะคอกซ้ำ

“เฮ้ย…กูบอกให้เตรียม…”

ทว่าร้องสั่งยังไม่ทันจะจบประโยค อังเดรก็ต้องนิ่งงันไปด้วยความตระหนก เพราะตรงหน้าของเขามีปีศาจรูปร่างสูงใหญ่สามตน กำลังเดินตรงมาหา

พวกมันสวมเสื้อคลุมยาวสีดำสนิท ไม่มีหน้า มีแต่ดวงตาสีแดงฉานราวถ่านไฟ กรงเล็บของมันแหลมและยาวโค้ง กางอยู่ในท่าพร้อมจะตะครุบเหยื่อตลอดเวลา

“นยาลา เดียม”

อังเดรครางเสียงสั่น เขารู้จักปีศาจร้ายนยาลา เดียมจากคนพื้นที่ที่นี่ แม้ไม่เคยเห็นแต่เขารู้ว่าเป็นพวกมันแน่นอน

“ตายเสียเถอะ”

เขายกปืนยาวขึ้นประทับบ่าและยิงกระหน่ำใส่นยาลา เดียมตรงหน้า หากพวกมันหลบไปอย่างรวดเร็ว นยาลา เดียมทั้งสามตนกระจายแยกย้ายออกจากกัน เขาเหลือบมองเลิ่กลั่ก ไม่รู้จะจัดการกับผีร้ายตนไหนก่อน ยังไม่ทันจะได้ลงมืออย่างไรต่อไป นยาลา เดียมตนหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่เขา พร้อมกับฟาดอะไรบางอย่างที่อยู่ในมือเข้าที่ศีรษะของเขาสุดแรง

“โอ๊ย…”

อังเดรร้องเสียงดังลั่น พร้อมกับยกมือขึ้นกุมศีรษะ เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งหนึ่งนั้น เขาก็พบว่าท้องฟ้าสีแดงเพลิงหายไปแล้ว ที่ปรากฏให้เห็นนั้นคือท้องฟ้าใสกระจ่าย และลูกน้องทั้งสามของเขายืนอยู่ใกล้ๆ ทุกคนมีปืนในมือ และหนึ่งในนั้นเพิ่งใช้ด้ามปืนกระแทกศีรษะของเขาเพื่อเรียกสติ

ทิมโมธีตบอังเดรสุดแรง จนเขาหลุดจากภวังค์

ไม่มีมังกรบนฟ้า

ไม่มีนยาลา เดียม

ทั้งหมดที่เขาเห็นคือภาพหลอน เหมือนที่เกิดขึ้นกับลีออง

จะต่างกันตรงที่ลีอองมองเห็นเพื่อนร่วมทีมเป็นเยติ ส่วนเขามองเห็นเป็นปีศาจร้าย ทำให้เกิดการต่อสู้กันเอง

ภาพหลอนเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน ในเมื่อเขาไม่ได้เสพยา ไม่ได้ดื่มเหล้า

ในเมื่อตัวของเขาไม่ได้ทำให้มันเกิดขึ้น แปลว่ามีคนอื่นทำให้เกิด

ลิ่วลม…

อังเดรเหลือบมองไปยังชายชาวไทยที่เขาจับตัวมาจากโรงพยาบาลเพื่อใช้ต่อรอง เมื่อสักครู่ตอนเขาเดินไปดูมันใกล้ๆ…ลิ่วลมจับข้อเท้าเขา…

ใช่แล้ว มันจับข้อเท้าเขา และวินาทีหลังจากนั้น ท้องฟ้าก็เปลี่ยนสี และเขาก็เริ่มเห็นภาพหลอน ต้องเป็นฝีมือของมันแน่ๆ เขานึกและรู้สึกถึงความตระหนกที่ไล่เป็นริ้วขึ้นมาตามสันหลัง

มันวางแผนตัดกำลังพวกเขาด้วยการสร้างภาพหลอน ทำให้มองเห็นพวกเดียวกันเป็นปีศาจร้าย

น่าเจ็บใจนัก…อังเดรเดินกลับไปยังโขดหินที่ลิ่วลมนอนอยู่ แต่ปรากฏว่ามันหายตัวไปแล้ว พร้อมกับพยับฟ้าโพยมดิน

“เฮ้ย…มันหนีไปแล้ว” อังเดรตะโกนอย่างหัวเสีย ไม่รู้หรอกว่าลิ่วลมทำให้เขาและลีอองเห็นภาพหลอนได้อย่างไร แต่นั่นแสดงให้เห็นว่ามันมีความสามารถบางอย่างที่ไม่ธรรมดา “ตามหาตัวให้เจอ ระวังอย่าให้มันจับตัวเรานะ แต่ถ้ามันขัดขืนมากนักก็ยิงทิ้งเสียเลย”

สั่งความเสร็จเขาก็ยกปืนที่แบกอยู่บนบ่า กระหน่ำยิงขึ้นฟ้ารัวติดๆ กันหลายนัด เพื่อเป็นการข่มขวัญ และเพื่อให้ลิ่วลมตกใจกลัวจนลนลานออกมาเอง

“ออกมานะไอ้ลิ่วลม มึงอยู่ที่ไหน…อย่านึกว่าจะหนีกูพ้น”

 

เสียงอาวุธสงครามยิงถล่มดังลั่นไปทั่วทั้งหุบเขา ยังเชนใจหายวาบเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เธอกระแทกส้นเท้าเข้ากับสีข้างของม้า เร่งให้มันห้อตะบึงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

“ระวังตัวด้วยทุกคน” เชวัง ทินเลย์ตะโกนบอกทุกคนในคณะ สายตาของเขาจ้องมองฝรั่งจาก Linn Plant ที่แบกปืนอยู่บนบ่า

“นั่นมันจะทำอะไรของมันน่ะ” ล่องเมฆนิ่วหน้า ในทุ่งที่เขาเพิ่งมาเก็บข้อมูลสมุนไพร ‘เลือดมังกร’ มีศพฝรั่งนอนกระจัดกระจาย “แล้วลิ่วลมอยู่ไหน”

เขาพยายามใช้กระแสจิตติดต่อกับพี่ชาย หากทว่าไม่สามารถเชื่อมโยงกับจิตของพี่ชายได้ เหมือนกับลิ่วลมตั้งใจปิดสวิตช์ไม่ให้น้องชายติดต่อเขาได้

“ตรงนั้นมีคน ใช่ลิ่วลมไหมคะ” นารีญาชี้มือไปที่ร่างของใครคนหนึ่งที่หมอบซ่อนอยู่ พวกฝรั่งยังไม่เห็นเขาเพราะมีโขดหินขนาดใหญ่บังเอาไว้ แต่พวกเธออยู่บนเนินเขา เมื่อมองลงมา จึงสามารถเห็นได้ชัดเจนกว่า ทว่านารีญาก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่ลิ่วลมหรือไม่

“น่าจะใช่” ล่องเมฆร้องดีใจ เขากำลังจะวิ่งไปหาพี่ชาย ทว่าเชวังรีบดึงเขาเอาไว้

“เดี๋ยวก่อน” อาของยังเชนกระซิบ “พวกมันมีอาวุธสงคราม…อย่าบุ่มบ่ามเข้าไปตอนนี้ ทำตามแผนที่เราวางกันเอาไว้ดีกว่า”

ก่อนหน้านี้ พวกเขาแบ่งหน้าที่กันแล้ว เชวัง เยชิ คินซา และลูกหาบจะยิงสกัดคนร้ายเอาไว้ ล่องเมฆ ยังเชน และคนที่เหลือมีหน้าที่หาทางช่วยลิ่วลมออกมา

“พวกมันมีแค่สี่คนเองครับ พวกเรามากกว่ามันตั้งเยอะ” ล่องเมฆแย้ง “ลุยเลยดีกว่า”

“ไม่ได้” เชวังส่ายหน้า “อาวุธของพวกเราสู้พวกมันไม่ได้ แถมเรายังมี…เอ้อ…”

เขาเหลือบมองไปทางอัญญาวีร์และนารีญาด้วยความเป็นห่วง

“ขอโทษนะคุณ ที่มาเป็นตัวถ่วง” อัญญาวีร์รู้สึกผิด แต่ถ้าจะให้เธอรอฟังข่าวลิ่วลมอยู่ที่บ้านกับโซเทน อัญญาวีร์ก็ทำไม่ได้เช่นกัน

“เอาเถอะ…มาแล้วก็ต้องช่วยกัน” เชวังถอนใจเบาๆ “ถ้าจะช่วยลิ่วลมให้ได้ เราต้องทำตามแผน…ถ่วงเวลาให้นานที่สุด กว่าตำรวจจะมา”

ก่อนหน้าจะออกเดินทางมายังหุบเขาเลือดมังกร เชวังตัดสินใจแจ้งตำรวจว่ามีคนร้ายชาวต่างชาติเข้ามาในพื้นที่หวงห้าม และกำลังจะขโมยของสำคัญออกไปจากภูฏาน ด้วยความที่ตำรวจคนนั้นเป็นเพื่อนของเชวังมาตั้งแต่เด็ก เขาเลยเชื่อว่าเรื่องที่เชวังแจ้งมีความสำคัญ และรับปากว่าจะส่งตำรวจตามไป

ระหว่างทางที่เดินทางมายังหุบเขาแห่งนี้ เชวังได้ทิ้งร่องรอยต่างๆ เอาไว้ เพื่อตำรวจที่ตามมาจะได้ไม่หลงทาง ตอนนี้เขาแค่พยายามถ่วงเวลาและหาทางช่วยลิ่วลมออกมาให้ได้

เชวังหวังว่า นี่คือวิธีที่ดีที่สุด ในสถานการณ์เช่นนี้…

 



Don`t copy text!