เราจะฝันถึงกันตลอดไป Part 1 บทที่ 1 : ชีวิตที่เปราะบาง

เราจะฝันถึงกันตลอดไป Part 1 บทที่ 1 : ชีวิตที่เปราะบาง

โดย : วันฉัตร

Loading

เราจะฝันถึงกันตลอดไป โดย วันฉัตร…เรื่องราวของธามไท ผู้ที่ไม่เคยคิดว่าโลกของความฝันมีอยู่จริงๆ แต่แล้วเมื่อโลกของความฝันและโลกของความจริงเชื่อมหากัน พร้อมภารกิจที่เกี่ยวพันกับชีวิตและอนาคตของอลิตา…หญิงสาวที่เขาตกหลุมรัก… ภารกิจที่ว่าคืออะไร อ่านเอามั่นใจว่า คุณจะประทับใจในทุกตัวอักษรที่ได้อ่านออนไลน์

****************************

– Part 1 –

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

หากมีคนบอกว่ายามค่ำคืนเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน หลายคนอาจคิดแย้งว่ามันไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะยังมีคนบางกลุ่มตื่นและทำงานในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็น

พนักงานขายในร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมง

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามบริษัทต่างๆ

บรรดานักเรียนนักศึกษาที่กำลังอ่านหนังสือเพื่อหนีตายจากนรกข้อสอบ

และอีกหนึ่งอาชีพที่จะลืมไม่ได้ก็คือทีมบุคลากรทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็น หมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ทุกคนในโรงพยาบาล ที่ต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลาเพื่อรับมือกับโรคภัยไข้เจ็บที่เข้ามาไม่เคยขาดสาย ที่นี่คือสนามรบ 24 ชั่วโมง 365 วัน

โรงพยาบาลแห่งนี้ก็เช่นกัน นอกจากห้องอุบัติเหตุฉุกเฉินที่หมอกำลังรักษาผู้ป่วยถูกทำร้ายร่างกายที่มาพร้อมกับผู้ป่วยประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้ม แผนกอื่นๆ ก็วุ่นวายไม่แพ้กัน

ห้องไอซียู หมอกำลังปั๊มหัวใจคนไข้ที่เพิ่งสวนหัวใจไปเมื่อสองชั่วโมงที่ผ่านมา พยาบาลวิ่งวุ่นจนขาแทบหัก

ห้องคลอด มีเคสคลอดพร้อมกันสองเตียง แต่มีทีมคลอดเหลือทีมเดียว ต้องเรียกเวรเสริมให้ขึ้นมาช่วย

ห้องผ่าตัด หมอกำลังเครียดกับเคสผู้ป่วยเลือดออกในกระเพาะอาหารที่ยังหาจุดเลือดออกไม่เจอ

และหอผู้ป่วยอายุรกรรมชาย ที่หมอและทีมพยาบาลกำลังให้การช่วยเหลือลุงชูวิทย์ ผู้ป่วยโรคตับเรื้อรังเตียง 1 ที่อยู่ๆ ก็เกิดช็อกหมดสติขึ้นมาแบบปัจจุบันทันด่วน จนถึงตอนนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น

เสียงการสนทนาของทีมแพทย์ เสียงฝีเท้าที่เดินไปมา เสียงลากอุปกรณ์ เสียงเครื่องมอนิเตอร์ที่ดัง…ติ้ด…ติ้ด…ตลอดเวลา เสียงเหล่านี้ปลุกบรรดาคนไข้ที่อยู่เตียงใกล้เคียงให้ตื่นขึ้นมาด้วย ทุกคนรู้สึกใจคอไม่ดี มองไปที่เตียงของลุงชูวิทย์ขวัญใจมหาชน ลุงเป็นคนคุยสนุก อัธยาศัยดี เสียงหัวเราะของลุงทำให้ทุกคนผ่อนคลาย อาการของลุงชูวิทย์ดีขึ้นเรื่อยๆ จนหมอมีแผนจะให้กลับบ้านในอีกไม่กี่วัน อยู่ๆ วันนี้อาการกลับทรุดหนัก ทุกคนต่างสวดมนต์ภาวนาขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองลุงชูวิทย์ผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤตินี้ไปให้ได้

หมอหนุ่มประเมินอาการ ผู้ป่วยมีไข้สูง ชีพจรเต้นเร็วแต่ค่อนข้างเบา ความดันโลหิตลดลงต่อเนื่อง คิดว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากการติดเชื้อในกระแสเลือด จึงรีบสั่งการอย่างคล่องแคล่วให้เปลี่ยนยาปฏิชีวนะ ปรับเพิ่มปริมาณน้ำเกลือ พยาบาลรับคำสั่งพร้อมกัน ทุกคนทำหน้าที่ของตนได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ต้องให้ใครมาเตือน

การรักษาดำเนินต่อเนื่อง หมอเวรนั่งเฝ้าสังเกตอาการลุงชูวิทย์อย่างใกล้ชิด เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมงความดันของลุงชูวิทย์ยังคงลดต่ำลงเรื่อยๆ หลังจากที่นิ่งคิดสักพัก หมอหนุ่มพิจารณาเพิ่มยากระตุ้นหัวใจ จากนั้นก็หันไปบอกพยาบาลอีกคนว่า คนไข้อาการไม่ค่อยดี รีบติดต่อญาติโดยด่วน ทางโรงพยาบาลต้องการคุยเรื่องการปั๊มหัวใจกรณีผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้น

หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากทางโรงพยาบาล ภรรยาและลูกสาวของลุงชูวิทย์ก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า เดินทางมาที่โรงพยาบาลทันที ใช้เวลาไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงหอผู้ป่วยอายุรกรรมชาย ทันทีที่เห็นสภาพของลุงชูวิทย์ที่นอนนิ่งไม่ได้สติบนเตียง ร่างกายเต็มไปด้วยสายระโยงระยาง คราบน้ำตาที่ยังไม่ทันแห้งก็กลับมาแฉะอีกรอบ

หมอแจ้งว่าอาการของลุงชูวิทย์ทรุดหนักอย่างรวดเร็ว คาดว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากการติดเชื้อในกระแสเลือดร่วมกับปัญหาเรื่องตับของคนไข้ทำให้โรคมีอาการรุนแรงมากขึ้น การพยากรณ์โรคค่อนข้างแย่

“ตอนนี้หมอให้การรักษาด้วยยาอย่างเต็มที่แล้ว แต่ถ้าคนไข้เกิดมีปัญหาหัวใจหยุดเต้นขึ้นมา ทางญาติต้องการให้หมอช่วยชีวิตด้วยการปั๊มหัวใจหรือจะปล่อยคนไข้หลับอย่างสงบ”

แม้จะเตรียมใจมาบ้างแล้ว แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่หมอพูด ภรรยาลุงชูวิทย์กลับทำใจไม่ได้ ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนคนเสียสติ ไม่คิดว่าชีวิตคู่ของเธอจะจบลงตรงนี้ เธอยังมีเรื่องต้องคุยกับเขาอีกมากมาย นี่ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม สามีเธอแกล้งหลับอยู่ใช่มั้ย

ลูกสาวของลุงชูวิทย์ยืนนิ่ง มองร่างพ่อที่นอนอยู่บนเตียง คิดถึงความทรงจำในอดีต ภาพพ่อสมัยยังหนุ่มที่อุ้มเธอนั่งบนตัก พ่อที่ขับรถไปรับส่งเธอที่โรงเรียนประถม พ่อที่ยิ้มกว้างจนตีนกาปรากฏชัดตอนไปร่วมงานรับปริญญา พ่อที่ชราไปมากเพราะอาการป่วยเรื้อรัง พ่อในชุดโรงพยาบาลที่ยิ้มให้เธอตอนร่ำลากันเมื่อเย็นนี้ เธอรู้สึกว่ามันเป็นความเจ็บปวดแสนสาหัสเมื่อคิดว่าภาพทั้งหมดอาจจะสิ้นสุดลงแค่นี้ เธอทำใจไม่ได้จริงๆ

พ่อเคยบอกว่า หากเป็นอะไรไป ขอให้พ่อหลับอย่างสงบ อย่าทรมานสังขารด้วยการยื้อชีวิต ตอนนั้นเธอทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้ แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ กลับรู้สึกว่าการปล่อยให้พ่อจากไปง่ายๆ โดยไม่ดิ้นรนต่อสู้ เป็นการตัดสินใจที่ยากมาก โดยเฉพาะวินาทีที่จะพูดประโยคนั้นออกมา เธอกลัวว่าหากพูดออกไปแล้วจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต เพราะในใจลึกๆ คิดว่า แม้จะมีความหวังเพียงเล็กน้อยก็น่าจะลอง อย่างน้อยพ่อของเธอน่าจะลองพยายามต่อสู้เพื่อหาทางกลับมาหาครอบครัวที่ตั้งหน้าตั้งตารอคอยอยู่ เธอหันไปมองหน้าแม่ที่ดวงตาเลื่อนลอย แม่สูญเสียความสามารถในการตัดสินใจไปเสียแล้ว เธอเท่านั้นที่จะต้องทำหน้าที่นี้

“ฉันตัดสินใจแล้ว ครอบครัวเราขอสู้เต็มที่ค่ะ หนูฝากชีวิตของพ่อไว้ในมือคุณหมอด้วยนะคะ”

“โอเคครับ หมอจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาชีวิตของลุงชูวิทย์เอาไว้”

ลูกสาวเดินเข้าไปจับมือลุงชูวิทย์ ภาวนาขอให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับครอบครัวของเธอ

“ไม่ว่ายังไงพ่อก็ต้องสู้นะคะ ตื่นขึ้นมาเจอพวกเราให้ได้ หนูกับแม่จะรอพ่ออยู่ที่นี่ค่ะ”



Don`t copy text!