โหงลำโขง บทที่  10 : ก่อนฟ้าสาง (2)

โหงลำโขง บทที่ 10 : ก่อนฟ้าสาง (2)

โดย : ทศพล

Loading

โหงลำโขง โดย ทศพล กับเรื่องราวของ “คูน” ชายหนุ่มผู้อาภัพ บิดามารดาถูกฆาตกรรม เขาจึงเติบโตโดยการฟูมฟักจากแม่เฒ่าต้วน ผู้หวังว่าสักวันหนึ่งคูนจะกลับไปล้างแค้นให้กับบิดามารดา และทำให้ครอบครัวของฆาตกรนั้นอยู่อย่างตายทั้งเป็น หากแต่แผนการและหัวใจสวนทางกัน คูนจะทำอย่างไร นวนิยายคุณภาพที่อ่านเอานำมาให้คุณอ่านใน anowl.co

แม้บรรยากาศในยามเช้าที่เต็มไปด้วยหมอกหนาจะคอยบดบังเส้นทางจนแทบมองไม่เห็นหนทางเบื้องหน้า ทำให้การไล่ตามม้าตัวข้างหน้าเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่คูนก็ไม่ย่อท้อที่จะรีบเข้าไปช่วยติ้วให้รอดเหมือนกับแม่หญิงคนอื่นๆ

ไม่นานนัก หมอกหนากลับเบาบางลงราวกับปาฏิหาริย์ เขาจึงมองเห็นเส้นทางข้างหน้าได้อย่างชัดเจน ไอ้นวลก็ใช้จังหวะนี้เร่งความเร็วมากขึ้นเพื่อตามม้าดำตัวนั้นให้ทัน

“คูน” เสียงของแม่เฒ่าต้วนดังเข้ามาหูของคูน “มันบ่แม่นคน มันเป็นโหง”

คูนฉุกคิดได้ทันที มิน่าล่ะม้าดำตัวนั่นถึงวิ่งเร็วกว่าม้าทั่วไป ที่จริงแล้วทั้งชายชุดดำและม้าต่างเป็นผีโหงนั่นเอง แต่แล้วม้าผีดันวิ่งตรงดิ่งไปตรงหน้าผาสูงที่เบื้องล่างเป็นลำน้ำโขงอันเชี่ยวกราก เขาจึงตัดสินใจดึงดาบด้ามหนึ่งออกมาก่อนร่ายคาถาลงในดาบอยู่สักพักหนึ่ง พอม้าผีใกล้จะถึงหน้าผาสูง เขารีบกระโดดลงจากหลังของไอ้นวลก่อนที่จะกระโจนตัวเองลงหน้าผาตามผีโหงนั่นไป ดาบของเขาพุ่งตามลงไปด้วยฤทธิ์ของคาถา คมดาบเสียบเข้าตรงหัวของชายชุดดำก่อนทะลุร่างลงไปที่ม้าดำนั่นด้วย ร่างของผีโหงจึงแตกสลายกลายเป็นฝุ่นควัน

ร่างของติ้วตกลงกระแทกลงไปยังลำน้ำโขง ก่อนที่จะถูกกระแสน้ำพัดลงไปสู่น้ำลึก น้ำได้เข้าไปในทุกอณูร่างจนลมหายใจของเธอขาดห้วงไปโดยไม่รู้สึกตัวอย่างน่าเวทนา นี่คงเป็นเคราะห์ร้ายของแม่หญิงที่เพิ่งจะได้ทำความรู้จักกับโลกนี้เพียง 19 ปี พญาแถนกลับมานำพาดวงวิญญาณของเธอกลับคืนสู่เมืองฟ้าไปเสียแล้ว

คูนพยายามแหวกว่ายตามหาร่างของติ้วอยู่นาน แต่ก็หาไม่เจอเลย เขาไม่อาจต้านทานกระแสน้ำได้จึงปล่อยตัวเองให้ลอยล่องไปตามลำน้ำโขงก่อนจะแหวกว่ายเข้าหาฝั่ง ด้วยความเหนื่อยล้ามากตั้งแต่เมื่อคืน เขาจึงเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว

เวลาผ่านไป 1 ชั่วยาม

จำปาและต๋องกระโจนลงมาจากหลังม้าก่อนรีบวิ่งเข้าไปหาคูนที่นอนหงายอยู่ริมฝั่งลำน้ำโขง

“อ้ายคูน” จำปาเขย่าตัวของคูนไปพร้อมกับใช้มือไปแตะที่รูจมูก เธอถอนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งใจทันทีที่รู้ว่าคูนยังมีชีวิตอยู่ ตอนแรกคิดว่าจะไม่รอดเสียแล้ว เพราะเล่นกระโดดหน้าผาสูงลงไปแบบนั้น ถ้าหากเป็นคนอื่นคงเสียชีวิตไปแล้ว

คูนสัมผัสได้ว่าเป็นจำปาอย่างแน่นอน เพราะเขาจดจำกลิ่นตัวนี้ได้ แม้จะยังเหนื่อยล้าอยู่บ้าง แต่ก็อยากเติมพลังงานให้ตัวเอง เขาจึงดึงจำปาลงมากอด ปลดปล่อยอารมณ์ให้คล้อยไปตามสถานการณ์

ต๋องเห็นเข้าถึงกับหันหลังแทบไม่ทัน เขาไม่อยากเห็นภาพเช่นนี้สักเท่าไรนัก เพราะอายุยังไม่มากพอที่จะทำแบบนี้ได้ แต่ในใจลึกๆ กลับค้านให้เขาหันกลับไปมองเพื่อการเรียนรู้ พอนึกแบบนี้แล้วก็รู้สึกมีเหตุผล

แต่ในขณะที่กำลังจะหันหลังกลับไปมอง ต๋องดันเหลือบไปเห็นกลุ่มของท้าวคำมั่นกำลังควบม้ามาแต่ไกล จึงตัดสินใจตะโกนบอกจำปาและคูนว่า “พ่อใหญ่ใกล้สิมาฮอดนี่แล้ว”

จำปาจึงรีบผลักตัวเองออกจากคูนทันทีก่อนที่พ่อจะมาเห็นเข้า เธอรู้สึกผิดกับตัวเองที่เผลอทำเรื่องไม่ดีไม่งามแบบนี้เข้า จนต้องรีบลุกยืนขึ้นไปยืนอยู่ข้างๆ ต๋องทันที

ท้าวคำมั่น ท้าวพา และพ่อชายอีกหลายคน พากันกระโดดลงมาจากหลังม้าก่อนพากันเดินเข้าใกล้ๆ พวกเขาที่ริมฝั่งลำน้ำ

“เฮาคงมีเรื่องที่ต้องพูดคุยกันหลายอย่างเด้อ” ท้าวคำมั่นพูดกับจำปาก่อนกวาดสายตามองดูรอบๆ บริเวณแถวนี้ “แล้วแม่หญิงคนนั้นล่ะ อยู่ไหน”

จำปาพอจะคาดเดาสถานการณ์ล่วงหน้าได้อยู่บ้างว่าตนคงต้องโดนดุหรือไม่ก็ถูกสั่งห้ามจับดาบอีกเป็นแน่

“แม่หญิงคนนั้นคือเอื้อยติ้วขอรับ พ่อใหญ่” ต๋องพูดขึ้น “ข่อยและเอื้อยจำปาเพิ่งสิตามมาถึง กลับเจอแต่อ้ายคูนนอนอยู่คนเดียว”

คูนลุกยืนขึ้นก่อนรีบเดินไปอธิบายให้ท้าวคำมั่นฟัง “ติ้วตกลงมาจากที่สูง แถมกระแสน้ำกะแรงหลาย ข่อยเลยยังหาร่างบ่เจอ”

“หมายความว่ายังไง หาร่างบ่เจอ” ต๋องคิดดีไม่ได้เลยก่อนหันไปสบหน้าคูนด้วยความสงสัย “เอื้อยข่อยตายแล้วบ่อ้าย”

“บ่แม่นอย่างนั้น ติ้วอาจสิลอยไปเทียบฝั่งที่ไหนสักแห่ง แค่อ้ายยังหาบ่เจอ” แม้ในความคิดของคูนนั้นจะเชื่อว่าติ้วคงเสียชีวิตไปแล้วอย่างแน่นอน แต่เขาต้องพูดแบบนี้ออกมาเพื่อให้ทุกคนสบายใจ ถึงแม้จะขัดกับความคิดที่แท้จริงของตัวเองก็ตาม

ท้าวพาหลับตาลงเพื่อเข้าฌาน เขามองเห็นร่างของติ้วนอนอยู่ริมฝั่งเดียวกัน “กูเห็นแล้ว บ่ไกลจากที่นี่”

หลังจากนั้นทุกคนก็พากันวิ่งตามท้าวพาไปติดๆ เลียบชายฝั่งโขง ไม่ใกล้ไม่ไกลเท่าไรนักก็พบติ้วนอนหงายอยู่ริมฝั่งแถวนั้นจริงๆ เสื้อและผ้าซิ่นเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนตม ผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมด

ต๋องรีบวิ่งเข้าไปหาพี่สาวตัวเองทันทีที่เห็น ก่อนประคองร่างของติ้วขึ้นนั่งไปพร้อมกับใช้นิ้วตรวจลมหายใจที่จมูก พบว่าพี่สาวไม่หายใจแล้ว สีหน้าและแววตาของเขาเปลี่ยนเป็นความเศร้าหมองไปพร้อมกับนั่งกอดร่างของพี่สาวเอาไว้แน่น และร้องไห้ออกมาอย่างไม่มีเสียง

ทุกคนต่างพูดไม่ออกกับสถานการณ์ตอนนี้ จึงได้แต่ยืนนิ่งๆ เป็นการไว้อาลัยไปพร้อมกับความเสียใจ

จำปาเดินไปนั่งคุกเข่าลงข้างๆ ต๋อง ก่อนยื่นมือไปแตะบนบ่าเพื่อปลอบใจแทนการพูด แต่ในขณะที่เธอมองใบหน้าและเผลอไปสัมผัสแขนของติ้วเข้า จู่ๆ ติ้วก็ลืมตาขึ้นมาจ้องมาที่เธอทันที จนเธอกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจกลัว

ติ้วฟื้นคืนชีพก่อนจะสำลักน้ำออกมา การรอดชีวิตของเธอในครั้งนี้ได้สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนมากที่เธอรอดชีวิตขึ้นมาราวกับมีปาฏิหาริย์ ชะตาของเธอคงยังไม่ถึงฆาตให้ต้องตาย

ต๋องตะโกนร้องขึ้นด้วยความดีใจที่เห็นพี่สาวยังไม่ตาย เขาร้องไห้ออกมาอีกครั้งด้วยความโล่งใจเป็นอย่างมากก่อนที่จะสวมกอดติ้วเอาไว้ “เอื้อยข่อยรอดแล้วเด้อ พ่อใหญ่…เอื้อยติ้วรอดแล้ว”

หลังจากนั้นทุกคนก็พาติ้วกลับหมู่บ้านไปพักฟื้นร่างกายต่อไป ถือว่าภารกิจของช่วยเหลือแม่หญิงทุกคนให้มีรอดชีวิตกลับมาสู่ครอบครัวดังเดิมสำเร็จ เพราะไม่มีการสูญเสียเกิดขึ้นเลย

คูนรู้สึกว่าติ้วที่ทุกคนเห็นตอนนี้ อาจจะไม่ใช่ติ้วที่เคยรู้จักมาก่อน แต่นี่เป็นเพียงข้อสันนิษฐานในความคิดของตัวเองเท่านั้น เขาจะไม่พูดอะไรแบบนี้ออกมาให้ใครได้ยินเป็นอันขาด

ไม่นานเหล่าบรรดาศพของชายชุดดำทั้งหมดที่เหล่านักรบฟาดฟันก็มลายจางหายไปกับอากาศ เพราะแท้จริงแล้ว ทั้งชายชุดดำและม้าเหล่านั้นล้วนไม่ใช่คนหรือสัตว์จริงๆ แต่พวกมันเป็นดวงวิญญาณมืดของผีโหงตนหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแผนการบางอย่างเท่านั้นเอง



Don`t copy text!