โหงลำโขง บทที่  14 : บาดแผลในใจและความจริง (1)

โหงลำโขง บทที่ 14 : บาดแผลในใจและความจริง (1)

โดย : ทศพล

Loading

โหงลำโขง โดย ทศพล กับเรื่องราวของ “คูน” ชายหนุ่มผู้อาภัพ บิดามารดาถูกฆาตกรรม เขาจึงเติบโตโดยการฟูมฟักจากแม่เฒ่าต้วน ผู้หวังว่าสักวันหนึ่งคูนจะกลับไปล้างแค้นให้กับบิดามารดา และทำให้ครอบครัวของฆาตกรนั้นอยู่อย่างตายทั้งเป็น หากแต่แผนการและหัวใจสวนทางกัน คูนจะทำอย่างไร นวนิยายคุณภาพที่อ่านเอานำมาให้คุณอ่านใน anowl.co

เช้านี้จำปาเตรียมของทั้งหมดใส่ตะกร้าหวายเพื่อนำไปถวายเจ้าโองมู้ที่ศาล เธอแต่งกายด้วยเสื้อย้อมครามแล้วเบี่ยงด้วยผ้าฝ้ายสีขาว นุ่งผ้าซิ่นลายสีชมพูที่จำปีเคยเลือกให้ และมวยผมปักดอกจำปากลีบขาวนวลจำนวน 2 ดอก

จำปากับคูนนัดกันที่ศาลเจ้า ระหว่างทางเธอจึงเดินเพียงลำพัง ชาวบ้านต่างจับตามองเธอตลอดเส้นทาง ด้วยความเข้าใจว่าคนพวกนั้นชอบนินทาทุกเรื่อง เธอจึงไม่ได้ให้ค่าและไม่เสียเวลาไปอธิบายใดๆ เพราะตัวเรานั้นย่อมรู้จักตัวเองดีที่สุดแล้ว หากการนินทาเป็นสิ่งที่คนเหล่านั้นทำได้ดีในชีวิตของเขาแล้ว ก็คงต้องปล่อยวางให้กับคนที่พอใจกับชีวิตที่ดีได้แค่นั้น

ในขณะที่เดินอยู่นั้น บัวเพียงเดินเอามือไขว้หลังเอาไว้และเดินพุ่งตรงเข้ามาหาจำปาด้วยความเร่งรีบ สีหน้าและแววตาของเธอดูแข็งกร้าวราวกับเสือที่พร้อมจะฉีกเหยื่อตรงหน้าแล้ว

จำปาเห็นบัวเพียงกำลังเดินเข้ามาใกล้ๆ จึงทักทายขึ้น “บัวเพียง…” เธอยังพูดไม่จบประโยค บัวเพียงกลับเอามีดสั้นที่ถือไขว้หลังอยู่นั้นออกมาเสียบกลางท้อง เธอเจ็บหนักมากและมีอาการจุกที่หน้าอกจนต้องอ้าปากออกมา จนตะกร้าที่ถือคล้องแขนเอาไว้ได้ปล่อยทิ้งลงไปกองกับพื้นดิน

บัวเพียงปล่อยมือก่อนได้สติกลับคืนมา เธอดูตกใจมากที่เห็นเลือดกำลังพุ่งออกมาจากหน้าท้องของจำปาไม่หยุดเลย ร่างกายเหมือนไม่มีแรงขยับเขยื้อนและเกิดความงุนงงว่าตนเองมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมยังเอามีดมาเสียบคนอื่นด้วย

“บ่แม่นข่อยเด้อ” บัวเพียงตัวสั่นและหวาดกลัวจนต้องนั่งทรุดตัวลงไปพื้นดิน

ชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นต่างเห็นเหตุการณ์ ทุกคนพากันตกใจมาก แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย เพราะไม่รู้จะเข้าไปช่วยอย่างไรดี แต่ยังดีที่มีคนวิ่งไปบอกแม่จำปูนให้ทราบแล้ว

จำปาค่อยๆ ดึงมีดออกด้วยความเจ็บปวดก่อนเอามือตัวเองกดทับแผลเอาไว้เพื่อห้ามเลือด แต่แล้วร่างกายไม่อาจทนไหว จึงเป็นลมล้มลงไปนอนกองกับพื้นดินพร้อมกับดวงจิตที่ออกจากร่างไป

ดวงจิตของจำปาออกมาจากร่าง เธอหันไปเห็นร่างกายตัวเองนอนจมกองเลือดอยู่นั้น ความคิดแรกที่โผล่เข้ามาให้หัวก่อนบ่นออกมา “นี่ข่อยตายแล้วเหรอ” แล้วรอบกายของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลนไปทั่วอาณาบริเวณ

“ยัง…มึงยังบ่ตาย” ดวงวิญญาณของจำปีปรากฏตัวขึ้น “กูต่างหากที่ตายไปแล้ว”

จำปาตกใจมากที่เห็นจำปีอยู่ตรงหน้า “นั่นเอื้อยจำปีอีหลีบ่จ๊ะ”

“สติยังมีอยู่หนิ ถึงยังจดจำกูได้ แล้วการเฮ็ดเรื่องชั่วๆ ที่ผ่านมา มึงยังจำได้อยู่บ่ว่าเฮ็ดหยังลงไปกับกูบ้าง” จำปีตะคอกเสียงออกไป “มึงคงคิดว่ากูชั่วหลาย ถึงบอกให้อ้ายคูนมาเฮ็ดดีด้วย มาหลอกขอแต่งงาน จนกูเข้าใจผิดหลงคิดว่าอ้ายคูนมักกู”

“ที่น้องเฮ็ดลงไป กะย้อนย่านเอื้อยฆ่าตัวตาย…

“อย่ามาหาข้ออ้าง” จำปีรีบพูดสวนกลับไปทันที ทั้งที่จำปายังอธิบายไม่จบ “มึงมันเห็นแก่ตัว ในใจมึงคงคิดว่าคนอื่นเป็นได้แค่ของเล่น แล้วบังคับให้คนอื่นเฮ็ดนั่นเฮ็ดนี่ได้ตามใจชอบ”

จำปาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจำปีถึงคิดว่าสิ่งที่เธอทำลงไปนั่นเป็นการทำเพื่อตัวเอง ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว เธอทำเพื่อพี่สาวตัวเองมาโดยตลอด

“แล้วเอื้อยกล้ารับอยู่บ่…ว่าบ่ได้มักอ้ายคูน เอื้อยพูดเองเด้อว่ามักอ้ายคูนหลาย ถ้าชาตินี้เอื้อยบ่ได้แต่งงานกับอ้ายคูน ชีวิตคงทุกข์ระทม เอื้อยขอผูกคอตายไปเลยเสียดีกว่า ถ้าสิบ่ได้อยู่ครองคู่กัน” แล้วจำปาตะคอกเสียงกลับคืนไป “คำพูดนี้ของเอื้อยมันยังก้องอยู่ในหูของข่อยมาโดยตลอด แล้วเอื้อยสิให้ข่อยเฮ็ดแนวใดต่อล่ะ บอกข่อยมาสิว่าหากมื้อนั่นเอื้อยลองมาเป็นข่อย แล้วสิเฮ็ดแนวใด” เธอผ่อนเสียงลงเล็กน้อย แล้วน้ำตาก็รินไหลอาบแก้มออกมาด้วยความเศร้าใจ “ข่อยบ่อยากถูกชาวบ้านตราหน้าว่าเป็นต้นเหตุให้เอื้อยมาฆ่าตัวตายไป เพียงเพราะพ่อชายคนเดียวกันหรอกเด้อ”

จำปีส่ายหน้าก่อนนั่งยองๆ ลงช้า สองมือกุมขมับที่หัวแล้วพึมพำออกมาเบาๆ “สุดท้ายอ้ายคูนกะมักน้องคนเดียวอยู่ดี หากย้อนเวลากลับไปได้ คงสิบ่พูดแบบนั้นออกมาเพื่อเอาชนะน้องเลยอีหลีเด้อ” เธอบีบคั้นน้ำตาออกมาเป็นสายก่อนหันขึ้นไปสบตากับจำปา “เอื้อยขอโทษหลายๆ เด้อ ขอโทษที่เอาแต่ใจเจ้าของ” ก้มหน้ามองพื้นดิน “ต่อให้เฮาสองคนทะเลาะกันไปมา กะบ่ช่วยหยังให้มันดีขึ้นหรอก เพราะสุดท้าย…เอื้อยกะต้องการเป็นผีโหงเฝ้าลำโขงตลอด”

“ผีโหง” จำปาเกิดความสงสัยขึ้นมาเกี่ยวกับผีชนิดนี้

“ใครกะตามที่ตายอยู่ใต้ลำโขง ล้วนต้องกลายมาเป็นผีโหงกันทั้งนั้น” จำปีลุกยืนขึ้น “แต่ช่างเอื้อยเถอะ นี่คงเป็นมื้อสุดท้ายแล้วที่เอื้อยต้องมาลาทุกคนแล้วละ พอกลายไปเป็นผีโหงเต็มตัวแล้ว เอื้อยคงสิจำใครบ่ได้อีกเลย”

“แล้วเรื่องนี้พอที่สิมีทางออกอยู่บ่ อย่างน้อยถ้าตายไปแล้ว…กะควรได้ไปเกิดใหม่สิ” จำปารู้สึกว่ามันช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลยที่ตายแล้วต้องมาเฝ้าลำน้ำโขงนี้ตลอดไป

“ทางออกกะพอมีบ้าง” จำปาแสร้งทำหน้าเศร้า “แค่ได้ดวงจิตอันบริสุทธิ์มาเพียงครึ่งเดียว กะได้กลับไปเกิดใหม่ได้ แต่คงสิยาก ย้อนบ่มีใครยอมเข้ามาช่วยกันง่ายๆ หรอก”

“แล้วมอบดวงจิตอันบริสุทธิ์ มันหมายความว่าหยัง พอมอบให้แล้ว คนที่มอบให้สิเกิดหยังขึ้นตามมาล่ะ” จำปาอยากรู้จริงๆ หากมันไม่เหลือบ่ากว่าแรง เธอก็พร้อมที่จะช่วย “บอกข่อยมาเถิดเอื้อย”

“คนที่มอบกะได้กลับไปมีชีวิตเหมือนเดิม เพียงแต่ว่า…” จำปีหยุดพูดไปชั่วครู่ ประหนึ่งว่าไม่อยากให้จำปาช่วย “บ่เป็นหยังหรอก มันคงเป็นกรรมของเอื้อยเอง”

“แต่ว่าหยัง บอกมาเถิด” จำปาอยากจริงๆ ว่าคนที่มอบดวงจิตบริสุทธิ์ให้แล้ว ผลที่ตามจะเป็นอย่างไร เธอจึงยื่นมือไปคว้าเอามือของพี่สาวมากุมเอาไว้ พร้อมกับแววตาอ้อนวอน “บอกน้องมาเถิดเด้อ”

“คนนั้นสิจำใครบ่ได้อีกเลย หรือกว่าความทรงจำสิกลับคืนมา กะคงใช้เวลานานหลายเลย

จำปารู้สึกโล่งใจมากเมื่อได้ยินคำตอบ “แค่ความทรงจำหายไป หากน้องสิมอบดวงจิตอันบริสุทธิ์ให้แล้ว เอื้อยกะสิได้ไปเกิดยังภพภูมิใหม่ได้ บ่ต้องมาเฝ้าลำน้ำโขงนี้เลยเด้อ

“แต่ว่าน้องสิจำใครบ่ได้เลย แม้กระทั่งอ้ายคูนด้วยเด้อ”

“บ่เป็นหยัง ให้ข่อยได้ช่วยเอื้อยบ้าง แค่ความทรงจำหายไปเอง แต่เอื้อยนี่สิกลับคืนมาใช้ชีวิตกะบ่ได้อีกแล้ว” จำปาพยักหน้า “ข่อยพร้อมแล้ว ตอนนี้เลย”

จำปีซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากที่จำปาพร้อมจะช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ “ขอบใจหลายๆ เด้อ หากเฮายังมีบุญต่อกันอยู่ คงสิได้กลับมาเกิดเป็นพี่น้องกันอีกเด้อ” เธอสวมกอดจำปาเอาไว้ “น้องช่างเป็นคนดีหลายอีหลี มิน่าล่ะ…อ้ายคูนถึงได้ยอมเฮ็ดทุกอย่างตามที่น้องต้องการ” ดันตัวเองออกมาพร้อมส่งยิ้มหวานๆ ให้ “ขอบใจหลายเด้อ…จำปา”

หลังจากนั้นดวงจิตของจำปาและดวงวิญญาณของจำปีก็หลุดหายไปอยู่ที่ไหนสักแห่งเพื่อมอบดวงจิตอันบริสุทธิ์นี้ให้เจ้าโหงต่อไป โดยจำปาไม่รู้เลยว่านี่เป็นแผนการของแม่เฒ่าต้วนทั้งหมด

 

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น คูนกำลังอุ้มร่างของจำปากลับเฮือนของเธอไปอย่างทุลักทุเล เลือดเธอไหลตามรายทางไม่หยุดไม่หย่อน จนเขาแอบหวั่นกลัวว่าจำปาอาจจะเสียชีวิตตามมาได้

แม่จำปูนช่วยเปิดประตูห้องนอนให้คูนอุ้มจำปาเข้าไปนอนในเบาะ เธอตะโกนถามชาวบ้านที่วิ่งตามมาด้วยว่า “มีใครไปตามหมอมาหรือยัง”

คูนค่อยๆ วางจำปาลงบนเบาะ เขาถกเสื้อขึ้นเพื่อดูแผลที่หน้าท้องของเธอก่อนจับชีพจรตรงข้อมือ ทุกอย่างยังเป็นปกติดี จากนั้นเขาก็เอามือซ้ายไปวางบนแผลแล้วร่ายคาถาออกมา มนตร์ที่ร่ายอยู่นั้นแปรเป็นควันสีขาวพุ่งออกมาจากปากก่อนลอยลงไปประคบบนแผล ไม่นานแผลก็เริ่มสมานและอาการบาดเจ็บของจำปาก็หายไปอย่างน่าอัศจรรย์ใจ

แม่จำปูนเบิกตากว้างขึ้น เมื่อเห็นคูนสามารถรักษาจำปาได้ราวกับหมอเทวดา เธอประหลาดใจเป็นอย่างมากเพราะเพิ่งจะได้เห็นการรักษาแบบนี้เป็นครั้งแรก จากแผลที่เลือดไหลไม่หยุด จู่ๆ เลือดก็หยุดไหลและแผลก็กลับมาเรียบเนียนดังเดิม ราวกับไม่เคยถูกมีดแทงมาก่อน

“จำปา ได้ยินอ้ายบ่” คูนพยายามปลุกจำปาให้ตื่นด้วยการนวดหน้าและนวดไหล่ เขาเริ่มวิตกกังวลมากขึ้นกว่าเดิม “บ่แม่นแล้ว…จำปาได้ยินเสียงอ้ายบ่”

“เกิดหยังขึ้นจ๊ะพ่อคูน” แม่จำปูนเห็นคูนมีสีหน้าเปลี่ยนไป จึงวิ่งเข้าไปนั่งลงใกล้ๆ “จำปาเป็นหยังไปอีก แผลกะหายดีแล้ว”

“ดวงจิตของจำปายังบ่กลับเข้าร่างขอรับ” คูนพูดออกมาพร้อมกับใช้ปลายนิ้วชี้ข้างซ้ายกดลงไปตรงกลางหน้าผากแล้วหลับตาลง เขาเห็นจำปาและจำปีกำลังยืนอยู่ใกล้ๆ กับริมน้ำ หลังจากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นแล้วหันหน้ามาสบตากับแม่จำปูน “แม่ใหญ่ต้องไปกับข่อยแล้วขอรับ ถ้าดวงจิตจำปาบ่กลับเข้าร่างภายในมื้อนี้ จำปาสิเสียชีวิตทันที”

แม่จำปูนรู้สึกขวัญเสียอย่างเห็นได้ชัด “แล้วข่อยสิช่วยจำปาได้ยังไงล่ะ พ่อคูนรีบบอกมาเลย”

“ไปเกลี้ยกล่อมจำปีให้หยุดชวนจำปาลงน้ำด้วยขอรับ”

“จำปีชวนจำปาลงน้ำ มันเหมือนกับผีชวนไปอยู่ด้วยนั่นเบาะ” แม่จำปูนไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไร แต่ดูเหมือนว่าเวลานี้ต้องเชื่อในสิ่งที่คูนพูด ยังไงชีวิตจำปาก็สำคัญมาก เพราะเธอไม่อยากสูญเสียลูกสาวไปอีกคนแล้ว “งั้นพาข่อยไปเลย ขืนชักช้าไปหลายกว่านี้ จำปาอาจตายไปได้”

หลังจากนั้นแม่จำปูนก็รีบออกไปนอกห้อง ก่อนบอกแม่หญิงที่ขึ้นมาบนเฮือนทั้งหลายว่าอย่าเพิ่งไปไหน ให้ช่วยอยู่ดูแลจำปากันก่อน ส่วนเธอจะไปกับคูนเพื่อเรียกดวงจิตลูกสาวกลับเข้าร่าง

 



Don`t copy text!