โหงลำโขง บทที่ 3 : จากไปนาน (2)

โหงลำโขง บทที่ 3 : จากไปนาน (2)

โดย : ทศพล

Loading

โหงลำโขง โดย ทศพล เรื่องราวของจำปาและจำปีฝาแฝดที่งดงาม อ่อนหวาน เป็นที่รักใคร่ของทุกคนแต่สิ่งที่เห็นจะใช่ความจริงหรือเปล่า มีเพียงคนใกล้ชิดเท่านั้นที่จะสัมผัสและรับรู้ได้ โดยเฉพาะเมื่อเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงในสายน้ำโขง มีเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต เธอคนนั้นคือใครกันแน่ นวนิยายคุณภาพที่อ่านเอานำมาให้คุณอ่านใน anowl.co

แม่เฒ่าต้วนและคูนเดินเท้าเข้ามาในหมู่บ้านตามเส้นทางหลัก ชาวบ้านที่เป็นผู้ใหญ่ต่างพากันแตกตื่น พวกเขามีท่าทางหวาดกลัวและไม่อยากที่จะเข้าใกล้มากจนเกินไป เฮือนบางหลังที่มีลูกเล็ก พวกเขาก็รีบเข้าห้องปิดประตูลงกลอนกันอย่างพร้อมเพรียง ทำราวกับว่าแม่เฒ่านั้นเป็นคนร้ายที่พร้อมจะฆ่าลูกๆ ของพวกเขาได้ทุกเมื่อ

คูนเห็นพฤติกรรมของชาวบ้านที่แสดงออกมาก็รู้สึกแย่ เขาไม่นึกว่าชาวบ้านจะพากันกลัวแม่เฒ่าต้วนขนาดนี้ จนอดคิดต่อไม่ได้ว่าตนและแม่เฒ่าจะสามารถอยู่ในหมู่บ้านนี้ต่อไปได้นานสักกี่วัน

“เจ้าอย่าเอาจิตไปผูกกับคนพวกนี้เลย” แม่เฒ่าต้วนพูดไปพร้อมกับเดินชักไม้เท้าไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจและไม่เกรงกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น “คอยดูเด้อ หลังจากมื้อนี้เป็นต้นไป คนพวกนั้นสิมองเฮาเปลี่ยนไป”

“อีหลีติแม่” คูนไม่ค่อยไว้วางใจชาวบ้านนี้สักเท่าไร เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์แล้วไซร้ จิตใจย่อมยากแท้หยั่งถึง

แต่แม่เฒ่าต้วนกลับพยักหน้าตอบแทนคำว่าใช่ การกลับมาในครั้งนี้แม่เฒ่ามาเพื่อมีชัยเหนืออำนาจชาวบ้านพวกนี้ คนที่เคยถูกกระทำให้จมอยู่ภายใต้ความทุกข์มานาน เมื่อสามารถข้ามผ่านความทุกข์กลับขึ้นมายืนด้วยลำแข้งตนเองได้อีกครั้ง ความรุนแรงที่จะแก้แค้นกลับไป ย่อมทวีคูณมากขึ้นกว่าเดิมหลายพันเท่า

ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้ไป ได้ถูกวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าเป็นอย่างดี แม่เฒ่าเองก็มั่นใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนการอย่างราบรื่น พวกคนเหล่านี้จะต้องได้รับผลจากการกระทำในอดีตกันอย่างสาสม ครั้นตายไปจะได้บอกกับเจ้ายมบาลได้ว่าตนนั้นได้ชดใช้กรรมหมดแล้วที่นรกบนดิน

 

“เจ้าคือ…แม่เฒ่าต้วนแม่นบ่”

เสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้นอยู่เบื้องหน้า แม้ในความมืดสลัวเขาก็ยังจดจำท่าทางแม่เฒ่าต้วนได้ดี

“เป็นแม่เฒ่าอีหลี”

ใบหน้ายิ้มออกมาคล้ายคนดีใจที่ไม่ได้เจอกันนาน แต่ภายในใจกลับรู้สึกหวั่นกลัวอยู่หน่อยๆ เพราะจู่ๆ แม่เฒ่าก็กลับมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หลังจากหายไปกว่า 20 ปี บางทีนางอาจมีแผนการอะไรบางอย่างซุกซ่อนอยู่ก็เป็นได้

“บ่เจอกันนานเลย…ท้าวพา” แม่เฒ่าต้วนทักทายขึ้นตามประสาคนเคยรู้จักกันเป็นอย่างดี

ท้าวพามีรูปร่างผอมสูงที่อาจจะดูชราไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกลับแก่มาก ผมบนหัวยาวสลวยมัดเป็นมวยเก็บไว้ตรงท้ายทอย มีเส้นผมสีขาวแทรกเป็นหย่อมๆ เขาสวมเสื้อคอกลมแขนทรงกระบอกยาวและนุ่งผ้าโสร่งยาว บนคอและข้อแขนล้วนเต็มไปด้วยลูกประคำหลายเส้นคล้องอยู่ตลอดเวลา

“แล้วเมียมึงและลูกล่ะ อยู่ดีมีแฮงอยู่บ่”

“เมียข่อยตายเมื่อปีกลาย ส่วนบักเก้อกะยังอยู่ดีมีแฮงคือเก่ามันนั่นละ” ท้าวพาชายตามองไปที่คูน “ว่าแต่…พ่อชายนั่นคือใคร ลูกเจ้าติแม่เฒ่า”

“หลานชายข่อยเอง ชื่อคูน ข่อยกำลังสิพามันไปฝากตัวกับท้าวคำมั่น”

คูนยกมือขึ้นไหว้ท้าวพาตามมารยาท

ท้าวพารับไหว้ก่อนมองคูนตั้งแต่หัวจรดเท้า “ดูแล้วคงสิหน่วยก้านดี กล้ามแน่น รูปร่างดี และหล่อเหลา…ดี” ท้าวพาชักสังหรณ์ใจไม่ดีที่แม่เฒ่าพาหลานชายมาฝากกับท้าวคำมั่น แม่เฒ่าต้องมีจุดประสงค์บางอย่างแน่ เพราะเท่าที่จำความได้ แม่เฒ่าไม่เคยมีลูกเลยสักคน แล้วจะมีหลานได้อย่างไร หรือไปเก็บเด็กที่ไหนมาเลี้ยงหรือเปล่า ท้าวพาได้แต่คิดและก็สงสัย

“อีพ่อ อีพ่อ” เสียงของชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับคูน กำลังวิ่งกระหืดกระหอบมาทางด้านหลังของท้าวพา “พ่อใหญ่เรียกหา”

ท้าวพาเหลียวหลังไปด้วยความแปลกใจ “มีเรื่องหยังบักเก้อ”

“รีบไปก่อน อย่าเพิ่งถาม”

เก้อไม่มีเวลาอธิบายและไม่ได้สนใจว่าพ่อของตนยืนคุยกับใคร คงจะเป็นเรื่องที่ด่วนมาก ถึงต้องรีบลากแขนพ่อตัวเองวิ่งตรงดิ่งไปที่เฮือนของท้าวคำมั่นอย่างรวดเร็ว

แม่เฒ่าต้วนหันไปพยักหน้าให้คูน เพื่อเป็นสัญญาณว่าทั้งคู่ก็ต้องไปเฮือนท้าวคำมั่นเช่นกัน

ไม่นานนักเสียงเคาะกระบอกไม้ไผ่ดังเป็นจังหวะ หนึ่ง หนึ่งสองสาม หนึ่ง แล้วเคาะรัวๆ นี่เป็นสัญญาณแจ้งเหตุร้าย เหล่าพ่อชายต่างหยิบดาบคู่ออกมาแล้ววิ่งโกลาหลตรงไปที่เฮือนของท้าวคำมั่น

 

ณ เฮือนของท้าวคำมั่น

เสียงร้องไห้โหยหวนของแม่จำปูนดังบนแคร่ใต้ถุนเฮือน หัวใจของคนเป็นแม่แทบจะขาดใจตายเมื่อทราบข่าวว่าลูกสาวคนโตถูกโจรป่าจับตัวไปเมื่อช่วงเย็น

จำปาได้ยินเสียงแม่ร้องไห้ปานจะขาดใจ จึงรีบวิ่งลงมาจากบนเฮือน “เกิดหยังขึ้นจ๊ะแม่” เธอเดินเข้าไปใกล้ๆ แต่ผู้เป็นแม่กลับเขวี้ยงท่อนไม้ที่อยู่ในมือไปโดนหน้าผากของเธอ จนเกิดบาดแผลขึ้นเล็กน้อย

นี่ขนาดตาบอดยังขว้างแม่นขนาดนี้ ถ้าเกิดดวงตายังดีจะไม่ขว้างจนเลือดสาดกันเลยหรือ

“มึงไปเลย มึงรีบไปออกตามหาเอื้อยมึงเลย เป็นเพราะมึงผู้เดียว” แม่จำปูนชี้หน้าจำปาด้วยความโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ “ถ้าเอื้อยมึงบ่ไปออกตามหามึง เอื้อยมึงกะสิบ่ถูกโจรป่านั่นจับตัวไป”

“แล้วเป็นหยังแม่ถึงคิดว่าข่อยผิดด้วยล่ะ” จำปาตะคอกเสียงออกไปอย่างไม่พอใจที่ต้องกลายเป็นคนผิดไปเสียอย่างงั้น “คนอย่างเอื้อยจำปีนี่นะสิออกตามหาข่อย”

แม่จำปูนพยายามหันไปหาบัวเพียงที่นั่งบนแคร่ แต่หันผิดทาง “อีบัวเพียง มึงรีบเล่าให้มันฟัง เป็นหยังความผิดครั้งนี้ ถึงเป็นมัน”

“จำปีเห็นว่าจำปาไปนอกนาน เลยชวนข่อยออกไปตาม แต่บ่เจอ กะเลยชวนกันไปตามที่ริมหนองน้ำ เผื่อจำปาแอบมาขี้คร้าน แต่โชคร้ายเจอโจรป่าสองคนขี่ม้ามาเร็วมาก แล้วดึงแขนของจำปีขึ้นไปบนม้าจ้ะ” บัวเพียงพูดไปก้มหน้ามองพื้นดิน เพราะเธอไม่กล้าที่จะสบตาจำปา

“มึงมันขี้ตั๋ว สูสองคนแค่อยากไปเล่นกัน แต่มาอ้างว่าตามหากู” จำปาของขึ้น เธอไม่เชื่อในสิ่งที่บัวเพียงพูดเลย ดูก็รู้สร้างเรื่องขึ้นเพื่อโยนความผิดมาให้เธอ

ไม่ว่าอย่างไรจำปาก็ไม่มีวันเชื่อคำพูดของบัวเพียงโดยเด็ดขาด เพราะบัวเพียงนั้นเป็นเพื่อนรักกับจำปีมานาน ย่อมต้องแก้ต่างและเข้าข้างกันอยู่แล้ว

ท้าวคำมั่นที่กำลังยืนพูดคุยกับลูกน้องอยู่ด้านนอกตัวเฮือนเพื่อวางแผนการออกช่วยเหลือลูกสาว พอเหลือบมาเห็นสถานการณ์ที่ใต้ถุนเฮือนที่ไม่ค่อยจะดีนัก เขาจึงรีบวิ่งเข้ามาโอบไหล่จำปาเอาไว้ “ไปลูก…ขึ้นเฮือนก่อน”

จำปาไม่พอใจเป็นอย่างมาก เธอถลึงตาใส่บัวเพียงและรีบสะบัดมือผู้เป็นพ่อออก ก่อนที่จะวิ่งขึ้นไปแอบร้องไห้ที่ห้องนอน แม่ของเธอมักเข้าข้างพี่สาวเสมอ จนจำปาสัมผัสได้ว่าแม่รักลูกไม่เท่ากัน ไม่ใช่แค่จำปาที่คิดเช่นนี้ แม้แต่ชาวบ้านก็มักพูดให้ได้ยินบ่อยๆ ว่า ‘จำปีลูกของแม่-จำปาลูกของพ่อ’

แม่จำปูนเอากำปั้นทุบไปที่แคร่ก่อนควานหาสามีตัวเอง “พ่อต้องช่วยจำปีออกมาให้ได้เด้อ”

“ใจเย็นๆ ตั้งสติก่อน” ท้าวคำมั่นคว้ามือของภรรยามากุมไว้ แล้วนั่งลงข้างๆ “เจ้าสิเอาอารมณ์ไปลงกับจำปาบ่ได้”

“เป็นเพราะมันผู้เดียว ถ้าจำปีเป็นหยังขึ้นมา ข่อยสิบ่มีวันให้อภัยมันเด็ดขาด”

“จำปามันกะลูกเฮา พูดหยังออกมาให้คิดหลายๆ ก่อน ถ้าลูกมาได้ยินเข้า เฮาอาจสิเสียลูกไปอีกคนเด้อ” ท้าวคำมั่นพยายามพูดเตือนสติภรรยา “ดวงชะตาของจำปียังบ่ถึงฆาต ข่อยสิช่วยลูกออกมาให้ได้”

“อีหลีเด้อ พ่อต้องช่วยลูกออกมาให้ได้เด้อ” แม่จำปูนโอบกอดสามีทั้งน้ำตา นางโล่งใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าดวงชะตาของจำปียังไม่ถึงคาด “จำปีลูกแม่ต้องบ่เป็นหยัง”

บัวเพียงรู้สึกแย่มากที่ไม่อาจช่วยเหลืออะไรเพื่อนได้เลย หากตนถูกจับไปด้วยก็คงจะไม่ต้องมานั่งทุกข์ใจอยู่อย่างนี้



Don`t copy text!