โหงลำโขง บทที่ 5 : แสกเต้นสาก (3)

โหงลำโขง บทที่ 5 : แสกเต้นสาก (3)

โดย : ทศพล

Loading

โหงลำโขง โดย ทศพล กับเรื่องราวของ “คูน” ชายหนุ่มผู้อาภัพ บิดามารดาถูกฆาตกรรม เขาจึงเติบโตโดยการฟูมฟักจากแม่เฒ่าต้วน ผู้หวังว่าสักวันหนึ่งคูนจะกลับไปล้างแค้นให้กับบิดามารดา และทำให้ครอบครัวของฆาตกรนั้นอยู่อย่างตายทั้งเป็น หากแต่แผนการและหัวใจสวนทางกัน คูนจะทำอย่างไร นวนิยายคุณภาพที่อ่านเอานำมาให้คุณอ่านใน anowl.co

“พ่อจ๊ะ แม่ฝากมาบอกว่าให้พ่อกลับเฮือนเร็วหน่อย แม่มีเรื่องสำคัญสิพูดด้วยจ้ะ” จำปาเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อเดินมาถึง

“ได้ๆ เดี๋ยวพ่อจัดการงานทางนี้เสร็จแล้วสิรีบกลับ” ท้าวคำมั่นหันไปตอบลูกสาว ก่อนรีบหันไปพูดเรื่องสำคัญกับบรรดาลูกน้องต่อทันที

จากนั้นจำปาหันไปมองต๋องที่กำลังง่วนอยู่กับการยกเข่งถ้วยชามขึ้นบนหลังเกวียนกับบรรดาพ่อชายคนอื่นๆ อยู่ เธอคิดว่าควรเข้าไปทักทายต๋องบ้างสักหน่อย เธอเดินไปหาต๋องโดยเดินผ่านหน้าคูนและจำปีอย่างไม่สนใจว่าพวกเขาจ้องมองที่ตัวเธอด้วยความประหลาดใจ

คูนเห็นท่าทีที่เย็นชาของจำปาเช่นนี้จึงเอ่ยขึ้นกับจำปีเสียงดังว่า “จำปีจ๊ะ อ้ายขอเดินไปส่งที่เฮือนได้บ่จ๊ะ”

คำพูดของคูนทำให้จังหวะการเดินของจำปาชะงักเพียงเสี้ยววินาที เธอแสร้งยิ้มออกมาเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกที่แท้จริงก่อนรีบเดินตรงไปหาต๋องที่ยืนท้าวสะเอวรออยู่

“ได้จ้ะ งั้นเฮารีบไปกันเถอะจ้ะ” จำปีรู้สึกชอบใจมากที่คูนพูดออกมาให้จำปาได้ยินด้วย เธอรีบหยิบร่มสีแดงออกมากางให้ตัวเองและคูน ก่อนที่ทั้งสองจะพากันกันเดินออกไปจากบริเวณศาลานี้

ส่วนบัวเพียงรีบเดินกลับเฮือนอีกทาง เธอรู้ดีว่าไม่ควรเข้าไปเป็นก้างขวางคอเพื่อนในตอนนี้ ควรปล่อยให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันสองต่อสองเพื่อสานความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ปกติแล้วเธอแทบไม่เคยห่างกับจำปีเลยสักครั้ง เพราะทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทที่ตัวติดกันราวกับเป็นฝาแฝดคลานตามกันมา

 

ต๋องยืนมองจำปีและคูนที่กำลังเดินอยู่ใต้ร่มคันเดียวกัน เขาอดคิดไม่ได้เลยว่าจำปาต้องรู้สึกแย่เป็นแน่ แม้จำปาจะเผยรอยยิ้มให้เห็น แต่เขารู้ดีว่าจำปาฝืนยิ้มออกมาทั้งนั้น

“เป็นไงบ้าง มีงานหยังให้เอื้อยช่วยบ่” จำปาพูดขึ้นเมื่อเดินมาถึงต๋อง

“หยุดเลย นี่มันงานของพ่อชาย” ต๋องยกมือขึ้นห้ามไว้ก่อน “แม่หญิงบอบบางคือเอื้อย ห้ามยกเด็ดขาดเลยเด้อ อีกอย่างกะใกล้เสร็จแล้วด้วย”

“เอื้อยนี่นะบอบบาง” จำปาหัวเราะออกมาเบาๆ ใบหน้าที่ซุกซ่อนความเศร้าอยู่เผยออกมาให้เห็น “คงสิแม่น เพราะเอื้อยบอบบางนี่เอง ถึงต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้” แล้วจำปาก็ปรับอารมณ์เป็นปกติก่อนจะถามต๋องด้วยการกระซิบกระซาบ “ว่าแต่คืนไหนอีกที่นั่งเฝ้าห้าง บอกเอื้อยแหน่”

“บ่ๆ เดี๋ยวน้าจำปูนจับได้ ข่อยกับเอื้อยสิแย่เอาเด้อ”

“เอาน่า บอกมาเถอะ เอื้อยสัญญาว่าสิหาทางหนีออกมาให้เงียบ รอบนี้จำปีบ่มีทางจับได้ด้วย”

ต๋องส่ายหน้าให้กับความดื้อรั้นของพี่สาวคนนี้ “คืนมื้ออื่น…แต่อย่าให้ถูกจับได้ล่ะ มิเช่นนั้นคงได้ถูกกักบริเวณบ่ให้ออกนอกเฮือนแน่…สิว่าไปแล้วยามใด๋น้าจำปูนถึงสิปล่อยให้เอื้อยมีอิสระคือเอื้อยจำปีบ้าง นี่มันกะผ่านมาตั้งสามปีแล้ว เอื้อยต้องมารับกรรมทั้งที่บ่ได้เฮ็ดผิดนี่นะ”

“ช่างมันเถอะต๋อง เรื่องมันผ่านมาตั้งนานแล้ว คิดเสียว่าได้อยู่ดูแลแม่ใกล้ๆ กะดีคือกัน” จำปาตัดพ้อออกมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ แม้ในใจลึกๆ อยากจะเป็นอิสระมาก แต่เธอก็พยายามมองโลกในแง่ดี

ไม่นานนักเสียงพ่อชายที่อยู่บนเกวียนก็ตะโกนเรียกต๋องให้ช่วยนำเข่งถ้วยชามไปเก็บไว้ที่ศาลากลางบ้าน ต๋องโบกมือลาจำปาก่อนรีบวิ่งกระโดดขึ้นไปบนเกวียนที่กำลังเคลื่อนตัวด้วยแรงของวัว

หลังแยกย้ายจากต๋อง จำปาก็เดินกางร่มและถือตะกร้าไปตามทางเดินในหมู่บ้านเพื่อไปเก็บยอดผักมะรุมที่ยืนต้นอยู่ท้ายหมู่บ้าน ซึ่งมะรุมต้นนี้เป็นไม้ยืนต้นที่ให้ประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการ คนในหมู่บ้านมักพากันแวะเวียนมาเก็บไปประกอบอาหารได้โดยอิสระ เนื่องจากพื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่ส่วนรวมที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ

ระหว่างเดินทาง จำปาเหลือบไปเห็นต้นจำปาที่ผลิดอกเป็นสีเหลืองทองอร่ามงามตาอยู่ข้างทาง กลิ่นของมันหอมหวนมาก เธอจึงเดินเบี่ยงเข้าไปเด็ดเอาดอกของมันมาเก็บไว้ในตะกร้าก่อนจะเหลือบไปเห็นอีกดอกที่ทั้งใหญ่และงามมากๆ แต่มันอยู่สูงเกินกว่าจะเอื้อมไปเด็ดถึง แต่เธอก็ไม่ละความพยายามที่จะเขย่งเท้าให้สูงเพื่อเก็บมันมาให้ได้ จู่ๆ ก็มีมือปริศนายื่นมาเด็ดดอกจำปาดอกนั้นจากทางด้านหลังของเธอ เธอจึงรีบหันหลังไปดูให้รู้ว่าคือใคร แต่กลับเสียการทรงตัวก่อนจะตกเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของบุคคลนั้น ซึ่งเธอก็รู้ได้ทันทีว่าคือคูน

จำปาพยายามดิ้นให้หลุดออกจากอ้อมแขนนั้น ยิ่งจำปาดิ้นมากเท่าไรคูนก็ยิ่งกอดรัดเธอแน่นขึ้นมากเท่านั้น ราวกับจะไม่ยอมปล่อยให้ร่างบอบบางนี้ขยับเขยื้อนได้เลย เมื่อเธอรู้ว่าความพยายามไม่เป็นผล เธอจึงตัดสินใจยืนนิ่งเงียบไม่พูดอะไร เมื่อเธอนิ่งเงียบ คูนจึงค่อยๆ คลายมือออกก่อนพลิกตัวจำปาให้หันมาประจันหน้าตน จากนั้นก็นำดอกจำปาในมือมาทัดหูข้างขวาเธอ

“งามหลาย จำปาของอ้าย” คูนสบตาจำปาพร้อมเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุข

“นี่ยังเฮ็ดใส่กันบ่พอหรือไง เป็นย้อนอ้ายผู้เดียว ข่อยเลยต้องมาตกเป็นขี้ปากของคน สิ่งที่อ้ายเฮ็ดเมื่อ สามปีก่อนกับที่เฮ็ดอยู่ตอนนี้ มันบ่ต่างกันเลยสักนิด” จำปาเริ่มขึ้นเสียงเพื่อต่อว่า “อ้ายอาจสิฮู้สึกสนุก แต่ข่อยบ่ฮู้สึกสนุกเลยสักนิดที่ต้องกลายมาเป็นแม่หญิงมีมนทินมัวหมอง”

“งั้นกะไปบอกทุกคนเลย” คูนเผลอบีบไหล่ทั้งสองข้างของจำปา “ว่าพ่อชายในมื้อนั้น มันคืออ้าย”

จำปาผลักคูนออกห่าง “บ่มีทาง ข่อยสิบ่ยอมตกเป็นเมียของอ้ายเด็ดขาด บ่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน อ้ายกะอย่าหวังว่าข่อยสิยอมเป็นเมียของอ้าย”

“ถ้าอย่างนั้น อ้ายสิไปบอกความจริงกับทุกคนเอง พ่อชายที่กอดน้องในมื้อนั้น มันคืออ้าย แล้วเฮาสองคนกะสิได้เป็นผัวเมียกัน” คูนจริงจังกับคำพูดตัวเองมาก เขาเองก็อยากจะบอกความจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อนแก่ทุกคนเสียเต็มอก สิได้บ่มีพ่อชายหน้าไหนกล้ามาหว่านล้อมจีบคนที่เขารักอีก

ในขณะที่คูนหันหน้าจะเดินเข้าไปในหมู่บ้าน จำปาก็ตะโกนขึ้นเพื่อห้ามเอาไว้ “อ้ายต้องแต่งงานกับจำปี ขอร้องเด้ออ้าย บ่ว่าสิสามปีก่อนหรือตอนนี้ ข่อยกะยังอยากให้อ้ายแต่งงานกับจำปี”

คำพูดของจำปาทำให้คูนหยุดชะงัก ก่อนหันมองแม่หญิงที่เขารักมากด้วยความไม่เข้าใจ “ตอนนี้จำปีกะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่หลายแล้ว จำปีคงบ่เฮ็ดเรื่องพันนั้นหรอก”

“อย่าเสี่ยงเลย จำปีนั้นฮักอ้ายหลายและกล้าเฮ็ดในสิ่งที่อ้ายคิดบ่ถึงแน่” น้ำเสียงจำปาสั่นเครือ และน้ำตาก็เริ่มคลอเบ้า “ข่อยบ่อยากถูกชาวบ้านตราหน้าว่า…เอื้อยต้องผูกคอตาย ย้อนแย่งพ่อชายคนเดียวกัน”

“แล้วจำปาฮักอ้ายบ่”

จำปาตอบคำถามของคูนด้วยน้ำตาที่ไหลรินอาบท่วมสองแก้ม น้ำตาแต่ละหยดที่ร่วงรินต่างลงมาทิ่มแทงกลางอกของคูนจนหัวใจของเขาคล้ายถูกบีบรัดจนทนไม่ไหว จึงรีบวิ่งกลับมาโอบกอดคนรักเอาไว้อย่างแนบแน่น

การกระทำของคูนตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมานั้น ต่อหน้าคนอื่นๆ เขาทำทีเหมือนตกหลุมรักจำปีมากและไม่มีทีท่าสนใจจำปาเลยสักนิด แต่พอคลาดสายตาผู้คน เขากลับคอยแสดงความรักต่อจำปาด้วยด้วยการโอบกอดอยู่บ่อยครั้ง ยิ่งถ้ามีพ่อชายคนอื่นที่ไม่ใช่ต๋องเข้ามาพูดคุยกับจำปาด้วยแล้ว เขามักจะเผลอแสดงสีหน้าของความหึงหวงออกมาบ้าง ซึ่งแตกต่างจากจำปีที่เขามักให้เกียรติและแทบจะไม่มีการแตะเนื้อต้องตัวเธอเลยแม้แต่น้อย

สำหรับการกระทำที่คูนแสดงอยู่นั้น ล้วนแล้วเกิดขึ้นมาจากการร้องขอของจำปาทั้งสิ้น โดยมีสาเหตุมาจากเรื่องราวเมื่อ 3 ปีก่อน ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่สุดแสนจะซับซ้อนและไม่มีวันรู้ได้เลยว่าเรื่องราวความรักครั้งจะเดินทางต่อไปอย่างไร



Don`t copy text!