โหงลำโขง บทที่ 6 : ลูกรักและลูกชั่ว (2)

โหงลำโขง บทที่ 6 : ลูกรักและลูกชั่ว (2)

โดย : ทศพล

Loading

โหงลำโขง โดย ทศพล กับเรื่องราวของ “คูน” ชายหนุ่มผู้อาภัพ บิดามารดาถูกฆาตกรรม เขาจึงเติบโตโดยการฟูมฟักจากแม่เฒ่าต้วน ผู้หวังว่าสักวันหนึ่งคูนจะกลับไปล้างแค้นให้กับบิดามารดา และทำให้ครอบครัวของฆาตกรนั้นอยู่อย่างตายทั้งเป็น หากแต่แผนการและหัวใจสวนทางกัน คูนจะทำอย่างไร นวนิยายคุณภาพที่อ่านเอานำมาให้คุณอ่านใน anowl.co

ภายในห้องนอนของจำปา มีเพียงฟูกสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ยัดด้วยนุ่น มีหมอนขิดและผ้าห่มที่ทอขึ้นจากฝ้ายผืนใหญ่ ส่วนมุ้งนอนจะนำออกมากางเมื่อใกล้จะเข้านอน ตอนนี้มันจึงถูกเก็บไว้ในหีบใบหนึ่งที่วางอยู่ติดกับผนังห้อง หีบแต่ละใบล้วนแล้วเป็นที่เก็บเสื้อผ้าและเครื่องประดับต่างๆ ที่แม่หญิงพึงมี

จำปาค่อยๆ นอนคว่ำตัวลงไปยังหมอนขิดช้าๆ ถ้าขยับตัวแรงเกินไป แผลบนก้นคงทำให้เธอกลับมาร้องไห้หนักอีกรอบเป็นแน่ หากจะเทียบระหว่างบาดแผลที่ก้นกับบาดแผลที่ใจว่าตรงไหนเจ็บปวดกว่ากัน สำหรับเธอแล้วที่ใจมากกว่ามหาศาล กว่ามันจะถูกเยียวยาให้หายได้ก็คงต้องใช้เวลานาน

ท้าวคำมั่นจัดท่าทางการนอนให้จำปา พร้อมกับดึงผ้าขึ้นมาห่มให้ “คือสิเจ็บหลาย เดี๋ยวพ่อสิต้มยาแล้วให้จำปีเอายามาทารอบๆ แผลให้เด้อ” เขาพูดพลางจุดเทียนเล่มใหญ่ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ หัวนอนให้ห้องมันสว่างไสวขึ้น ก่อนเหลือบมองจำปาที่น้ำตาอาบแก้มไม่ขาดสาย ถึงแม้จะไม่มีเสียงร้องออกมาก็ตาม “ลูกสาวของพ่อคงเจ็บที่ใจหลายกว่าสินะ” ท้าวคำมั่นหันไปนั่งขัดสมาธิใกล้ๆ พร้อมกับถอนลมหายใจออกมาเบาๆ “ต่อไปอย่าไปยืนให้แม่ตีก้นอีกเด้อ ให้วิ่งหนีออกไปที่ไหนกะได้ ไปให้ไกลสุดๆ ไปเลย”

“ถ้าข่อยหนีไป แม่บอกว่าสิตัดแม่ตัดลูก”

“อีลูกชั่วอย่างมึง ถ้าบ่คิดที่สิเชื่อฟังกัน กะหนีไปให้ไกลๆ” คำพูดของแม่จำปูนดังขึ้นตรงประตูห้องนอน “ส่วนเรื่องกอดกันกับพ่อชาย ในเมื่อมันเสียหายไปแล้วกะเสียหายไป แม่หญิงที่มัวหมองแล้ว คือสิบ่มีพ่อชายหน้าไหนมาเอาเฮ็ดเป็นเมีย”

“โถ่…แม่จำปูน” ท้าวคำมั่นรีบลุกขึ้นไปลากแขนเมียตัวเองออกไปจากห้องนอน ก่อนที่อีกมือหนึ่งของเขารีบปิดประตูห้อง “เจ้าไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน ข่อยคือบ่ได้ยินไทบ้านเขาลือกันเลย คนเป็นแม่กะหัดรับฟังลูกก่อน ถ้ามันบ่แม่นเรื่องจริง…แล้วเกิดลูกตายขึ้นมาล่ะ เจ้านั่นแล้วสิต้องทุกข์ใจหลายกว่าหมู่กว่าพวก”

“อีลูกชั่วแบบนี้ ตายไปกะดีคือกัน อยู่ไปกะมีแต่สร้างความอับอายขายขี้หน้า” แม่จำปูนพูดไม่หยุด เพราะยังอยู่ในอารมณ์โกรธ

“หนึ่งคำกะลูกชั่ว สองคำกะลูกชั่ว คนเป็นแม่อย่างเจ้า ไปหัดเอาคำพูดแบบนี้มาจากไหน ถึงเอามาพูดกับลูกได้” ท้าวคำมั่นพูดเสียงดังลั่นเฮือนก่อนลากแขนเมียตัวเองไปที่ชานเฮือนเพื่อคุยกันให้รู้เรื่อง แต่การพูดคุยครั้งนี้กลับเต็มไปด้วยการปะทะอารมณ์ที่ร้อนแรง “แล้วเจ้าบ่คิดที่สิถามลูกก่อนบ่…ว่ามันแม่นเรื่องจริงหรือบ่แม่น แค่ข่าวลือจากชาวบ้านมาฮอดหู กะตัดสินว่าลูกผิดไปแล้ว แทนที่เจ้าสิปกป้องลูก แต่กลับมาด่าทอและตีก้นลูกจนไม้เรียวเกือบหักแบบนี้ เจ้านี่มันเป็นแม่คนประสาได๋ฮะ”

แม่จำปูนไม่ยอมให้สามีพูดอยู่ฝ่ายเดียว เธอรีบเถียงสวนทันทีว่า “มันกอดกันกับพ่อชายเด้อ เรื่องงามหน้าแบบนี้ แม่หญิงที่ไหนเขาเฮ็ดกัน”

“ไผพูดให้เจ้าฟัง บอกข่อยมาเลย” ท้าวคำมั่นกวาดสายตามองไปเห็นจำปีที่ยืนหลบอยู่มุมเฮือน จึงตะคอกเรียกลูกสาวให้มาหา “จำปี…ลูกออกมานี่ ลูกแม่นบ่ที่เอาเรื่องนี้มาฟ้องแม่”

จำปีมีสีหน้าและท่าทางหวาดกลัวพ่อมาก เธอไม่อยากจะก้าวเดินออกไปหาพ่อเลย แต่พ่อก็ตะโกนเสียงดังเรียกเธออีกครั้งให้รีบออกมาเร็วๆ เธอค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปหาพ่อกับแม่พร้อมกับน้ำตาที่ปริ่มรอบดวงตาพร้อมจะไหลอาบแก้มในอีกไม่ช้า

“บอกพ่อมา ลูกเป็นคนเอาเรื่องนี้มาฟ้องแม่แม่นบ่…แม่นหรือบ่แม่น” ท้าวคำมั่นตะคอกเสียงต่อหน้าจำปี “แม่นหรือบ่แม่น” จำปีร้องไห้ออกมาอย่างหนัก แต่พ่อก็ยังเคี่ยวเข็ญจะเอาคำตอบให้ได้ “ตอบคำถามพ่อมาเดี๋ยวนี้”

“หยุดตะคอกเสียงใส่ลูกได้แล้ว” แม่จำปูนควานหาตัวจำปีก่อนดึงตัวของลูกมาอยู่ข้างหลังตนเองเพื่อปกป้อง เธอตวาดเสียงดังจนใบหน้าแดงก่ำ “ประเด็นมันบ่ได้อยู่ที่จำปีมาฟ้องข่อยหรือบ่ฟ้อง เจ้าควรไปสั่งสอนลูกรัก เป็นหยังถึงกล้าไปยืนกอดกันกับพ่อชายจนไทบ้านเขาลือเขาซากัน”

มือขวาของท้าวคำมั่นฟาดไปที่แก้มซ้ายของแม่จำปูน จนเธอล้มลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นเฮือนด้วยความเจ็บปวดทั้งกายและใจ เธอไม่คิดว่าสามีจะลงไม้ลงมือกับเธอหนักถึงขนาดนี้ น้ำตาเธอไหลพรากออกมาอาบแก้ม

พอจำปีเห็นพ่อตบหน้าแม่ต่อหน้าต่อตา เธอก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนักพร้อมกับมีอาการหวาดผวาและร่างกายสั่นเทา เธอถึงกับต้องนั่งกอดเข่าเพื่อปลอบประโลมตัวเอง เพราะเธอไม่รู้จะไปกอดใครเพื่อให้หายจากรู้สึกที่ด่ำดิ่งเช่นนี้

“จำปากะบอกไปแล้ว ว่าบ่ได้ถูกพ่อชายคนไหนมากอด เป็นหยังเจ้าถึงพยายามใส่ความลูกอยู่ได้” ท้าวคำมั่นโกรธมากถึงขนาดกระชากแขนของแม่จำปูนให้ลุกขึ้นมาประจันหน้าตน “เจ้าสิเอายังไง ถ้ายังเลี้ยงลูกแบบนี้ ข่อยคงบ่ปล่อยเจ้าไว้แน่”

ถึงแม้แม่จำปูนจะมองไม่เห็นสีหน้าท่าทางของท้าวคำมั่น แต่น้ำตาเธอก็รินไหลออกมา เธอต้องทนแบกรับอารมณ์ของสามีให้ได้ มิเช่นนั้นคงไม่ได้อยู่ด้วยกันมาถึงทุกวันนี้ ไม่บ่อยนักที่เธอจะเห็นสามีแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวออกมาเช่นวันนี้ เขาคงรักลูกสาวคนนี้มากจนอยากที่จะปกป้อง แม้ว่าต้องแลกกับการผิดใจกันกับภรรยาก็ตาม

จำปาวิ่งออกมาจากห้องนอนทั้งน้ำตาเมื่อเห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกันหนักมาก เธอรีบเข้าไปกอดเอวของผู้เป็นพ่อจากด้านหลัง เพื่อหยุดการกระทำของพ่อ “พ่อจ๊ะ อย่าทำร้ายแม่เลย”

เมื่อท้าวคำมั่นได้สติกลับคืนมา เขาปล่อยแขนภรรยาออก ก่อนหันหลังไปมองใบหน้าของจำปาที่กำลังร้องไห้ ความรู้สึกผิดเริ่มย่างกรายเข้ามาย้ำเตือนว่าการกระทำในวันนี้มันคือความผิดอันร้ายแรง

“ข่อยขอโทษ เพื่อให้แม่เชื่อใจข่อย นับต่อจากนี้ไปข่อยสิอยู่แต่กับแม่ ข่อยสิอยู่เรียนรู้งานบ้านงานเฮือน ข่อยสิอยู่เชื่อฟังและบ่เถลไถลไปไสอีกแล้ว” จำปาพนมมือขึ้นไหว้ “แต่พ่ออย่าทำร้ายแม่อีกเลยเด้อ”

“แต่เรื่องนี้ลูกบ่ได้ผิด” ท้าวคำมั่นเอามือขึ้นไปปาดน้ำตาบนแก้มของจำปาก่อนที่จะโอบกอดลูกคนนี้เอาไว้ในอ้อมอก จากนั้นเขาก็เดินหาจำปีที่กำลังนั่งกอดเข่าตัวเอง “จำปี…เรื่องนี้พ่อว่าลูกเป็นคนผิด บางทีรู้หยังมา ลูกกะควรหัดไตร่ตรองให้ดีก่อนที่สิพูดออกมา ถ้าหากพูดแล้วมันเฮ็ดให้คนอื่นเดือดร้อน สู้อย่าพูดเสียดีกว่า” เขาประคองไหล่ของจำปีขึ้นมา “พ่อนั้นกะรักลูกคือกัน ครอบครัวเฮากะมีกันอยู่แค่นี้ รักกันไว้ดีกว่าต้องมาทำร้ายกันเด้อ สิ่งที่ลูกเห็นในมื้อนี้ มันบ่ควรสิเกิดขึ้นด้วยซ้ำ…พ่อขอโทษลูกหลายๆ เด้อ”

จำปีเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อ นี่เป็นครั้งแรกที่พ่อพูดกับเธอนานกว่าที่เคยเป็น โดยปกติแล้วพ่อมักจะไม่ค่อยมีเวลาพูดคุยกับลูกๆ เลย ด้วยภารกิจที่ต้องทำมีมากมาย จึงแทบไม่ค่อยมีเวลาให้กับครอบครัวสักเท่าไรนัก

ท้าวคำมั่นเดินเข้าไปหาแม่จำปูนอย่างคนรู้สึกผิดต่อสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไป “ข่อยขอโทษเด้อ”

“เฮาเคยสัญญากันว่าถ้าอยู่ด้วยกัน เฮาสิบ่ใช้ความรุนแรง ต่อให้ทะเลาะกันแค่ไหน กะสิบ่ลงไม้ลงมือแบบนี้” แม่จำปูนตัดพ้อต่อว่า “สันดานเก่าๆ ในวัยหนุ่มมันคงเปลี่ยนยากอีหลีนั่นละ”

“แต่เจ้ากะยังทนอยู่กับข่อยมาจนฮอดทุกมื้อนี้” ท้าวคำมั่นคว้ามือของภรรยามากุมเอาไว้ “ข่อยให้สัญญาว่า สิบ่มีความรุนแรงแบบนี้เกิดขึ้นอีก ส่วนเจ้ากะห้ามตีลูกอีก ให้ถามและรอฟังคำตอบจากปากลูกก่อน ค่อยสอนความถูกต้องให้ลูก”

หลังจากสะสางปัญหาภายในบ้านเรียบร้อย ท้าวคำมั่นก็เดินไปที่บันไดเฮือน เห็นท้าวพานั่งอยู่บนหลังม้าพร้อมกับม้าอีกตัวที่จัดเตรียมไว้รอเขา ส่วนชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์อยู่หน้าบ้าน ได้ถูกท้าวพาขับไล่กลับบ้านไปหมดแล้ว เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของหัวหน้าชนเผ่า ในฐานะเพื่อนสนิทที่สามารถตายแทนกันได้

ท้าวคำมั่นและท้าวพาขี่ม้าออกไปลาดตระเวนกันต่อกับกลุ่มพ่อชายที่รออยู่ตรงจุดนั่งห้างในยามกลางคืน เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับคนในหมู่บ้าน



Don`t copy text!