โหงลำโขง บทที่ 6 : ลูกรักและลูกชั่ว (4)

โหงลำโขง บทที่ 6 : ลูกรักและลูกชั่ว (4)

โดย : ทศพล

Loading

โหงลำโขง โดย ทศพล กับเรื่องราวของ “คูน” ชายหนุ่มผู้อาภัพ บิดามารดาถูกฆาตกรรม เขาจึงเติบโตโดยการฟูมฟักจากแม่เฒ่าต้วน ผู้หวังว่าสักวันหนึ่งคูนจะกลับไปล้างแค้นให้กับบิดามารดา และทำให้ครอบครัวของฆาตกรนั้นอยู่อย่างตายทั้งเป็น หากแต่แผนการและหัวใจสวนทางกัน คูนจะทำอย่างไร นวนิยายคุณภาพที่อ่านเอานำมาให้คุณอ่านใน anowl.co

แต่คำว่า ‘อีลูกชั่ว’ กลับเป็นคำที่ยังคงก้องอยู่ในหูของจำปาตลอดมา แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอและแม่นั้นจะดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อนก็ตาม

“นั่นใคร”

เสียงของแม่จำปูนดังขึ้นจากมุมห้องรับแขก แม้จะจำเสียงได้ว่าเป็นใคร แต่ก็ต้องถามขึ้นเพื่อความมั่นใจว่าถูกคน เพราะว่าเสียงของจำปีและจำปาบางครั้งก็คล้ายกันบางครั้งก็แตกต่างกันไปตามสถานการณ์

“ข่อยเองจ้ะ”

“รีบไปแกงเด้อ พอแกงเสร็จแล้ว แบ่งไปให้ป้าจำเนียนด้วย”

“ได้จ้ะ” จำปาตอบรับออกไปก่อนรีบเดินตรงเข้าไปที่ห้องครัวหลังบ้าน เมนูอาหารของเย็นที่เธอจะทำ

ในวันนี้คือ แกงสายบัว

พอถึงห้องครัว จำปาก็ไม่รีรอที่จะจัดการจุดไฟที่เตาถ่านเพื่อนึ่งข้าวเหนียว แล้วค่อยไปนำสายบัวที่แช่เอาไว้มาปลอกใยที่หุ้มสายบัวออก จากนั้นก็นำมันมาตัดเป็นท่อนเล็กๆ พอเวลาผ่านไปพักหนึ่ง ข้าวที่นึ่งไว้ได้สุกจนมีกลิ่นหอมแล้ว เธอก็รีบนำข้าวนิ่งมาส่ายกับโบมหรือกั๊ว (1) ก่อนนำไปใส่ก่องข้าวที่สานขึ้นจากไม้ไผ่

จากนั้นเธอก็ยกหม้อนึ่งข้าวลงจากเตา แล้วยกหม้อขึ้นเพื่อแกงสายบัว โดยใส่เนื้อปลายอน (2) ที่หามาได้ตามลำโขง ตามด้วยยอดมะรุมที่เก็บมาใส่ลงไป หลังจากปรุงรสจนเป็นที่พอใจแล้ว เธอก็ยกหม้อแกงลงมาพักไว้ข้างๆ เตาไฟ แน่นอนว่าเมนูอาหารวันนี้ไม่ได้มีเพียงแกงสายบัวเท่านั้น เธอยังจะตำน้ำพริกแจ่วและทอดปลาสะกาง (3) กรอบๆ ให้คนในเฮือนได้ทานอีกด้วย

 

เสียงของท้าวคำมั่นและแม่จำปูนพูดคุยกันบนเสื่อในห้องรับแขกที่มีแสงเทียนคอยให้ความสว่างไสว ทำให้จำปารู้ว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องจัดเตรียมพาข้าว (4) หรือสำรับอาหารที่มีแกงสายบัว น้ำพริกแจ่ว ปลาทอด และผักกาดเขียวสดที่จะมาเติมเต็มความรู้สึกให้อิ่มเอมในมื้ออาหารเย็นนี้

ในขณะที่จำปากำลังยกพาข้าวออกมาจากในครัว คำพูดหนึ่งของแม่จำปูนดังขึ้น ทำให้เธอถึงกับต้องหยุดยืนฟังเงียบๆ อยู่ตรงมุมมืดของชานเฮือน

“ถ้าแม่กลับมามองเห็นได้ จำปีต้องได้แต่งงานกับหลานชายแม่เฒ่า” แม่จำปูนพูดด้วยสีหน้าและท่าทางของคนที่ไม่เชื่อว่าตนจะกลับมามองได้ “สงสัยแม่เฒ่าคงว่างมาก เลยอยากเล่นหยังแผลงๆ แบบนี้”

“งั้นอย่าเสียเวลาเลย เดี๋ยวพ่อสิไปห้ามแม่เฒ่าเอง” ท้าวคำมั่นคว้ามือของภรรยามากุมไว้ “ถึงแม่สิตาบอด พ่อกะดูแลแม่ได้เด้อ ช่วงนี้อย่ายุ่งเกี่ยวกับแม่เฒ่าเลย แม้หลายปีที่ผ่านมานี้ แม่เฒ่ายังบ่ได้แผลงฤทธิ์หยังให้เห็น แต่พ่อกะยังบ่ไว้ใจในตัวแม่เฒ่าคือเก่า”

“บ่เป็นหยังหรอก ในเมื่อแม่เฒ่าอยากเล่นหยังแผลงๆ แบบนี้ แม่กะสิขอลองเล่นนำ”

“แล้วถ้าแม่เฒ่าช่วยให้แม่กลับมามองเห็นได้ล่ะ” ท้าวคำมั่นส่ายหัว “ยังไงพ่อกะบ่ยอมมีทางไปเกี่ยวดองกับแม่เฒ่าเป็นอันขาด”

แม่จำปูนแสยะยิ้มที่มุมปาก “ต้องให้จำปียืนกรานออกไปว่าสิบ่แต่งงานนำ ต่อให้แม่เฒ่าบังคับให้แต่ง แม่สิขัดขวางให้ถึงที่สุดเอง จำปีต้องบ่ตกไปเป็นเมียของพ่อชายที่ไร้สิ้นชาติตระกูลแบบนั้น”

ท้าวคำมั่นพอจะรู้ว่าจำปีกับคูนนั้นค่อนข้างที่อยู่ใกล้ชิดกันแทบทุกวัน แต่เรื่องนี้เขาไม่เคยเล่าให้ภรรยาฟัง มิเช่นนั้นคงเกิดการทะเลาะวิวาทคราใหญ่ขึ้นแน่ เพราะแม่จำปูนนั้นรักและหวงแหนจำปีราวกับไข่ในหิน

จำปาได้ยินเรื่องราวเช่นนี้เธอถึงกลับมือไม้สั่น หากแม่เฒ่าต้วนช่วยให้แม่จำปูนกลับมามองเห็นได้ จำปีคงต้องแต่งงานกับคูนอย่างแน่นอน ทุกอย่างจะเป็นไปตามข้อตกลงที่เธอเคยให้ไว้กับจำปี แม้ในใจลึกๆ ของเธอจะรู้สึกต่อต้านอย่างหนักที่ทั้งสองจะได้แต่งงานกัน เพราะทั้งหัวใจของเธอนั้นก็รักคูนมาก

จำปาไม่เคยแสดงออกชัดเจนว่ารักคูนเลยแม้แต่น้อย เธอทั้งเย็นชาและปากแข็งทุกครั้งที่เจอกับคูน ซึ่งตรงกันข้ามกับคูนที่มักจะแสดงความรักออกมาให้เธอได้เห็นในรูปแบบต่างๆ ทุกเวลา ถึงแม้จะรู้ว่าคูนนั้นรักตัวเองมาก และรู้ว่าตัวเองก็รักคูนเช่นกัน แต่ด้วยคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับจำปี เธอจึงต้องทำตามคำมั่นนั้นด้วยคำสัตย์ ไม่เช่นนั้นเธออาจจะต้องแลกกับการสูญเสียพี่สาวไปโดยไม่มีวันพบเจอกันอีกเลยก็อาจเป็นได้

 

พ่อกับแม่เลิกพูดคุยกันทันทีเมื่อผู้เป็นพ่อเหลือบเห็นจำปากำลังยกพาข้าวเข้ามา

“กับข้าวพร้อมแล้วจ้ะ” จำปาค่อยๆ นั่งลงเพื่อวางพาข้าวใกล้ๆ พ่อและแม่ “เดี๋ยวข่อยไปเอาก่องข้าวเหนียวในครัวให้นะจ๊ะ”

ในขณะที่จำปากำลังจะลุกขึ้นยืนนั้น แม่จำปูนก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ไปเรียกเอื้อยมากินข้าวนำกันไป ป่านนี้แล้วไปมุดตัวอยู่ไหน”

“ได้จ้ะแม่” จำปาตอบรับคำก่อนลุกยืนขึ้นเพื่อเดินกลับเข้าไปในครัวเพื่อไปหยิบเอาก่องข้าวเหนียว

“สงสัยเล่นเพลินอยู่กับบัวเพียงล่ะมั้ง” ท้าวคำมั่นพูดแทรกขึ้นมาลอยๆ “แทนที่สิกลับมาช่วยน้องเรื่องงานบ้านงานเฮือนบ้าง”

“นี่พ่อ…จำปีกะคงเหนื่อยจากการเต้นสากตั้งแต่เช้าแล้ว เล่นเต้นไปตั้งหลายรอบ ก็ต้องไปคลายเมื่อยกับหมู่บ้างสิ”

แม่จำปูนมักจะรับหน้าแทนจำปีทุกครั้งเมื่อท้าวคำมั่นตำหนิจำปี แต่หากคนที่ท้าวคำมั่นตำหนิเป็นจำปาเธอมักจะคอยซ้ำเติมออกมาโดยไม่รู้ตัว สงสัยคงลืมไปว่าตนนั้นมีลูกสาวอีกคนไปบ้างเป็นบางเวลา

ในขณะที่จำปาเดินตรงไปที่ห้องครัว เธอได้เห็นจำปีกำลังยืนยิ้มกริ่มคนเดียวอย่างคนมีความสุขมากเป็นพิเศษ เธอไม่ได้ใส่ใจก่อนจะบอกให้จำปีไปเตรียมกินข้าว แล้วตัวเธอก็เดินสวนทางไปเอาก่องข้าวเหนียวอย่างรวดเร็ว

จำปีได้ยินในสิ่งที่พ่อกับแม่พูดทั้งหมด เธอกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปนั่งข้างๆ แม่จำปูนด้วยอาการของคนเต็มไปด้วยความเบิกบาน จนผู้เป็นเป็นพ่อคิ้วขมวดสงสัยในตัวลูกสาวคนนี้ว่าเป็นอะไรไป

ทั้งสี่คนพร้อมหน้าพร้อมตากันกินข้าวเย็นกันอย่างเอร็ดอร่อย นานๆ ทีครอบครัวนี้จะกินข้าวกินปลาพร้อมหน้ากัน แถมวันนี้จำปียังเป็นคนป้อนข้าวแม่จำปูนด้วย ทั้งที่ปกติหน้าที่นี้จะเป็นของจำปามาโดยตลอด

 

เชิงอรรถ : 

(1) โบมหรือกั๊ว คือ ภาชนะชนิดหนึ่ง ทำด้วยไม้ขนาดใหญ่เป็นรูปกลม ขุดเนื้อไม้จนมีขอบลึกประมาณ 2-3 นิ้ว มีด้ามจับ ใช้สำหรับสรงข้าวเหนียวหรือส่ายข้าวเหนียวที่นึ่งมาใหม่ๆ ก่อนนำไปใส่กระติบหรือก่องข้าวเพื่อไม่ให้ข้าวแฉะหรือเสียง่าย

(2) ปลายอน หรือปลาสังกะวาด คือ ปลาที่จัดอยู่ในวงศ์ปลาสวายเล็ก ก้างน้อย ลำตัวลื่นไม่มีเกล็ด หัวโต ตามีขนาดเล็กปากกว้าง และเนื้อรสชาติอร่อย

(3) ปลาสะกาง หรือปลากระมัง คือ ปลาน้ำจืดและน้ำกร่อย ในวงศ์ปลาตะเพียน โดยมีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน หัวมีขนาดเล็ก ไม่มีหนวด ตาโต มีจุดเด่นที่สันหลังยกสูงและครีบหลังก้านแข็ง

(4) พาข้าว คือ สำรับอาหาร ถาดใส่อาหาร การนั่งล้อมวงกินข้าว



Don`t copy text!