โหงลำโขง บทที่ 8 : พิธีล้างดวงตา (1)

โหงลำโขง บทที่ 8 : พิธีล้างดวงตา (1)

โดย : ทศพล

Loading

โหงลำโขง โดย ทศพล กับเรื่องราวของ “คูน” ชายหนุ่มผู้อาภัพ บิดามารดาถูกฆาตกรรม เขาจึงเติบโตโดยการฟูมฟักจากแม่เฒ่าต้วน ผู้หวังว่าสักวันหนึ่งคูนจะกลับไปล้างแค้นให้กับบิดามารดา และทำให้ครอบครัวของฆาตกรนั้นอยู่อย่างตายทั้งเป็น หากแต่แผนการและหัวใจสวนทางกัน คูนจะทำอย่างไร นวนิยายคุณภาพที่อ่านเอานำมาให้คุณอ่านใน anowl.co

3 วันถัดมา

ข่าวลือการทำพิธีล้างดวงตาให้กับแม่จำปูนนั้นแพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นการพิสูจน์ด้วยตาของตัวเองว่าแม่เฒ่าต้วนจะสามารถช่วยแม่จำปูนกลับมามองเห็นเป็นปกติหรือไม่ ชาวบ้านหลายคนจึงพากันกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่เฮือนของท้าวคำมั่นให้ทันก่อนที่พิธีรักษาเริ่มขึ้น ผิดจากสองแม่ลูกคู่หนึ่งที่ไม่ได้เร่งรีบเหมือนคนอื่นๆ แต่กลับค่อยๆ กางร่มเดินไปอย่างช้าๆ

“เดินเร็วๆ หน่อยสิจ๊ะ คนงามของแม่” แม่จำเนียนหันไปบอกลูกสาวที่เอาแต่เดินเนิบนาบอยู่ข้างๆ “ขืนไปช้าแบบนี้…คงได้อดดูกันพอดีจ้ะ”

“ข่อยเดินเร็วบ่ได้ ไหนแม่เคยบอกเคยสอนว่า แม่หญิงที่เดินเร็วคือแม่หญิงที่ไร้มารยาท” ติ้วตอบ ในขณะที่กำลังเดินหลังตรง เชิดหน้ามองไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ มือซ้ายของเธอถือร่มเพื่อบังแดด “ยามใดที่ออกนอกเฮือน ทุกการวางตัว รวมถึงคำพูดคำจาต้องไพเราะอ่อนหวาน คำแม่สอนมา ข่อยยังจำบ่เคยลืมเลือน”

“แม่นจ้ะ คนงามของแม่ ลูกพูดถูกทุกอย่าง…แต่ช่วยเดินเร็วขึ้นอีกสักนิดได้บ่จ๊ะ” แม่จำเนียนร้อนรนกลัวไปถึงไม่ทันเห็นพิธี ยิ่งเห็นชาวบ้านบางคนวิ่งตัดหน้าไปก่อน ในใจก็อยากจะวิ่งตามไปด้วย แต่มันขัดกับสิ่งที่ตนเคยบอกเคยสอนลูกสาวเอาไว้ จึงไม่อาจที่จะทำเช่นนั้นออกมาได้ ผิดจากลูกสาวกลับไม่สนใจคำขอของผู้เป็นแม่ เธอยังคงเดินเอื่อยๆ อย่างแม่หญิงที่มีมารยาทเขาเป็นกัน

แม่จำเนียนนั้นเป็นแม่หญิงสูงโปร่ง ผิวพรรณดี ถึงจะมีอายุมากแล้ว แต่กลับยังสวยและสาวอยู่เลย ตั้งแต่สามีตายไป เธอก็ครองตนเป็นแม่ที่ดีแก่ติ้วและต๋อง อีกทั้งเธอยังเป็นหัวเรือใหญ่ในการดูแลกิจการการผลิตดาบ มีดพร้า เครื่องมือทางเกษตรอีกมากมาย ทำการส่งออกไปขายตามหัวเมืองต่างๆ ด้วย เธอยังเป็นพี่สาวของแม่จำปูน จึงมีศักดิ์เป็นป้าของจำปีและจำปา

ส่วนติ้วเป็นลูกสาวคนโตของแม่จำเนียนที่ค่อนข้างถอดแบบจากแม่แทบทั้งหมด เธอมีรูปร่างผอมสูง มีสีผิวขาวผ่องใส เธอวางตัวสง่างามและดูดีในสายตาคนอื่นอยู่เสมอ มีความเป็นแม่บ้านแม่เฮือน รักความสะอาด ชอบกินอาหารที่มีประโยชน์จำพวกผักและผลไม้ นับได้ว่าเธอเป็นแม่หญิงที่มีเพียบพร้อมทั้งรูปกายและรูปทรัพย์ ซึ่งเป็นไปตามแบบฉบับแม่หญิงที่ผ่านการอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี ด้วยวิถีชีวิตเช่นนี้ เธอจึงไม่มีเพื่อนในวัยเดียวกันและไม่มีพ่อชายคนไหนกล้าเข้าหาเลย เธอจึงเอาแต่คลุกคลีอยู่กับแม่ตนเองตลอดเวลา

 

ณ เฮือนของท้าวคำมั่น

ชาวบ้านจำนวนมากต่างพากันยืนติดรอบขอบรั้วเฮือนเพื่อรอชมพิธีล้างดวงตาให้กับแม่จำปูน โดยมีแม่เฒ่าต้วนเป็นทำพิธีนี้ บริเวณลานหญ้าหน้าเฮือน แม่จำปูนถูกผ้าขาวปิดตาเอาไว้และนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่มีสายสิญจน์ล้อมเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ตามหัวมุมเสาไม้มีเทียนที่ถูกจุดเอาไว้ต้นละเล่ม ข้างลานพิธีมีน้ำหนึ่งถังพร้อมกับขันที่ทำขึ้นจากกะลามะพร้าว

จำปีและจำปายืนอยู่ข้างๆ ท้าวคำมั่น ถัดไปด้านข้างจะเป็นท้าวพา เก้อ บัวเพียง ต๋องและชาวบ้านอีกหลายคนที่พากันยืนอยู่บริเวณภายในรั้ว ใกล้ๆ กับลานพิธี

ส่วนคูนยืนอยู่อีกฟากหนึ่งกับกลุ่มพ่อชายอีกหลายคน สายตาของเขาคอยจับจ้องไปหาจำปาที่เอาแต่เมินหน้าหนี ต่างจากจำปีที่คอยส่งรอยยิ้มหวานๆ แก่คูนตลอด

แม่เฒ่าต้วนเดินชักไม้เท้าเข้าไปยืนอยู่เบื้องหน้าแม่จำปูนที่นั่งอยู่ภายในสายสิญจน์คนเดียว มือหนึ่งของแม่เฒ่าถือขันกระหย่อง (1) ที่มีดอกไม้สีขาวและเทียนเล่มเล็กวางทับไว้ด้านบน

“แม่ใหญ่ช่วยถือขันเอาไว้นำเด้อ” แม่เฒ่าต้วนยื่นขันกระหย่องไปให้แม่จำปูนถือเอาไว้ “อย่าลืมสัญญาที่เคยให้ไว้ล่ะ มองเห็นเมื่อไหร่ แม่ใหญ่ต้องยกจำปีให้กับคูนหลานข้า”

แม่จำปูนแสยะยิ้มที่มุมปาก “ขอให้สำเร็จก่อนเถอะ ข่อยเป็นถึงแม่ใหญ่ของชนเผ่าเฮา พูดคำไหนคำนั้น แต่หากเฮ็ดบ่สำเร็จนี่สิ แม่เฒ่าเตรียมหาที่อยู่ใหม่ไว้เลย”

“ได้ยินแบบนี้ ข้าเองกะสบายใจขึ้นมาหลาย” แม่เฒ่าก้มต่ำเข้าไปกระซิบข้างหูซ้ายของแม่จำปูน “ถ้าแม่ใหญ่กลับคำขึ้นมา ดวงตาแม่ใหญ่อาจสิบอดอีกครั้ง…พร้อมกับลูกสาวทั้งสองกะอาจเป็นได้”

พอได้ยินคำขู่ของแม่เฒ่าต้วน แม่จำปูนถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลยทีเดียว ฟังจากน้ำเสียงแล้ว แม่เฒ่าคงมั่นใจมากว่าจะสามารถรักษาดวงตาเธอให้กลับมามองเห็นโลกอันสดใสได้อีกครั้ง

 

ในขณะที่แม่เฒ่าต้วนกำลังจะเริ่มทำพิธี เสียงของแม่จำเนียนก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของชาวบ้าน

“อย่าเพิ่ง รอข่อยก่อน” แม่จำเนียนลากแขนลูกสาวฝ่าวงล้อมเข้ามาข้างในเขตรั้วเฮือน “หลีกทางให้ข่อยกับลูกหน่อยจ้า”

ชาวบ้านพากันขยับตัวหลีกทางให้สองแม่ลูกพากันเดินตรงเข้าไปหาแม่จำปูนใกล้ๆ สายตาแม่เฒ่าต้วนจ้องมองติ้วด้วยสายตาพิฆาต เธอรู้สึกหวาดกลัวต้องรีบหลบตาไปทางอื่น

“จำปูน สิได้กลับมามองเห็นแล้ว” แม่จำเนียนสะดีดสะดิ้งด้วยความดีใจ เมื่อน้องสาวตัวเองกำลังจะกลับมามองเห็นอีกครั้ง “มื้อนี้…เอื้อยแวะมาช่วยภาวนาให้พิธีนี้สำเร็จนำเด้อ”

ต๋องเห็นแม่และพี่สาวรบกวนพิธีที่กำลังจะเริ่ม เขาจึงรีบวิ่งเข้ามาลากแขนแม่ตัวเองออกไปให้ห่างลานพิธี “แม่รีบออกมาเถอะ พิธีกำลังสิเริ่มแล้ว”

“ได้จ้ะๆ ดีนะที่แม่ยังมาทันเวลา โล่งอกไปที” แม่จำเนียนเดินตามหลังลูกชายออกไปติดๆ ก่อนเหลียวหลังไปกวักมือเรียกลูกสาว “เร็วๆ คนงามของแม่”

ติ้วก้าวเท้าเร็วขึ้นกว่าที่เคย คงเป็นเพราะสายตาของแม่เฒ่าต้วนที่มองมา เธอจึงรีบเข้าไปยืนแนบชิดแม่ตนเองไว้

 

จากนั้นไม่นาน แม่เฒ่าต้วนก็จุดธูป 27 ดอก นำธูปแต่ละดอกปักกระจายนอกสายสิญจน์ล้อมรอบแม่จำปูน ควันธูปโชยไปตามบริเวณโดยรอบ ชาวบ้านต่างพากันตื่นตาตื่นใจเมื่อเห็นควันธูปจำนวนมากเปลี่ยนสภาพคล้ายกับกลุ่มก้อนเมฆบนท้องฟ้า

แม่เฒ่าต้วนเดินมายืนตรงหน้าของแม่จำปูน แววตาและรอยยิ้มของแม่เฒ่าที่เผยออกมาเต็มไปด้วยความเมตตา แลดูให้ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก จู่ๆ ทุกอย่างโดยรอบก็หยุดนิ่ง มีเพียงแม่เฒ่าเท่านั้นที่สามารถขยับตัวได้

“หมดหน้าที่ของแม่แล้ว ได้เวลาไปเกิดแล้วเด้อ”

หลังจากแม่เฒ่าพูดจบ ก็เผยให้เห็นดวงวิญญาณครึ่งท่อนของแม่หญิงนางหนึ่ง นางมีใบหน้าขาวงาม ปล่อยผมยาวสลวยเลยบ่าไหล่ และนุ่งห่มด้วยผ้าขาวพลิ้วไสว ดวงวิญญาณของนางกำลังยืนเกาะหลังแม่จำปูน มือทั้งสองข้างของเธอประกบปิดดวงตาของแม่จำปูนมาเป็นระยะเวลา 18 ปีแล้ว

ดวงวิญญาณนางนั้นปล่อยมือออกจากดวงตาก่อนที่จะลอยตัวออกห่างจากแผ่นหลังของแม่จำปูน นางพนมมือขึ้นไหว้แม่เฒ่าต้วนด้วยความซาบซึ้งใจที่ช่วยเหลือตนไว้ แม้จะสื่อสารออกมาด้วยคำพูดไม่ได้ แต่แววตาของนางที่สื่อออกมานั้น มันคือคำตอบที่ออกมาจากใจจริงๆ

“แม่หลุดพ้นจากการเป็นโหงแล้ว ขอให้ไปเกิดในภพชาติที่ดีเด้อ”

หลังจากนั้นแม่เฒ่าต้วนก็ขยับปากเพื่อร่ายคาถา ไม่นานดวงวิญญาณของนางก็ค่อยๆ มลายจางหายไปกับอากาศ บัดนี้ลานพิธีก็กลับมาอยู่ในสภาพปกติ ผู้คนยังคงลุ้นไปตามๆ กันว่าแม่จำปูนจะกลับมามองเห็นอีกหรือไม่

แม่เฒ่าต้วนจับขันกระหย่องออกมาจากมือของแม่จำปูน “พิธีเสร็จแล้ว แม่ใหญ่เปิดผ้าปิดตาออกได้แล้วเด้อ” หลังจากนั้นแม่เฒ่าก็เดินชักไม้เท้าไปยืนอยู่ข้างๆ คูนทันที

ท้าวคำมั่น จำปี และจำปาต่างพร้อมใจกันเดินมายืนอยู่หน้าแม่จำปูน เพื่อลุ้นอย่างใกล้ชิด ส่วนคนอื่นๆ ก็คอยลุ้นอยู่ห่างๆ ไปด้วย

แม่จำปูนค่อยๆ ดึงผ้าปิดตาลงก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ในใจลึกๆ ของเธอนั้นก็มีความหวังว่าตนจะกลับมามองเห็นได้เหมือนเมื่อก่อน แสงสว่างเริ่มเปล่งประกายเข้ากระทบในดวงตาของเธอ ภาพเบื้องหน้าเริ่มปรากฏชัดขึ้นเห็นเป็นใบหน้าของท้าวคำมั่นชัดเจน

“พ่อ…” แม่จำปูนยื่นมือออกไปจับใบหน้าของสามี “แม่นพ่ออีหลี นี่ข่อยกลับมามองเห็นแล้ว” น้ำตาของเธอไหลพรากก่อนรีบลุกขึ้นไปโอบกอดสามีด้วยความดีอกดีใจ

“แม่นแล้ว…นี่พ่อเอง” ท้าวคำมั่นกอดภรรยาเอาไว้ เขาปีติมากจนไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ “แม่กลับมามองเห็นแล้ว”

ทุกคนที่มาร่วมลุ้นในครั้งนี้ต่างพากันส่งเสียงร้องด้วยความดีใจ บางคนถึงกลับกระโดดโลดเต้นไปมาด้วยความครื้นเครง ชาวบ้านหลายคนพากันวิ่งกรูเข้าไปตบมือให้กับแม่เฒ่าต้วนที่สามารถช่วยคนตาบอดมาหลายปีให้กลับมามองเห็นอีกครั้งอย่างน่ามหัศจรรย์ จนพากันยกย่องสรรเสริญแม่เฒ่าว่าเป็น ‘แม่เฒ่าเทวดา’

แววตาของชาวบ้านที่เคยมองแม่เฒ่าด้วยความเกลียดชังจากเหตุการณ์ในอดีต ผลงานในวันนี้ทำให้ทุกคนลืมความเกลียดชังนั้นไปหมด เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเลย ชาวบ้านบางคนยังหวังจะขอความช่วยเหลือแม่เฒ่าให้รักษาอาการป่วยต่างๆ ของตนเองด้วย

แต่ก็ยังมีอยู่คนผู้หนึ่งที่ไม่เคยไว้วางใจแม่เฒ่าเลย นั่นก็คือท้าวพา เขาไม่ใช่คนที่เชื่อใจอะไรใครง่ายๆ คอยจับตาดูอยู่เสมอ และเขาคิดว่าสิ่งที่เห็นอยู่ตอนนี้ อาจจะเป็นภาพลวงตาที่ผ่านการวางแผนมาอย่างแยบยลก็เป็นได้

 

เชิงอรรถ : 

(1) ขันกระหย่องหรือขันกะย่อง คือ ภาชนะที่สานด้วยตอกไม้ไผ่ชนิดหนึ่งของชาวลาว มีรูปร่างคล้ายพาน ส่วนบนสานทึบ ส่วนล่างสานเป็นตาห่างๆ ใช้สำหรับวางเครื่องสักการบูชาหรือดอกไม้เพื่อบูชาพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์



Don`t copy text!