โหงลำโขง บทที่ 9 : แม่หญิงถูกลักพาตัว (1)

โหงลำโขง บทที่ 9 : แม่หญิงถูกลักพาตัว (1)

โดย : ทศพล

Loading

โหงลำโขง โดย ทศพล กับเรื่องราวของ “คูน” ชายหนุ่มผู้อาภัพ บิดามารดาถูกฆาตกรรม เขาจึงเติบโตโดยการฟูมฟักจากแม่เฒ่าต้วน ผู้หวังว่าสักวันหนึ่งคูนจะกลับไปล้างแค้นให้กับบิดามารดา และทำให้ครอบครัวของฆาตกรนั้นอยู่อย่างตายทั้งเป็น หากแต่แผนการและหัวใจสวนทางกัน คูนจะทำอย่างไร นวนิยายคุณภาพที่อ่านเอานำมาให้คุณอ่านใน anowl.co

หลังจากพิธีรักษาดวงตาแม่จำปูน นับว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นให้แม่เฒ่าต้วนได้รับการยอมรับจากชาวบ้านมากขึ้น จากที่เคยถูกมองเป็นคนแปลกประหลาด กลับแปรเปลี่ยนเป็นแววตาแห่งความรักที่พ่วงมากับความคาดหวัง บัดนี้ใครมีเหตุต้องการรักษาอาการเจ็บปวดใดๆ ชาวบ้านเหล่านี้คงจะพากันแห่แหนไปพบแม่เฒ่าเพื่อขอให้รักษากันอย่างแน่นอน จิตใจของคนเราช่างยากแท้หยั่งถึง หากแม่เฒ่าเกิดรักษาไม่ได้ตามที่ชาวบ้านคาดหวังขึ้นมา ชาวบ้านเหล่านี้คงจะกลับมามองแม่เฒ่าเช่นเดิมเป็นแน่

คืนนี้เป็นคืนแห่งความสุขของทุกคนในครอบครัว แต่ไม่ใช่กับจำปา เธอเดินขึ้นมาบนเฮือนสายตาเหลือบมองไปที่โถงรับแขก เห็นแม่จำปูนกับจำปีกำลังพากันนั่งเลือกผ้าซิ่นมากมาย สีหน้าและแววตาของผู้เป็นแม่ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความรักทุกครั้งที่อยู่กับจำปี ไม่ว่าจะในยามที่แม่ตาบอดหรือกลับมามองเห็นเป็นปกติ ทุกอย่างที่แม่ปฏิบัติต่อจำปีนั้นก็ยังคงเหมือนเดิมเสมอ ผิดจากเธออย่างลิบลับ

จำปาไม่อยากเดินเข้าไปใกล้แม่มาก จึงเดินเลี่ยงไปตามเส้นทางมืดๆ เพื่อตรงเข้าห้องนอนตัวเอง แต่ยังไม่ทันจะก้าวถึงหน้าประตูห้องนอน เสียงของแม่จำปูนก็ตะโกนเรียกเสียก่อน

“จำปา หายไปไหนมาตั้งแต่เช้า”

“ข่อยไปช่วยดูข้าวปลาอาหารให้ช่างหล่อพระจ้ะ” จำปาแปลกใจมากที่น้ำเสียงของแม่ที่พูดกับเธอ ฟังแล้วช่างนิ่มนวล ผิดจากที่ผ่านๆ มาที่แม่มักจะมีน้ำเสียงห้วนๆ ชวนหงุดหงิดเสมอ “พ่อบอกว่า คืนนี้สิดูช่างหล่อ อาจสิกลับดึก พ่อบอกให้แม่เข้านอนก่อนได้เลย บ่ต้องรอนะจ๊ะ”

“เรื่องนั้นแม่รู้แล้ว แต่มานี่ก่อน แม่กับจำปีกำลังเลือกผ้าซิ่น ลูกมาเลือกเอาสักผืนสิ”

“ข่อยใส่ผืนไหนกะได้จ้ะ”

จำปีรีบวิ่งเข้ามาลากแขนจำปาเข้าไปนั่งเลือกผ้าซิ่นด้วยกัน “ไปเลือกผ้าซิ่นตอนนี้เลย เอื้อยอยากเห็นน้องใส่ผ้าซิ่นผืนใหม่ มีแต่ผืนงามๆ ทั้งนั้นเลยเด้อ”

“นี่ได้มื้อแต่งงานแล้วเหรอจ๊ะ” จำปากวาดสายตามองดูผ้าซิ่นหลายผืนที่เหมือนจะสั่งทอขึ้นมาใหม่

“บ่แม่นจ้ะ งานแต่งเอาไว้ทีหลัง ตอนนี้เฮากำลังเลือกผ้าซิ่นไว้ใส่ในงานแห่พระข้ามโขง” จำปีตอบออกมาพร้อมกับเลือกผ้าซิ่นเข้ามาเทียบกับสีผิวของจำปาไปด้วย “แล้วจำปาหายไปอยู่ไหนมา ถึงบ่อยู่ฟังผู้ใหญ่เขาพูดกัน งานสำคัญของเอื้อยทั้งที เอื้อยกะอยากให้น้องอยู่ด้วยกันนะจ๊ะ สองคนพี่น้องเฮาสิบ่ทอดทิ้งกันเด้อ”

“นั่นมันงานแต่งของเอื้อย ถึงข่อยอยู่ฟังกะช่วยหยังบ่ได้คือเก่า”

“เอาเถอะ กว่างานแต่งสิมาถึงกะอีกตั้งนาน” แม่จำปูนรีบพูดตัดบทสนทนาเรื่องงานแต่งงาน “ รีบเลือกเลือกผ้าซิ่นได้แล้ว แม่เริ่มอยากสินอนแล้ว เมื่อยมาตั้งแต่เช้า”

จำปีหยิบผ้าซิ่นสีชมพูอ่อนขึ้นมายื่นให้กับจำปา “งั้นเอาผืนนี้กะแล้วกัน เหมาะกับน้องล้ายหลาย”

จำปารับผ้าซิ่นมาถือไว้ “ขอบใจจ้ะ”

“เลือกกันเสร็จแล้วกะรีบไปอาบน้ำเข้านอนกันได้ มื้ออื่นเช้ายังมีงานต้องเฮ็ดอีกหลายอย่าง” แม่จำปูนพูดเสร็จก็รีบลุกขึ้นยืน โดยที่ไม่ต้องให้ใครช่วยประคับประคองพาเข้านอนอีกแล้ว

จำปาถือผ้าซิ่นเอาไว้ในมือ พอเห็นแม่เดินเข้าไปในห้องนอนแล้ว เธอก็รีบลุกขึ้นเพื่อที่จะกลับห้องนอนเหมือนกัน แต่ในขณะที่กำลังจะก้าวเท้าเดิน จำปีก็พูดขึ้นว่า

“ขอบใจเด้อ…ที่น้องรักษาสัญญาเมื่อสามปีก่อน ถ้ามื้อนั้นน้องบอกความจริงทุกอย่างออกไป เอื้อยคงก็คงสิบ่ได้แต่งงานกับอ้ายคูนแล้ว”

จำปายืนหันหลังให้จำปีก่อนจะฝืนทนพูดออกไป “กะมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ขืนบอกไปผู้ใหญ่กะคงจับแต่งงานกันอย่างที่เอื้อยบอก แม่นหยังที่มันผ่านมาแล้วกะปล่อยให้มันผ่านไป อย่าเล่าความเก่าอีกเลย”

“กะได้ บ่เล่าแล้วกะได้ ยังไงเอื้อยกะต้องการให้น้องช่วยหยังหลายๆ อย่างอยู่เด้อ งานแต่งงานของเอื้อยต้องออกมางามที่สุด ดีที่สุด”

“ได้สิจ๊ะ” จำปาเหลียวหลังมาส่งยิ้มให้ แม้จะฝืนความรู้สึกตัวเองก็ตาม จากนั้นเธอก็รีบเดินเข้าไปในห้องนอนตัวเอง ก่อนจะทรุดนั่งลงไปพิงกับประตูห้องด้วยความอ่อนล้าทั้งกายและใจ

ส่วนจำปียังไม่ง่วง เธอยังคงมีความสุขกับการเลือกลายผ้าซิ่น ในใจก็จินตนาการถึงวันแต่งงาน ทุกอย่างมันเหลือเชื่อมาก เธอไม่คิดว่าโชคชะตาจะเข้าข้างขนาดนี้ แม้ว่าที่ผ่านมาเธอจะเคยสงสัยในตัวคูนอยู่บ้างว่าชอบจำปาหรือเธอกันแน่ แต่วันนี้สิ่งที่สงสัยค้างคาในใจก็ถูกพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ตนเองต่างหากที่คูนเลือกและอยากแต่งงานด้วย เธอจึงเชื่อมั่นว่าพ่อชายคนนี้เข้ามาเพื่อปกป้องและดูแลเธอจริงๆ

 

…จำปีนึกถึงเหตุการณ์เมื่อช่วงบ่ายของวันนี้

หลังจากคูนขอจำปีแต่งงานท่ามกลางชาวบ้านจำนวนมาก ช่วงบ่ายท้าวคำมั่นก็ได้เชิญแม่เฒ่าต้วนขึ้นบนเฮือนเพื่อเจรจาเรื่องแต่งงานกันอีกรอบว่าจะดำเนินการอย่างไร ส่วนชาวบ้านก็ต่างพากันแยกย้ายกลับเฮือนเพื่อทำหน้าที่ของตนเอง

ในขณะที่ทุกคนนั่งอยู่บนเสื่อพูดคุยกันอยู่นั้น ท้าวพาที่นั่งพิงเสาเฮือนอยู่ก็จับจ้องไปที่แม่เฒ่าต้วนด้วยความสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เหตุการณ์มันช่างเหมาะเจาะราวกับถูกวางแผนการมาเป็นอย่างดี แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ทำแค่เพียงแค่คิดกับตนเองและเก็บไว้ในใจ

ท้าวคำมั่นและแม่จำปูนนั่งข้างๆ กัน สองสามีภรรยาพยายามยิ้มกลบเกลื่อนความรู้สึกในใจ ขณะรอให้จำปียกถาดที่มีขันน้ำสองขันมาวางไว้ข้างหน้าแม่เฒ่าต้วนและคูน หลังจากนั้นจำปีก็ค่อยๆ คลานเข่าเข้าไปนั่งพับเพียบอยู่ข้างหลังแม่

“คุยกันถึงไหนแล้ว” เสียงของแม่จำเนียนดังขึ้นตรงหัวบันไดเฮือน เธอเดินขึ้นมาบนเฮือนพร้อมกับติ้ว “รอข่อยด้วย งานสำคัญของหลานสาวทั้งที จะขาดป้าคนนี้ไปได้ยังไง” เธอหันไปบอกลูกสาวที่เอาแต่กางร่มกันแดด “คนงามของแม่ เก็บร่มด้วยจ้ะ เฮือนหลังนี้มีหลังคา” หลังจากนั้น เธอและลูกสาวก็พากันเดินเข้าไปนั่งอีกฟากหนึ่งของเสื่อ

“ได้ป้าจำเนียนมาร่วมเจรจาด้วยกะดีคือกัน” ท้าวคำมั่นพูดออกมา “จำปีไปเอาน้ำมาให้ป้าหน่อย”

“บ่เป็นหยังพ่อใหญ่ ป้าเรียบร้อยมาแล้ว ว่าแต่พูดคุยกันถึงไหนแล้ว ได้ฤกษ์งามยามดีแล้วบ่” แม่จำเนียนกวาดสายตามองดูทุกคน เพื่อหวังว่าใครสักคนจะตอบออกมา

“เอื้อย ยังบ่ได้คุยหยังกันเลยจ้ะ” แม่จำปูนตอบ

“งั้นกะเจรจากันเลย ตระกูลเฮาบ่ได้มีงานมงคงมานานแล้ว” แม่จำเนียนเหลือบหันไปมองคูน “ได้พ่อชายเช่นคูนมาเป็นเขย ร่างกายกำยำแข็งแรง คงสิมีลูกวิ่งเล่นเต็มเฮือน” พูดจบเธอก็เหลือบหันมามองลูกสาวตัวเองด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “บ่คือคนงามของแม่ โตปานนี้แล้ว ยังเฮ็ดตัวติดแม่อย่างกับเด็กน้อยอยู่เลย บ่รู้ว่ายามไหนสิมีผัวคือคนอื่นเขา”

“บ่นานหรอกแม่จำเนียน” แม่เฒ่าต้วนจ้องไปที่ใบหน้าของติ้วอย่างมีนัย จนติ้วไม่กล้าสบตบ

“อีหลีเหรอจ๊ะแม่เฒ่า” แม่จำเนียนเบิกตากว้างขึ้นด้วยความสงสัยว่าจะเป็นจริงหรือไม่

“ข้ามองเห็นคู่ครองของลูกสาวแม่แล้วละ” แม่เฒ่าต้วนหันไปส่งยิ้มให้แม่จำเนียน “บ่นานคงได้เจอกัน รับรองว่า…ลูกเขยคนนี้คงเป็นที่พึงพอใจของแม่อย่างแน่นอน ทั้งรูปงามและเก่งกล้าสามารถรอบด้าน”

“โอ้ย…โล่งอก ข่อยละนึกว่าคนงามของแม่…สิอาภัพผัวเสียแล้ว” แม่จำเนียนทั้งยิ้มและหัวเราะอย่างเริงร่า “ในเมื่อแม่เฒ่าทำนายทายทักแบบนี้ ข่อยก็อยากสิเห็นหน้าว่าที่ลูกเขยแล้วสิ”

พอติ้วได้ยินคำทำนายคู่ครองตัวเองแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะแอบอมยิ้มออกมานิดๆ

“เอื้อย” แม่จำปูนหันไปบอกพี่สาวว่า “กลับเข้าเรื่องงานแต่งต่อเถอะจ้ะ พ่อใหญ่และท้าวพามีงานต้องไปดูช่างหล่อพระกันต่อ”

แม่จำเนียนพยักหน้ารับทราบ “ได้จ้ะๆ งั้นเชิญพูดคุยกันต่อเลย ส่วนข่อยสินั่งฟังเป็นพยานเอง”

ท้าวคำมั่นกระแอมเพื่อส่งสัญญาณให้ทุกคนทราบว่าจะเริ่มเจรจาเรื่องงานแต่งงานแล้ว “ในเมื่อแม่เฒ่าช่วยรักษาดวงตาแม่ใหญ่ได้ ข่อยและแม่ใหญ่กะต้องเฮ็ดตามสัญญาอยู่แล้ว งานแต่งงานสิจัดมื้อใดนั้น คงต้องไปขอให้หลวงปู่ลิ้นช่วยดูฤกษ์ยามให้อีกที”

 เมื่อแม่เฒ่าต้วนได้ยินชื่อหลวงปู่ลิ้น สีหน้าของความเกลียดชังก็แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดทันที

“ฤกษ์งามยามดี…ข้าหาเอาไว้แล้ว บ่จำเป็นต้องบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากพระเลย”

“แล้วแม่เฒ่าคิดว่ามื้อใดล่ะ” แม่จำปูนเอ่ยถามขึ้น

“อีกห้ามื้อที่จะถึงนี้…”

“บ่ได้” ท้าวพารีบพูดแย้งขึ้นจนแม่เฒ่าชะงัก “ช่วงนี้บ้านเฮากำลังวุ่นอยู่กับงานหล่อหลวงพ่อพระสาน ข่อยคิดว่า…งานแต่งงานควรจัดหลังจากงานแห่พระข้ามโขงเสร็จ”

“ข่อยเห็นด้วยกับท้าวพา หลายคนกำลังวุ่นอยู่กับงานแห่พระข้ามโขง ไว้ทุกอย่างเรียบร้อยดี งานแต่งงานค่อยจัดต่อกะได้” ท้าวคำมั่นหันไปขอความเห็นกับคูน “ว่ายังไงคูน เจ้าเห็นนำอยู่บ่”

คูนอ้ำอึ้งก่อนจะหันไปหาแม่เฒ่าว่าจะเอาอย่างไรดี

“กะได้” แม่เฒ่าต้วนตอบขึ้นแทนด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น “งานแห่พระเสร็จเมื่อไหร่ พ่อใหญ่และแม่ใหญ่ต้องรีบจัดงานแต่งงานให้เร็วที่สุดเลยเด้อ”

“ได้จ้ะแม่เฒ่า งานมงคงของลูกสาวของข่อยทั้งที ต้องใช้เวลาตระเตรียมสักหน่อย งานถึงสิจัดออกมาได้ยิ่งใหญ่สมเกียรติ” แม่จำปูนพูดเพื่อให้แม่เฒ่าต้วนรู้สึกสบายใจว่าจะจัดงานแต่งงานอย่างแน่นอน

ในความคิดของจำปีนั้น ไม่ว่าจะจัดก่อนหรือจัดหลังก็มีค่าเท่าเดิม ขอแค่คนที่เธอได้แต่งงานด้วยเป็นคูนก็พอแล้ว สายตาของเธอชำเลืองมองไปหาคูนด้วยความเขินอายอยู่หน่อยๆ ไม่คิดว่าพ่อชายที่นั่งอยู่เบื้องหน้าตอนนี้จะเป็นว่าที่สามีของตัวเอง หลังจากงานแห่พระข้ามโขงเสร็จสิ้นลง ทางผู้ใหญ่ค่อยจะกำหนดฤกษ์งามยามดีกันอีกที

เหล่าบรรดาช่างหล่อพระที่เก้อพามาจากเมืองไชยบุรีนั้น พวกเขากำลังเร่งหล่อหลวงพ่อพระสานให้เสร็จทันงานแห่พระที่จะมีขึ้นในอีก 13 วันข้างหน้านี้กันอย่างขะมักเขม้น ชาวบ้านอีกหลายคนต่างช่วยกันตระเตรียมงานสำคัญนี้กันอยู่ทุกวัน…

 

ความฝันอันสูงสุดของแม่หญิงหมู่บ้านนี้ คือการได้แต่งงานกับพ่อชายที่สามารถพึ่งพาได้ ยิ่งถ้าได้คนที่เชี่ยวชาญการออกรบและสามารถปกป้องพวกเธอจากภัยอันตรายได้ ครอบครัวก็จะยิ่งมั่นคงและผาสุกกันยิ่งๆ ขึ้นไป

ข่าวเรื่องงานแต่งงานของจำปีและคูนแพร่กระจายไปทั่วทั้งหมู่บ้านในระยะเวลาอันรวดเร็ว แม่หญิงหลายๆ คนต่างพากันอิจฉาที่จำปีที่ได้คูนไปครอบครอง ส่วนพ่อชายหลายๆ คนก็คาดไม่ถึงว่าคูนจะมาเป็นลูกเขยของหัวหน้าชนเผ่าได้ เพราะผู้ที่เหมาะสมนั้นมักจะเป็นพ่อชายระดับลูกหัวหน้าชนเผ่า หรือเป็นบุตรของเจ้าเมือง



Don`t copy text!