คุณหลวงเจ้าขา…ข้ากลัวผี บทที่ 5 : ปะทะคุณหญิงแม่

คุณหลวงเจ้าขา…ข้ากลัวผี บทที่ 5 : ปะทะคุณหญิงแม่

โดย : พงศกร

คุณหลวงเจ้าขา…ข้ากลัวผี นวนิยายโรแมนติกคอมเมดี้จากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อวิญญาณของแพทย์หญิงยุคปัจจุบันเข้าไปอยู่ในร่างแม่หญิงแห่งกรุงศรีผู้บอบบางที่มีคนหมั่นไส้ทั้งเมือง เธอจึงต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติชีวิตของแม่หญิงคนนี้ให้แข็งแกร่ง ไม่ต้องพึ่งพาผู้ชายคนไหน โดยเฉพาะคุณหลวงกำแหงฤทธิรณ หนุ่มหล่อ…อยุธยาคิ้วต์บอยคนนั้น!

  

แม่หญิงดารา…ภรรยาของออกหลวงกำแหงฤทธิรณ…บรรดาสตรีในป่าผ้าหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก สีหน้าของพวกเธอเหมือนกำลังพูดว่า…นี่มันอะไรกัน หูฉันฝาดไปหรือเปล่า ฉันตกข่าวนี้ไปได้อย่างไร

ทันทีที่สิ้นสุดประโยคของแม่หญิงดารา บรรดาแม่หญิงทั้งหลายที่เงี่ยหูฟังอยู่ถึงกับทำตาโต ด้วยเป็นข้อมูลใหม่เอี่ยมที่พวกเธอไม่เคยรู้มาก่อน ต่างคนต่างหันไปถามกันเสียงเซ็งแซ่

“คุณหลวงเข้มน่ะหรือ”

“เป็นไปได้ยังไง”

“คุณหลวงยังเป็นโสดไม่ใช่หรือ ไปมีเมียตั้งแต่เมื่อไร”

“อุ๊ยตาย อกอีแป้นแตก”

ขณะที่บรรดาแม่หญิงทั้งหลายกำลังวิจารณ์กันอย่างสนุกปาก เสียงของแม่หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นกว่าใครๆ ในบริเวณ

“หน้าด้าน”

อุ๊ยตาย…ดาราเรศกลอกตามองบน…นั่นนางด่าใคร คงไม่ได้หมายถึงฉันหรอกนะ

“เป็นสาวเป็นนาง ไม่มียางอาย” หล่อนยังว่าฉอดๆ “เรื่องหน้าทนแบบนี้ ไม่มีใครเกิน”

ดาราเรศยังกลอกตามองบน ไม่มีอาการตอบสนองจนแม่หญิงคนนั้นเริ่มหงุดหงิด

“อย่าทำเป็นงง…น้องด่าคุณพี่นั่นละ…”

หล่อนแหวกบรรดาแม่หญิงที่จับกลุ่มกันอยู่ มาหยุดอยู่ตรงหน้าแม่ดารา

แม่ดาราเหลือบตามอง และพบว่าเป็นแม่หญิงรูปร่างผอมสูง ดวงหน้าแหลมเล็ก

เธอไม่ได้มาคนเดียว หากมีแม่หญิงแหวกผู้คนตามมาด้วยอีกสองคน คนหนึ่งอยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน หน้าตาคลับคล้ายกัน ส่วนอีกคนเป็นแม่หญิงวัยกลางคน สายตาของแม่หญิงทั้งสามที่จ้องมองมาเต็มไปด้วยความหมั่นไส้

“คุณหญิงเนียน…แม่หญิงดวงจันทร์ แม่หญิงเดือน”

เสียงอุทานของแหวนทำให้ดาราเรศรู้ในทันใดว่าแม่หญิงทั้งสามก็คือมารดาเลี้ยง และน้องสาวทั้งสองของแม่ดารานั่นเอง

ต๊าย…มากันพร้อมหน้าเชียวนะจ๊ะ

ฉันกำลังคิดจะไปเยือนอยู่พอดี มาเจอกันที่ตลาดผ้าก็ดี จะได้ไม่เปลืองแรง

“ด่าฉัน” แม่หญิงดารายกนิ้วชี้อกตัวเอง ขณะที่สาวๆ ในป่าผ้ามุงดูไม่มีถอย มวยยกนี้น่าติดตามยิ่งนัก

“ใช่…ด่าคุณพี่นั่นแหละ…หน้าด้าน” แม่หญิงดวงจันทร์ลอยหน้า

“หน้าด้านอย่างไร” แม่หญิงดาราลอยหน้าถาม

“ก็เที่ยวมาป่าวประกาศว่าตัวเองมีผัวแล้วอย่างไร” แม่หญิงดวงจันทร์ว่า ที่ผ่านมาเธอเคยข่มพี่สาวคนนี้ได้มาโดยตลอด  มาวันนี้ดวงจันทร์ออกจะแปลกใจ เพราะท่าทีของแม่หญิงดาราดูแปลกไปจากทุกครั้ง “ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนเขาจะทำเยี่ยงนี้”

“ผู้หญิงดีๆ ก็ต้องทำเยี่ยงนี้กันทั้งนั้นละ” ดาราเรศยักไหล่ โนสน โนแคร์  ยิ่งเห็นคนมามุงกันเยอะเท่าไร เธอยิ่งพูดเสียงดังยิ่งขึ้น ไหนๆ ก็มาเดบิวต์แล้ว ต้องให้มันรู้กันสนั่นพระนครไปเลย “ในเมื่อผัวไม่ยอมบอกให้ใครรู้ว่ามีเมียแล้ว ฉันก็ต้องออกมาบอกให้โลกรู้ยังไงล่ะ แม่พวกมดแดงที่คอยแฝงพวงมะม่วง แอบย่อง แอบตอดผัวชาวบ้านลับหลังทั้งหลาย จะได้ละอายแก่ใจ”

“น่าอับอาย…ฉันไม่เคยสอนให้ลูกเป็นแบบนี้” คุณหญิงเนียนเห็นลูกสาวสองคนมัวแต่อ้าปากค้าง อึกอักพูดอะไรไม่ออก จึงรีบเข้ามาช่วย “ธิดาของเจ้าคุณโชดึกราชเศรษฐี จะต้องเป็นผู้ดี มีมารยาทงาม จำที่แม่สอนไม่ได้หรือลูกดารา”

“สอนอะไรเจ้าคะ…ไม่เคยสอนสักหน่อย ที่ไม่เคยสอนก็เพราะฉันไม่ใช่ลูกคุณแม่เนียน” ดาราเรศรอโอกาสนี้มานานแล้ว “และคุณแม่ก็ไม่เคยเอ็นดูฉันซึ่งเป็นลูกสาวเมียเอกเลยสักนิด อันที่จริงคุณแม่เนียนควรจะดีใจนะเจ้าคะ ที่เสือกไสไล่ส่งให้ดิฉันออกเรือน พ้นหูพ้นตามาเสียได้”

“ตายจริง แม่ไม่คิดเลยว่าแม่ดาราจะเข้าใจแม่ผิดถึงเพียงนี้” คุณหญิงเนียนโกรธจนมือสั่น หากพยายามสะกดกลั้นเอาไว้เต็มที่ เสียงที่พูดออกมายังคงอ่อนหวาน หากสายตาที่มองมายังดาราเรศนั้นเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด “แม่เห็นแม่ดาราชื่นชอบผู้ชายบ้านนั้น ถึงขนาดไม่ยอมรักนวลสงวนตัว ติดตามคุณพระขามต้อยๆ ไปทุกที่ แม่เลยชวยสนับสนุนให้สมหวังอย่างไรเล่า…แบบนี้ยังว่าไม่ดีอีกหรือ”

“นั่นสิเจ้าคะ” แม่หญิงเดือนเข้าคู่กับมารดา “ถึงไม่ได้แต่งกับคุณพระขาม แต่ได้คุณหลวงเข้มแทน คุณพี่ก็น่าจะดีใจนะเจ้าคะ”

“กิริยามารยาทแบบนี้ ได้แต่งงานออกเรือนก็ดีแค่ไหนแล้ว” แม่หญิงดวงจันทร์ช่วยน้องสาวรุม “คุณพระขามเองก็คงจะรู้ และอับอายถ้าจะต้องมีเมียเป็นคนหน้าด้านหน้าทน เลยชิงขอแม่หญิงใจแต่งไปเสียก่อน เคราะห์กรรมเลยมาตกอยู่กับคุณหลวงเข้มแทน”

“ไม่รู้จะสงสารคุณหลวงเข้ม หรือดีใจกับคุณหลวงดีนะเจ้าคะคุณแม่ ที่ได้เมียอย่างพี่ดารา” แม่หญิงเดือนป้องปากหัวเราะ

แต่แล้วเสียงหัวเราะของเธอก็ต้องชะงักไป เมื่อเสียงห้าวๆ ของบุรุษผู้หนึ่งด้งขึ้นจากทางด้านหลัง

“ขอบใจที่มีแก่ใจนึกถึงกระผมนะขอรับคุณหญิงเนียน”

ดาราเรศหันขวับกลับไปมอง ใครกันมาช่วยขัดจังหวะอย่างทันท่วงที

“แม่ดวงจันทร์ กับแม่เดือนก็เหมือนกัน…ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกนะว่าจะดีใจหรือเสียใจ…เพราะถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็คือเรื่องในเรือนของฉัน ผู้อื่นไม่เกี่ยว”

อุ๊ยตาย…ดวงตาของดาราเรศเบิกกว้าง อยุธยาคิวต์บอยของเธอนี่นา เขามาโผล่ตรงนี้ได้อย่างไรกัน

ออกหลวงกำแหงฤทธิรณยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาคู่คมของเขาจ้องมองตรงมาด้วยความไม่พอใจ ด้านหลังของเขามีลูกน้องท่าทางองอาจกล้าหาญติดตามมาด้วยสี่ถึงห้าคน ทุกคนมีดาบอยู่ในมือ ลูกน้องทุกคนของคุณหลวงจ้องมองมายังแม่หญิงดาราด้วยสายตาประหลาดใจ เพราะพวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเจ้านายแต่งงานมีเมียแล้ว

“อุ๊ย…คุณหลวง” คุณหญิงเนียนร้องคราง ไม่นึกว่าอยู่ๆ ออกหลวงหนุ่ม สามีของแม่หญิงดาราจะมาปรากฏตัวที่ป่าผ้า วาจาของเขาบอกชัดเจนว่านี่เป็นเรื่องในบ้านของเขา คนอื่นไม่ควรสอด “มาได้อย่างไรกัน”

“กระผมมาลาดตระเวนแถวนี้” เขาตอบเสียงเรียบ หากสายตานั้นมองจ้องที่ดวงหน้าสวยหวานของแม่หญิงดารา พร้อมกับแค่นเสียงว่า “เลยทันได้เห็นเมียของกระผมออกมาแสดงตัวให้ผู้คนรู้กัน”

“คุณหลวงดูไม่พอใจ ใช่ไหมเจ้าคะ” แม่หญิงดวงจันทร์ได้ที

“ไม่” ออกหลวงหนุ่มส่ายหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด “ฉันไม่รู้สึกอะไร”

“ไม่รู้สึกอะไรก็ดีแล้ว” คุณหญิงเนียนเห็นท่าไม่ดี ขืนต่อปากต่อคำต่อไป ตนเองจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ เธอดึงมือธิดาทั้งสองแล้วว่า “น้ากับน้องลาไปก่อนนะจ๊ะ พอดีนึกขึ้นได้ว่าต้องไปซื้อของที่ป่าถ่านต่อพอดี”

“ขอรับ” เขาตอบเสียงขรึม ขณะที่ดาราเรศในร่างแม่หญิงดารายกมือขึ้นป้องปาก หัวเราะเบาๆ ท่าทางเขินอาย

“แหม…ขอบคุณคุณพี่นะเจ้าคะ มาช่วยน้องได้ทันเวลา” เธอยื่นมือไปตีแขนกล้ามแน่นของออกหลวงเสียงดังเพียะ

“รักษากิริยาด้วย…กลับเรือนไปเย็นนี้ เรามีเรื่องจะต้องคุยกันสักหน่อยแล้ว” เสียงคุณหลวงแผ่วต่ำในลำคอ

“อุ๊ย” แม่หญิงดาราอุทานเสียงดัง “คุยกันอยู่ทุกวันแล้ว…ยังจะต้องมีอะไรคุยกันอีกหรือเจ้าคะ…หรือว่า…หรือว่าคุณพี่อยากมีตัวเล็กๆ…แหม พูดกลางตลาดแบบนี้ น้องอายนะเจ้าคะ”

“ไม่ขำ” ออกหลวงหนุ่มหน้าแดงก่ำ…กระแทกเท้าเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

แม่มีนาและแม่เข็มยืนดูเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความตื่นเต้น เพื่อนสนิทของแม่ดาราต่างตกใจไม่แพ้กัน ทั้งสองเห็นสายตาทุกคู่กำลังจ้องมองมายังเพื่อนสาว จึงช่วยกันลากแขนแม่ดาราเข้าไปร้านผ้าที่อยู่ใกล้ที่สุด เป็นร้านผ้าเล็กๆ ที่แทบไม่มีคน เนื่องจากคนขายเป็นหญิงสูงวัย และผ้าในร้านก็มีแต่เก่าๆ โทรมๆ

“แม่ดารา” มีนาหน้าตาตื่น “บอกฉันมาเดี๋ยวนี้เลยว่าหล่อนกับคุณหลวงไปรักกันตั้งแต่เมื่อไหร่”

“นั่นสิ ฉันไม่เคยได้ยินแม่ดาราพูดถึงคุณหลวงเข้มเลย ที่ผ่านมามีแต่พูดถึงคุณพระขาม” แม่เข็มงงยิ่งกว่าใคร เพราะแม่ดาราสุขภาพไม่ค่อยดี แทบไม่เคยออกนอกบ้าน แล้วจะไปผูกสมัครรักใคร่กับคุณหลวงรูปหล่อตอนไหน

“ฉันพูดถึงคุณพระขามว่ายังไงบ้าง” ถามออกไปแล้วดาราเรศก็กลั้นใจรอฟังคำตอบ

“อู๊ย…สารพัด” มีนาจีบปากจีบคอ “คุณพี่ขามหล่อมาก ฉันชอบเขา ฉันอยากได้เขาเป็นผัว”

“ยังพูดอีกนะว่า ถ้าไม่ได้เป็นเมียคุณพระขาม หล่อนจะผูกคอตาย” แม่หญิงเข็มช่วยเล่า

“ตายละ” แย่แล้ว “ฉันพูดขนาดนั้นเลยหรือ”

“แน่ละสิ” มีนาว่า “คนเขารู้กันทั่วพระนครว่าเธอคลั่งไคล้คุณพระขามมาแค่ไหน”

“รู้กันทั้งพระนครเลยหรือ” แม่หญิงดาราตาเหลือก เจ้าของร่างคนเก่าบ้าผู้ชายขนาดนี้เลยหรือ…ตายละวา แล้วฉันจะตามล้างตามเช็ดอย่างไรไหว

“ใช่” เข็มพยักหน้า “พวกฉันถึงงงว่า คนที่หล่อนแต่งด้วยกลายเป็นคุณหลวงเข้มไปได้อย่างไรกัน”

“เอาจริงปะ…เจ้าคุณพ่อบังคับให้เขาแต่งงานกับฉันน่ะสิ” แม่ดาราสารภาพ ขณะที่แหวนพยายามกระตุกมื่อเจ้านายเป็นทำนองห้าม

“หา” มีนาและเข็มตาเหลือก “อะไรนะ”

“ก็อย่างที่แม่เลี้ยงกับพวกน้องๆ ฉันด่านั่นละ คุณหลวงเข้มถูกบังคับให้แต่งกับฉัน” แม่หญิงดาราถอนใจ “ตอนแรกก็จะให้แต่งกับคุณพระขามหรอก แต่คุณพระคงกลัว เลยชิงแต่งกับแม่หญิงอื่นไปก่อน เหลือแต่คุณหลวงเข้ม…เขาเลยไม่มีทางเลือก อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ เขาเลยอาย ไม่บอกให้ใครรู้ว่ามีเมียแล้ว”

“คุณหลวงอาจไม่ได้รักเธอ แต่เขาทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง ทำแบบนี้ไม่ให้เกียรติเธอเลย” มีนานิ่วหน้า

“นั่นสิ” แม่เข็มเท้าเอว “พอเขาไม่บอกใคร สาวๆ เลยพากันคิดว่าเขายังเป็นโสดอยู่…หล่อนเคยเห็นตอนคุณหลวงทำงานไหม ไปลาดตระเวนตรอกซอกซอยไหน สาวๆ พากันยกน้ำยกท่า ยกสำรับข้าวปลาอาหารมาเอาอกเอาใจ เพราะคิดว่าคุณหลวงยังเป็นโสดอยู่”

แม่เข็มเป็นธิดาของออกญาคชบาล ปลูกเรือนอยู่ในกำแพงพระนครแถบวัดใหญ่ จึงมีโอกาสเห็นออกหลวงกำแหงฤทธิรณพาลูกน้องออกลาดตระเวนอยู่บ่อยๆ แน่นอนว่าบรรยากาศเป็นดังเช่นที่เธอว่า เรือนไหนมีลูกสาวที่ยังไม่ออกเรือน ก็จะสั่งให้ลูกสาวยกน้ำท่ามาให้ดื่ม และเชื้อเชิญให้ออกหลวงและลูกน้องเข้าไปพักผ่อน

“แม่ดาราออกมาประกาศตัวแบบนี้ก็ดีแล้ว” แม่เข็มว่า “ให้รู้กันทั่วพระนครไปเลย”

“แค่นี้ไม่พอ แม่ดารา” มีนายังโกรธแทนเพื่อน “ฉันจะไปฟ้องคุณพ่อ ให้กราบทูลพระเจ้าอยู่หัวให้ทรงทราบ พระเจ้าอยู่หัวจะได้รับสั่งให้คุณหลวงพาเธอเข้าเฝ้า”

“อุ๊ย” ดาราเรศร้องตกใจ ไม่นึกว่าเรื่องจะบานปลายไปเช่นนี้ หล่อนแค่อยากป่าวประกาศให้โลกรู้เฉยๆ ไม่ได้อยากให้อยุธยาคิวต์บอยมีปัญหา “ไม่เป็นไรจ้ะ ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้”

แค่นี้เขาก็เกลียดหน้าเธอจะแย่แล้ว หากมีเรื่องไปถึงพระเจ้าอยู่หัว คราวนี้ แม้แต่เงาของเธอเขาก็คงไม่อยากมอง

“ฉันจัดการเองได้” หล่อนรีบบอกเพื่อน “ที่ผ่านมาฉันไม่ค่อยสบาย ลุกเดินเหินไม่สะดวก เลยไม่อยากให้เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต ตอนนี้สุขภาพของฉันเริ่มดีขึ้นแล้ว…เอาไว้ฉันจะบอกเจ้าคุณพ่อของฉัน ให้ท่านจัดการกับลูกเขยเอง ขอบใจพวกเธอมาก”

“คุณหลวงนะคุณหลวง” มีนาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “หน้าตาออกจะดี นิสัยไม่น่าแย่แบบนี้เลยนะ”

“เสียแรงฉันอุตส่าห์ปลื้ม” แม่เข็มทำเสียงสะบัด “ต่อไปนี้ แม้แต่หน้าฉันก็จะไม่มอง”

“โห ขนาดนั้นเลยเหรอ” ดาราเรศตาโต

“แค่นี้ยังน้อยไป” มีนาว่า

“ใช่” เข็มยังไม่หายเคืองขุ่น “คอยดูนะ ฉันจะช่วยเธอป่าวประกาศให้ผู้คนรู้กันทั้งอยุธยาว่าคุณหลวงเข้มมีเมียแล้ว คือแม่ดาราเพื่อนรักของฉัน”

“ขอบใจนะ” แม่ดารายิ้ม ขณะที่สามสาวหัวเราะให้แก่กัน

“จริงสิ” ดาราเรศนึกขึ้นมาได้ เธอหันไปพยักหน้าให้แหวนถือตะกร้ามาใกล้ๆ หล่อนหยิบเอาขวดแก้วใสแจ๋วบรรจุน้ำปรุงสูตรพิเศษ ยื่นส่งให้แม่มีนาและแม่เข็ม “ฉันทำน้ำปรุงมาฝาก…พวกเธอลองเอาไปใช้ดู หากชอบใจละก็ ฉันจะทำมาให้อีก”

“เดี๋ยวก่อน” มีนาตาโต “อย่าบอกนะว่ากลิ่นหอมที่ตัวของหล่อน…”

หล่อนยื่นหน้ามาใกล้ๆ พร้อมกับทำจมูกฟุดฟิด

“มาจากน้ำปรุงขวดนี้”

“ก็ใช่น่ะสิ” แม่ดาราป้องปากหัวเราะ เป็นกิริยาที่เธอแอบจำจากแม่หญิงคนอื่นๆ มาทำบ้าง

“โอ้โห” แม่เข็มเปิดจุกขวดแก้วออกดม “หอมมาก ไม่เคยเห็นน้ำปรุงที่ไหนหอมเช่นนี้มาก่อน”

“หล่อนทำเองเหรอ แม่ดารา” แม่มีนาอ้าปากหวอ

“ใช่จ้ะ” แม่ดารายังป้องปากหัวเราะ

“เก่งมาก” แม่มีนาเอ่ยชม “ว่าแต่…หล่อนไปเรียนวิธีทำน้ำปรุงมาจากไหน”

“นั่นสิ” แม่เข็มพลอยสงสัยไปด้วย “แต่ก่อนไม่เห็นเคยทำ แค่ได้กลิ่นดอกไม้ก็บ่นว่าเหม็น แพ้คันไปทั้งตัว”

เวรละสิ…ดาราเรศแอบพึมพำ…ทำไมยัยแม่หญิงดาราคนเก่าถึงอ่อนแอได้ขนาดนี้

“เอ้อ…” เธอพยายามหาเหตุผล “ตอนนี้ฉันแข็งแรงแล้ว ไม่แพ้เหมือนแต่ก่อน…ที่ทำน้ำปรุงได้แบบนี้ก็เพราะไปเจอตำราเก่าแก่ของคุณแม่ฉันน่ะสิ…”

ไม่ได้อยากโกหกเล้ย…แต่ครั้นจะให้พูดความจริงว่าฉันคือแพทย์หญิงที่มาจากอนาคตก็คงไม่มีใครเชื่อ นอกจากไม่เชื่อแล้วยังจะคิดว่าฉันบ้าอีกด้วยน่ะสิ…

“หอมใช่ไหม” แม่ดารารีบเปลี่ยนเรื่อง “ลองเอาไปใช้ดูนะ ถ้าชอบก็ช่วยบอกต่อด้วย…อีกไม่นานฉันจะเปิดร้านเสริมความงาม ขายน้ำปรุง ขายครีมบำรุงผิว อย่าลืมมาอุดหนุนล่ะ”

“หา” มีนาฟังแล้วกะพริบตาปริบๆ เพราะไม่เคยได้ยินมาก่อน “ขายอะไรนะ”

“ขาย…เอ้อ…” แม่หญิงดาราพยายามหาทางอธิบายให้เพื่อนเข้าใจง่ายๆ “ขายของต่างๆ ที่จะทำให้ผู้หญิงสวยงาม ผู้ชายรัก ผู้ชายหลงยังไงล่ะ”

“ยาเสน่ห์หรอ” เข็มอ้าปากกว้าง

“ไม่ใช่” ดาราส่ายหน้า “เราไม่ใช้ไสยศาสตร์ค่ะ เราจะต้องสวยจากภายในและภายนอก ฉันจะทำยาต่างๆ เพื่อใช้บำรุงร่างกายให้สวยงาม ทั้งกิน ทั้งทา ทั้งประพรมเนื้อตัว”

“อุ๊ย น่าสนใจ” มีนาตื่นเต้น บิดาของเธอชำนาญเรื่องการค้าขายอยู่แล้ว เด็กสาวโตมากับการค้า กำไรและขาดทุน

“มาเข้าหุ้นกันไหม” ดาราชวน ถ้ามีเพื่อนสองคนนี้มาร่วมทำร้านด้วยก็น่าจะดี

“คืออะไร” เข็มเกาหัว ไม่รู้จักคำว่าเข้าหุ้น

“คือว่า เรามาทำร้านด้วยกัน ขายของด้วยกัน ได้เงินมาก็แบ่งกัน” ดาราอธิบาย

“อุ๊ย เอาสิ” มีนารีบตกลง ขณะเข็มบอกว่าจะขอกลับไปปรึกษามารดาก่อน

“แล้วจะเปิดที่ไหน” แม่เข็มสงสัย “เธอมีร้านแล้วรึ”

“ยังไม่มี” ดาราเรศส่ายหน้า “ถ้าเธอรู้ว่ามีร้านที่ไหนจะขายละก็ ช่วยส่งข่าวฉันด้วยนะ”

“ซื้อร้านของยายไหมล่ะแม่หญิง”

เสียงแผ่วต่ำดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง เล่นเอาดาราเรศถึงกับสะดุ้ง

คุณยายเจ้าของร้านผ้านั่นเอง

คุณยายยืนอยู่ตรงนั้นนานแล้ว ได้ยินแม่หญิงทั้งสามคุยกันทั้งหมด เธอเป็นหญิงชราตัวคนเดียว ลูกหลานก็ไม่มี หลายปีมานี้ไม่มีเรี่ยวแรงจะไปหาสินค้าใหม่ๆ มาวางขาย ทำให้ร้านที่เคยรุ่งเรืองกลับเงียบเชียบ ไร้ลูกค้า กำลังคิดอยากปิดร้านไปปฏิบัติธรรมที่วัดอยู่แล้ว ก็พอดีกับได้ยินแม่หญิงบ่นอยากหาทำเลเปิดร้านพอดี

“สนใจไหมจ๊ะ” คุณยายเอ่ยถาม

“สนใจจ้ะ” ดาราเรศรีบตอบ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ด้วยไม่นึกว่าโชคจะเข้าข้างแบบนี้ “คุณยายจะขายเท่าไหร่”

“ยี่สิบตำลึง”

หญิงสูงวัยไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะตอบตกลงเร็วเช่นนี้ เธอบอกราคาที่ต้องการออกไป ขณะที่แม่ดาราทำหน้างุนงงเพราะไม่คุ้นชินกับหน่วยเงินในสมัยอยุธยา

ครั้นจะหันไปถามบ่าวคนสนิท ก็เกรงว่าแม่มีนาและแม่เข็มจะเกิดสงสัยขึ้นมาอีก เธอเลยฉวยเอาถุงผ้าที่แหวนสะพายมาด้วย ส่งให้กับคุณยายหนึ่งใบ ในนั้นมีเบี้ยบรรจุอยู่เต็ม

“ฉันให้ทั้งหมดนี่เลย…พอไหมจ๊ะยาย”

“อุ๊ยตาย…อกอีปุกแตก” ยายยกมือตบอก ตาเหลือกเหมือนจะเป็นลม

“ทำไมจ๊ะยาย น้อยไปเหรอ” ดารากะพริบตาปริบๆ

“ใครว่าน้อย” ยายปุกว่า “เงินมากขนาดนี้ ซื้อป่าผ้าได้ทั้งป่าเลยน่ะสิจ๊ะ”

“ตกลงยายขายร้านให้ฉันใช่ไหม” ดาราถามอย่างจะให้แน่ใจ

“ขายจ้ะ” หญิงชราพยักหน้า รับเงินจากมือนังแหวนไปด้วยความดีใจ “ฉันเก็บข้าวเก็บของคืนเดียว พรุ่งนี้เช้าแม่ย้ายเข้ามาขายของได้เลยนะจ๊ะ”

 



Don`t copy text!