พลิกรักทำนายใจ บทที่ 4 : งานเสริม กระเป๋าสอง
โดย : แสนแก้ว
พลิกรักทำนายใจ โดย แสนแก้ว เรื่องราวของสายมูตัวแม่ที่ช่วยเหลือคนอื่นมากมาย แต่ความรักของตัวเองกลับไม่รอดราวกับดวงความรักอาภัพซะเหลือเกิน คงจะมีแค่ ‘พี่ภู’ เท่านั้นที่ดีต่อเธอเอ…เธอผู้รู้ใจลูกค้าดั่งมีตาทิพย์กลับไม่เคยมองเห็นหัวใจเขาเลยสักทีได้อย่างไร นวนิยายอ่านฟรีสนุกๆ ที่อ่านเอามีให้คุณได้อ่านที่ anowl.co
เมื่อครู่ก่อนพุฒิพงศ์ขอตัววางสายเพื่อเตรียมสไลด์นำเสนองานต่อ คนอื่นๆ ในรถไฟฟ้าใต้ดินต่างก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถือกันหมด หญิงสาวไม่มีอะไรทำนอกจากยืนจับห่วงรถไฟฟ้าใต้ดิน หวนคิดถึงอดีตกับอนาคตของตนเองเรื่อยไป
คำทำนายด้านการเงินของปีนี้ เธอเปิดได้ไพ่ห้าเหรียญ เดอะทาวเวอร์ สองเหรียญ หกเหรียญ และตบท้ายด้วยพระราชาถือถ้วย
แปลความได้ว่า การเงินปีนี้มีเกณฑ์เสียเงินก้อนใหญ่ แต่ยังพอหมุนเวียนได้เพราะมีคนช่วยเหลืออุปถัมภ์อยู่ตลอด ใครคนนั้นก็คือพระราชาถือถ้วยหรือเรียกกันเล่นๆ ว่าคิงถ้วย
คิงถ้วยคือผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ใจดี แต่ไหนกันล่ะ ดวงศิริสงสัยนัก ใครกันนะคิงถ้วยคนนั้นที่จะมาอุปถัมภ์เธอ
พ่อกับแม่ก็ไม่ได้ส่งเงินให้ตั้งนานแล้วตั้งแต่เรียนจบ เดี๋ยวนี้ทำงานแล้วเธอเป็นฝ่ายส่งเงินให้พวกท่าน แม้ไม่มากมาย แต่ก็พอภูมิใจว่าได้ทำหน้าที่ลูกที่ดี พ่อกับแม่ก็ให้ศีลให้พรอยู่ทุกต้นเดือน
พี่พุฒิเหรอ…ดวงศิริเงยหน้ามองเพดานรถไฟ บิดคอไปมาไล่อาการเมื่อยขบ รายนี้ขยันทำงานและเก็บเงินเก่งมาก พื้นเพครอบครัวร่ำรวยอยู่ แต่ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของตัวเขา ไม่ได้หมายความว่าเขาจะให้เงินเธอซะหน่อย
หญิงสาวกระตุกยิ้มมุมปากเหงาๆ บอกตัวเองว่าช่างเถอะ เดี๋ยวถึงเวลาคิงถ้วยก็คงปรากฏตัวเองแหละ ถ้าหากมีตัวตนจริงละก็นะ
ความคิดหยุดลงเมื่อรถไฟฟ้าใต้ดินหยุดจอดที่สถานีใกล้คอนโดฯ ดวงศิริออกจากสถานีขึ้นมาบนชั้นพื้นดิน ก้าวเดินเชื่องช้า ท้องเจ้ากรรมส่งเสียงโครกครากประท้วงว่ามันยังอยากได้อะไรที่มากกว่าเฟรนช์ฟรายกับน้ำโคล่า
ใต้คอนโดมีมินิมาร์ตเล็กๆ เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง หญิงสาวลากร่างหิวโหยของตัวเองไปหา แต่ยังไม่ทันจะผ่านประตูเลื่อนอัตโนมัติเข้าไปก็เกิดเปลี่ยนใจ ความเหนื่อยอ่อนตอนนี้แค่ซื้ออาหารสำเร็จรูปก็ยากแล้ว ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามดูจะหากินง่ายกว่า
เพราะฝั่งนั้นมีบ้านพี่ภู
อมยิ้มกรุ้มกริ่มปรากฏขึ้นทันใด หญิงสาวเดินเกือบเป็นวิ่งลงทางลอดใต้ดินเพื่อไปขึ้นยังฝั่งตรงข้าม มีเรี่ยวแรงขึ้นมาราวกับกระดกดื่มเครื่องดื่มชูกำลังไปสองขวด
บ้านเล็กๆ ของภูริสอยู่ลึกเข้าไปในซอยราวหนึ่งร้อยเมตร ไม่ไกลถนนจนเดินเหนื่อยและไม่ใกล้จนต้องรับมลภาวะทางเสียงจากยวดยานบนท้องถนน ภูริสชอบบอกว่า บ้านพี่เป็นบ้านเล็กๆ เก่าๆ ไม่มีอะไร แต่สำหรับดวงศิริแล้ว บ้านพี่ภูเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ไพศาล อยู่ในนี้ไม่เคยร้อน ไม่เคยทุกข์ ไม่รู้จักคำว่าหิว
อย่างเวลานี้ดวงศิริก็กำลังนั่งเข่าชิดกระมิดกระเมี้ยนอยู่หลังโต๊ะกินข้าว ส่งสายตาแป๋วแหววไปทางห้องครัว ชั่วอึดใจเดียวพี่ภูของเธอก็ยกจานผลไม้มาเสิร์ฟให้กินรองท้อง ก่อนจะกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง
กัดฝรั่งกรอบๆ กับชมพู่หวานหอมไปได้ครึ่งจาน ภูริสก็ออกมาพร้อมซุปพาสต้าต้มยำทะเล รสชาติไม่เผ็ดร้อนจนอาจทำให้ปวดท้องตอนนอน แต่ก็จัดจ้านพอจะกระตุ้นให้แจ่มใส หายเหนื่อยจากการทำงานตลอดทั้งวัน กลิ่นเครื่องต้มยำและกลิ่นมะนาวหอมระรวย ชวนให้ยกซดหมดทั้งชาม
ดวงศิริตักกุ้งตัวโตขึ้นมาดู ตาโต น้ำลายสอ แต่ยังไม่วายบ่น
“พี่ภูอ้ะ ไม่รู้ใจเลย ลืมแล้วเหรอว่าน้องชอบกินซอสครีมเห็ด”
“จำได้สิ ครีมเห็ด คาโบนาร่า ดับเบิ้ลชีสตู้มๆ” พ่อครัวหนุ่มเลื่อนเก้าอี้นั่งลงตรงข้าม “แต่นี่มันสี่ทุ่มกว่าแล้วพี่เลยทำซุปต้มยำน้ำใสมาให้ไง อีกอย่าง ได้ยินใครแถวนี้บ่นอ้วนขึ้นด้วยแหละ เลยต้องระวังหน่อย”
ดวงศิริตักซุปพาสต้าเข้าปาก ใครกันบ่นว่าอ้วนขึ้น เธอลืมไปหมดแล้ว เอื้อมสะกิดแขนเขาเบาๆ
“พี่ภู น้องกินคนเดียวเหงาอะ พี่ภูกินเป็นเพื่อนหน่อยสิ”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูง
“พี่แปรงฟันแล้ว”
ข้อนั้นหญิงสาวรู้ ถึงภูริสจะทำงานดึก แต่ไม่ได้ชอบกินดึก มื้อเย็นคงอิ่มไปตั้งแต่หัวค่ำโน่นแล้ว
“แต่กินคนเดียวมันเหงาจริงๆ นะ”
ภูริสส่ายหน้าระอา แย้งกันไปแย้งกันมาครู่เดียว เขาก็ลุกไปตักพาสต้ามาอีกชาม นั่งกินเป็นเพื่อน
ดวงศิรินึกอะไรได้จึงโพล่งถามขึ้น
“คืนนี้พี่ภูไม่ซ่อมเอฟเฟกต์เหรอ”
ชายหนุ่มกระแอม เหมือนจะสำลักน้ำซุป
“ถามได้”
ดวงศิริเข้าใจความหมาย ก่อนตัวก่อกวนยามค่ำคืนอย่างเธอจะมาเยือน เขาคงกำลังนั่งซ่อมเอฟเฟกต์กีตาร์อยู่ในห้องทำงานอย่างสงบสุข หญิงสาวยิ้มแก้เก้อ ส่งกระดาษทิชชูให้อย่างเอาใจ
“วันก่อนหวานคุยกับอิ๋มเรื่องจะหางานพิเศษทำละพี่ภู แต่ยังไม่มีไอเดียเลย พี่ภูมีแนะนำไหม”
เขาดูแปลกใจไม่น้อย แน่ละ คงถือเป็นวาระแห่งชาติทีเดียวที่จู่ๆ คนขี้เกียจอย่างเธอจะลุกขึ้นมาทำงานพิเศษ
“แล้วหวานอยากทำอะไรล่ะ ถ้าเป็นงานเสริมก็น่าจะเป็นงานที่เรามีแพชชันกับมันนะ”
“อ้ะ แล้วงานพี่ภูทำอะไรบ้างล่ะ”
ชายหนุ่มเติมน้ำเปล่าลงในแก้วของเธออย่างไม่รู้ใจเอาซะเลยว่าเหนื่อยๆ แบบนี้เธออยากกินน้ำอัดลม
“ถามซะอย่างกับเพิ่งรู้จักกัน”
“เจ้าค่ะ น้องไม่เคยลืมหรอกว่าคุณพี่น่ะเป็นหัตถ์เทวะผู้อยู่เบื้องหลังวงการดนตรี เจ้าของแบรนด์เอฟเฟกต์ Break Fuzz อันลือเลื่องในใต้หล้า”
เขาดึงถ้วยซุปตรงหน้าเธอออก
“ไม่ต้องกินมันละ”
หญิงสาวโอบตะครุบ แยกเขี้ยวเหมือนหมาหวงก้าง ขู่ฟ่อๆ ด้วยว่าเดี๋ยวจะไปเหมาในครัวมาให้หมดหม้อเลย
“ขายของออนไลน์ไหมล่ะ” ชายหนุ่มตรงหน้าโพล่งขึ้น “ทำเพจ โพสขาย แล้วกลางคืนก็มาแพ็กของ ฝากพี่ไปส่งของก็ได้ พี่ไปส่งทุกวันอยู่แล้ว”
“อืม ไม่เอาอะ ทำธุรกิจไม่เป็น”
“สอนพิเศษไหม เดี๋ยวนี้ครูสอนพิเศษออนไลน์มีเยอะแยะ รายได้ดีด้วยนะ พวกนักเรียนเดี๋ยวนี้บางทีชอบเรียนออนไลน์มากกว่าเจอตัวซะอีก”
หญิงสาวชี้นิ้วเข้าหน้าตัวเอง
“อย่างหวานเนี่ยนะจะเป็นครู เหอ พี่ภูเอาอะไรมาเชียร์ คืนวิชาครูไปหมดแล้ว”
“งั้น…เขียนหนังสือ” ภูริสกอดอก เอนหลังพิงพนัก “เขียนนิยายออนไลน์ ทำอีบุ๊กขาย อันนี้ไม่มีต้นทุนเลยด้วย แต่ต้องใช้เวลาหน่อยกว่าหนังสือจะติดตลาด”
“โฮ้ย พี่ภู นิยายน่ะหวานอ่านตั้งแต่สมัยมัธยมโน่น เดี๋ยวนี้ไม่ได้อ่านแล้ว เขียนอะไรแบบนั้นไม่เป็นหรอก”
ภูริสหัวเราะหึหึ ไม่แปลกใจเท่าไรที่โดนโวยวายใส่ ขยับตัวมาใกล้แล้วจ้องตาอย่างจริงจัง
“นี่ พี่จะบอกให้นะ ที่ว่าทำธุรกิจไม่เป็นน่ะเรียนรู้เอาสิ ความรู้ฟรีๆ ในออนไลน์เยอะแยะไป จะลงเรียนคอร์สสั้นๆ ก็ได้ ส่วนเรื่องสอนพิเศษ ฟื้นวิชาแป๊บเดียวก็ได้แล้ว ถ้ายังไม่มั่นใจก็สอนเด็กประถม มัธยมต้นไปก่อน มันไม่เกี่ยวหรอกว่าเราเคยเรียนเก่งหรือเปล่า อยู่ที่ว่าเราอยากถ่ายทอดวิชาให้เด็กๆ ไหม แล้วก็เรื่องทำอีบุ๊ก”
เขาเว้นจังหวะครู่หนึ่ง
“ไม่จำเป็นต้องเป็นนิยาย หนังสือความรู้อื่นๆ ก็ได้ เทคนิคการออกแบบงานศิลปะไง ไม่เอาแบบตำราเรียนสถาปัตย์ แต่ถ่ายทอดมาจากประสบการณ์ตรงของหวานเอง พี่ว่าน่าสนใจออก ทำไมต้องคิดก่อนล่วงหน้าว่าตัวเองทำไม่ได้ล่ะ ยังไม่ได้พยายามเลยนี่”
ดวงศิริกะพริบตาปริบ มองเข้าไปในดวงตาของรุ่นพี่หนุ่ม ในนั้นไม่มีแววตำหนิหรือรำคาญเลยสักนิด กลับเต็มไปด้วยความเข้าใจ กำลังใจ และปรารถนาดีต่อเธอเหมือนที่เคยเป็นมาเสมอ หญิงสาวทำปากยื่น ตอบไปแต่เพียงว่า
“ก็มันยากนี่ แค่คิดว่าต้องพยายามก็เหนื่อยแล้วอะ”
ภูริสร้องอ้าวคำใหญ่ “ก็ไหนว่าอยากหางานเสริมทำ”
“ก็อยากทำงานแบบที่ไม่ต้องพยายามมากอะ”
“แล้วหวานชอบทำอะไรล่ะ”
“เล่นเกม”
ชายหนุ่มดีดนิ้วดังเป๊าะ “งั้นก็แคสเกมไหมล่ะ”
ดวงศิริเม้มปาก ไม่ตอบ ไม่งอแงต่ออีกแล้ว คล้ายกับมีเมล็ดพันธุ์ไม้ดอกเจริญเติบโตขึ้นจากหัวใจ แต่เธอเลือกนำโคมแก้วที่เรียกว่า ‘ความเป็นไปไม่ได้’ มาครอบกักไว้ไม่ให้งอกเงย ผลิดอกออกมา
“ว่าแต่พี่ภูเถอะ เสนอไอเดียมาตั้งเยอะแยะ พี่ไม่ทำเองล่ะ”
เขาส่ายหน้า “ไม่เอาอะ ไม่ใช่แนว”
“นั่นไง พี่ภูก็ไม่ทำเหมือนกัน”
“ไม่เหมือนกัน” เขาพเยิดหน้าไปทางหน้าห้องทำงาน “แค่งานหลักของพี่ก็ทำไม่ทันแล้วเนี่ย”
ดวงศิริมองกล่องลังใส่อุปกรณ์ดนตรีที่รอคิวซ่อมแล้วชักสงสัย นี่ชีวิตพี่ภูของเธอจะต้องมาเก็บตัวทำแต่อะไรพวกนี้จริงๆ เหรอ พวกลูกค้าจะรู้บ้างไหมนะว่านอกจากภูริสจะทำเอฟเฟกต์กีตาร์สุดล้ำ ซ่อมงานฝีมือเทพชนิดที่ว่าที่ไหนซ่อมไม่ได้ ส่งมาที่นี่ซ่อมได้แน่นอนแล้ว เขายังเป็นมือกีตาร์ระดับหาตัวจับได้ยากอีกด้วย
เธอได้ยินเสียงเขาเล่นกีตาร์ไฟฟ้าเพื่อทดสอบเอฟเฟกต์อยู่บ่อยๆ แต่พอเขาจะเล่นเพลงให้ฟังจริงๆ ก็มักเป็นเธอที่ไม่ค่อยว่าง บอกปัดเขาไปหลายครั้ง แต่ถึงไม่ได้ฟังเธอก็รู้ เขานี่แหละมือกีตาร์เทพประทาน
“พี่ภูเปิดช่องไหม รับรองดังระเบิด”
คราวนี้รุ่นพี่หนุ่มยิ้มเขินแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก
“ไม่เอา เขินกล้อง พี่ไม่หล่อ”
“หึย ใครว่าพี่ภูไม่หล่อ หล่อออกนะ”
ความโชคดีจนน่าอิจฉาของชายหนุ่มเชื้อสายไทยจีนคนนี้ก็คือ เขาเป็นส่วนผสมของสองสัญชาติอย่างพอเหมาะพอดี ผิวขาวสะอาดสะอ้าน รูปร่างสูงโปร่ง และเค้าหน้าคมคาย
คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ดวงตาสองชั้นกลมหวานจนผู้หญิงยังอิจฉา หากจะมีเหตุผลให้ภูริสไม่หล่อ ดวงศิริคิดว่ามีแค่สองข้อคือ หนึ่ง เขาเองนั่นแหละที่คิดว่าตัวเองไม่หล่อ กับสอง เขาใช้ชีวิตเรียบง่ายเกินไป ไม่วางตัวให้โดดเด่นน่าสนใจ ในกรณีนี้พี่ชายของเธอมีทั้งสองข้อจนเธอนึกเสียดายแทน
“เนี่ย พี่ภูแค่เปลี่ยนทรงผมหน่อยก็หล่อแล้ว แต่งตัวแฟชั่นอีกนิดหนึ่ง พี่ภูมีดีอยู่แล้วแต่ไม่ชอบดูแลตัวเองนี่นา”
หญิงสาวชะโงกไปใกล้ ใช้นิ้วจิ้มเหนือริมฝีปากเขาเบาๆ
“โกนหนวดออกนะ รับรองหน้าเด็กลงสิบปี”
ภูริสใช้ปลายนิ้วเกลี่ยหนวดตัวเองเบาๆ แอบเขินที่ถูกทักเรื่องไม่ได้โกนหนวด ระยะนี้เขาไม่ค่อยออกจากบ้าน อย่างมากแค่ไปส่งพัสดุแล้วก็กลับ จึงไม่ได้คิดจะดูแลตัวเองให้เนี้ยบเท่าไร อย่างผมที่ปล่อยให้ยาวไม่เป็นทรงนี่ก็ด้วยเหมือนกัน เขาไม่ได้เห็นเป็นเรื่องจำเป็น
“ทำไมล่ะ เป็นตาหนวดแล้วไม่น่ารักเหรอ”
“ก็แหม…โกนแล้วดูดีกว่านะพี่ภู เอาไหมล่ะ เดี๋ยวไว้น้องจะโกนให้”
เขาสบตาเธอนิ่งครู่ใหญ่ ดวงตาเป็นประกายคล้ายขบขัน
“เอาสิ มาเลย”
ทันใดนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ได้ดังขึ้น วูบแรกดวงศิริหวังว่าเป็นพุฒิพงศ์แฟนหนุ่ม แต่ไม่ใช่ เป็นอริสาเพื่อนรักต่างหาก ฝ่ายนั้นส่งเสียงกระตือรือร้นมาทันทีที่หญิงสาวกดรับสาย
“แก ฉันรู้แล้วว่าเคยเห็นมายด์ที่ไหน ก็ว่าแล้วว่าหน้าคุ้นๆ เดี๋ยวส่งลิงก์ให้ แกกดดูเลยนะ”
ลิงก์ที่อริสาส่งให้พาดวงศิริไปสู่เพจขายเสื้อผ้าออนไลน์ที่กำลังไลฟ์สดอยู่ เวลานี้นางแบบที่กำลังสวมชุดสวยขายของนั้น คุ้นหน้าคุ้นตาจนชวนตะลึง
“เฮ้ย นี่มันยัยมายด์นี่นา”
“ก็เออน่ะสิ” อริสาซึ่งยังอยู่ในสายไม่ปิดความตื่นเต้น “เพจนี้ดังอยู่นะ คนติดตามหลักแสน มีไลฟ์เกือบทุกวัน ฉันดูบ้างไม่ได้ดูบ้าง แล้วแต่ว่าง แต่คุ้นๆ ว่าช่วงหลังมีนางแบบคนใหม่มาเสริมรอบดึกสองทุ่มถึงสี่ทุ่ม เพิ่งจะนึกออกตอนเปิดไลฟ์ดูนี่แหละว่าเป็นมายด์เดียวกับที่แกเล่าให้ฟัง”
ดวงศิริทำปากยื่น
“อิโธ่ ทีตอนอยู่ในออฟฟิศมาวางท่านางพญากับฉัน ความจริงก็แค่แม่ค้าขายเสื้อผ้าออนไลน์”
“นี่ ยังจะมีหน้าไปเหยียดเขาอีกนะ แม่ค้าออนไลน์แล้วทำไมยะ”
คนทางนี้แอบสะดุ้ง เพิ่งนึกได้ว่านอกจากมีคาเฟ่เป็นของตัวเองแล้ว อริสากับสกายขายเมล็ดกาแฟคั่วทางออนไลน์เหมือนกัน
“แกลองดูไลฟ์เขาสิ เสื้อผ้าสวยๆ ทั้งนั้นเผื่อแกจะได้ไอเดียเปลี่ยนลุคบ้าง ฉันไปดูคุณมายด์ต่อก่อนละ”
แล้วสายก็ตัดไป ดวงศิริบ่นอุบอิบใส่โทรศัพท์ว่า หมั่นไส้ วันก่อนยังนั่งด่ากับกูอยู่เลย วันนี้เข้าข้างเขาซะแล้ว เชอะ
อริสาแปรพักตร์นั้นยังไม่เท่าไร คุณพี่ชายภูริสสิ ถึงกับไปเปิดสมาร์ตทีวีในห้องนั่งเล่น ตั้งป้อมดูไลฟ์ขายเสื้อผ้าผู้หญิงซะอย่างนั้น
ในจอโทรทัศน์ มนชิดาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่แล้วอธิบายรายละเอียดชัดเจนฉะฉานทว่านุ่มนวลสดใสในคราวเดียวกัน ได้ความรู้สึกเหมือนมีเพื่อนสาวช่วยเลือกชุดตอนไปช็อปปิง
ชุดกระโปรงลูกไม้ทรงบานผูกโบด้านหลังให้ความรู้สึกอ่อนหวานเหมือนเป็นเจ้าหญิงน้อย ครู่เดียวเธอเปลี่ยนใส่ชุดกระโปรงไหมพรมแบบผูกคอด้านหลัง ช่วงอกคล้ายเกาะอก จับจีบย่นเป็นริ้วช่วยพรางตาให้สาวทรงเล็กดูมีหน้าอกมากขึ้น ช่วงเอวเว้าเสริมความเซ็กซี่ ผ้าไหมพรมเข้ารูปพอดีไม่ถึงกับรัดรูป ช่วยขับเน้นความเพรียวและโค้งเว้าของอิสตรีให้น่ามองยิ่งขึ้น
เปลี่ยนกี่แบบก็สวยทุกแบบ ใส่กี่สีก็สวยหมด ดวงศิริเผลอละเมออยากจะกดซีเอฟตาม แต่สติยังยั้งทันว่านางแบบคือคู่ปรับ จึงหยุดยั้งความอยากได้ไว้ทัน
“สวยเนอะ”
เสียงห้าวทุ้มลอยมาเข้าหู ดวงศิริแหวกลับทันใด
“อะไรพี่ภู สนใจแม่ค้าใช่ไหมล่ะ เชอะ ผู้ชายก็เหมือนกันหมด ขนาดพ่อฤๅษีอย่างพี่ภูก็ไม่เว้นหรือเนี่ย”
“หือ ไม่เว้นยังไง ไหนบอกซิ”
“ก็เจอพริตตี้ขาวๆ ตู้มๆ เข้าไป ตบะแตกซะงั้น”
เขาหัวเราะหน้าตาเฉย ทั้งที่เธอควันแทบจะออกหู
“อ้าว เห็นชอบว่าพี่เอาแต่อยู่ในถ้ำ ไม่ยอมหาแฟนสักทีไม่ใช่เหรอ”
“ก็ใช่ แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ”
เวลานี้นางแบบสาวเปลี่ยนลุคใหม่แล้วเป็นจั๊มพ์สูทขาสั้นลูกคุณหนู ดีเทลลูกไม้ขาวเนื้อละเอียด ช่วงแขนเป็นแขนยาวพอง ความยาวขากางเกงกำลังน่ารัก ทรงปลายบานเล็กน้อยช่วยให้ขาขาวเนียนของมนชิดาดูเรียวยาวยิ่งขึ้นอีก
ดูเผินๆ ชุดนี้ใส่แล้วดูน่ารักน่าทะนุถนอม แต่ด้วยความที่ซับในเป็นสีเนื้อ ดวงศิริคิดว่าดูไปดูมาก็เซ็กซี่ชวนจินตนาการบอกไม่ถูก
ภูริสลุกไปเอาของหวานมาเสิร์ฟ เป็นไอศกรีมที่อริสาฝากมาให้เมื่อวันก่อน รสคุกกี้ครีมชีสสำหรับเธอและดาร์กช็อกโกแลตสำหรับตัวเขาเอง ดวงศิริตักเข้าปากไปก็ยิ้มตาพริ้มไป
ส่วนชายหนุ่มนอนเอกเขนก ละเลียดไอศกรีมพลางดูไลฟ์ไปด้วย ท่าทางคุณพี่ท่านจะเพลิดเพลินเจริญตาน้อยเสียที่ไหน
เธอละชักจะหมั่นไส้
“พี่ภูเปลี่ยนไปดูอย่างอื่นเถอะ ไม่ดูอันนี้แล้ว”
เขาหันมาอย่างสงสัย แต่ก็ยื่นรีโมตให้
“ทำไมล่ะ นึกว่าหวานอยากช็อปเสื้อผ้าซะอีก”
“ไม่อะ ไว้หวานช็อปของหวานเอง ช็อปตอนนี้เดี๋ยวมีคนดูพริตตี้น้ำลายหก”
ภูริสหัวเราะอีกแล้ว ไม่รู้ทำไมยิ่งเธอทำหน้ามุ่ยเขายิ่งหัวเราะ
“เปล่าซะหน่อย พี่ก็แค่นึกชื่นชมว่าเขาทำงานหลายอย่างดี เก่งนะเนี่ย”
“หือ พี่ภูรู้ได้ไงว่าเขาทำงานหลายอย่าง”
“ก็…เขาเข้าไลฟ์กะดึกใช่ไหมล่ะ แสดงว่าตอนกลางวันคงไปทำอย่างอื่น เดาว่าเป็นพิธีกร ถ่ายแบบอะไรพวกนี้มั้ง อาชีพแนวนี้ดูเหมือนแค่สวยๆ แต่จริงๆ แล้วพี่ว่าต้องทุ่มเทมากเลยนะ ใช้พลัง สมาธิ ไหวพริบแล้วก็ความสดใส ไหนจะต้องแต่งหน้า ดูแลรูปร่างหน้าตาผิวพรรณของตัวเองอีก…”
“โอ๊ยๆ พอแล้วพี่ภู ขี้เกียจฟังแล้ว”
“อ้าว หรือหวานคิดยังไงล่ะ ไม่คิดเหมือนพี่เหรอ”
หญิงสาวเอามือปิดหู ไม่อยากฟังภูริสชมมนชิดาออกหน้าออกตาแบบนี้อีกแม้แต่คำเดียว ผุดลุกขึ้นขอตัวกลับคอนโดฯ ทิ้งถ้วยไอศกรีมที่ว่างเปล่าไว้บนโต๊ะกระจก ภูริสลุกตามจะข้ามฝั่งไปส่งแต่เธอก็ปฏิเสธเหมือนเช่นทุกครั้ง
แต่ครั้งนี้มีสิ่งหนึ่งต่างไป เธอเดินเร็วเกือบเป็นจ้ำกลับคอนโดฯ ด้วยความตั้งใจแน่วแน่ นับจากนาทีนี้ไปเธอจะหางานพิเศษทำ ไม่ให้น้อยหน้าพริตตี้นางแบบที่ไหนเป็นอันขาด
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 25.1 : ชีวิตใหม่ในแดนไกล
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 24.2 : เมื่อความรักบินจากไป
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 24.1 : เมื่อความรักบินจากไป
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 23.3 : หนึ่งวันสุดท้ายของเรา...ก่อนจากลา
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 23.2 : หนึ่งวันสุดท้ายของเรา...ก่อนจากลา
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 23.1 : หนึ่งวันสุดท้ายของเรา...ก่อนจากลา
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 22.3 : คนที่ใช่ ไม่ต้องพยายาม
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 22.2 : คนที่ใช่ ไม่ต้องพยายาม
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 22.1 : คนที่ใช่ ไม่ต้องพยายาม
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 21.2 : ไม่อยากให้เขารักกันเลย
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 21.1 : ไม่อยากให้เขารักกันเลย
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 20.2 : เพราะชีวิตยังต้องไปต่อ
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 20.1 : เพราะชีวิตยังต้องไปต่อ
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 19.3 : พระราชาถือเหรียญคนนั้น
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 19.2 : พระราชาถือเหรียญคนนั้น
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 19.1 : พระราชาถือเหรียญคนนั้น
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 18.2 : ไพ่ความรักของมนชิดา
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 18.1 : ไพ่ความรักของมนชิดา
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 17.3 : ความรักครั้งใหม่ของดวงศิริ
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 17.2 : ความรักครั้งใหม่ของดวงศิริ
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 17.1 : ความรักครั้งใหม่ของดวงศิริ
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 16.3 : คุณครูสอนกีตาร์ของมนชิดา
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 16.2 : คุณครูสอนกีตาร์ของมนชิดา
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 16.1 : คุณครูสอนกีตาร์ของมนชิดา
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 15.2 : เพลงที่เธอไม่เคยได้ฟัง
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 15.1 : เพลงที่เธอไม่เคยได้ฟัง
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 14.2 : ศิลปินหนุ่มผู้ไม่จับกีตาร์อีกเลย
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 14.1 : ศิลปินหนุ่มผู้ไม่จับกีตาร์อีกเลย
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 13.2 : ราชินีถือเหรียญผู้จะมาเป็นความรัก
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 13.1 : ราชินีถือเหรียญผู้จะมาเป็นความรัก
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 12.2 : ท่านพ่อร่างทรงองค์เทพ
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 12.1 : ท่านพ่อร่างทรงองค์เทพ
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 11.3 : แด่ผู้ชายเฮงซวยที่จากฉันไป
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 11.2 : แด่ผู้ชายเฮงซวยที่จากฉันไป
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 11.1 : แด่ผู้ชายเฮงซวยที่จากฉันไป
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 10.2 : ดวงปีนี้มีเกณฑ์เสียเงินก้อนใหญ่
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 10.1 : ดวงปีนี้มีเกณฑ์เสียเงินก้อนใหญ่
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 9.2 : เซอร์ไพร้ส์ในวันครบรอบ
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 9.1 : เซอร์ไพร้ส์ในวันครบรอบ
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 8 : ไพ่เจ็ดดาบในตำแหน่งความรัก
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 7 : ฉันกับเขาเทียบกัน ใครดีกว่า
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 6 : ความรักดีๆ เริ่มที่...เดินสายขอพร
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 5 : ความลับสุดยอดของอริสา
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 4 : งานเสริม กระเป๋าสอง
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 3 : ดวงความรักปีนี้มีเกณฑ์รักซ้อน
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 2 : คู่ปรับสาวจอมหยิ่ง
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 1 : นักออกแบบสาวฟ้าประทาน