ตราบหัวใจไม่แพ้ บทที่ 3 : จนตรอก

ตราบหัวใจไม่แพ้ บทที่ 3 : จนตรอก

โดย : พรรณสิริ

Loading

ตราบหัวใจไม่แพ้ นวนิยายจากโครงการช่องวันอ่านเอาปีที่ 2 โดย พรรณสิริ แม้สังเวียนแห่งการต่อสู้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่องอาจก็ไม่เคยหวั่น หากเมื่อเป็นสังเวียนหัวใจกลับยิ่งยากกว่า ระหว่าง ‘รุ้ง’ ดอกฟ้าที่ทุกคนหมายปอง กับ ‘หลี’ เด็กสาวธรรมดาที่ไม่เคยทอดทิ้งเขาไปไหน ใครคือคนที่ใช่…นิยายออนไลน์ที่เราอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

หลีเดินผ่านสมาชิกในค่ายเกียรติประชาที่รวมตัวกันอยู่หน้าโทรทัศน์  ไม่มีใครสนใจเธอเพราะกำลังลุ้นผลมวยคู่เอกยามบ่ายวันอาทิตย์ การชกในจอไม่น่าสนใจเท่ากับปฏิกิริยาของคนเชียร์

แววตานับสิบคู่ลุกโพลงด้วยความหวัง แต่จะมีสักกี่คนกันที่ชื่นชมความงดงามของศิลปะการป้องกันตัว เงินเดิมพันต่างหากที่ทำให้คนดูติดหนึบอยู่หน้าจอและลุ้นผู้ชนะตัวโก่งจนนั่งไม่ติดเก้าอี้

เธอปัดเรื่องที่ไม่ใช่ธุระกงการของตัวเองทิ้งไป หิ้วตะกร้าหวายตัวเอียงเดินทะลุผ่านไปยังเวทีมวยด้านใน

หลีไม่ได้วางแผนจะมาหาองอาจที่ค่าย บังเอิญแวะไปรับไก่คั่วเค็มที่ห้องเช่าของย่าอุ่น ผู้สูงวัยจึงอาศัยไหว้วานช่วยส่งเสบียงให้หลานชายที่กำลังเก็บตัวซ้อมอย่างไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน

ย่าอุ่นมีฝีมือในการรวนไก่คั่วเค็มระดับภัตตาคาร แม่ของหลีจึงมักซื้อไก่สดทั้งตัวให้ช่วยปรุงแลกกับค่าจ้างเล็กๆ น้อยๆ

‘เห็นจ่าบอกว่ามันซ้อมหนัก เตรียมตัวขึ้นชกเวทีใหญ่ กับข้าวในค่ายมีแต่วิญญาณหมูวิญญาณไก่ ย่าอยากให้ได้กินของดีๆ จะได้มีแรงซ้อม’ หญิงชราเลื่อนตะกร้าสานมาตรงหน้า ภายในมีกล่องทัพเพอร์แวร์และผลไม้อีกจำนวนหนึ่ง

เธอจึงจำใจหิ้วไก่คั่วเค็มมาให้ถึงค่ายมวย ทั้งที่ไม่อยากมา มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะได้เห็นภาพบาดตาบาดใจ

‘ทีซื้อหวยไม่ยักถูก’ เจ้าตัวเบ้ปาก

เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เมื่อเห็นดาวประจำโรงเรียนนั่งก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ข้างเวทีผ้าใบ สุดสัปดาห์ทั้งที คนเห่อแฟนจะไปไหนได้ ถ้าไม่มาคลุกอยู่ด้วยกันที่นี่

‘ดูสิว่าจะตัวติดกันได้สักกี่วัน นักมวยดาวรุ่งกับเน็ตไอดอลประจำอำเภอ ชิ’’ หลีเบ้ปาก นึกค่อนในใจ

ใครๆ ก็รู้ว่ารุ้งเนื้อหอม มีหนุ่มๆ ตามจีบหัวบันไดไม่แห้ง ช่วงนี้ดูจี๋จ๋ากับองอาจเป็นพิเศษเพราะเขาคอยเอาอกเอาใจพาซ้อนมอเตอร์ไซค์โฉบเฉี่ยวไปทั่วเมือง

หลีปั้นหน้าให้เป็นปกติ เดินไปหยุดอยู่ข้างเวที ไม่ได้ทักทายคนที่นั่งอยู่ก่อนแต่หยิบโทรศัพท์ออกมา บันทึกวิดีโอการซ้อมบนเวที ตั้งใจจะเอาไปเปิดให้ย่าอุ่นดูพัฒนาการของหลานชาย

รุ้งรู้ตัวว่ามีคนมายืนอยู่ข้างๆ จึงเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นเป็นหลีจึงทักขึ้นลอยๆ “วันนี้ว่าง ไม่ต้องขายของหรือ”

“อืม” หลีพึมพำตอบในลำคอ สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าจอสลับกับบนเวที

“ฮึบ ฮึบ ฮึบ” คนบนเวทีส่งเสียงดังฮึดฮัดยามเหวี่ยงหมัดออกไปกระทบเป้า ต้นขาซึ่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามหวดเข้าใส่จนพี่เลี้ยงที่ถือเป้าอยู่หัวสั่นหัวคลอน

หลีกลืนน้ำลายดังเอื๊อก องอาจบนเวทีมีท่าทางเอาจริงเอาจังค่อนไปทางประทุษร้ายผิดไปจากเด็กหนุ่มขี้เล่นไม่เอาไหนในชั้นเรียนลิบลับ

ในชีวิตประจำวัน องอาจมักจะอยู่ในชุดวอร์มมิดชิดหรือไม่ก็ชุดนักเรียน นานๆ ทีจึงจะได้เห็นเพื่อนสวมกางเกงมวย เหงื่อไคลที่ไหลท่วมลำตัวท่อนบนซึ่งเปลือยเปล่าอยู่ ทำให้เขาดูดุดันราวกับพยัคฆ์ร้าย

เมื่อได้ความยาวของวิดีโอเป็นที่น่าพอใจแล้ว เธอจึงทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เพื่อนร่วมชั้น เหล่มองกระเป๋าสะพายใบสวยด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น

“กระเป๋าสวยจัง สงสัยคงแพงน่าดู” หลีหยั่งเชิง

“ก็ไม่เท่าไหร่หรอก แค่สามหมื่นเอง” รุ้งลอยหน้าลอยตาอวด

พอรู้ว่าองอาจติดซ้อมมวย มารับไปเที่ยวไม่ได้ เธอก็แสร้งทำเป็นกระบึงกระบอนใส่ ไม่กี่วันเขาก็ซื้อกระเป๋าใบนี้มาง้อ ง่ายดายถึงเพียงนี้

“โอ้โห แพงขนาดนั้นเชียว ใครซื้อให้ล่ะ”

รุ้งส่งสายตาขึ้นไปบนเวที ส่งรอยยิ้มเชือดเฉือนอย่างคนที่รู้ตัวว่าถือไพ่เหนือกว่า

หลีเบ้ปากอย่างขัดใจ นึกเวทนาเพื่อนสนิท กว่าจะได้เงินมาแต่ละบาทแต่ละสตางค์ องอาจต้องอาบเหงื่อต่างน้ำฟิตซ้อมร่างกาย เจ็บตัวทุกครั้งเวลาขึ้นชก แทนที่เจ้าตัวจะเก็บเงินที่ได้จากน้ำพักน้ำแรงเอาไว้ใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเอง กลับเอาไปซื้อกระเป๋าประเคนสาวเสียได้

“เธอสวยอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องใช้กระเป๋าแพงๆ เลย เงินตั้งสามหมื่น เอาไปซื้อทองใส่ยังจะดีเสียกว่า”

หลีจำคำพูดของมารดาขึ้นใจ นางหยกไม่เคยเดินเข้าธนาคาร หากมีเงินสดเหลืออยู่ในมือ จะดิ่งเข้าร้านทองทันที

“เรารู้ว่าเธอสนิทกับเอ้มาก ถ้าไม่พอใจที่เอ้ซื้อกระเป๋าให้เรา แต่กลับซื้อแค่หูฟังโทรศัพท์ให้เธอ ก็ไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง ไม่ใช่มาเหวี่ยงใส่เรา” รุ้งกระทุ้งกลับให้บ้าง เมื่อสัมผัสได้ถึงความไม่เป็นมิตรในน้ำเสียงของเพื่อนร่วมชั้น

เธอรู้ว่าหลีสนิทสนมกับองอาจมากแต่ก็แค่ในฐานะเพื่อน เธอจึงมีสิทธิ์ที่จะคบหาเขาได้อย่างเปิดเผย ต่อให้หลีเป็นแฟนองอาจจริงๆ เธอก็ไม่แคร์ เพราะของแบบนี้ขึ้นอยู่กับผู้ชายว่าจะเลือกใคร

“เราจะมีสิทธิ์อะไรไปวีน ใช่เงินเราเสียที่ไหน” สาวหมวยหน้าเสีย เมื่อตระหนักว่าตัวเองเผลอแสดงความรู้สึกให้อีกฝั่งจับได้ “ฝากตะกร้านี่ให้เอ้หน่อย บอกด้วยว่าย่าอุ่นฝากมาให้ เราไม่รอแล้ว ต้องรีบกลับไปเตรียมของขายเย็นนี้”

“ได้สิ ไว้เจอกันที่โรงเรียนนะ” รุ้งยกมือขึ้นโบกน้อยๆ เอียงคอ ลอยหน้าลอยตาส่งยิ้มให้

เมื่อเพื่อนร่วมชั้นคล้อยหลังไปแล้ว เน็ตไอดอลสาวก็กลับไปให้ความสนใจโทรศัพท์ในมือต่อ ใช้เวลาว่างระหว่างนั่งรอให้เป็นประโยชน์ด้วยการตอบข้อความของบรรดาหนุ่มๆ ที่ทักทายเข้ามา

แม้สนิทสนมกับเพื่อนร่วมชั้นเป็นพิเศษ แต่สาวมัธยมปลายบอกตัวเองว่ายังเร็วเกินไปที่จะตกลงปลงใจกับใครสักคน อนาคตอันเรืองรองยังคอยอยู่เบื้องหน้า ดาวโรงเรียนอย่างเธอต้องไปได้ไกลกว่านี้ แต่ก็ไม่เห็นเป็นอะไร หากจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เบี้ยบ้ายรายทางจากบรรดาหนุ่มๆ แถวนี้ไปก่อน

 

“เรากลับก่อนนะ วันจันทร์เจอกันที่โรงเรียน” รุ้งช้อนสายตาหวานส่งให้ อ้อยอิ่งอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะปลดมือออกจากการเกาะกุมของนักมวยหนุ่มและเปิดประตูรถแท็กซี่ขึ้นไป

องอาจโบกมือให้จนรถเคลื่อนพ้นสายตา รีบพุ่งกลับไปหาสมาชิกในค่ายที่รวมตัวกันอยู่หน้าจอทีวี

“ตกลงใครชนะ” เพราะต้องลงนวมซ้อมกับพี่เลี้ยง ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้นั่งเชียร์มวยเหมือนคนอื่น

“มึงต่อไว้เหมือนกันใช่ไหม เหี้ยเอ๊ย ถูกแดกกันโดยถ้วนหน้า วันนี้เพชรพระพายแม่งเหมือนถูกวางยา ปล่อยให้อีกฝ่ายแตะจนขาเปลี้ย ลงไปกองกับพื้นตั้งแต่ยกสาม กูละเจ็บใจฉิบหาย” นักมวยอีกคนสบถอย่างหัวเสีย

บทวิเคราะห์หลายสำนักเทใจให้นักมวยดาวรุ่งฟอร์มดี แต่สุดท้ายกลับท่าดีทีเหลว พาให้นักพนันกระเป๋าฉีกไปตามๆ กัน

องอาจถึงกับหน้าซีดเผือด ถลาไปเปิดตู้ล็อกเกอร์ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอ่านข้อความในกลุ่มลับที่เปิดไว้รับพนันมวยโดยเฉพาะ ขนท้ายทอยลุกชัน เนื้อตัวเย็นเฉียบขึ้นมาดื้อๆ เมื่อเห็นข้อความ

วงการมวยกับการพนันเป็นของคู่กัน นักมวยในค่ายหลายคนแอบเล่นพนันลับหลังจ่าประชา อาจเป็นเพราะชีวิตขาดสีสัน ตื่นขึ้นมาก็ต้องซ้อม ซ้อมแล้วพัก พักแล้วซ้อมใหม่ หมุนเวียนไปจนถึงเวลาเข้านอน องอาจเองก็ริแทงมวยตามเพื่อนร่วมค่าย ได้บ้างเสียบ้างไม่ถึงกับทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อน แต่งวดนี้ เขาทุ่มหนักจนเจ้ามือถึงกับต้องย้ำให้แน่ใจอีกรอบว่ายอดเงินแทงที่แจ้งมา ไม่ได้พิมพ์เลขศูนย์เกินไปหนึ่งตัว

องอาจทุ่มเกินหน้าตัก หวังจะได้เงินไปจ่ายค่าผ่อนรถมอเตอร์ไซค์ที่ขาดส่งมาสามงวดแล้ว

เงินสดร่วมแสนที่ได้มาจากค่าชกและค่าอัดฉีดจากไฟต์ก่อนละลายหายไปในพริบตา หลังจ่ายค่าดาวน์มอเตอร์ไซค์และซื้อทองเส้นเท่าหนวดกุ้งให้ย่า เงินที่ตั้งใจสำรองไว้จ่ายค่างวดรถระหว่างที่ยังไม่ได้ขึ้นชกหมดไปกับการเที่ยวเตร่และซื้อกระเป๋าให้สาวในดวงใจ ช่วงทำคะแนนจะมาทำเป็นเขียมไม่ได้ กลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจไปหาสุธี นักมวยรุ่นพี่ที่เพิ่งถอยรถกระบะสี่ประตูออกมาเกทับเขา

การใช้เงินเกินตัวก็เหมือนชกมวยข้ามรุ่น เขาจึงไม่รู้ว่าจะหาเงินจากไหนมาผ่อนมอเตอร์ไซค์ต่อ ไหนจะเงินค่าเช่าบ้านและค่าใช้จ่ายที่ต้องส่งให้ย่าอีก

พอไปคุยกับเฮี้ยงเรื่องขอผ่อนผันค่างวด คำตอบที่ได้รับถึงกับต้องนอนก่ายหน้าผาก

‘มึงต้องไปคุยกับไฟแนนซ์ว่ะ กูเป็นแค่คนขาย ไฟแนนซ์จ่ายค่ารถมาให้แล้วก็จบกัน ค้างจ่ายมากี่งวดแล้วล่ะ รีบไปหามาจ่ายก่อนสักงวดก็ยังดี ไม่อย่างนั้นมันตามยึดรถมึงถึงค่ายแน่ แต่ถ้าไม่มีจริงๆ กูให้กู้ก่อนได้ ลดดอกเบี้ยให้พิเศษในฐานะคนกันเอง เหลือแค่ร้อยละสิบห้าต่อเดือนพอ’

เฮี้ยงไม่ได้คิดที่จะช่วยเหลือจริงจัง แต่กำลังพยายามบีบให้นักมวยหนุ่มขายรถคืนให้ในราคาถูกเหมือนได้เปล่า

แม้จะสนิทกัน แต่การกู้เงินจากเฮี้ยงไม่เคยอยู่ในหัว ภาพที่ลูกน้องเจ้าพ่อเงินกู้กระทืบพ่อค้าในตลาดเพราะขาดส่งดอกเบี้ยรายวันยังติดตาอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่อยากให้รุ้งรู้ว่ากำลังจนตรอก

เขาจะเชิดหน้าอยู่ในค่ายได้อย่างไร ถ้าต้องคืนรถมอเตอร์ไซค์ที่เพิ่งถอยออกมาโฉบเฉี่ยวได้ไม่กี่เดือนให้ไฟแนนซ์ไป

สัปดาห์ก่อน มีหมายเลขแปลกๆ โทร.เข้ามา องอาจเลี่ยงไม่รับสาย หวังจะซื้อเวลาออกไปอีกสักหน่อย เขาพยายามขอจ่าประชาขึ้นชกนัดย่อยๆ ตามเวทีงานวัด หวังพอให้ได้ค่าตัวสักสามสี่พันก่อนก็ยังดี แต่เจ้าของค่ายซึ่งไม่รู้ว่านักมวยในสังกัดกำลังประสบปัญหาการเงินไม่อนุญาต เพราะกลัวร่างกายบอบช้ำ หายไม่ทันขึ้นชกนัดสำคัญ

พอเข้าตาจนจริงๆ องอาจจึงหันเข้าหาวงการพนันมวยใกล้ตัว

“ไงล่ะ หน้าจ๋อยเหลือสองนิ้ว แสดงว่าถูกจ้าวแดกละสิ อย่างนี้แหละ การพนันมีได้มีเสีย ไว้อาทิตย์หน้าค่อยแก้มือใหม่” บุญส่ง พี่เลี้ยงคู่บุญของสุธีตบไหล่องอาจเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจ

“วันก่อน มีคนมาถามหาเอ็ง เขาบอกว่ามาจากบริษัทอะไรสักอย่าง ข้าจำชื่อไม่ได้ บอกว่าเอ็งไม่ได้จ่ายค่างวดรถมาหลายเดือนแล้ว”

“เขาคุยกับใคร ไม่ใช่ลุงจ่าใช่ไหม”

“เจอข้าสิ ขืนเจอน้าจ่า มึงไม่ได้มายืนพูดจ้อยๆ อยู่แบบนี้หรอก สรุปว่ามึงขาดส่งค่างวดเขาจริงๆ ใช่ไหม”

องอาจหน้าแห้ง “สามเดือนแล้ว วันนี้อุตส่าห์หวังว่าจะชนะ จะได้เอาไปโปะก่อนสักงวดก่อน โอ๊ย! ปวดกบาลชะมัดเลย” เจ้าตัวฟึดฟัด เกาหัวแกรกๆ อย่างไม่รู้จะทำอย่างไร

“มึงเป็นลูกรักน้าจ่า ทำไมไม่ขอเบิกค่าชกล่วงหน้าก่อนล่ะวะ”

“โธ่ พี่ส่ง ขืนลุงจ่ารู้ก็ได้ด่าฉันเปิงพอดี” องอาจไม่อยากถูกซักไซ้ไล่เลียงว่าเงินค่าตัวรวมถึงเงินที่ได้รับอัดฉีดรวมๆ กันร่วมแสนบาทละลายหายไปไหนหมด

“ค่างวดรถสามเดือน มันเท่าไหร่วะ เอาอย่างนี้ กูให้ยืมก่อนเอาไหม”

“พี่มีเงินให้ฉันยืมจริงๆ หรือ ฉันติดเขาหลายหมื่นอยู่นะ” ดวงตานักมวยหนุ่มเป็นประกายด้วยความหวัง

“ไม่ใช่เงินกู เป็นเงินพรรคพวกกันเนี่ยแหละ แต่มีข้อแลกเปลี่ยนหน่อย เอ็งทำได้ไหมล่ะ ถ้าได้ เดี๋ยวกูให้เขาโอนเงินให้เลย เอาไปปิดยอดที่ค้างอยู่ให้จบเรื่องจบราวไป จะได้ไม่ต้องมานั่งลุ้นทุกเดือนว่าจะมีเงินผ่อนไหม”

“พี่จะให้ฉันทำอะไร แล้วทำไมเพื่อนพี่ถึงใจดี หรือว่าเขาเป็นพวกปล่อยเงินกู้อย่างเฮียเฮี้ยง ดอกแพงไหม ถ้าดอกแพง ฉันไม่ไหวนะ”

“ถ้าเอ็งรับงานนี้ เขาให้เลยโว้ย ไม่ต้องกู้ จะเสียดอกแพงๆ ไปทำไมวะ” บุญส่งกวาดสายตาไปรอบๆ ให้แน่ใจว่าไม่มีใครผ่านมาได้ยิน ก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปกระซิบข้อแลกเปลี่ยนใกล้ๆ

องอาจถึงกับผงะ “เฮ้ย! พี่ จะดีหรือ ผมไม่เคยทำ เกิดถูกจับได้ขึ้นมาจะทำยังไง”

“มึงกลัวอะไรวะ กูอยู่วงการนี้มาร่วมยี่สิบปี ยังไม่เคยเห็นใครถูกจับได้เป็นเรื่องเป็นราว ต่อให้ถูกจับได้ อย่างดีก็ถูกแบนแค่ไม่กี่นัด ทิ้งช่วงไม่กี่เดือนก็กลับมาชกต่อปร๋อแล้ว” บุญส่งหลอกล่อ

“ถ้าผมล้มมวย ลุงจ่าต้องจับได้แน่ๆ” นึกขึ้นมาแล้วก็รู้สึกยอกแสยง เขาอาจตบตาคนดูได้ แต่จะไม่มีวันตบตาคนที่รู้ฟอร์มการชกของเขาเป็นอย่างดีอย่างจ่าประชาได้

“เอ็งก็ต้องแกล้งแพ้ให้แนบเนียนที่สุดสิวะ ของแบบนี้มันเทรนกันได้ เดี๋ยวข้าสอนให้เอง ไม่ต้องรีบตัดสินใจ ลองเก็บไปคิดสักคืนสองคืนก่อนก็แล้วกัน ค่าตัวขึ้นชกแค่ไม่กี่หมื่น แกล้งแพ้น็อกให้สมบทบาทครั้งเดียวได้เงินเป็นแสนๆ หรือจะปล่อยให้รถถูกยึด อยากขายขี้หน้าสาวก็ตามใจ” บุญส่งทิ้งท้าย ก่อนเดินจากไป



Don`t copy text!