ธามทศ ล่ากฎหลอน บทที่ 1 : กฎสยอง

ธามทศ ล่ากฎหลอน บทที่ 1 : กฎสยอง

โดย : ไข่เจียวหมูสับ

Loading

ธามทศ ล่ากฎหลอน โดย ไข่เจียวหมูสับ หรือ สรสิทธิ์ เลิศขจรสุข กับเรื่องราวของธามทศและเมืองสมมติที่เต็มไปด้วยกฎแปลกๆ ที่อันตรายถึงชีวิต เขาจะเอาชีวิตรอดจากกฎหลอนที่ว่าไหม ตัวแปรมากมายที่เข้ามาเกี่ยวข้องจะทำให้เขาต้องทิ้งลมหายใจในเมืองสมมติแห่งนี้หรือเปล่า อ่านนวนิยายออนไลน์จากอ่านเอาได้ใน anowl.co

เสียงน้ำหยดดังแหมะเริ่มถี่ขึ้นอย่างรู้สึกได้ แต่กลับหาแหล่งที่มาไม่ถูก ทั้งที่เธอนั่งอยู่ไกลจากแหล่งน้ำด้วยซ้ำ ด้านบนเพดานหรือพื้นก็ไม่ปรากฏรอยรั่วแต่อย่างใด แต่เสียงแหมะนั้นกลับใกล้เพียงข้างหู และดังขึ้นเรื่อยๆ ทีละน้อยๆ

เจ้าตัวเริ่มสั่นและวิตก ผุดลุกขึ้นมานั่งบนเตียงสีเขียวอ่อน มองไปรอบกายก็ไม่พบอะไรนอกจากโต๊ะ ตู้ เตียงและอุปกรณ์ตกแต่งภายในบ้านที่วางเรียงรายกันเป็นทางยาวสุดลูกตา แม้จะเปิดไฟไปทั้งชั้นแต่ก็ไม่ช่วยอะไรเลย

เธออยู่ในชั้นสามของอาคารศูนย์รวมเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งในบ้านเพียงลำพัง ในเวลาตีสองสี่สิบนาทีของวันเสาร์

อีกสองชั่วโมงนิดๆ จึงจะออกไปได้…มันควรจะเป็นงานง่ายๆ ที่ได้เงินดี สาวผมบลอนด์ที่ดัดเป็นลอนสวยคิดในใจ แต่คงสายไปที่จะขอยกเลิกงานอาสาสมัครนี้ บิลค่าสมาร์ตโฟนเครื่องใหม่นั่นน่ากลัวไม่แพ้เสียงหยดน้ำหรอก

ต้องผ่อนอีกเจ็ดเดือน ยังไม่รวมค่าเสื้อโคตเมื่อวานอีก เธอย้ำกับตนเองเพื่อสร้างความกล้า

ก่อนที่เสียงคนเดินจะทำให้เธอตกใจ สะดุ้งเฮือกครั้งหนึ่งและลุกขึ้นมายืนบนเตียง ส่องไฟฉายไปมาทั้งที่ทั้งชั้นยังสว่างโร่ก็ไม่พบใคร ไม่แน่ใจว่าเสียงมาจากทิศใด แต่เป็นเสียงคนเดินแน่นอน

เธอหย่อนกายลงบนเตียงอีกครั้ง ยังดีที่หัวเตียงติดกำแพง จึงไม่ต้องระแวงหลัง

หยิบกระดาษใบหนึ่งขึ้นมาดูด้วยมือสั่นเทา ไอ้กฎบ้าเอ๊ย

บนกระดาษสีขาวมีตัวหนังสือที่จัดทำผ่านคอมพิวเตอร์อยู่ครึ่งหน้า จั่วหัวไว้ว่า

กฎการเดินชมสินค้าของอาคาร ALM+ เฟอร์นิเจอร์ ในวันศุกร์สุดท้ายของเดือน

มันมีแปะไว้ในอาคารนี้หลายจุด แต่ที่อยู่ในมือนั้นมาจากผู้ว่าจ้าง แม้ข้อมูลด้านในจะไม่ต่างกันกับแผ่นอื่นและเคยอ่านมาหลายรอบแล้ว แต่เธอก็ยังบังคับตัวเองให้อ่านรายละเอียดซ้ำอีกครั้ง ระแวงว่าทำอะไรผิดไปหรือไม่

ถึงผู้ที่เข้ามาในอาคาร ‘ALM+ เฟอร์นิเจอร์ ในวันศุกร์สุดท้ายของเดือน’ ทางเราขอแสดงความเสียใจที่ท่านกำลังจะได้รับความไม่สะดวกเป็นอย่างมาก แต่เราขอย้ำว่าได้เคยแจ้งไปแล้วหลายครั้งทั้งทางระบบออนไลน์และการแจ้งเตือนหน้าทางเข้าหลัก

อย่างไรก็ตาม ท่านจะออกไปได้อย่างปลอดภัย หากกระทำตามกฎของสถานที่ ดังนี้

๑. หากท่านเข้ามาภายในวันศุกร์สุดท้ายของเดือน ไม่ว่าจะกี่โมงก็ตาม ท่าน ‘ห้าม’ ออกไปจากอาคารแห่งนี้ ‘ก่อนเวลาตีห้าของอีกวัน’ เป็นอันขาด ไม่ว่าจะออกทางประตูหลัก ทางหน้าต่าง หรือทางใดก็ตาม

การก้าวส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย หรือแม้แต่สัมภาระแม้เพียงเล็กน้อย จะถือว่าท่านได้ออกไปจากสถานที่แห่งนี้แล้ว และจะได้รับผลเสียอย่างคาดไม่ถึง เชื่อเถิดว่าท่านจะเสียใจภายหลังอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม หากเป็นฝุ่นหรือสารคัดหลั่งเล็กน้อยจากร่างกายท่านได้ลอยออกไปจากอาคารนี้ ไม่ถือเป็นการผิดกฎแต่อย่างใด

๒. ภายในอาคารแห่งนี้เต็มไปด้วยเรื่องประหลาดที่ท่านไม่พึงปรารถนาจะได้พบ และมันจะทำให้ท่านบาดเจ็บหรือแม้กระทั่งเสียชีวิตได้โดยง่าย ขอให้ใช้ความระมัดระวังอย่างเต็มที่

‘และเราขอแนะนำว่าชั้นสองของอาคารจะเป็นชั้นที่ปลอดภัยที่สุด’

๓. ท่านสามารถใช้เวลาทั้งวันในการเดินชมสินค้าได้ตามสะดวก หรือจะใช้ห้องสุขา ห้องรับแขก (ที่มีอาหารว่างและน้ำเล็กน้อยพอประทังหิว) ก็ไม่ผิดกฎแต่อย่างใด แต่เราไม่แนะนำให้ทำ ทางที่ดีท่านควรเลือกที่นั่งหรือที่นอนบนชั้นสองของอาคาร และทำอย่างไรก็ได้ให้หลับหรือหมดสติ เวลาที่ท่านไม่รู้สึกตัวคือเวลาที่ปลอดภัยที่สุด

อย่างไรก็ตามหากท่านหลับไม่สนิทหรือแม้แต่เข้าสู่กระบวนการฝัน นั่นจะถือเป็นช่วงที่อันตรายที่สุด

๔. ไม่ว่าจะมีเสียงหรือเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นในอาคาร ห้ามท่านเตลิดกระทั่งหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้โดยเด็ดขาด

๕. การพยายามติดต่อสื่อสารกับภายนอกอาคารนั้นถือเป็นการออกนอกอาคารไปแล้ว และจะได้รับผลร้ายไม่ต่างกัน

๖. เมื่อถึงเวลาตีห้าของอีกวัน แม้จะไม่มีสัญญาณเตือนหรือเวลาบอก แต่ท่านจะทราบด้วยตนเอง หากยังมีชีวิตอยู่ ขอให้ท่านออกไปจากอาคารนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเมื่อออกนอกประตูไปแล้ว อย่าได้หันหลังกลับมา แน่นอนว่าหากไม่ทำตามกฎข้อนี้ก็ไม่มีเหตุร้ายอะไรถึงแก่ชีวิต เพียงแต่ท่านจะพบกับสิ่งที่จะติดตรึงในสมองไปตลอดอายุขัยเท่านั้นเอง

ขอให้ท่านปฏิบัติตามกฎของอาคารแห่งนี้อย่างเคร่งครัดและมีชีวิตรอดกลับไป เรารอคอยการมาใช้บริการของท่านอีกครั้งเสมอ

 

กราบขอบพระคุณ

โอเค…อีกชั่วโมงครึ่งจะได้ออกไป เอาเข้าจริงนอกจากเสียงน้ำหยดกับเสียงคนเดินพวกนี้ โดยรวมแม่งก็ไม่ได้น่ากลัวสักเท่าไร หญิงสาวหยิบขวดน้ำขึ้นมาจิบ ก่อนจะบ้วนออกเมื่อรู้สึกถึงรสแปร่ง

และน้ำที่พ่นออกจากปาก เมื่อกระทบกับผ้าปูเตียงสีขาวดังแหมะ จึงได้รู้ว่ามันเป็นสีเลือด!

เชี่ย! เธอเขวี้ยงขวดน้ำลงกับพื้น รสปร่ายังคงวนเวียนในปากและคอ พยายามบ้วนออกแต่ก็ไม่ได้ผล และแล้วก็มีเสียงเหมือนประตูกำลังเปิด เสียงเอี๊ยดที่เสียดถึงแก้วหู หันไปโดยรอบก็ไม่เห็นอะไร คงจะเป็นเสียงบ้าๆ ที่ทำได้แค่หลอนเหมือนคราวก่อนๆ

แค่ครั้งนี้แตกต่าง เมื่อเสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ สอดส่องไปมาจึงพบที่มาของมัน เสียงมาจากตู้เก็บเสื้อผ้าสีเขียว เป็นตู้ประตูบานพับสองด้านสูงชะลูด ที่บานซ้ายจะมีกระจกประดับอยู่

ตู้เวรนั่นตั้งอยู่ตรงข้ามกับปลายเตียง ขวางด้วยเส้นทางเดินหลักของโซนนี้ เวรละ ตู้หันหน้ามาทางนี้พอดีเลยด้วย

เธอตั้งท่าจะชิ่ง แต่ก็นึกขึ้นได้ถึงกฎข้อสี่

ไม่ว่าจะมีเสียงหรือเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นในอาคาร ห้ามท่านเตลิดกระทั่งหนีออกไปจากที่แห่งนี้โดยเด็ดขาด

โอเค งั้นต้องหนีจากตู้ที่กำลังจะเปิดนี้ช้าๆ ถ้าหนีไม่ทันก็คงจะมีอะไรออกมา แต่ต้องใจเย็นๆ ห้ามตกใจถึงขั้นวิ่งหนีออกจากตึกนี้ เธอเตือนสติตนเองซ้ำไปมา ก่อนจะเข้าร่วมงานพิเศษนี้ก็มีอบรมมาบ้างแล้ว ยังไงก็ต้องรอดออกไปให้ได้

ค่อยๆ ลงจากเตียง เดินข้ามไปยังเตียงอื่นๆ ที่วางถัดออกไป ไม่ควรเดินตรงทางเดินหลัก เพราะจะใกล้กับตู้สีเขียวเกินไป

ก้าวไปทีละเตียง ทีละเตียง แอบมองดูก็พบว่าประตูตู้เปิดออกพอควรแล้ว แต่ด้านในนั้นมืดเกินจะมองเห็นได้ เธอบอกตัวเองว่าห้ามละสายตานานเกินไป หากมีตัวอะไรออกมาจะได้รับมือถูก

เอาละ เตียงที่สี่ ถ้าข้ามเตียงนี้ไปได้ก็จะอยู่ในมุมที่มองไม่เห็นข้างในตู้แล้ว ที่เหลือก็แค่ไปที่ทางเดินหลักตรงปลายเตียง ไปอีกหน่อยก็เป็นทางออกสู่ชั้นล่าง

แต่พอก้าวขึ้นเตียงที่สี่ซึ่งปูด้วยผ้าสีฟ้าหม่น ผ้าทั้งสี่ฝั่งก็หลุดจากฟูก และหุบเข้ามาคลุมร่างเธอไว้!

หญิงสาวร้องกรี๊ดลั่น พยายามดิ้นแต่ไม่หลุด เธอมัวแต่กังวลกับตู้เชี่ยนั่นเกินไป!

มองผ่านผ้าคลุมเตียงสีฟ้า เห็นเงาจำนวนมากมาจากไหนไม่ทราบ ค่อยๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เธอรีบกลิ้งตัวลงจากเตียง เกิดเสียงดังปั้ก แต่ได้ผล ผ้าคลุมคลายออกจากกันแล้ว และสิ่งที่เห็นโดยไม่ผ่านผ้าก็ไม่ต่างอะไรกับเมื่อครู่ มันเป็นเงาทะมึนยืนเต็มไปหมด

เชี่ย…เชี่ย…สองเท้าเริ่มออกวิ่งลงไปยังบันไดเลื่อนที่ไม่ทำงาน แต่วิ่งเท่าไรก็ไม่ถึงชั้นล่างเสียที

สายตาจ้องไปยังพื้นที่ชั้นล่าง อันเป็นโซนเครื่องใช้ในออฟฟิศ ตู้เหล็กสำหรับเก็บเอกสารที่เรียงรายอยู่นั้นกำลังเปิดออกพร้อมๆ กัน จากนั้นเงานับสิบก็คลานออกมาจากในตู้ เก้าอี้แทบทุกตัวหมุนอย่างบ้าคลั่ง

ฉิบหายแล้ว!

เธอไม่มีทางไป กลับหลังไปที่ชั้นสองก็พบว่ามีตู้เสื้อสีดำสนิทมาขวางทางอยู่ที่ด้านบนบันไดเลื่อน รู้สึกราวกับถูกบังคับให้วิ่งลงด้านล่าง

และปลายทางของบันไดอีกฝั่ง พวกเงาก็เริ่มคลานขึ้นมาแล้ว

เธอถอยหลังชนฝา หรือก็คือตู้สีดำนั่น กรีดร้องสุดเสียงก่อนที่บานประตูฝั่งซ้ายจะเปิดออก และมีเงาสีดำลากเธอเข้าไปด้านใน ตู้ปิดลงพร้อมเสียงตะโกนสุดท้ายว่า ‘ช่วยด้วย’

 

แก้วน้ำถูกเติมเป็นรอบที่สาม พินธาวางเหยือกแล้วยกแก้วซดหมดในรวดเดียว ช่วงเวลาเช่นนี้มักเครียดจัดและคอแห้งแสบเสมอ เมื่อทุเลาจึงกล่าวกับลำโพงของสมาร์ตโฟนรุ่นเก่าด้วยเสียงเคร่งขรึม “ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าไงบ้าง”

เสียงผู้ชายตอบกลับมา “อาสาสมัครสองคนที่เข้ารับการรักษาเมื่อเดือนก่อน หมดลมไปเมื่อเช้าครับ”

“โอย เวรเอ๊ย แล้วอาสาสมัครของเดือนนี้ที่ชื่อ ‘รตี’ ล่ะ”

“ยังมีชีวิตอยู่ครับ…แต่ว่าเธอเกือบๆ จะเสียสติแล้ว” มีความสงสารปนรู้สึกผิดในน้ำเสียง คงเป็นช่วงเวลาที่ลำบากของเขา

พินธาได้ยินก็กุมหน้าผาก คงต้องจ่ายเงินก้อนโตอีกแล้ว ค่าทำศพนั้นเป็นเรื่องจำเป็นที่เข้าใจได้ แต่อาการเสียสติหลังเข้า ‘การร่วมทดลองกฎสยอง’ นั้นเป็นสิ่งที่รับมือยากที่สุด เพราะในสัญญากล่าวไว้ว่าทาง ‘เฮลป์เปอร์’ ต้องรับผิดชอบทั้งค่ารักษาและค่าชดเชยทางจิตใจ ลำพังค่าจ้างอาสาสมัครก็แพงยับฉิบหาย รตีเองก็ดูเหมือนมีใจสู้ ไม่น่าสติแตกแบบนี้เลย

เธอลุกขึ้นถอดเสื้อสูทลำลองสีขาว นั่งลงอีกครั้งอย่างอ่อนแรง อายุเพิ่งจะห้าสิบ แต่กลับรู้สึกเหมือนจะเหยียบร้อยแล้ว งานที่บริหารอยู่มันช่างเครียดจริงๆ

เสียเงินสามก้อนในคราวเดียวงั้นหรือ “แล้วเราได้ในสิ่งที่ต้องการไหม”

“ได้ครับ ดูเหมือนอาสาสมัครจะให้ข้อมูลว่า ห้ามขึ้นเตียงที่มีผ้าคลุม และหากถูกขังอยู่ในตู้เสื้อผ้า การถีบหรือกระแทกประตูให้หลุดถือเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ครับ ตัวอาสาสมัครเองก็ใช้ค้อนเล็กๆ ที่เก็บไว้ตรงกระเป๋ากางเกงทุบประตูตู้ออกมา”

ได้ยินแล้วใจก็เริ่มชื้นและรื่นเริงขึ้น “และคำเตือนที่เราแปะไว้ล่ะ”

“อาสาสมัครคนที่สามแจ้งไว้ตรงกันว่ายังพบได้เมื่อเข้าไปในวันศุกร์สุดท้ายของเดือนครับ ไม่ได้ถูกทำลายแต่อย่างใด ถึงเธอจะยังพูดจาวกวนอยู่เพราะความกลัว แต่เรื่องนี้น่าจะมั่นใจได้แล้ว ไว้หลังจากที่อาการดีขึ้น จะทำการสอบถามเพื่อยืนยันอีกทีครับ”

“เยี่ยม” เธอพูดเสียงดัง “งั้นเติมเรื่องตู้กับผ้าปูเตียงเข้าไป และติดเอาไว้ที่เดิม เท่านี้ก็น่าจะเพิ่มอัตราการรอดของคนที่เผลอเข้าไปยุ่งกับกฎในอาคารนี้ได้ ขอบใจนะกานต์ทั้งที่ไม่ใช่งานส่วนของเธอแท้ๆ”

เสียงขำแห้งของชายหนุ่มดังผ่านลำโพง มีความเขินอายในนั้น “ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจว่าเราขาดฝ่ายลงพื้นที่ ผมเองก็ทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว”

“พวกเราจะลดจำนวนของผู้เคราะห์ร้ายจากกฎพวกนี้ให้ได้มากที่สุด” กานต์กล่าวกับเธออย่างหนักแน่น ก่อนจะขอตัววางสายไป

พินธาเอาหลังพิงพนัก หายใจโล่งขึ้น อาการแสบคอทุเลามากแล้ว ก่อนจะนั่งกังวลกับรายจ่ายและภาษีมูลค่าเพิ่มของเดือนนี้ แต่ยังไม่ทันได้ถอนหายใจก็รับรู้ได้ว่ากำลังถูกจดจ้องอยู่!

ตัวแข็งทื่อบนเก้าอี้ทำงาน สัญชาตญาณที่แม่นยำมาตลอดชีวิตเตือนว่าบางสิ่งนั้นมิได้จ้องจากด้านหลังหรือซ้ายขวา หากแต่เป็นด้านบน กำลังปีนป่ายบนเพดานเหนือหัว ไม่กล้าเดาต่อว่ามีรูปร่างเหมือนสิ่งใด อาจคล้ายแมงมุม คล้ายคน หรือคล้ายผีร้ายที่เกินจินตนาการ ระหว่างที่นั่งนิ่งก็มีเลือดหยดหนึ่งร่วงลงมาแผละที่โต๊ะทำงานเคลือบกระจกใส

ไม่ช้าแรงกดดันก็จาง รู้ทันทีว่าหากมองขึ้นไปก็ไม่พบอะไร แต่ลึกๆ แล้วพินธาทราบดีว่าทั้งหมดนี้เป็นแค่คำเตือน

เตือนถึงสิ่งเลวร้ายที่กำลังจะเกิดในภายภาคหน้า และไม่มีทางหลีกเลี่ยงจากมันอย่างแน่นอน

 



Don`t copy text!