ธามทศ ล่ากฎหลอน บทที่ 5 : ห้องแชตต้องสาป

ธามทศ ล่ากฎหลอน บทที่ 5 : ห้องแชตต้องสาป

โดย : ไข่เจียวหมูสับ

Loading

ธามทศ ล่ากฎหลอน โดย ไข่เจียวหมูสับ หรือ สรสิทธิ์ เลิศขจรสุข กับเรื่องราวของธามทศและเมืองสมมติที่เต็มไปด้วยกฎแปลกๆ ที่อันตรายถึงชีวิต เขาจะเอาชีวิตรอดจากกฎหลอนที่ว่าไหม ตัวแปรมากมายที่เข้ามาเกี่ยวข้องจะทำให้เขาต้องทิ้งลมหายใจในเมืองสมมติแห่งนี้หรือเปล่า อ่านนวนิยายออนไลน์จากอ่านเอาได้ใน anowl.co

บ่ายวันนั้นวินิมัยขอเลิกงานก่อนเวลา เธอขับรถยนต์กลับถึงบ้านเวลาสี่โมงตรง

รถเก๋งสีดำจอดนิ่งหลังรั้วของบ้านสองชั้นสีขาวเรียบ มองจากภายนอกตัวบ้านให้บรรยากาศเปลี่ยวเหงา ภายในนั้นโล่งและเงียบงัน แทบไม่มีเครื่องใช้อะไรนอกจากที่จำเป็น เธออาศัยในบ้านหลังนี้มาตั้งแต่จำความได้ ใช้จ่ายจากเงินมรดกของพ่อแม่ที่ไม่เคยพบหน้า ก่อนจะเรียนจบและมีงานมีการทำ มันเป็นชีวิตที่ไม่หวือหวา และพูดไม่ได้ว่ามีความสุขหรือความทุกข์กันแน่

เมื่อขึ้นมายังห้องนอนชั้นสอง แสงสลัวเผยสภาพภายในที่โล่งไม่ต่างกับส่วนอื่นของบ้าน ตรงข้ามกับภายในตู้เสื้อผ้าสีไม้เรียบๆ ซึ่งมีชุดแขวนอยู่เยอะพอสมควร แต่ก็มักถูกสลับสับเปลี่ยนไปมอบให้คนอื่นเป็นระยะ เธอไม่ชอบให้ส่วนใดของบ้านแออัด

นั่นเพราะความแออัดจะช่วยเพิ่มที่ซ่อนให้กับพวกมัน…

วินิมัยหันไปมองแท่นกระจกเต็มตัวที่วางข้างตู้เสื้อผ้าด้วยความระอา จากเงาสะท้อนพบว่าด้านหลังของตัวเองมี ‘หญิงเปลือยร่างผอมโชกเลือด’ กำลังจ้องมองเธออยู่

ดวงตาแดงก่ำนั้นถลนออกมาหนึ่งข้าง อีกข้างมีตะปูปักทะลุ

วินิมัยไม่ได้สนใจเสียงครวญจะเอาชีวิตของหญิงคนนั้น เธอเดินไปที่ด้านหลังกระจก หยิบผ้าคลุมสีกรมท่าที่ตกอยู่ขึ้นมาคลุมกระจกอีกครั้ง รู้ดีว่าคืนนี้ผ้าที่คลุมอยู่ก็จะถูกอะไรสักอย่างดึงไปหล่นด้านหลังอยู่ดี และหญิงคนนั้นก็จะสลับกับ ‘เปรตตัวสีดำสนิท’ เพื่อคอยหลอกหลอนเธอต่อไป

ไม่ต้องคิดไปถึงเรื่องเอากระจกไปทิ้งหรอก เพราะถึงทำเช่นนั้นไป ไม่กี่วันมันก็จะกลับมาวางตั้งไว้ที่เดิม…

รู้สึกตัวหนักอึ้ง สลับกับล่องลอย ทุกครั้งที่พบเจอพวกมันราวกับถูกดูดอะไรบางอย่างไปจากร่างกาย

คืนนั้นเธอเข้านอนแต่หัวค่ำ เฝ้าคิดถึงชายที่ยังรักอยู่

ธาม…ทำไมถึงเลิกสนใจเราล่ะ แล้วบาดแผลพวกนั้น ธามจะทำยังไง จะไปรักษาที่โรงพยาบาลต่อใช่ไหม…

เธอโหยหาความรักจากเขา ทั้งที่ไม่เคยเรียกร้องจากใครมาก่อน

หลังเลิกรากับธาม มีผู้ชายมากหน้าหลายตาเข้ามาขอความรัก ทั้งหล่อเหลาและร่ำรวยกว่าธาม บ้างก็แสนดีเกินคน แต่เธอมิเคยปลงใจกับใคร

กับกานต์เพื่อนรัก เธอมั่นใจเข้ากระดูกดำว่าหากยอมตกลงคบหากัน เขาจะเป็นสามีที่แสนวิเศษ และเพื่อนร่วมงานที่พึ่งพาอาศัยได้ แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองกลับไม่เคยเกินเลยกว่านั้น

สาบานได้ว่าไม่เกี่ยวกับรูปแบบการใช้ชีวิตหรือนิสัย ไม่เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาหรือรสนิยม แค่ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ เหตุผลเดียวกับหลายคนที่วินิมัยก้มหัวปฏิเสธความรักไป แน่ละว่ากานต์ไม่เคยสารภาพรัก แต่เธอพอมองท่าทีและแววตาออก ทุกครั้งที่เขาชวนไปทานข้าวสองต่อสองจึงหาเหตุผลร้อยแปดในการปฏิเสธ

นาฬิกาในสมาร์ตโฟนบอกเวลาสี่ทุ่มครึ่งแล้ว…แต่วินิมัยยังไม่หลับ นอนพลิกไปมาอีกครู่หนึ่ง ก็มีเสียงโทรศัพท์เข้ามา

วินิมัยหยิบมาดู พบว่าเป็นสายของกานต์ เปิดกดรับก็ได้ยินเสียงร้อนรน

“ผะ…ผม ผมโทรมารบกวนหรือเปล่า”

วินิมัยแอบอมยิ้มกับความขี้เกรงใจนี้  “ไม่กวนเลยสักนิด แล้วกานต์เป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บอยู่ไหม”

“ผมไม่เป็นไรหรอก แต่ห่วงแฟนเก่าของคุณมากกว่า สภาพแบบนั้นถ้าไม่รักษาต่อ อาจจะถึงชีวิตได้เลย”

เธอสะอึกเมื่อคิดถึงบาดแผลของธาม “ฉันลองโทรติดต่อที่เบอร์เก่าของเขา แต่เหมือนจะถูกยกเลิกไปแล้ว”

มีเสียงฟึ้ดจากปลายสาย วินิมัยรู้สึกเกรงใจ

“อาจจะละลาบละล้วงไปนิด แต่ทำไมคุณมัยกับธามทศถึงเลิกกันหรือครับ”

…วินิมัยนิ่งไป สรรหาคำตอบอยู่ภายในสมอง แต่ก็ทำได้แค่พร่ำบ่นไปตามจริง “ฉันเองก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน เราคบกันได้สักเกือบปี เขาก็ขอเลิก แล้วลาออกจากมหาวิทยาลัยไป”

เธอไม่กล้าบอกรายละเอียดหรอกว่าตนเคยคลั่งรักธามเพียงใด และแตกสลายขนาดไหนเมื่อถูกเขาทอดทิ้ง ถึงขั้นร้องไห้อ้อนวอนไม่ให้จากไป คนระดับวินิมัยที่ไม่เคยยอมใครแม้แต่อาจารย์หรืออันธพาล กลับหมดท่าต่อหน้าธามทศ

แต่ธามทศไม่สนใจอะไร พอสะบัดเธอทิ้ง เธอก็ไม่เคยพบหน้าเขาอีกเลย กระทั่งบ่ายวันนี้

เสียงกระแอมลอยมาจากฝั่งกานต์ เธอรีบขอโทษ

“อันที่จริงผมโทรมาเพราะต้องการให้คุณมัยเห็นอะไรบางอย่าง ที่เกี่ยวข้องกับสวนแสงหวนรังครับ”

สวนที่ธามทศประสบกับเรื่องโหดร้ายมางั้นหรือ “หมายความว่ายังไงหรือกานต์”

“คืออย่างที่เราทราบ สวนนี้มีผู้คนมาใช้บริการมากในช่วงกลางวัน ก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกัน แต่ดูท่าแล้วผู้ใช้บริการจะมองว่ากฎที่ลือมานั้นไม่น่าเป็นของจริง แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าพอจะลองดีหรอก นอกจากนี้เราพบว่าสวนเอกชนแห่งนี้มีการสลับสับเปลี่ยนเจ้าของไปมา ปัจจุบันไม่ทราบแล้วว่าใครดูแลอยู่ แม้แต่องค์กรปกครองของเมือง A เองยังไม่ยอมให้ข้อมูลเลย ในขณะเดียวกันก็พบว่ามีการบำรุงรักษาและทำความสะอาดอยู่ตลอดครับ เรียกว่าเป็นสวนเอกชนไม่กี่แห่งในเมืองเลยละ”

กานต์รัวเป็นชุดก่อนจะหยุดพักหายใจ

“พอหาข้อมูลได้ยาก ทางเราจึงมีการแอบติดตั้งกล้องวงจรปิดขนาดเล็กไว้ เพื่อหวังจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับกฎในช่วงกลางคืนมา อาจจะฟังดูผิดกฎหมาย แต่ทางกรรมการก็บอกว่าได้ข้อมูลพอควรเมื่อไรก็ให้ถอนออก แต่เพราะแทบไม่มีใครกล้าลองดีหรือเผลอหลุดเข้ามาในสวนช่วงกลางคืนเลย ไฟล์จากกล้องนี้จึงแทบไม่ได้ใช้ ที่ถ่ายเจอคนก็มีแต่พวกผู้ใช้บริการในเวลากลางวันเท่านั้น และกำลังจะถูกถอดออกในไม่กี่สัปดาห์แล้ว ผมเลยติดต่อฝ่ายไอที เพื่อยกกล้องกลับมาวันนี้เลย และเมื่อผมเอาไฟล์จากกล้องมาเปิดดู ก็พบสิ่งนี้”

เขาวางสาย จากนั้นก็มีการสั่นที่สมาร์ตโฟนข้างหูของวินิมัย มันเป็นสัญญาณเตือนว่ามีข้อความเข้ามา

เมื่อหงายหน้าจอมาดู ก็พบว่าเป็นไฟล์วิดีโอจำนวนสิบไฟล์ ความยาวของแต่ละไฟล์คือสิบห้านาที

ภาพอาจจะขาดๆ หายๆ และมีนอยส์มากนะครับ ฝ่ายไอทีก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร กานต์ส่งข้อความมาเสริม และย้ำว่าจะดูผ่านๆ ก็ได้

ตามที่เขาบอก เนื้อไฟล์นั้นมีเส้นทแยงแนวนอนสีขาวเลื่อนขึ้นลง แถมยังมีจุดแสงวาบไปมาไม่ยอมหยุด

และเมื่อเลื่อนดูไปได้เพียงสองไฟล์ ใจก็เริ่มระรัวอีกครั้ง พอจบทั้งสิบไฟล์ ก็นั่งนิ่งสนิทด้วยความไม่เข้าใจ

ไฟล์เหล่านี้บันทึกภาพของสวนแสงหวนรังในหลายมุมมอง ตั้งแต่เวลาเที่ยงตรงไปถึงห้าโมงเย็น และทุกไฟล์จะสามารถพบธามทศกำลังเดินไปมาหรือไม่ก็นั่งนิ่งอยู่ภายในสวน เสื้อผ้าและกระเป๋านั้นเหมือนกับที่แขวนในห้องพยาบาล วันเวลาที่แสดงอยู่ใต้คลิปคือวันนี้

ไม่จริงหรอก เธอกระซิบออกมา มีคำตอบในหัวแล้วแต่ไม่ยอมรับ กานต์ที่น่าจะรับรู้ได้จึงส่งข้อความมาอีก

ธามทศจงใจรอให้ถึงเวลาตะวันตกดินครับ

เธอรีบร้อนตอบกลับไป ไม่น่าใช่ เขาอาจจะมาพักผ่อน และเผลออยู่เกินเวลาก็เป็นได้

จากนั้นจึงมีรูปส่งมาสองรูป รูปหนึ่งคือรูปด้านข้างรองเท้ากีฬาสีฟ้าทรงเกือบจะเทอะทะพร้อมแจ้งราคาหลักสองหมื่น อีกรูปคือโฆษณากล่องคอนแทกต์เลนส์แบบพรีเมียมที่มีราคาแพงเช่นกัน

รูปหลังนั้นยังไม่เข้าใจ แต่รูปรองเท้าดูคุ้นตามาก

จำได้แล้ว มันคือรองเท้ารุ่นเดียวกับของธามทศ ตัววินิมัยนั้นชอบแต่งตัวก็จริง แต่ไม่สันทัดพวกรองเท้ากีฬาเท่าไรจึงนึกไม่ออกในทีแรก

รองเท้ากีฬารุ่นนี้ถูกยกเลิกผลิตไปแล้วครับ เพราะมันช่วยให้นักกีฬาวิ่งเร็วขึ้นถึงเจ็ดเปอร์เซ็นต์ จึงถูกแบนในการแข่งหลายรายการ และธามทศก็ใส่มันอยู่

ส่วนคอนแทกต์เลนส์นี้ ผมเจอแบบใช้แล้วทิ้งที่ถังขยะติดเชื้อฝ่ายรักษาพยาบาล ดูเหมือนจะถูกดึงออกจากดวงตาของเขาเมื่อฝ่ายเราทำการรักษา

แม้จะแห้งแล้วแต่ตัวเลนส์ก็ยังเห็นเป็นสีฟ้าแปลกๆ เหมือนในรูปโฆษณา รับรองไม่ผิดแน่ครับ มันเป็นของแพงที่ใช้ในกองทัพหรือไม่ก็พวกเดินป่า เพราะช่วยให้มองเห็นในที่มืดได้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

กางเกงยีนส์ที่เขาสวมก็เป็นรุ่นผสมเคฟลา สำหรับพวกขับมอเตอร์ไซค์ มันป้องกันการบาดเจ็บได้ดี

วินิมัยมั่นใจแล้วว่าสังหรณ์ของกานต์ถูก มันถูกมาเสมอ

คุณมัยครับ ผมว่าธามทศไม่ได้เจอกับกฎหลอนๆ พวกนี้เป็นครั้งแรก…และเขาตั้งใจไปยุ่งเกี่ยวกับกฎในสวนนี้เอง

แม้จะฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่วินิมัยกับกานต์ก็เห็นตรงกันแล้วว่าธามทศพยายามทุกวิถีทางที่จะเพิ่มศักยภาพทางร่างกายของตนเอง และจากไฟล์ที่ขอจากไอ้ภาณะ ผลการตรวจเลือดของเขานั้นเต็มไปด้วยยากระตุ้นที่บ้างปลอดภัย บ้างก็อันตรายถึงชีวิต แต่ทั้งหมดล้วนถูกกฎหมายแบบหมิ่นเหม่

กานต์วางสายไปแล้ว เธอปิดหน้าจอสมาร์ตโฟน หงายหลังใส่เตียง ปวดหัวไปหมด

‘ธาม ทำไมธามถึงพาตัวเองมาเจอกับเรื่องอันตรายแบบนี้ล่ะ’

‘กฎหลอนที่คนปกติจะพากันผวาและขอไม่ยุ่งเกี่ยว ทำไมธามถึง…’

อยากรู้จังเลยว่าธามทศอยู่ที่ไหนในเวลานี้ ที่ผ่านมาแม้มีโอกาสแต่ก็ไม่กล้าจะค้นหาชื่ออดีตคนรักในโลกออนไลน์ หวาดกลัวว่าจะพบภาพบาดใจว่าเขากำลังสุขสวาทกับใครคนอื่นอยู่

เมื่อนอนต่อไปไม่ไหว จึงลุกขึ้นมาแต่งตัวเป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวกับกางเกงเอวสูง ขับรถสีดำคู่ใจกลับไปที่ทำงานอีกครั้ง

สำนักงานใหญ่ของพินธา ฟอร์ เฮลป์ ยังคงเปิดถึงดึกดื่นเช่นเดิม การโต้รุ่งทำงานเอกสารอาจช่วยให้อะไรดีขึ้น

ทว่าเมื่อกำลังจะขึ้นลิฟต์ที่ตั้งตรงใจกลางอาคาร กลับพบว่าประตูลิฟต์ตัวหนึ่งกำลังเปิดออก ผู้ที่อยู่ด้านในคือหญิงรุ่นน้องชื่อกุลญาทำงานอยู่ฝ่ายบุคคล

แต่เมื่อกำลังจะยกมือทักทาย กุลญาที่ตัวเล็กบางกว่ามากกลับทำท่าตกใจ เอียงตัวพร้อมยกสองมือไม้ปิดที่ส่วนหัวราวกับกำลังจะถูกทำร้าย ร้องตะโกนว่าหนูขอโทษค่ะ

‘เปล่านะ ฉันไม่ได้จะตบเธอ’ วินิมัยหน่ายกับชื่อเสียงด้านความดุร้ายของตัวเองจริงๆ ทั้งที่ทำงานมาได้แค่ปีกว่าแท้ๆ แต่พอดูแววตาของรุ่นน้องแล้ว ก็สังเกตได้ว่ามันคือแววตาของคนที่กำลังหลบหนีความผิด

“กุล…เรามาทำอะไรที่ออฟฟิศเวลานี้กัน ปกติกลับเสียเร็วไม่ใช่หรือ”

ร่างบางในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงทำงานสั่นกึกกว่าเก่า สาวสวยผมสั้นตรงหน้านั้นแทบจะหมดสติกลางอากาศแล้ว

สังหรณ์หวีดระงมไปทั่วศีรษะ และเมื่อกุลญาเอ่ยปาก วินิมัยก็แทบจะสลบลงไปกับพื้นกระจกด้านล่างของอาคาร

 

ที่คอนโดฯ คับแคบ ชายหนุ่มพาร่างน้ำหนักเกินมาตรฐานทิ้งตัวใส่เตียง ขยุ้มผ้าห่มด้วยความคั่งแค้น

ทำไมถึงถูกคนที่ตัวเบากว่าขนาดนั้นทุ่มเอาได้วะ

ภาพของใบหน้าสวยใสพร้อมแก้มอวบอิ่มของวินิมัยซึ่งกำลังเบิ่งตาเพราะเห็นเขาร่วงลงสู่พื้นนั้นยังตรึงใจ

กานต์โคตรเครียดกับเรื่องที่เกิดวันนี้ ภาพของตนที่ล้มลงต่อหน้าหญิงที่แอบรัก มันทำลายทุกอย่างของเขากระทั่งศักดิ์ศรี

แต่พอคิดดูดีๆ แล้ว ไอ้เวรนั่นก็น่ากลัวชะมัด กล้ามก็เป็นมัดๆ แถมยังเป็นคนที่รอดชีวิตจากกฎหลอนมาได้ ก็ไม่น่าแปลกหรอก ยังดีที่ไม่ถูกจับหักคอด้วยซ้ำ

ทว่าก็ยังไม่วายรู้สึกปวดใจ

และแม้จะพยายามกู้หน้าโดยการส่งข้อมูลทั้งหมดที่รู้เกี่ยวกับไอ้ธามทศให้วินิมัยแล้ว แต่ก็ทราบดีว่าเจ้าหล่อนคงไม่ได้สนใจในตัวเขามากไปกว่าเดิมหรอก

เขาน้ำตาจะไหล ใจอยากจะระบายเรื่องพวกนี้กับพี่ชายที่เคยดูแลตนอยู่เสมอ แต่ก็ตระหนักดีว่าไม่ควรทำเช่นนั้น

ธามทศ…คนอย่างนาย…

คิดแล้วอยากจะต่อยหน้าหล่อๆ นั่นสักที

พอหายฟุ้งซ่านจึงรีบลุกขึ้นมาเปิดคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะทำงาน และใส่ชื่อและนามสกุลของศัตรูหัวใจเข้าไปในเว็บค้นหาข้อมูล ได้ชื่อนามสกุลมาจากฝ่ายบุคคลพอดี

‘ธามทศ เอลีน’

และเมื่อข้อมูลปรากฏขึ้น กานต์ก็ได้แต่คิ้วขมวด มันเป็นข้อมูลศิษย์เก่าในเว็บไซต์ของสถานศึกษาแห่งหนึ่ง

“จบการศึกษาปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัย C คณะบัญชีและการเงินสินะ…” รู้สึกเจ็บเล็กน้อยที่รู้ว่ามันจบจากคณะเดียวกับวินิมัย ก็รู้อยู่หรอกว่าเคยเรียนที่เดียวกัน แต่สักพักก็ขอเลิกกับคุณมัยและลาออกไป

กลายเป็นว่าไปเรียนคณะเดิมที่มหาวิทยาลัยใหม่งั้นหรือ

ลองค้นในเว็บค้นหาข้อมูลต่อไปก็พบว่าไม่มีเพจส่วนตัว ไม่มีข่าวอื่นนอกจากที่สถานศึกษาบันทึกไว้ แม้แต่ส่วนของรูปภาพก็แทบไม่มีข้อมูล ส่วนใหญ่จะเป็นรูปของคนที่ชื่อเดียวกัน ไม่ก็นามสกุลคล้ายกัน

แต่เดี๋ยวก่อน เมื่อกานต์ลองเลื่อนหน้าจอลงมาถึงส่วนล่างๆ ของรายการ ก็พบภาพของชายวัยประมาณยี่สิบปลายๆ ที่นั่งบนเก้าอี้โรงพักพลางทำหน้าโมโหอย่างหนักอยู่ เมื่อดูที่ลิงก์พบว่าเป็นข่าวจากเว็บหนังสือพิมพ์ที่ปิดตัวไปแล้ว

ยังไม่ทันได้กดเข้าไป สมาร์ตโฟนที่วางไว้ข้างคอมพิวเตอร์ก็ส่งเสียงออกมา

ผู้ติดต่อในช่วงก่อนเที่ยงคืนคือวินิมัย เธอโทร.มาหาเขาทั้งที่เพิ่งวางสายไปได้ไม่ถึงสองชั่วโมง

เขารับด้วยเสียงสั่น ทักไปว่า “สวัสดีครับ คุณมัย” แต่ปลายสายกลับเร่งพูดใส่ราวกับอัดอั้นมานาน

“แย่แล้ว กานต์…กุลญาดันเอาข้อมูลเรื่องกฎการสนทนาในห้องแชตต้องสาปไปบอกธามทศ!”

กฎ…ห้องแชตต้องสาป แย่แล้ว เข้าใจเลยว่าทำไมเสียงของวินิมัยถึงฟังดูใจสลายปานนี้ ทั้งคู่ทราบดีว่าผู้ที่เคยรอดจากกฎห้องแชตต้องสาปมีจำนวนน้อยมาก ที่รอดมาได้ไม่ถึงสองวันก็ตายจากพิษบาดแผลสาหัส

แต่ทำไมล่ะ…เขาถามตัวเอง

“ช่วงที่ออกมาจากห้องพยาบาล ดูเหมือนธามทศคงเดินลงบันไดแล้วไปพบกุลญาเข้า จึงทำการแลกเบอร์ติดต่อกัน เธอคงคิดว่าเขาจะโทรมาจีบ แต่กลายเป็นว่าธามโทรไปขอรายละเอียดเกี่ยวกับลิงก์นี้ นางก็เลยแอบเข้ามาที่ออฟฟิศเพื่อค้นข้อมูล แล้วส่งลิงก์เว็บไปให้”

“แล้วทำไมนายธามทศต้องการลิงก์ของเว็บที่อันตรายขนาดนี้ด้วยวะ!” กานต์หลุดปากเสียงดัง แต่ก็พอจะเดาได้อยู่แล้ว

แม้จะไม่ทราบเหตุผล แต่ธามทศต้องการและเต็มใจเผชิญกับกฎนี้ด้วยตัวเอง

ปลายสายมีการสะอื้น “ฉันรู้ว่ามันฟังดูเห็นตัว ขอโทษนะ แต่อยากให้กานต์ช่วยฉันหาตัวเขาให้ที”

กานต์สงบสติได้ทันที งั้นหรือ เธอทราบความรู้สึกของเขาสินะ

คงเพราะเงียบไป ฝั่งนั้นจึงเข้าใจไปว่าเขาไม่ต้องการช่วย “ขอโทษที ฉันพูดออกไปเหมือนนางชั่วในละครเลย เอาเป็นว่าฉันจะไปตามหาธามเองนะ”

“ผมจะช่วยครับ…”

วินิมัยเงียบไป ส่งเสียงสะอื้นและบอกว่าขอบคุณมาก และนั่นคือประโยคที่เขาปลาบปลื้ม

“สภาพของนายธามทศ ถ้าเอาตัวเองไปยุ่งกับกฎหลอนๆ อีกครั้ง คงไม่รอดแน่ ผมเองก็ไม่ชั่วพอจะปล่อยให้ใครตายได้หรอก โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับกฎ นอกจากนี้การเพิ่มอัตราการรอดชีวิตคือหน้าที่หลักของพวกเราอยู่แล้ว”

 

มันเป็นห้องแคบๆ ที่อยู่ชั้นเจ็ดของหอพักชั่วคราวซึ่งเช่ามาได้ประมาณสี่เดือน ธามทศนั่งนิ่งบนโซฟาสีเขียว มือถือแก้วใสที่บรรจุยากระตุ้นไว้ภายในจิบต่างน้ำ

เขาอยู่ในชุดเดิมที่ใช้ในสวนแสงหวนรัง ต่างกันที่สัมภาระในกระเป๋าและหมวกกันน็อกสีดำที่ถูกวางอยู่ข้างตัวด้านขวา คืนนี้น่าจะต้องใช้พวกมัน

ข้างโซฟาเป็นชั้นวางของที่สูงขนาดไม่ถึงเอว ด้านบนเป็นกรอบรูปสีทองที่สะอาดเงาวับ เป็นรูปของเขากับวินิมัยในชุดนักศึกษา เห็นรอยยิ้มที่ลืมไปแล้วประดับบนหน้าในอดีต รู้สึกแย่บรมแต่กลับแฝงความโหยหาไปพร้อมๆ กัน

สงสัยจริงว่าชายที่ชื่อกานต์นั้นเป็นอะไรกับวินิมัย แค่คิดก็ร้อนไปทั้งกายใจ

ซดยากระตุ้นเข้าไปอีกครั้ง คราวนี้หมดแก้ว

เมื่อสมองถูกกระตุ้น ความทรงจำช่วงที่คุยกับกุลญาก็แวบเข้ามา

‘หน้าที่หลักของเฮลป์เปอร์คือเพิ่มอัตราการรอด เช่น เขียนกฎเสริม แจ้งเตือน อีกหน้าที่คือช่วยให้ตายอย่างสงบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในกรณีที่ผู้เกี่ยวข้องกับกฎนั้นไม่มีทางรอดแล้วและโอกาสทั้งหมดเอื้ออำนวย แต่นั่นก็แทบไม่เคยเกิดขึ้น บางครั้งก็เก็บกู้ศพสภาพเละเทะ

หน้าที่หลักจึงไม่ใช่ช่วยคนออกมาจากกฎ โดยเฉพาะพวกชอบลองดี พวกเรามีข้อบังคับในการห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวในหลายๆ กรณีด้วย’

นั่นคือสิ่งที่กุลญาเคยบอกกับเขาผ่านทางโทรศัพท์ ชายหนุ่มรับทราบดีและไม่ต้องการให้พวกเฮลป์เปอร์เข้ามายุ่มย่ามมากไปกว่านี้อยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อหนึ่งในสมาชิกของพวกนั้นคือวินิมัย…

เมื่อสองชั่วโมงก่อน เขาได้รับข้อความจากกุลญา มันเป็นลิงก์สู่ห้องแชตมรณะที่หากใครกดเข้าไปจะต้องพบกับความทรมานและความวิบัติ

รู้สึกผิดอยู่ในใจที่หลอกใช้เธอ แต่เขาหาทางอื่นไม่เจอแล้วจริงๆ

แม้ยังเหลือกฎหลักที่ต้องเผชิญอยู่ แต่เขามีความจำเป็นต้องข้องแวะกับกฎนี้ มันมีบางสิ่งที่ต้องการอยู่

ธามทศทราบถึงข่าวลือของห้องแชตนี้มาสักระยะแล้ว รวมถึงกฎที่ตราไว้ด้วย แต่ก็ตามหาลิงก์ไม่พบสักที โชคดีที่ได้พวกเฮลป์เปอร์ช่วยเหลือเอาไว้ บุญคุณนี้คงไม่มีทางลืม แต่ก็นั่นแหละ อย่ายุ่งกับเขามากกว่านี้จะดีกว่า

มีข้อความเข้าอีกครั้ง สิ่งที่กุลญาส่งตามมาคือคำเตือนเบื้องต้นเกี่ยวกับลิงก์ของห้องแชตต้องสาป เขาเริ่มอ่านอย่างสนใจ

และเมื่ออ่านถึงบรรทัดสุดท้าย ธามทศก็เลื่อนหน้าจอขึ้นและกดเข้าไปที่ลิงก์นั้นทันที

 



Don`t copy text!