โจรกรรมขำขัน บทที่ 4 : เซเล็บหนุ่มสุดหล่อคนนั้น

โจรกรรมขำขัน บทที่ 4 : เซเล็บหนุ่มสุดหล่อคนนั้น

โดย : แสนแก้ว

Loading

โจรกรรมขำขัน นวนิยายแนวตลกร้ายโดย แสนแก้ว เมื่อครอบครัวตระกูลแทนต้องเจอกับเหตุการณ์อลหม่านล้านเจ็ด ทั้งการหลอกลวง ปลอมตัว และสืบสวน โจรกรรมครั้งนี้อาจจะขำๆ แต่จะมีหัวใจของใครบ้างนะ ที่ถูกขโมยเอาไปเก็บไว้ในครอบครอง อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์คลายร้อน และเชื่อเหลือเกินว่านวนิยายเรื่องนี้จะมัดใจนักอ่านทุกท่านแน่นอน

*************************

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

แทนขวัญบอกว่าคนที่ชื่อเอเจเป็นแค่เพื่อน แต่แทนทองแท้ไม่เชื่อเด็ดขาด จากวันนั้นเธอจึงแอบตามสังเกตน้องสาวอยู่ไกลๆ อยากรู้จักสังคมของน้อง อยากรู้ว่าชีวิตประจำน้องทำอะไรบ้าง แทนคุณเตือนว่าเธอควรจะเก็บตัวอยู่ในโรงเก็บของที่เรียกว่าบ้านเล็กนั่นเงียบๆ มากกว่าเพื่อความปลอดภัย แต่เธอไม่สนใจเพราะยังไงคนที่ปทุมธานีก็ไม่มีใครรู้จักเธออยู่แล้ว

แทนขวัญนั้น หากไม่นับอาการมึนตึงใส่พี่สาวแล้ว ก็นับว่าเป็นสาวน้อยที่สดใส น่ารักน่ามองไม่น้อยทีเดียวแม้ในวัยเด็กจะเติบโตมาในครอบครัวยากจน หลังจากเตี่ยถูกโจรแทงเสียชีวิตคาบ้าน แม่ก็หอบลูกๆ ย้ายกลับบ้านยายที่จังหวัดสระบุรี เริ่มต้นชีวิตกันใหม่ แม่เปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเรือเหมือนเดิม แต่ขายไม่ดีเท่าตอนขายหน้าวัดใหญ่ที่อยุธยา แต่แทนทองแท้กับแทนคุณก็โตพอที่จะช่วยแบ่งเบาภาระงานบ้าน เลี้ยงน้องเล็กแบเบาะสองคน และทำงานเล็กๆ น้อยๆ หาเงินมาจุนเจือครอบครัวอีกทาง

ครอบครัวยากจนก็จริงแต่เด็กหญิงแทนขวัญในวันนั้นไม่เคยรู้สึกถึงความอัตคัดขัดสน เธอเป็นเจ้าหญิงน้อยที่ทุกคนพร้อมใจกันทำงานหนักเพื่อดูแลเธอ พอได้รับความรักความอบอุ่นเต็มที่ก็เป็นเด็กน้อยอารมณ์ดี น่ารักน่าเล่น ชาวบ้านชาวช่องเมตตาเอ็นดู อุ้มชูอุปถัมภ์ แทนขวัญมีความกตัญญูรู้คุณคนจึงซาบซึ้งใจในสิ่งดีๆ ที่ได้รับเสมอมาและมีความตั้งใจว่า โตขึ้นอยากทำสิ่งดีๆ เพื่อตอบแทนสังคมบ้าง

หลังจากแทนขวัญเรียนจบปริญญาตรีด้านการบริหารธุรกิจในมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ก็กลับบ้านปทุมธานีที่อยู่ปัจจุบัน หญิงสาวอยากเริ่มธุรกิจของตัวเอง ประกอบกับชุมชนที่อาศัยอยู่เป็นชุมชนเกษตรกรรม จึงผสมผสานกันเป็น ‘ธุรกิจเกษตรกรรมยุคใหม่’ เพื่อความร่ำรวยอย่างยั่งยืนของนักธุรกิจอย่างเธอและพี่ป้าน้าอาเกษตรกรชาวสามโคก

เริ่มต้นจากจัดตั้งกลุ่ม ‘สามโคกสุขสันต์’ จัดอบรมเกี่ยวกับการทำเกษตรอินทรีย์ พาคุณลุงคุณป้าสมาชิกกลุ่มไปดูงานสวนเกษตรอินทรีย์ที่ต่างจังหวัดเพื่อให้เห็นภาพและมั่นใจขึ้นว่า การปลูกผักผลไม้ที่ดูแลแบบชีวภาพล้วนๆ นั้นให้ผลผลิตงามไม่น้อยหน้าการปลูกโดยใช้ปุ๋ยเคมี สารเคมี ยาฆ่าแมลงเลย

แทนขวัญยืนยันว่า

‘หนูอยากดูแลสุขภาพของคุณลุงคุณป้าก่อนค่ะ ถ้าเราปลูกกันแบบใช้ธรรมชาติดูแลธรรมชาติ ก็จะไม่ต้องเสี่ยงเจ็บป่วยเพราะสูดดมหรือสัมผัสสารเคมีนะคะ แล้วผักผลไม้ปลอดภัยจากสารพิษของคุณลุงคุณป้าก็จะไปดูแลสุขภาพของลูกค้าอีกที ที่สำคัญ เกษตรอินทรีย์แบบนี้ลงทุนน้อยเพราะใช้ของธรรมชาติรอบๆ ตัวเราเอง อาจต้องลงทุนหน่อยในขั้นต้น แต่ในระยะยาวถูกและดีกว่าใช้สารเคมีแน่นอนค่ะ’

เห็นลูกหลานไปร่ำเรียนสูงๆ แล้วกลับมาพัฒนาบ้านเกิดแบบนี้ ลุงป้าชาวสามโคกก็ยินดีและชื่นชม เห็นท่าทางเอาจริงเอาจัง กระฉับกระเฉง และทรงภูมิของหญิงสาวแล้วก็เริ่มคล้อยตาม แต่ก็อดข้องใจไม่ได้ว่า

‘ไม่ใช้เคมีบำรุงดอกผลแล้วมันจะงามเหรอ ถ้าไม่งามเดี๋ยวก็ไม่มีคนซื้ออีกนะหนูขวัญ’

ผู้นำกลุ่มสามโคกสุขสันต์ยิ้มแล้วกล่าวตอบว่า

‘เดี๋ยวนี้คนหันมารักสุขภาพมากขึ้นเยอะเลยค่ะคุณป้า และคนกลุ่มนี้เขาก็อยากได้พืชผักผลไม้ออร์แกนิกถึงขนาดยอมจ่ายเงินแพงๆ ซื้อกันเลยนะคะ พวกเราปลูกกันคนละไม่กี่อย่างก็จริง แต่มารวมกลุ่มกันแล้วก็จะมีสินค้าหลากหลาย เป็นแหล่งผลิตสินค้าออร์แกนิกขนาดใหญ่ ขวัญจะทำให้กลุ่มเราเข้มแข็ง มีผลผลิตคุณภาพ พอสามโคกสุขสันต์มีชื่อเสียงแล้ว ลูกค้าก็ต้องอยากซื้อ ธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องก็ต้องอยากร่วมงานด้วยแน่นอนค่ะ’

แล้วแทนขวัญก็ทำตามที่พูดได้จริง เกษตรกรชาวสามโคกค่อยๆ ปรับเปลี่ยนวิถีเกษตรกรรมแบบเดิมมาทำเกษตรอินทรีย์ เริ่มสร้างโรงเรือน ปลูกผักกางมุ้ง ปลูกผักสลัดแบบไฮโดรโปนิกส์แบบปลอดภัยไร้สารพิษ คือปลูกโดยไม่ใช้ดิน ใช้การหมุนเวียนของน้ำ ส่วนสารอาหารพืชที่ผสมในน้ำที่ใช้ปลูกก็ไม่ใช่สารเคมีสังเคราะห์ แต่เป็นแร่ธาตุจากการหมัก การย่อยสลายของวัตถุดิบธรรมชาติ

พืชผักผลไม้ของกลุ่มสามโคกสุขสันต์ขายดีมากในตลาด และชื่อเสียงก็เริ่มเลื่องลือไปอีกเมื่อแทนขวัญผลักดันจนสินค้าผ่านมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ มีใบรับรองพร้อม

นอกจากนี้แทนขวัญยังได้ทำเว็บไซต์และหน้าเพจสามโคกสุขสันต์ เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์และเป็นช่องทางซื้อขายอีกทางหนึ่ง ทำช่องรายการเรื่องเกษตรแบบสนุกๆ ด้วย กลุ่มสามโคกสุขสันต์จึงไม่ได้มีชื่อแค่ในหมู่คนรับประทานอาหารสุขภาพหรือร้านอาหารสุขภาพที่ซื้อผักผลไม้ไปเป็นวัตถุดิบเท่านั้น แต่ยังเรียกยอดวิวและยอดติดตามจากพวกวัยรุ่นและวัยทำงานได้ด้วย

ตอนนี้ก็ถึงคราวที่กลุ่มเกษตรกรอื่นทั่วทุกสารทิศเดินทางมาดูงาน เยี่ยมชมแปลงเกษตรของชาวสามโคกสุขสันต์บ้าง และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของซูเปอร์มาร์เก็ตสามโคกเฟรชมาร์ต ศูนย์รวมผลิตผลของสมาชิกกลุ่มไว้ในที่เดียว ช็อปปิงก็ได้ พักผ่อน นั่งดื่มกาแฟ พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ก็ได้เช่นกัน

แทนทองแท้สวมหมวกกับแจ็กเก็ตอำพรางตัว แอบตามดูน้องสาวอยู่หลายวัน พบว่าแทนขวัญจะเข้าไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ต นั่งทำงาน กำกับดูแลเด็กในร้านตั้งแต่เช้า ตกเย็นจึงจะกลับบ้าน แทบไม่ได้ออกไปไหน พี่สาวใหญ่เริ่มเบื่อที่จะตามดูเพราะขี้เกียจหลบๆ ซ่อนๆ และเพลียกับอากาศร้อนเต็มทน แต่พอจะเลิกตามก็กลับเจอเรื่องน่าสนใจใหม่เสียก่อน

วันหนึ่งแทนขวัญเข้าซูเปอร์ฯ แค่ช่วงเช้า ตอนบ่ายขับรถเข้าไปในอำเภอเมืองเพื่อพบกับผู้ชายคนหนึ่งที่ร้านคาเฟ่ขนมไทยชื่อ เรือนมะลิลา ผู้ชายคนนั้นดูจะรุ่นราวคราวเดียวกับแทนขวัญและหล่อเหลามากทีเดียว ขนาดแทนทองแท้แอบดูจากหลังพุ่มต้นโมกหน้าร้าน ยังโดนออร่าดาราพุ่งทะลุใบโมกเข้าตาจนตาจะบอด

ตามดูอยู่สองสามสัปดาห์ แทนทองแท้ก็เริ่มแน่ใจว่าน้องสาวจะมาพบกับหนุ่มหล่อคนนี้ทุกวันพุธกับวันอาทิตย์

นายคนนี้ต้องใช่เอเจแน่ๆ และที่แน่ยิ่งกว่าแน่คือ ไม่ใช่แค่เพื่อนของยัยขวัญ

 

พอวันพุธเวียนมาถึงอีกครา แทนทองแท้ก็ตามแทนขวัญมาที่เรือนมะลิลาอีกครั้ง แต่ไม่ได้มาแบบสวมหมวก สวมแจ็กเก็ตปิดบังอำพรางเช่นเคย คราวนี้ขับรถบีเอ็มดับเบิลยูสุดหรูมาเทียบหน้าประตูร้านเลยทีเดียว

แทนทองแท้ก้าวลงมาจากรถ เผยให้เห็นร่างสูงสง่าอวบอัดในชุดผ้าไหมไทยสีเขียวสด ปกเสื้อเป็นขอบตั้ง ติดเข็มกลัดเพชรส่องประกายวิบวับ กระโปรงทรงตรงสีแจ๋นเหมือนเสื้อยาวคลุมเข่า รองเท้าส้นสูงสีน้ำตาล เธอจัดทรงผมบ๊อบสั้นดัดลอนที่ตีโป่งตั้งกะบังให้เข้ารูปอีกนิด จัดหมวกปีกกว้างให้เข้าที่อีกหน่อย ขยับแว่นกันแดดเล็กน้อย แล้วคว้ากระเป๋าถือใบจ้อยเดินนวยนาดเข้าไปในเรือนมะลิลา

แทนขวัญกำลังนั่งคุยกับพ่อรูปหล่อคนเดิมท่าทางมีความสุขมาก เจ๊ใหญ่กระแอมนิดหนึ่งแล้วร้องทักเต็มเสียงว่า

“หนูขวัญ! อุ๊ยต๊ายตาย ดีใจจังเลยค่ะที่ได้มาเจอกันที่นี่”

หญิงสาวมองเธองงๆ แทนทองแท้จึงถอดแว่นตาดำออก ทันทีที่เห็นหน้ากันชัดแทนขวัญก็ตกใจตะลึงพรึงเพริด ริมฝีปากน้อยๆ ขยับจะอุทานว่า เจ๊! แต่แทนทองแท้ก็สวนคำไปก่อนว่า

“นี่ป้าจงจินต์ไงคะ”

“อะ…อ่าค่ะ ป้า…ป้าจงจินต์”

“แหม อุตส่าห์ได้เจอกันทั้งที ขอป้านั่งด้วยคนนะคะ”

แทนขวัญออกอาการเลิ่กลั่ก เจ๊ใหญ่ไม่รอให้น้องตอบ ดึงเก้าอี้ออกแล้วทิ้งตัวลงนั่งร่วมโต๊ะทันที

ชายหนุ่มหล่อที่อยู่กับแทนขวัญดูจะอัธยาศัยดีไม่น้อย เขาดูไม่เก้อเขินสักนิดที่จู่ๆ ก็มีป้าแปลกหน้าที่ไหนก็ไม่รู้โผล่มาร่วมวงด้วย เธอจึงแนะนำตัวว่า

“ป้าชื่อจงจินต์ค่ะ เป็นเจ้าของเครือข่ายเกษตรกรที่สมุทรสงคราม ชื่อสมุทรสงครามสุขสันต์ แล้วป้าก็เป็นแฟนคลับหนูขวัญด้วย ติดตามมานานแล้วด้วยนะ ตอนป้าเริ่มทำโครงการใหม่ๆ ยังเชิญให้หนูขวัญเป็นที่ปรึกษาโครงการให้ป้าเลย แต่พอเริ่มอยู่ตัวเราก็เลยไม่ค่อยได้เจอกันแล้วเนอะ” เธอหันไปพยักพเยิดกับแทนขวัญ “นี่ป้าก็กำลังคิดถึงหนูขวัญพอดี ไม่นึกเลยว่าจะได้เจอกันที่นี่ บังเอิ๊ญ บังเอิญนะคะ”

แทนขวัญวางสีหน้าไม่ถูก แต่ก็แค่นยิ้มตอบไปว่า “ค่ะ บังเอิญค่ะ”

“แล้วคุณคนนี้ เพื่อนหนูขวัญเหรอคะ”

แทนขวัญเหลือบมองชายหนุ่มตรงหน้า เหงื่อเย็นๆ ซึมอยู่ตามไรผม จะตอบว่าแฟนก็ไม่พร้อมเปิดตัวให้คนในครอบครัวรู้ จะตอบว่าเพื่อนก็เกรงใจชายคนรัก เขาเองก็เงียบให้เกียรติเธอตอบเอง ที่สุดแล้วเธอก็จำต้องเอ่ยปากว่า

“แฟนขวัญเองค่ะ ชื่อพี่เอเจ”

คุณนายจงจินต์รู้สึกเหมือนโยกสล็อตแมชชีนแล้วมีเงินพรั่งพรูลงมาถมมิดหัว

“แล้วเครือข่ายเกษตรกรของคุณป้าเป็นยังไงบ้างเหรอครับ สมุทรสงครามสุขสันต์ ผมไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลยครับ แต่ฟังดูน่าสนใจนะฮะ”

ชายหนุ่มชวนคุย ท่าทางกระตือรือร้นไม่เบา

“จริงๆ ก็เป็นกลุ่มไม่ใหญ่นักหรอก ป้าก็แค่อยากให้เกษตรกรเขามีสุขภาพดี เลยชวนทำเกษตรอินทรีย์กันน่ะค่ะ พวกพืชผักผลไม้ออร์แกนิกอะไรแบบนี้ ส้มโอ อะโวคาโด ผักสลัดไฮโดร มะเขือเทศกางมุ้ง ปลูกกันบ้านละอย่างสองอย่าง แต่พอรวมกลุ่มกันเข้าเราก็กลายเป็นแหล่งผลิตสินค้าออร์แกนิกรายใหญ่เลยนะ พวกลูกค้าทั้งในจังหวัด ต่างจังหวัดชอบกันมาก ขับรถมาซื้อกันถึงที่เลย”

“โอ้โฮ เยี่ยมไปเลยนะครับ”

“ใช่ค่ะ ทีนี้พอมากันบ่อยๆ เข้าป้าก็ชักจะต้องหาที่รับแขกสักหน่อย ก็เลยเปิดร้านสเต๊กที่เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตในตัว คนจะได้มาพักกินสเต๊ก สลัดบาร์ แล้วก็หาซื้อผักสดๆ กลับบ้านได้ด้วย มันเท่ตรงที่ผักสลัดที่เอามาทำอาหารที่ร้านเป็นของสดๆ จากคนในกลุ่มเราเอง ลูกค้ากินแล้วชอบ ช็อปปิงกลับไปด้วยก็เยอะแยะ”

แน่นอนว่าสิ่งที่พูดมานั้น แทนทองแท้ไม่เคยลงมือแตะเลยสักอย่าง แต่ข้อมูลที่ได้จากการสังเกตโครงการของน้องสาวก็มากพอให้เอามาสาธยายปั้นน้ำเป็นรูปเป็นร่าง ใส่สีเพิ่มอีกนิด ตีไข่เพิ่มอีกหน่อย ชายหนุ่มก็จะได้จินตนาการเห็นภาพเป็นตุเป็นตะ

“สุดยอดเลยครับ โครงการของคุณป้านี่ เหมือนของน้องขวัญเลยนะครับ”

ป้าจงจินต์หัวเราะแหลม “ใช่ค่ะ เหมือนกันเป๊ะ ก็บอกแล้วนี่คะว่าป้าน่ะเป็นแฟนคลับหนูขวัญ มีหนูขวัญเป็นไอดอลเลยนะคะนี่”

พอเล่าเรื่องตัวเองอย่างเปิดเผยแล้ว ชายหนุ่มก็เปิดใจพอจะเล่าให้เธอฟังบ้างว่า เขาเป็นนักแสดงนายแบบที่ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจเต็มตัว นำเข้าซูเปอร์คาร์ บิ๊กไบค์ นาฬิกาลิมิเต็ดอิดิชันทั้งหลาย สินค้ามูลค่าสูงพวกนี้คัดเลือกตัวแทนจำหน่ายกันน่าดู โชคดีที่เขาเป็นคนเครดิตดีพอที่จะเป็นผู้นำเข้าได้ แต่บางอย่างต้องประมูลมาก่อนถึงจะได้มาขายต่อ

เวลาว่างเอเจชอบท่องเที่ยวรอบโลก ล่องเรือยอช์ตในทะเลสาบสวิตเซอร์แลนด์ นอนเล่นบนเกาะมัลดีฟส์ ผจญภัยหน่อยก็ไปขั้วโลกออกล่าแสงเหนือ แทนทองแท้ฟังเพลินพลางคิดว่า เข้าใจแล้วว่าทำไมยัยขวัญถึงไม่อยากให้เธอรู้จักเอเจ คงกลัวว่าโจรอย่างเธอจะมาหลอกเอาเงินหรือไม่ก็อายที่มีพี่สาวเป็นโจร กลัวผู้ชายรังเกียจแล้วจะทิ้งเอาละมั้ง

“แล้วเอเจเป็นคนปทุมเหรอคะ ที่บ้านทำอะไรล่ะ” ป้าจงจินต์เริ่มตีสนิท

“ผมเป็นคนเชียงรายครับ ที่บ้านทำไร่ชา ตอนนี้ก็กำลังขยายทำเกสต์เฮาส์เพิ่ม ผมเองก็ไปๆ มาๆ เชียงราย-กรุงเทพ มาหาน้องขวัญที่ปทุมบ้าง แต่พี่ชายกำลังทำเรื่องย้ายไปอยู่ถาวรที่เชียงรายแล้วครับ ถึงตอนนั้นผมคงมาอยู่กรุงเทพได้นานหน่อย จะได้มาหาน้องขวัญได้บ่อยขึ้น”

เขาหันไปยิ้ม ส่งตาหวานให้แฟนสาว แทนขวัญก็หลบสายตาเอียงอาย ป้าจงจินต์อดแหย่ไม่ได้

“แหม สวีตหวานกันขนาดนี้ จะมีข่าวดีเมื่อไรล่ะคะ”

เอเจเอื้อมมือไปกุมมือบอบบางของหญิงสาว “เดี๋ยวให้อะไรๆ ลงตัวกว่านี้ก่อนน่ะครับ ผมกะว่าแต่งแล้วจะอยู่กันที่กรุงเทพ ซื้อเพนต์เฮาส์สักที่เป็นเรือนหอ เพราะถ้าพาน้องขวัญไปอยู่เชียงราย น้องขวัญคงเป็นห่วงคุณแม่มาก อยู่กรุงเทพยังใกล้ปทุมกว่า”

ป้าจงจินต์พยักหน้าคล้อยตาม เห็นน้องสาวมีคนรักที่สมบูรณ์พร้อมทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ แล้วยังมีความคิดวางแผนชีวิตรอบคอบอีกก็ค่อยเบาใจ

แต่แล้วความคิดหนึ่งที่เหมือนเข็มแหลมแทงแวบเข้ามาก็สร้างความเอะใจจนต้องเอ่ยปากถาม

“ว่าแต่ ที่เอเจว่าพี่ชายกำลังทำเรื่องย้ายไปเชียงราย พี่ชายเป็นข้าราชการเหรอคะ”

“อ๋อ พี่ผมเป็นตำรวจน่ะครับ”

คุณป้าไฮโซสะดุ้งเฮือก สะดุ้งแรงจนแขนกระแทกโต๊ะ กาแฟกระฉอกเกือบหก ชายหนุ่มหันมองอย่างสงสัย ป้าจงจินต์ก็หัวเราะแหลมกลบเกลื่อน

“ดีค่ะ ดีจังเลยนะคะมีพี่ชายเป็นตำรวจ แหม ครอบครัวจะได้อยู่กันอย่างปลอดภัยนะ เอ้อ…”

คุณป้าแอบปาดเหงื่อเล็กน้อย ในอนาคตจะใช้ชีวิตอยู่กันอย่างไรถ้าฝ่ายสามีมีพี่ชายเป็นตำรวจ แต่ฝั่งภรรยามีพี่สาวเป็นโจร

“แล้วพี่ชายของเอเจเป็นตำรวจที่ไหนล่ะคะ รู้จักกับพี่ชายหนูขวัญไหม”

“พี่ชายน้องขวัญ” ชายหนุ่มทวนคำพลางเลิกคิ้วสูง

“ใช่ค่ะ เอ้า…ก็พี่ชายหนูขวัญก็เป็นตำรวจเหมือนกันนี่คะ”

คราวนี้กลับกลายเป็นชายหนุ่มบ้างที่สะดุ้ง ไม่ได้แรงถึงขั้นกาแฟกระฉอกเหมือนเธอทำ แต่แทนทองแท้ในคราบคุณนายจงจินต์ก็มั่นใจว่าเห็นเขาสะดุ้ง

เอเจหัวเราะดัง ไม่รู้แน่ว่าหัวเราะขำหรือกลบเกลื่อน “เอ้อ…บังเอิญจัง พี่ไม่เคยรู้เลยนะเนี่ยว่าพี่ชายน้องขวัญเป็นตำรวจ”

แทนขวัญจิบน้ำชาก่อนตอบเสียงอ่อย “ใช่ค่ะ พี่ชายขวัญเป็นตำรวจ น้องชายเป็นครูค่ะ”

เอเจพยักหน้ารับทราบ ป้าจงจินต์ก็แอบจับสังเกตความผิดปกติในสีหน้าเขา แต่ไม่ทันพบพิรุธอะไรชายหนุ่มก็ชวนคุยต่อ

“เดือนหน้าจะมีงานวิ่งการกุศลด้วยนะครับ นำทีมโดยนักร้องซูเปอร์สตาร์พวกเพื่อนๆ ผมเอง”

คุณนายขยับตัวเล็กน้อย หัวข้อสนทนาเปลี่ยนไวจนตั้งตัวแทบไม่ทัน

“วิ่งกันจากเชียงรายลงมาสิ้นสุดที่กรุงเทพ รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายสมทบเข้าศูนย์โรคหัวใจเพื่อซื้อเครื่องมือแพทย์ และเป็นกองทุนช่วยเหลือผู้ป่วยโรคหัวใจที่ไม่ค่อยมีเงินรักษาน่ะครับ ผมกับน้องขวัญก็เป็นทีมงานของโครงการด้วย ถ้าเผื่อคุณป้าจงจินต์สนใจร่วมบริจาคทำบุญ พวกเรายินดีนะครับ”

พอตั้งตัวติด คุณนายจงจินต์ก็ตอบรับทันที

“สนใจสิคะ แหม…ดีจังเลยนะคะโครงการแบบนี้ ได้ออกกำลังกายด้วย ทำบุญด้วย ผู้ป่วยโรคหัวใจนี่น่าสงสารมากนะคะ อาการกำเริบขึ้นมาทีถ้าไปโรงพยาบาลไม่ทันอาจถึงตายได้เลย แล้วถ้าป้าไม่ใช่แค่บริจาคเงิน แต่ร่วมเป็นหนึ่งในคณะทำงานด้วย จะยังพอมีหน้าที่อะไรให้ป้าได้ช่วยไหมคะ”

เอเจอึ้งไปเล็กน้อย แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้น

“ได้เลยครับคุณป้า ขอบคุณมากๆ เลยนะครับที่คุณป้ามีน้ำจิตน้ำใจช่วยโครงการเราขนาดนี้ เดี๋ยวผมให้เลขาติดต่อคุณป้าเรื่องรายละเอียดโครงการอีกทีนะครับ”

“โอเคเลยค่ะ งั้นติดต่อป้าตามนามบัตรนี่ได้เลยนะ ส่วนตอนนี้ป้าขอตัวกลับก่อนดีกว่า ไม่รบกวนเวลาสวีตหวานของสองคนแล้ว แหม…ขอโทษที มัวแต่คุยเพลิน สองคนนานๆ ได้เจอกันทีนี่นะ เชียงราย-ปทุม”

ชายหนุ่มหัวเราะเขิน แต่แฟนสาวของเขาไม่ขำด้วย พอคุณนายจงจินต์ลุกออกจากโต๊ะ ชายหนุ่มก็ลุกยืนแล้วไหว้ลา แทนขวัญรีบพูดขึ้นว่า

“คุณป้าคะ หนูไปส่งค่ะ”

 

พอออกมาพ้นประตูร้าน แทนขวัญก็เปิดฉากทันทีไม่รีรอ

“เจ๊ คิดจะทำอะไรเนี่ย”

“ทำอะไร้…ไม่ได้ทำอะไรนี่ เจ๊ก็แค่อยากรู้จักแฟนแกเฉยๆ ก็อยากปิดบังเจ๊ ปิดบังพี่แทนเขาทำไมล่ะ ไม่ยอมบอกเจ๊ เจ๊ก็ต้องสืบเองแบบนี้แหละ”

แทนขวัญหน้ามุ่ย ก้าวหลบหันหลังให้ร้านเพราะกลัวว่าเอเจมองมาจากข้างในจะเห็นเข้า

“เจ๊ห้ามทำแบบนี้อีกนะ หนูไม่ชอบ”

“ไม่ชอบก็ไม่ต้องชอบ รู้ไว้อย่างเดียวก็พอว่าเจ๊ไม่ทำแกเดือดร้อนหรอก”

แทนขวัญตอบเสียงสะบัด

“ไม่ได้นะ เจ๊อย่ามายุ่งกับหนูกับพี่เอเจนะ งานวิ่งก็ไม่ต้องมายุ่งเลยด้วย หนูรู้ว่าเจ๊ไม่ได้อยากออกกำลังกาย ไม่ได้อยากทำบุญ เจ๊คิดจะทำอะไรกันแน่ บอกมานะ”

พี่สาวใหญ่ถอนหายใจ

“ยัยขวัญ เจ๊จะบอกให้นะ คนที่แกจะต้องสงสัยน่ะไม่ใช่เจ๊ แต่เป็นแฟนแกโน่น เจ๊ขอเตือนเลยนะว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา ระวังตัวด้วยล่ะ แล้วให้พี่แทนเขาเช็กประวัติหรือยัง”

หญิงสาวส่ายหน้า ปอยผมสีน้ำตาลเข้มพลิ้วน้อยๆ “หนูยังไม่ได้บอกพี่แทน จะบอกได้ไง เพิ่งคบกันแค่สองเดือนเอง”

คราวนี้ผู้เป็นพี่สาวตกใจ อุทานลั่น “อ้าว เพิ่งคบกัน แต่คุยกันเรื่องแต่งงานแล้วเนี่ยนะ”

“ก็แหม เราสองคนเข้ากันได้ดีมากๆ นี่เจ๊ ก็เลยคุยๆ กันไว้ก่อน” น้องสาวทำหน้ากระเง้ากระงอด แล้วเปลี่ยนโหมดเป็นขึงขัง ชี้หน้าพี่สาวใหญ่ “แต่เจ๊ห้ามเข้ามายุ่งเด็ดขาดเลยนะ เรื่องงานวิ่งก็ด้วย หนูไม่ชอบ”

คนโดนข่มขู่ลอยหน้าลอยตาไม่สนใจ ไม่รับปาก แล้วยังไล่ให้แทนขวัญกลับไปหาแฟนหนุ่มเสียอีก ส่วนตัวเธอก็ก้าวขึ้นรถบีเอ็มดับเบิลยูคันหรูขับออกจากร้านไป

 

คุณนายจงจินต์ขับบีเอ็มดับเบิลยูไปส่งคืนร้านเช่าในเมืองเรียบร้อยก็ลอกคราบชุดผ้าไหมสีเขียวกลับมาเป็นแทนทองแท้คนเดิม จัดเสื้อเชิ้ตลายดอกกับกางเกงผ้าสีดำให้เข้าที่แล้วก็ซับเหงื่อที่ใบหน้า โบกรถสองแถวนั่งกลับบ้าน

รถสองแถวค่อยๆ แล่นรับลมร้อนไปตามถนนสายหลัก ผ่านตลาดก็มีคนหิ้วถุงผักถุงเนื้อพะรุงพะรังโบกขึ้นรถ สักพักเริ่มมีนักเรียนชายหญิงกรูขึ้นมานั่งอัดกันจนแน่น เจ๊ใหญ่ขยับตัวอึดอัดที่โดนเบียด คนแน่นรถมากขึ้นก็ยิ่งร้อน ต้องควักเอาพัดมาคลี่แล้วโบกคลายร้อน

ผ่านไปอีกครู่เดียวก็มีแก๊งเด็กนักเรียนชายโบกรถอีก คราวนี้ขึ้นมายืนเกาะราวข้างหลัง ห้อยโหนคะนองกันใหญ่ แทนทองแท้กลอกตา ร้อนก็ร้อน หายใจก็ไม่ออก อยากให้ถึงบ้านเร็วๆ ก่อนจะต้องมาตายอนาถเพราะอากาศอบอ้าวของเมืองไทย ตายเพราะรถแน่นจนหายใจไม่ออก หรือไม่ก็ต้องตายเพราะกลิ่นตัวของเจ้าพวกลิงทโมนหลังรถนั่น

ครั้นแล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่า ที่มีนักเรียนขึ้นมาเต็มรถเป็นเพราะตอนนี้เป็นเวลาโรงเรียนเลิก และแถวๆ นี้ก็คงใกล้โรงเรียนมัธยมที่แทนธรรมสอนอยู่ พอผ่านเข้ามาตรงถนนในเมือง รถติดไฟแดงยาวเหยียดและรถสองแถวก็ต้องหยุดด้วย เธอพยายามชะเง้อดูผ่านช่องรูระหว่างหัวคนบนรถก็ได้เห็นรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจอดอยู่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยว

แทนทองแท้เบิกตากว้างเพราะจำได้ว่านี่คือ รถมอเตอร์ไซค์คู่ใจของแทนธรรม

ฉับพลันนั้นสายตาก็ตวัดมองเข้าไปในร้าน เห็นอาตี๋น้อยของเธอกำลังกินก๋วยเตี๋ยวอยู่กับเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่ง เธอไม่อยากเชื่อสายตา แต่ขยี้ตาแล้วมองอีกทีก็ยังเห็นภาพเดิม

ใช่แล้ว เขาคือแทนธรรม…เจ้าน้องชายคนเล็กของเธอ คุณครูธรรมที่เขาว่ากันว่าเข้มงวด เก่ง และน่าเกรงขาม บัดนี้กำลังกินก๋วยเตี๋ยว ยิ้มหัวเราะอยู่กับนักเรียนหญิงมัธยมปลายผมหางม้าผูกโบขาวคนนั้น

โดยไม่ต้องใช้ความคิด แทนทองแท้ถลันพรวดขึ้นกดออดรถสองแถวแล้วแทรกกายผ่านเนื้อตัวเหนียวเหงื่อของเจ้าพวกนักเรียนหนุ่ม พุ่งลงจากรถไปทันที



Don`t copy text!