Be The Victor by CIMB โครงการที่สนับสนุนทุกความฝันในอ่านเอาก้าวแรกให้เป็นจริง

Be The Victor by CIMB โครงการที่สนับสนุนทุกความฝันในอ่านเอาก้าวแรกให้เป็นจริง

โดย : สราญรัตน์ ไว้เกียรติ

Loading

การอ่านนวนิยายที่ดีจากนักเขียนที่เราชื่นชอบและติดตามอ่านมาตั้งแต่ในวัยเด็ก อาจสร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนอยากเริ่มที่จะลองเป็นนักเขียนนวนิยายกันดูบ้าง แต่พอจะเริ่มจรดปากกา กลับไม่รู้จะพาเรื่องราวไปต่ออย่างไร หรือเขียนเท่าไรก็ไม่อาจจบเล่มได้เสียที เมื่อเกิดความล้มเหลว ก็พานให้ถอดใจ สุดท้ายก็ล้มเลิกความฝันกลางคัน

อ่านเอาเก็บคำถามของคนมีฝัน แต่ยังหาเทคนิคที่จะพาตัวเองไปให้ถึงฝันไม่เจอ มานั่งพูดคุยกับ คุณอมร ภูษิตรานุสรณ์ ผู้บริหารกลยุทธ์การตลาดลูกค้าบุคคล ธุรกิจรายย่อย ธนาคาร CIMB Thai ผู้ผ่านประสบการณ์การพบปะพูดคุยกับคนมีฝันที่ประสบความสำเร็จแล้วมากมายในโครงการ Be The Victor by CIMB และยังเป็นผู้สนับสนุนหลักของโครงการอ่านเอาก้าวแรก รุ่น 2 คุณอมรวางหนังสือที่กำลังอ่านค้างไว้ข้างแก้วกาแฟ เริ่มต้นบทสนทนาถึงคนที่ฝันอยากเป็นนักเขียนว่า

“คนเป็นนักอ่านก็คงเริ่มอยากเป็นนักเขียน แต่สิ่งที่จะทำให้เป็นนักเขียนได้ อันดับแรกเลย ต้องเขียนเล่มแรกให้จบก่อน การทำเวิร์กช็อปอ่านเอาก้าวแรก อย่างน้อยที่สุดคุณจะได้เขียนหนังสือหนึ่งเล่มให้เสร็จ ดังนั้น เราจึงเข้ามาสนับสนุนโครงการอ่านเอาก้าวแรก รุ่นที่ 2 เพื่อช่วยกระตุ้นว่า อย่าแค่ฝันเลย มาลงมือเขียน ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ก็เขียนต่อไป 

“เพราะถ้าคุณไม่มีก้าวแรก มันก็จะไม่มีก้าวที่สอง ก้าวที่สาม หรือก้าวแห่งความสำเร็จ เพราะฉะนั้น คุณต้องเริ่มก้าวแรกให้ได้” คุณอมรกล่าว


สานฝันจากการอ่าน

โครงการอ่านเอาก้าวแรกรุ่นที่ 2 ไม่เพียงเปิดโอกาสให้เหล่านักอยากเขียนได้ฝึกการเขียนนิยายจากนักเขียนมืออาชีพชั้นครู ปิยะพร ศักดิ์เกษม กิ่งฉัตร และพงศกรแล้ว ยังกลายเป็นคอมมูนิตี้ที่รวบรวมคนที่มีฝันอยากเป็นนักเขียนนวนิยายให้ได้มาพบปะและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน 

“มีคนที่อยากจะเป็นนักเขียนนวนิยายเยอะมาก ถ้ารวมทั้งรุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 ไม่น่าเชื่อเลยว่าความรู้สึกในวัยเด็กที่เมื่อเราอ่านนิยายแล้วเกิดความคิดอยากจะเป็นนักเขียนดูบ้าง พอผ่านเวลามาหลายสิบปี ความรู้สึกนี้ก็ยังถูกส่งต่อไปกับคนอ่านนวนิยายทุกรุ่น เราเห็นเลยว่าแต่ละคนมีพล็อตในใจ มีความฝันในใจ และโอกาสจากเวิร์กช็อปนี้แหละที่ทำให้พวกเขาได้ค้นพบกลเม็ด หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เขาสามารถเขียนเล่มแรกให้จบ”

ในฐานะที่เป็นนักอ่านนวนิยายคนหนึ่ง คุณอมรมองว่า ไม่ว่าจะฝันเป็นนักเขียน หรือเป็นอะไรก็ตาม การอ่านยังคงเป็นเทคนิคสำคัญที่จะช่วยให้คนมีความรู้ติดตัวที่จะนำพาตัวเองไปสู่ความสำเร็จได้ 

“โดยส่วนตัวเราเชื่อว่าเราเข้าใจคนได้จากการอ่านนวนิยาย คนคนนี้ชีวิตเป็นแบบนี้ มีแบ็กกราวด์เป็นแบบนี้ เขาจึงแสดงออกแบบนี้ หรือเมื่อเขาเจอปัญหาแบบนี้ เขาจะตอบสนองต่อสิ่งเหล่านี้อย่างไร ก็ชวนให้กลับมาคิดถึงตัวเราเองว่า ถ้าเป็นเราเจอเรื่องแบบนี้ จะคิดเหมือนเขาไหม หรืออาจจะไม่คิดเหมือนเขา 

“และถ้าจะพูดถึงในเชิงการอ่านเพื่อให้ความรู้ เราเชื่อว่าหนังสือหนึ่งเล่มมันเป็นทางลัดในการได้รู้เรื่องใหม่ๆ เรื่อยๆ แล้วคุณสามารถอ่านจบได้ภายในวันสองวัน ขณะที่บางทีความรู้แบบนี้ถ้าคุณต้องลงไปหาเองก็อาจต้องใช้เวลานาน หรือใช้งบประมาณเยอะในการเข้าไปสืบค้น ดังนั้น ความรู้ที่คุณได้จากหนังสือราคาสามสี่ร้อยบาท เราถือว่าเป็นความรู้ที่มีราคาถูกมาก”

ความล้มเหลวของคนพ่ายฝัน

กว่า 2 ปี ของการจัดโครงการ Be The Victor by CIMB ที่เดินทางตามรอยคนที่สร้างฝันสำเร็จราวๆ 50 ชีวิต เพื่อแกะรอยถึงวิธีคิด แรงผลักดัน และการลงมือทำ ออกมาเป็นบทสัมภาษณ์ บทความให้ความรู้ ให้แรงบันดาลใจ และคลิปวิดีโอต่างๆ คุณอมรพบว่ามี 2 สิ่งสำคัญที่จะทำให้คนล้มเหลวต่อความฝันของตัวเอง

“อันดับแรก บางคนฝันใหญ่ไป กลัวผลลัพธ์จะเล็กเกินไป กลัวไม่เท่ และสองคือ ไม่ลงมือทำ ไม่มีวินัย มันก็เลยทำให้คนเราไม่เริ่มที่จะทำอะไรสักที 

“ระหว่างทางของการได้พูดคุยกับคนที่ประสบความสำเร็จ เราค้นพบสิ่งหนึ่งว่า ความสำเร็จเล็กๆ อย่างสม่ำเสมอต่างหาก ที่จะนำพาฝันของพวกเขาให้เป็นจริงได้ ยกตัวอย่าง วันนี้เราอยากจะออกกำลังกาย งั้นก็เริ่มลองวิดพื้นสัก 3 ทีก่อนดีไหม วันหนึ่งมันอาจจะเพิ่มเป็น 4 หรือ 5 ที หรือคุณเองที่กำลังอยากจะเป็นนักเขียนก็ตาม ก็อาจจะคิดว่า ฉันเขียนไม่จบเรื่องหรอก งั้นก็เริ่มจากวันนี้คุณเขียนแค่ 3 บรรทัดพอ แล้วเขียนไปเรื่อยๆ ในที่สุดมันก็จะจบเล่ม ความสำเร็จเล็กๆ นี่แหละ ที่จะนำมาซึ่งความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่” คุณอมรเล่า

พาฝันทะยานสู่ความสำเร็จ

“ความสำเร็จไม่มีทางลัด” แม้จะเป็นคำที่ดูเรียบง่าย ได้ยินได้ฟังกันมาก็บ่อย แต่คุณอมรยังคงเชื่อว่าคำคำนี้คือแรงผลักดันสำคัญที่จะทำให้คนที่มีฝันยังรักษาความมุ่งมั่นในเส้นทางของตนเองได้ต่อไป

“คุณต้องรู้จักตนเอง มีความรัก มุ่งมั่นที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างจริงจัง เป็นคนที่วางแผนเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น และเมื่อวางแผนแล้วก็ต้องลงมือทำ ต่อให้สิ่งนั้นมันจะล้มเหลวหรือไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด ก็ยังพยายามที่จะลุกขึ้นมาเรียนรู้กับมัน แล้วทำต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ และมีความเชื่อมั่นในตนเองว่า ถ้าเราทำในสิ่งที่คิดว่านี่แหละ คือตัวเรา วันหนึ่งมันก็ต้องประสบความสำเร็จ 

“อีกอย่างหนึ่งคือ กล้าที่จะล้มเหลว กล้าที่จะเรียนรู้ กล้าที่จะทำ และกล้าที่จะกลัว หมายความว่า ถ้าเรากลัว ก็จงยอมรับว่าเรากลัว แล้วลองดูว่าจะทำอย่างไรให้เราก้าวข้ามผ่านความกลัวนั้น ซึ่งบางคนอาจจะคิดว่าความกลัวเป็นเรื่องไม่ดี แต่สำหรับเรา เราคิดว่ามันเป็นเรื่องดี เพราะมันทำให้เรารู้จักเตรียมตัววางแผนที่จะล้มเหลว และหาวิธีตั้งรับว่าจะทำอย่างไรถึงจะไปถึงเป้าหมายนั้นต่อได้” คุณอมรกล่าวทิ้งท้าย

Don`t copy text!