พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 38.1 : หุบเขาในนิมิต

พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 38.1 : หุบเขาในนิมิต

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

หนทางเต็มไปด้วยความลำบาก ต้องลัดเลียบผ่านหุบเหวและป่าลึก ต้องไต่ขึ้นสูงและบางครั้งลาดลงต่ำ อันที่จริงพวกมันไม่ควรเอาตัวเขามาให้เป็นภาระ แต่ลิ่วลมรู้ว่ามันตั้งใจจะเอาเขามาต่อรองกับเชวังและยังเชน

แทบไม่ต้องเดาเลยว่าพวกมันคือคนของ Linn Plant ถ้านับรวมหัวหน้าที่ชื่ออังเดรด้วย พวกมันมีทั้งหมดหกคน อังเดรมอบหมายให้คนตัวโตเหมือนหมีเป็นคนพาเขาขึ้นหลังม้า ลิ่วลมได้ยินว่ามันชื่อลีออง

ตอนที่พวก Linn Plant พาเขามาถึงหุบเขาเลือดมังกร ลิ่วลมถึงกับตัวเย็นวาบ เพราะภูมิทัศน์ที่ปรากฏตรงหน้าเป็นสถานที่เดียวกับที่เขาเห็นในนิมิตนั่นเอง…

ทุ่งกว้างที่ล้อมรอบด้วยหุบเขาสูงชัน ถัดไปที่ปลายทุ่ง แผ่นดินที่ลาดเป็นภูเขากลับหักศอกลงกลายเป็นเหว ลิ่วลมเห็นพืชต้นเล็กที่มีใบสีแดงสดราวสีเลือดขึ้นอยู่เต็มบริเวณ นั่นคงเป็นสมุนไพรเลือดมังกรที่ล่องเมฆตั้งใจมาทำการศึกษาวิจัยแต่แรกนั่นเอง สีของมันเหมือนกับสีของไหมที่ปักในพยับฟ้าโพยมดินไม่มีผิด

เขารู้สึกคุ้นกับหุบเขาแห่งนี้ ทั้งที่เพิ่งเคยมาครั้งแรก

แน่ละ เพราะเขาเห็นมันมาแล้วครั้งหนึ่ง…

เขาเห็นเชวัง กระเด็นตกลงมาจากที่สูง…

เขาได้ยินเสียงปืน…

ได้กลิ่นคาวเลือด…

เสียงระเบิดผสานกับเสียงกรีดร้องของอัญญาวีร์ ตอนที่นารีญากระเด็นกลิ้งไปไกล…

ภาพที่ปรากฏในหัวของลิ่วลมแม้จะเต็มไปด้วยความอึงอลสับสน ทว่าเขาเห็นทุกอย่างชัดเจน…หุบเขาลึกที่รายล้อมไปด้วยยอดเขาสูงเสียดฟ้าและหน้าผาสูงชัน สายฟ้าแลบแปลบปลาบ สายฝนที่กระหน่ำหนัก เขาเห็นแม้กระทั่งดอกอุทุมพรที่กลีบปลิวกระจัดกระจาย

และบัดนี้หุบเขาในนิมิตได้มาปรากฏอยู่ตรงหน้านี้แล้ว

ลิ่วลมรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น จึงพยายามห้ามไม่ให้ล่องเมฆและทุกคนเดินทางตามมา แต่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์ เพราะน้องไม่เชื่อเขา

ดังนั้น ถ้าเขาอยากเปลี่ยนสิ่งที่เห็น…เขาต้องลงมือจัดการกับพวกมันก่อนที่พวกของล่องเมฆจะติดตามมาทัน

“อังเดร…ดูดอกไม้นั่นสิ”

เสียงลูกน้องคนหนึ่งตะโกนบอกหัวหน้าทีมด้วยความตื่นเต้น ลิ่วลมกลอกตามองตามมือชี้ ก็เห็นดอกไม้สีขาวดอกกระจิริดรูปร่างคล้ายระฆังคว่ำ แย้มกลีบบานอยู่บนก้านสีเขียวสด

อุทุมพร…เขานึกในใจ…ใช่แน่นอน ไม่ผิดหรอก ดอกไม้ตรงหน้าเขาคือดอกไม้ทิพย์ ที่ลามะได้เมล็ดพันธุ์มาจากสวรรค์

สายลมเย็นๆ ที่พัดผ่านมา พาเอากรุ่นหอมอ่อนจางมาด้วย ลิ่วลมสูดกลิ่นนั้นเข้าไปจนเต็มปอด รู้สึกผ่อนคลายและเหมือนจะเริ่มขยับร่างกายบางส่วนได้

“อูดุมบารา”

อังเดรวิ่งโขยกเขยกไปสำรวจดอกไม้นั้นอย่างใกล้ชิด เขาเลียนแบบสำเนียงของคนภูฏาน

“ดอกอุทุมพร…มันยังอยู่ที่นี่จริงๆ”

มือหยาบกระด้างของอังเดรเอื้อมมือไปแตะกลีบดอกสีขาวที่บอบบาง และทันทีที่ปลายนิ้วของเขาแตะถูกดอกไม้นั้น อุทุมพรก็พร้อมใจกันทิ้งกลีบลง และเหี่ยวเฉาไปอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ย บ้าน่ะ” อังเดรโมโห “ดอกไม้บ้าอะไรวะ แตะปุ๊บ เหี่ยวปั๊บ”

“แน่ะ ยังมีอยู่ตรงนั้นอีกดอก” ลูกน้องอีกคนว่า และชี้นิ้วไปทางก้อนหินก้อนใหญ่ที่มีดอกไม้ดอกเล็กแอบซ่อนอยู่ในซอกหลืบ

ลิ่วลมค่อยๆ ขยับศีรษะหันไปมอง

…ใช่…

เขาขยับศีรษะได้แล้ว พวกมันมัวแต่ตื่นเต้นกับการพบดอกไม้ในตำนาน จนไม่มีใครทันสังเกตเห็นว่ายาที่ฉีดให้เขากำลังจะหมดฤทธิ์

“โอ…ดูเหมือนตอนนี้มีเยอะกว่าตอนที่ฉันมาที่นี่ครั้งแรกอีกนะ” อังเดรเลิกคิ้ว “แปลว่าผู้คนที่นี่มีความสุขขึ้นอย่างนั้นหรือ”

เขาเดินไปคุกเข่าและจ้องมองดอกไม้รูปทรงประหลาดใกล้ชิด และค่อยๆ เอื้อมมือไปแตะเบาๆ

และทันใดนั้น ดอกอุทุมพรก็ทิ้งกลีบและเหี่ยวแห้งลงไปต่อหน้าต่อตาอีกครั้ง

“ห่ะ…”

อังเดรสบถ เขาลุกขึ้นและใช้เท้าเตะต้นอุทุมพรด้วยความโมโห ขณะที่ลูกน้องของเขาหันไปหัวเราะและพูดกันเป็นทำนองว่า อังเดรเป็นคนบาป แม้แต่ดอกไม้ยังรับรู้ได้

“ปากมากนะพวกมึง” อังเดรหันมาชี้หน้าลูกน้องของเขา “แต่เอาละ กูจะยกโทษให้พวกมึง เพราะวันนี้กูอารมณ์ดี นอกจากได้เจอดอกอุทุมพรง่ายๆ แล้ว เรายังจะได้ตัวมังกรกลับไปอีกด้วย”

“มันอยู่ที่นี่จริงๆ ใช่ไหม” ลูกน้องคนหนึ่งถาม

“เออสิวะ” อังเดรพยักหน้า เขากวาดตามองไปรอบๆ “ที่เก่า ที่เดิมเลยละ กูจำได้”

“เอาไงกับไอ้นั่นดี” ลูกน้องคนที่แบกเขาขึ้นหลังม้าหันมาถาม ตัวของมันใหญ่ราวกับหมียักษ์ การเคลื่อนไหวค่อนข้างจะช้ากว่าคนอื่น

“รอพรรคพวกมันมาก่อน” อังเดรเอ่ยอย่างใจเย็น “มังกรมันไม่ออกมาหรอก ถ้าไอ้พวกนั้นไม่เรียกให้ออกมา…”

“แล้วมันจะยอมเรียกมังกรให้เราหรืออังเดร” ฝรั่งร่างยักษ์คนเดิมถาม

“อย่าโง่สิลีออง” อังเดรยักไหล่ “ถ้ามันไม่ยอมเรียก เราก็ยิงไอ้คนนี้ทิ้งเสีย ยิงให้มันเห็นกับตา จะได้รู้ว่าเราเอาจริง”

ดวงตาของฝรั่งวัยกลางคน หวนระลึกไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ป่านนี้ไอ้มังกรตัวลูกคงจะโตมากแล้ว ถ้าจับตัวกลับไปได้ ค่าตอบแทนที่เขาได้รับย่อมจะมีมูลค่ามหาศาล

อังเดรเป็นคนรอบคอบ เขาเตรียมการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว เพราะการจะพามังกรกลับอังกฤษไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สำหรับบริษัทที่ทรงอิทธิพลอย่าง Linn Plant นั้นไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากซัมเซเป็นมณฑลชายแดนภูฏาน อยู่ติดกับรัฐสิกขิมของอินเดีย ตรงตะเข็บชายแดนเป็นป่าและหุบเขาลึก อีกทั้งยังจัดเป็นพื้นที่สีเทาที่ยากจะบอกว่าเป็นดินแดนของประเทศใดอย่างชัดเจน เครื่องบินของ Linn Plant รออยู่แถวนั้นแล้ว ขอเพียงอังเดรส่งข่าว พวกเขาพร้อมจะบินตรงมารับตัวมังกร รับอังเดรและทุกคนเดินทางกลับอังกฤษทันที

“พวกมันจะมาแน่หรือ” ฝรั่งร่างหมีที่ชื่อลีอองตั้งคำถาม

“มันต้องมาสิ ยังไงมันก็ต้องมาช่วยไอ้นี่ พวกมันเป็นห่วงกันมาก” อังเดรมั่นใจ “เราแค่รอเวลาเท่านั้น…ไม่ดีหรือไง เดินทางมาเหนื่อยๆ จะได้หยุดพักก่อนลุยงานใหญ่”

“ก็ดี” ลูกน้องที่เหลือของอังเดรพยักหน้า ก่อนจะแยกย้ายกันไปหามุมสงบเพื่อนั่งพัก ขณะที่ลีอองเดินกลับมาชะโงกดูลิ่วลมว่ายังอยู่ดีหรือไม่

จังหวะนั้นเองที่ลิ่วลมเริ่มขยับตัวได้

เขาไม่ได้ลุกขึ้นต่อสู้กับพวกมัน ไม่ได้ลุกขึ้นวิ่งหนี

ที่เขาทำเพียงแต่หลับตา แล้วเอื้อมมือไปจับข้อมือของลีอองแน่นๆ…



Don`t copy text!