เพื่อนแปลกหน้าห้อง 808

เพื่อนแปลกหน้าห้อง 808

โดย :

Loading

นอกเหนือจากนวนิยายและบทความที่ผ่านการเลือกสรรและผ่านกระบวนการบรรณาธิการพิจารณาเป็นอย่างดี ทีมงานอ่านเอายังริเริ่มโปรเจ็กต์ “Anowl Showcase” พื้นที่ใหม่สำหรับคนชอบเขียนขึ้น เพื่อเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ที่จะให้เว็บ www.anowl.co ของพวกเราเป็นชุมชนสำหรับคนรักการอ่านและการเขียนทุกคน

*************************

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

ผมชื่อแจ้งเกิดครับ ไม่ใช่ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้ ผมตั้งของผมเอง ผมตั้งใจว่าพอจบมหาวิทยาลัยออกไปทำงาน ผมถือว่าผมได้เกิดใหม่ในเวอร์ชันที่ผมจะสร้างชีวิตของตัวเอง เริ่มจากเปลี่ยนชื่อ ลบรูปอดีตในไอจี โพสต์ออนไลน์ด้วยเรื่องราวที่ใครๆ จะได้รู้จักผมในแบบที่ผมกำลังจะเป็น ผมได้รับคัดเลือกเป็นพนักงานใหม่โครงการเลือดใหม่ที่จะขับเคลื่อนองค์กรสู่อนาคตด้วยคนรุ่นใหม่ นี่แหละใช่เลย ‘แจ้งเกิดมาแล้วครับ’

คำพูดของพี่ชัชวาล หัวหน้าแผนกส่งเสริมการตลาด ตอนแนะนำผมกับทุกคนในแผนกยังก้องอยู่ในใจผม

‘คนเราต้องไม่หยุดนิ่ง ต้องอัพเดตตัวเองให้เป็นเวอร์ชันใหม่ทุกวัน แจ้งเกิดเป็นตัวอย่างของคนรุ่นใหม่ที่จะดิสรัปต์สิ่งเก่าด้วยไอเดียใหม่วิถีใหม่ ผมยอมไม่ได้นะที่รอให้โลกเปลี่ยนเรา เราจะเปลี่ยนโลก นี่เป็นสิ่งที่อยากให้ทุกคนท่องให้ขึ้นใจ เอาล่ะ พวกเราต้องคิดใหม่ทำใหม่ให้น้องอย่างแจ้งเกิดได้เห็นเป็นตัวอย่าง’

โหย พี่ชัชวาล ต้องอย่างนี้สิ หัวหน้าในดวงใจ ใครจะโชคดีเหมือนผม แจ้งเกิดครับ ได้แจ้งเกิดแน่ครับ

  • •••••••••

“โธ่เว้ย อันนี้ก็ไม่เอาอันนั้นก็ไม่เก็ต” อารมณ์คุกรุ่นของผมถึงขีดสุด หลังจากเอาแคมเปญโปรโมตสินค้าใหม่ไปให้พี่ฟลุ๊ค พี่เลี้ยงของผม นับวันยิ่งทำตัวแสบ ทำงานมาก่อนแค่ปีเดียวทำเป็นเชี่ยวอวดเก่งสารพัด พอถาม ‘แล้วพี่จะเอายังไง’ ยังมาชักสีหน้าย้อนอีกว่า ‘พี่ไม่ได้มีหน้าที่คิด พี่มีหน้าที่โอเคหรือไม่โอเค โอเคปะ’

ใครก็พูดได้หรือเปล่าวะว่า ‘ไม่โอเค ยังไม่ใช่อะ’ ฟลุ๊คเอ๋ยไอ้ฟลุ๊ค ไอ้เกิดโดยบังเอิญ ผมหายใจลึกๆ ยาวๆ เอาใหม่ นึกสินึกพอดแคสต์ของพี่ญอนบอกไว้ว่าอะไร พี่ญอณบอกว่า ‘อุปสรรคคือหนทางของความสำเร็จแบบใหม่ๆ การที่คนอื่นมองไม่เห็นแสดงว่าเขามองไม่เห็น’

เอาใหม่ พรุ่งนี้ลองใหม่ งั้นชมพี่เขาไปก่อนเลย ‘พี่ฟลุ๊คสุดหล่อ พ่อเทพบุตร’ จะได้อารมณ์ดียอมให้เอางานไปพรีเซนต์พี่ชัชวาลตามนัด ถ้าพี่ชัชวาลไม่ชอบอะไรก็ยอมรับแต่คนเดียวบอกไปเลยว่า ‘พี่ฟลุ๊คเตือนแล้ว แต่ขอลองขายพี่ดูก่อน’ เห็นไหมพอมีสติอะไรก็คิดออก นายนี่ยอดจริงๆ เลยแจ้งเกิดเอ๋ย ภูมิใจแทนเลยอะ

  • •••••••••

“ดีมากเลย ไอเดียดีมาก แจ้งเกิด พี่ไม่ผิดหวังจริงๆ”

หน้าบานเลย แต่ไม่ทันชั่วอึดใจ พี่ฟลุ๊คพี่เลี้ยงสุดแสบของผมก็ขอมีซีนพูดขึ้น

“ตอนแรกไม่ใช่แบบนี้นะครับ ผมแก้แล้วแก้อีก ทั้งเข็นทั้งดันกว่าจะได้แบบที่เห็น นี่ผมช่วยเต็มเลยนะครับ”

อ้าว! อ้าว! ไหงงั้นล่ะพี่

“ดีแล้วฟลุ๊ค น้องเขายังใหม่ ช่วยดูช่วยฝึก คิดไม่ผิดเลยที่ให้เป็นลูกทีมของฟลุ๊ค ทำงานกันได้แบบนี้พี่ก็โล่งใจ”

อ้าว! อ้าว! อ้าว! แล้วสมองผมก็ว่างไปชั่วขณะ รู้ตัวอีกทีก็ตอนมาถึงโต๊ะ เสียงไอ้ฟลุ๊คดังขึ้น

“คิดต่อได้เลยนะ แล้วพรุ่งนี้เอามาให้พี่ดูนะน้อง พี่ไปละ… ซียู”

ไอซียูเลยเมิง ไปตายที่ไหนก็ไปไอ้ฟลุ๊คคคคคคคคคค เฮ้ย หงุดหงิดเว้ย หงุดหงิด

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขัดจังหวะความหงุดหงิด “เออๆ เย็นนี้เจอกันเพื่อน ที่เดิม”

ไม่ทงไม่ทำละ เดี๋ยวคืนนี้กลับไปห้องค่อยทำ ไปฉลองกับเพื่อนดีกว่า ฉลองให้กับความโสมมของไอ้จอมเขมือบ

  • •••••••••

เมื่อคืนผมฝันประหลาด พี่ฟลุ๊คโดนรุมกระทืบปางตาย ทั้งภาพทั้งเสียงทั้งรสสัมผัสใต้ฝ่าเท้าเหมือนผมอยู่ในเหตุการณ์ สงสัยจะโกรธจัดจนเอาไปฝัน สะใจไหมล่ะพี่ฟลุ๊คคคคคคคคค

“แจ้งเกิดรู้ข่าวยัง ฟลุ๊คเข้าไอซียู อาการหนักน่าเป็นห่วง” พี่มล เลขาฯ ของแผนกบอกตอนเจอผมที่ห้องกาแฟ

“เห็นเขาบอกว่า มีเรื่องกับคนเมาในร้าน แล้วมีคนมาเจอนอนกองอยู่ในซอยแถวนั้น”

อึ้งครับ แต่อึ้งนี้ไม่นานก็โดนขัดจังหวะด้วยเสียงตกใจของพี่มลขณะคุยโทรศัพท์

“อะไรนะ! ฟลุ๊คเสียแล้วเหรอ เดี๋ยวมลแจ้งทุกคนเอง”

อึ้งเข้าไปอีก เห็นกันอยู่เมื่อวาน วันนี้ตายละ ไม่น่าไปแช่งพี่เขาเลย อโหสินะพี่ แล้วจะทำบุญไปให้

  • ••••••••

ชีวิตเหมือนได้เลื่อนขั้น ผมทำงานขึ้นตรงกับพี่ชัชวาลเลย แจ้งเกิดแน่คราวนี้ พี่เขาชอบงานเรา

“แจ้งเกิดทำมาใหม่ดีกว่า พี่พูดตรงๆ นะ พี่เป็นคนตรงๆ มันยังไม่ใช่ แต่ไม่อยากขัดให้เสียกำลังใจตั้งแต่ครั้งแรก”

เอ่อ! พี่ครับ พี่จะพร่าความภูมิใจครั้งแรกในการทำงานของผมแบบนี้เลยหรือครับ

“พี่เข้าใจว่าไฟแรง เห่อของใหม่ ไมโครอินฟลูเอนเซอร์อะไรกัน ไร้สาระ อย่างนี้เรียกว่ายังไม่เข้าใจโลก เลิกเพ้อ เลิกฟุ้งฝัน ตื่นๆ กลับมาสู่โลกความจริง เด็กหนอเด็กน้อย ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ… บลาๆๆๆ…”

ความรู้สึกของผมโดนย่ำยีขืนใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า สิ่งที่พี่เขาพูดมันยืดยาวเกินกว่าผมจะรับไหว ไหนบอกว่า ‘อยากได้ไอเดียใหม่ เปิดรับอะไรใหม่ จัดมาให้เต็มที่’ แต่ไหงพี่ตกยุคและปิดกั้นขนาดนี้… ไปตายเถอะ

จากวันธงชัยกลายเป็นวันอุบาทว์ ผมนั่งนิ่งบนดาดฟ้าของอพาร์ตเมนต์ที่พัก ทอดอารมณ์มองท้องฟ้ามืดๆ เหมือนชีวิตผมตอนนี้ ‘ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี’

“คิดอะไรอยู่เหรอน้อง พี่เห็นน้องขึ้นมาบนนี้หลายหนละ” เสียงทักเรียกผมจากความคิด

“เรื่อยเปื่อยน่ะครับ”

“หน้าเหมือนคนกลุ้มใจ”

“เรื่องหัวหน้างานน่ะครับ” ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมบอกไปแบบนั้นกับคนแปลกหน้า

“ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา เดี๋ยวก็เห็นทางออก”

“ครับ แต่ผมอยากเปิดใจหัวหน้า แบบผ่าเปิดอก แบะซ้ายแบะขวาเลย” อ้าว! บอกเขาไปอีก ใช่เรื่องไหมล่ะ

“เดี๋ยวก็มีทางออก คืนนี้หลับให้สบาย พรุ่งนี้ก็ดีเอง น้องจะได้อย่างที่คิด”

แล้วผมก็กลับมาห้องตอนไหนไม่รู้ มารู้อีกทีก็เช้าแล้ว

  • •••••••••

“พี่ชัชวาลเสียแล้วนะ เมื่อคืนต้องผ่าตัดหัวใจด่วน”

ผมอึ้ง!!!

  • •••••••••

แล้วผมก็แจ้งเกิดสมชื่อ คนทั้งบริษัทรู้จักผม พูดถึงผมกันถ้วนหน้า ไปไหนคนก็มอง ก็ซุบซิบ หนักเข้าถึงขั้นมีคนต่างแผนกแวะเวียนมาดูหน้าใกล้ๆ กับสมญาใหม่ ‘แจ้งเกิดอยู่กับใครนายตายหมด’ อยู่มาได้เดือนเดียวหัวหน้าตายไป 2 คน ให้ได้อย่างนี้สิชีวิต

วันนี้เลยเป็นอีกวันที่ผมเหนื่อยกับชีวิต จิตตก ต่อให้ปลอบใจตัวเองไม่ให้คิดมาก แต่พอได้ยินคนพูดเยอะเข้าเยอะเข้าก็ทำให้ใจสั่นคลอน ‘หรือว่าเราทำให้พี่ๆ เขาตายวะ’ ‘คนจะตายมาเกี่ยวอะไรกับเราวะ อย่ามาโบ้ย’ ‘นี่เราเป็นหมายแจ้งตายไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะ’ ‘ใครจะกล้ารับเราเข้าทีมวะ’ ‘ทำไมต้องเกิดอะไรแบบนี้วะ หมดกัน’ คิดวนไป วนไป ไม่มีคำตอบ ไม่มีทางออก มุมเดิมบนดาดฟ้าอพาร์ตเมนต์

“อ้าว เป็นอะไรอีกล่ะวันนี้” เสียงทักของพี่เมื่อวันก่อน

“พี่นั่นเอง คิดเรื่อยเปื่อยครับ ชีวิตมันแย่” แล้วผมก็เล่าเรื่องพี่ที่ทำงานด้วยกันตายไป 2 คนในระยะเวลา 1 เดือน และรู้สึกผิดที่นึกอยากให้เขาตายแล้วก็ตายจริงๆ

“เขาตายดีกว่าตัวเราตายรึเปล่าล่ะ”

“คือผมก็ไม่ได้คิดอย่างนั้น… มันเหมือนเวลาเราโกรธใครก็แค่อยากให้เขาตายๆ ไปซะ แต่ไม่ได้อยากให้ตายจริง พี่เข้าใจผมปะ”

“เก่าไปใหม่มา นายกล้าคิด อยากเปลี่ยนแปลง แต่ไม่กล้าทำ กลัวมือเปื้อนเลือด แล้วเมื่อไหร่นายจะแจ้งเกิด”

“แต่เราไม่เอาเป็นเอาตายกันขนาดนั้นก็ได้ไหมอะ”

“ทุกวันมีคนตายแล้วก็มีคนเกิด นายตั้งชื่อตัวเองว่า แจ้งเกิด เพราะอะไรล่ะ เพราะต้องการเกิด อยากถูกจดจำ อยากโดดเด่น ถูกมองเห็นไม่ใช่เหรอ”

“ครับ”

“อย่าคิดมากไอ้น้อง ชีวิตมันมีทางออกเสมอแหละ เพียงแต่กล้าพอจะเปิดออกไปเจอไหม”

“ผมต้องขอตัวก่อนนะพี่ ดึกละ คุยกับพี่นี่เพลินดี”

“พี่อยู่ห้อง 808 นะ ห้องพี่เปิดรับน้องเสมอ ถ้าอยากคุยกับพี่”

  • •••••••••

ตอนเช้าผมลงมาข้างล่างอพาร์ตเมนต์พบว่า เกิดอะไรไม่รู้ มีคนมามุงดูเต็มเลย ตำรวจท้องที่กำลังตรวจสถานที่ เจ้าหน้าที่มูลนิธิเตรียมเก็บศพ รปภ. เล่าให้ผมฟังว่า มีคนห้อง 808 กระโดดตึกฆ่าตัวตาย

“เฮ้ย! ห้องอะไรนะ”

“808” ป้าศรีร้านอาหารตามสั่งใต้อพาร์ตเมนต์ย้ำ แล้วเล่าต่อ

“ห้องนี้อยู่คนเดียวเงียบๆ ไม่ค่อยคุยกับใคร เขาเพิ่งตกงาน บริษัทเห็นว่าเขา 50 กว่าแล้ว ให้เด็กใหม่ๆ เหมือนคุณนี่แหละมาทำแทนดีกว่า เงินเดือนถูกกว่า ไฟแรง บ้าพลัง”

“ถูกเลิกจ้างเหรอคะ แล้วเขาเป็นโรคซึมเศร้าด้วยหรือเปล่า” นักข่าวสถานีโทรทัศน์แทรกเข้ามาถาม ผมเลยเดินออกมา ได้ยินเสียงป้าศรีเล่าต่อ “ห้อง 808 นี่แรง ก่อนหน้านี้ก็มีคนตายมาแล้ว 2 คน ห้องนี้ห้องอาถรรพณ์…”

ผมได้แต่คิด เมื่อคืนยังคุยกันอยู่เลย แต่ไม่ได้รู้สึกว่าพี่เขาจะอายุ 50 นะ พี่เขาน่าจะไม่ถึง 30 อายุใกล้ๆ กับผม เออ! เพิ่งนึกออก ไม่เคยบอกชื่อกับพี่เขาเลยนี่หว่า แล้วพี่เขารู้ชื่อผมได้ไง

  • •••••••••

ในที่สุด ผมก็มีหัวหน้าคนใหม่ พี่ชยารัตน์จอมเฮี้ยบ เจ้าของฉายา ‘รอยยิ้มกระหายเลือด’ ขยี้คู่แข่งอย่างเลือดเย็นไร้ปรานี เอ่ออออ… สตั๊นแบบไม่มีแววจะคลิกจอย แล้วผมจะได้แจ้งเกิดกับเขาไหมนี่

“นายน่ะเหรอ ทำงานกับหัวหน้าคนไหนนายตายหมด เทียบเชิญท้าตายแบบนี้คงต้องมีใครสักคนต้องตายสินะ ชั้นคิดว่า คง-เป็น-นาย-มาก-กว่า” แล้วรอยยิ้มกระหายเลือดก็ประทับบนใบหน้าสวยฉ่ำของพี่ชยารัตน์

พี่ครับ พี่จะเปิดประโยคแรกในความสัมพันธ์ของเราเผ็ดร้อนทำให้ผมขนหัวลุกขนาดนี้เลยหรือครับ

“พรุ่งนี้ เอาแผนโปรโมตที่ทำค้างไว้มาคุยกัน เลือดใหม่แบบนี้พี่ชอบ” รอยยิ้มกระหายเลือดค่อยๆ แย้มวาบ

“ครับ” แล้วผมเดินตัวเย็นถึงกระดูกกลับมานั่งนิ่งๆ ที่โต๊ะอีกเกือบ 10 นาที เอาวะเป็นไงเป็นกัน เราต้องเชื่อมั่นในตัวเองเหมือนที่ญอนพูดเสมอในพอดแคสต์ ‘ขอพลังจงมาสถิตอยู่กับเรา’

  • •••••••••

“ห่วยแตก”

เสียงพี่ชยารัตน์ฟาดเปรี้ยงดังฟังชัดไปทั้งฟลอร์ ทุกคนเงียบกริบ

“แน่ใจว่านี่เอาสมองคิดมาแล้ว เสียลูกตา กลับไปทำมาใหม่พรุ่งนี้ ออกไปได้แล้ว”

ชาไปทั้งตัว อยากแทรกแผ่นดินหนีไปโผล่ที่โต๊ะทำงานเลย เกิดมายังไม่เคยโดนใครด่าขนาดนี้

ผมกลับไปวันรุ่งขึ้น

“พอๆ กลับไป อย่ามาทำให้ชั้นเสียเวลา”

“พี่ครับ ขอให้ผมพรีเซนต์ให้จบก่อนได้ไหมครับ ผมทำจนไม่ได้นอนทั้งคืน”

“นี่อะนะ ทำงานไม่ได้หลับไม่ได้นอนไม่ได้แปลว่า ทุ่มเทเสมอไป บางคนแปลว่า ทำงานไม่เป็น”

“ครับ” ผมถอยทัพอย่างหมดแรงจะพูดต่อ

 

ผมกลับไปใหม่วันถัดไป

“…” พี่ชยารัตน์ยิ้มหยัน ตั้งแต่ผมพูดยังไม่ทันจบประโยคแรก พี่ชยารัตน์มองสไลด์ภาพรวมงานบนจอที่ผมเตรียมมาแล้วหันกลับมามองผมอีกครั้ง ใบหน้าเรียบเฉย ไร้ความรู้สึก

“สิ้นหวัง ไร้ค่า ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ เข้าใจที่ชั้นพูดใช่ไหม งานของเธอมันมัน… เห้อ” ถอนใจแรง

ทุกคำที่พี่เขาพูด ทุกสายตาที่มองมา ทุกท่าทางที่แสดงออก เหมือนกระทืบ ขยี้ ชาไปทั้งตัว ผมมาอยู่ตรงนี้ทำไมวะ ให้เขาดูถูก เหยียดหยาม เหมือนไม่ใช่คน ผมกระโจนเข้าไปบีบคอพี่ชยารัตน์ นางดิ้นดิ้นตาเหลือก ดิ้นดิ้นตาเหลือก ตายซะเถอะ ตาย ตาย ผมบีบคอกดแรงขึ้นๆ นางดิ้นดิ้นพยายามจะแกะมือที่ล็อกบีบคอ

“นี่นาย” เสียงพี่ชยารัตน์เรียกผมจากความคิด

“ชั้นให้โอกาสอีกหนึ่งครั้ง ถ้างานนี้ยังไม่รอด ชั้นคงไม่ให้ผ่านทดลองงาน ชั้นจะทำให้ทุกคนเห็นว่า น้ำล้างเท้ายังมีประโยชน์ซะกว่า เลือดใหม่ที่คัดเข้ามาใช้งานไม่ได้ ชั้นไม่เอาใครจะทำอะไรชั้น เชอะ”

วันทั้งวันเหมือนวิญญาณออกจากร่าง ผมนั่งถอดใจที่มุมเดิมบนดาดฟ้าของอพาร์ตเมนต์

“ขี้แพ้ว่ะ นายมันไร้ค่า น้ำล้างเท้ายังมีประโยชน์กว่าไม่ใช่เหรอ”

“ไม่จริง แล้วพี่รู้ได้ไง วันนี้ผมไม่คุยเล่นนะพี่ อารมณ์ไม่ดี แล้วพี่หลอกผมใช่ไหมว่าอยู่ห้อง 808”

“ไม่ได้หลอก พี่อยู่ห้อง 808 ว่าแต่จะยอมแพ้เรื่องที่ทำงานเหรอ”

“พี่รู้ได้ไง ผมไม่เคยเล่าเรื่องวันนี้ให้พี่ฟังเลย”

“ดูจากทรงก็รู้ อย่างนายจะมีอะไรมาก เพิ่งทำงานใหม่ๆ โกรธใครก็อยากจะให้เขาตาย จริงไหมจริง”

“แค่ผมคิดเฉยๆ”

“ไม่เขาตายน้องก็ตาย เลือกเองละกันว่าทางออกของเรื่องนี้จะเป็นยังไง ว่าแต่กล้าปะล่ะ”

  • •••••••••

เช้าวันต่อมา ผมเดินเข้าบริษัท ผมรู้สึกได้ว่าทุกคนมองมาที่ผม ซุบซิบ มอง ซุบซิบ แม้แต่ที่แผนก ทุกคนเงียบ ในห้องพี่ชยารัตน์มีช่อดอกไม้เล็กๆ วางไว้หน้าห้อง ผมวางกระเป๋าที่โต๊ะ เดินไปห้องกาแฟ เจอพี่มล

“คุณชยารัตน์เสียแล้วนะเมื่อคืน โดนฆ่ารัดคอ เขาบอกกันมาว่าตำรวจมีเบาะแสแล้ว”

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น “อะไรนะ! ตำรวจอยากคุยด้วย ครับเดี๋ยวผมไปพบครับ”

ผมเข้าไปพบตำรวจที่รออยู่ในห้องประชุม ตำรวจสอบถามเรื่องพี่ชยารัตน์ ผมเดินออกจากห้องประชุมมาเจอกับสายตาของคนที่แผนกที่รวมกลุ่มกันพูดถึงเรื่องของผม อีกรายแล้วสินะ ยังไม่ถึง 2 เดือนหัวหน้าตายไป 3 คน ผมไม่ได้รู้สึกใจหายเหมือนตอนที่พี่ฟลุ๊คกับพี่ชัชวาลตาย แต่ผมรู้สึกกระหยิ่มจากข้างใน ตายไปซะพี่ชยารัตน์ เราอย่าอยู่ร่วมโลกกันเลย ผมกวาดตามองทุกคนในแผนกแบบเรียงตัว ใครจะเป็นรายต่อไป รายต่อไป ราย-ต่อ-ไป-ใคร-ดี-น้า ใครกล้ามาแหยม บอกมาเลยเดี๋ยวจัดให้ ทุกคนหลบตาเดินกลับโต๊ะทำงาน

คืนนี้ผมอารมณ์ดี นั่งจิบเบียร์รอพี่ 808 ซื้อมาฉลองกับพี่เขาหลายกระป๋องเลย ฉลองให้กับคนที่มันสมควรตาย

“อารมณ์ดีเลยนะ”

“ฉลองกันพี่ ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อ คิดเล่นๆ อยากให้ตาย เกิดตายจริง 3 รายแล้วเนี่ย”

“รู้สึกมีความสุขที่อยากให้ใครตายก็ได้ว่างั้น”

“หรือไม่จริงอะพี่ อำนาจอยู่ในมือของเรา เอ้ยไม่ใช่ อยู่ในความคิดของเรา ในบริษัทไม่มีใครกล้าหือกับผมเลย หลบตาเดินกันงุดๆ สะใจว่ะ”

ทีนี้แหละ ผมจะได้แจ้งเกิดด้วยผลงานของผม ใครในบริษัทกล้ามีปัญหา ผมจะจัดทางออกให้ “อยาก-ตาย-ก็-บอก-แจ้ง-เกิด-มา”

 

– อุทยานสวัสดิ์  –

 

Don`t copy text!