Unseen Italy : Matera เมืองที่เหลืองเหมือนกระดาษเก่า

โดย : พิมพ์อักษรา

Loading

คอลัมน์ที่บอกเล่าเรื่องราว อารมณ์ ความรู้สึก ประสบการณ์ และเกร็ดความรู้ประวัติศาสตร์บ้าง ไม่ประวัติศาสตร์บ้าง วิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละเมือง แต่ละดินแดนที่ได้ประสบพบเจอ เสมือนให้ผู้อ่านได้ท่องเที่ยวดื่มด่ำไปด้วยกัน ผ่อนคลายจากวันที่เหนื่อยล้า เปิดโลก เปิดตา และเปิดใจ และที่สำคัญคือเพลิดเพลิน เหมือนชื่อของผู้เขียนนั่นเอง

เขาบอกว่าเรากำลังจะไปเมืองที่เคยใช้เป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Passion of The Christ ที่เมล กิ๊บสันเป็นผู้กำกับและแสดงเป็นตัวเอก ฉันไม่ต้องรำลึกความหลังนานก็จำได้ แม้จะราง ๆ ก็ตาม ว่าเรื่องนี้ฉันเคยดูในโรงภาพยนตร์ตอนเป็นวัยรุ่น

ที่จำได้เพราะมีฉากโหดร้ายมากมาย เช่น ฉากที่พระเยซูถูกตรึงกางเขน ถูกแส้หนาม แส้เหล็กเฆี่ยนตี ถูกทรมานต่าง ๆ นานา จำได้ว่าโหดร้ายและหดหู่มากจนทนดูต่อไม่ไหว ต้องลุกออกจากโรงหนังไป

หากถามว่าจำสถานที่ในเรื่องได้ไหม ฉันตอบได้ทันทีว่าจำไม่ได้ มันนานมาแล้ว

เรายังคงอยู่ในส่วนน่องรองเท้าบูต กำลังจะลงไปที่ส้นเท้า

เรายังคงอยู่ในเมืองโบราณ ที่เสมือนโลกโบราณยังอยู่ตรงนั้น (อีกแล้ว)

เรายังอยู่ในเมืองเก่า เมืองลึกลับกลางเงื้อมเขาอีกเช่นเคย

และสำหรับฉัน ภาพจำของ Matera (มาเตรา) คือเมืองเก่าที่เก่าคร่ำคร่าเหมือนกระดาษเก่าเก็บจนเหลืองซีดกรอบ… เพราะมาเตราทั้งเมืองเป็นสีเหลืองเหมือนกระดาษกรอบเก่าจริง ๆ

มาเตราได้รับเลือกเป็นเมืองหลวงมรดกทางวัฒนธรรมของยุโรปในปี 2019

และมาเตราก็ได้ขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกที่คงความเก่าแก่โบราณสืบย้อนไปได้ถึง  30,000 ปีสมัยที่มนุษย์ยังอยู่ในถ้ำและยังมีช้างแมมมอธ

ส่วนความเป็นเมืองของมาเตรานั้นก็ถือว่าเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเมืองหนึ่ง ก็มีอายุถึงเจ็ดพันปี เคยเป็นเมืองร้างที่ชาวเมืองอพยพออกไปด้วยภัยแล้งและกลับเข้ามาอีกครั้ง

เมืองนี้ก็มีความอยู่บนเขาอีกเช่นเคย บ้านเรือนในเมืองดัดแปลงจากถ้ำกว่า 3,000 ถ้ำ

จากตัวเมืองก่อนจะขึ้นเนินเขาไปยังเขตเมืองเก่าก็จะดูคึกคักหน่อย ขนาดตัวเมืองใหญ่กว่า Castelmezzano ที่ผ่านมา มีร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์เล็ก ๆและร้านรวงขายของ คนเดินขวักไขว่ บรรยากาศดูอบอุ่นแบบชนบทเมืองเล็กเท่านั้น แบบที่ยังไม่รู้สึกถึงความแตกต่างของความเป็นเมืองเก่า

เราค่อย ๆ เดินชมบ้านเมืองในเขตเมืองปกติ ลัดเลาะขึ้นเนินไปเรื่อย ๆ พอเห็นเมืองเก่าอยู่ลิบ ๆ อาคารเริ่มกลายเป็นสีเหลืองทีละน้อย ๆ แต่ก็ยังไม่ได้ดูเป็นเมืองเก่า

แต่ครั้นพอขึ้นเนินไปเขตเมืองเก่าที่อนุรักษ์ไว้เท่านั้นละ จะเห็นความเป็นเมืองโบราณเจ็ดพันปี สามหมื่นปีได้ชัดเจน ทั้งลักษณะบ้านเรือน รอยแตก หักของซาก ทุกอย่างเหมือนสตาฟเมืองเมื่อพันปีก่อนเอาไว้อย่างนั้น รอบด้านมีแต่ความเงียบ เสมือนอยู่ในสภาวะสุญญากาศ

ความเก่าของมาเตรามีเสน่ห์มาก เสน่ห์ในความเป็นสีเหลืองเหมือนกระดาษเก่าอย่างนี้เลย แต่พอถ่ายภาพออกมากลางแสงแดดจัดจ้าทำให้รูปที่ออกมาไม่ค่อยเห็นเป็นสีเหลืองเท่าที่ควร ฉันจึงพยายามปรับแสงในรูปให้มืดลงเล็กน้อย ยอมให้รูปทะมึนขึ้นอีกหน่อยเพื่อให้เห็นเสน่ห์สีเหลืองเหมือนภาพถ่ายเก่าเก็บที่กรอบเต็มที

ตัวเมืองเก่าแบ่งออกเป็น 2 เขต คือ Sasso Caveoso (ซาสโซ คาเวโอโซ) ซึ่งดูยากจนกว่าย่าน Sasso Barisano (ซาสโซ บาริซาโน) ซึ่งได้รับการบูรณะมากพอสมควรแล้ว

พวกเราจับกลุ่มไปด้วยกันก็จริง แต่ก็เดินหลงไปหลงมา เส้นทางสลับซับซ้อนพอสมควร คดเคี้ยวราวกับงูเลื้อยแต่ฉันก็เพลิดเพลินดี ตื่นตาตื่นใจกับภาพวาดเฟรสโก้ตามโบสถ์ต่าง ๆ ที่สร้างในช่วงศตวรรษที่ 8-13 ทุกอย่างดูสวยแบบเก่าแก่ มีมนตร์ขลัง และเหมือนโลกยุคโบราณจนบางแวบ ฉันแอบตั้งคำถามในใจว่า

ฉันไม่ได้ย้อนเวลาหาอดีตอยู่ใช่ไหม

ยัง… ฉันยังไม่หยุดกับการพรรณนาว่าเราย้อนเวลากลับสู่โลกโบราณอีก  

 

Don`t copy text!