เหตุเกิดที่ทองผาภูมิ #3

เหตุเกิดที่ทองผาภูมิ #3

โดย : ภัทรภร

Loading

อ่านเอาขอแบ่งปันเรื่องเล่าจากเงาสนธยา เรื่องลี้ลับจากประสบการณ์ตรงของ ภัทรภร มนุษย์ฟรีแลนซ์ ที่ตระเวนเดินทางทำงานไปทั่วทิศและมักได้ของแถมเป็นการพบปะทักทายจากเหล่าเพื่อนต่างมิติ และ ทรรศิตา มนุษย์ผู้ใช้ชีวิตเป็นจาริกชนคนเดินทางแสวงหาความหมายชีวิตระหว่างอดีตกับปัจจุบัน และมักผูกพันกับเรื่องลี้ลับบางอย่างเกินคาดเดา

บทสรุปของเรื่องนี้ มาแสดงตัวในรอบที่ 3 ที่ฉันต้องไปทำงานที่นี่อีกครั้ง

คราวนี้ นอนในเต็นท์ในศาลานั่นล่ะ น้องๆ ก็ไม่ยอมนอนด้วยละ ต้องนอนคนเดียว แต่มีเต็นท์ของน้องๆ อยู่รอบๆ เอาน่า..ยังพออุ่นใจ ก็เหมือนนอนติดๆ กันนั่นแหละ

รอบนี้ย้ายเต็นท์ไปตั้งทางอีกฟากของศาลาที่ใกล้กับต้นไม้ใหญ่ด้านนอก และคืนนี้…ก็เหมือนเดิม น้องๆ นั่งดื่ม นั่งร้องเพลงเล่นกีตาร์กันไป ส่วนฉัน กินยาแก้แพ้เพื่อให้ง่วงจะได้ชิงหลับก่อน พอเคลิ้มๆ ก็มุดเข้าเต็นท์ไปนอน

ก่อนนอน ก็สวดมนต์ตามปกติ แต่อธิษฐานว่า “ถ้าพี่เป็นพี่สาวหรือญาติในอดีตชาติของเราจริง เราขอให้พี่มาบอกแบบดีๆ ไม่เอาแบบน่ากลัว เราขี้กลัว” แล้วก็นอน

ช่วงที่กำลังเคลิ้มหลับ เหมือนกำลังจะดิ่งๆ หลับลึก จู่ๆ ก็ฝัน

เอ้า! ฝันเลยเหรอ นี่คิดในใจ…ฉันหลับแล้วเหรอ ทำไมฝัน?

ภาพที่เห็นคือ ผู้หญิงผู้ชายสองคนยืนข้างกัน ผู้หญิงใส่เสื้อแขนยาวสีกลีบบัว นุ่งผ้าถุงยาวกรอมเท้า สีออกมืดๆ มีผ้าคล้องคอปล่อยชายยาวลงมาสองข้าง ผมถูกมัดรวบยกสูงเฉียงไปทางด้านข้างของศีรษะ ดูก็รู้เลยว่า เป็นเชื้อชาติมอญ ผู้ชายใส่เสื้อแขนยาวคอปีนนิดหน่อย สีขาว นุ่งผ้าคล้ายโจงกระเบน แต่ภาพนี้ก็ตัดแล้วเลื่อนไปเป็นภาพต่อมาที่ทั้งสองคนเปลี่ยนท่ายืน เหมือนโพสต์ท่าถ่ายภาพน่ะแหละ แล้วก็เลื่อนผ่านไปทีละภาพเหมือนเปิดสไลด์พรีเซนเทชั่นอย่างไรอย่างนั้นเลย จนภาพสุดท้าย เป็นภาพพี่ผู้ชายที่ยืนตัวตรงอยู่ข้างๆ ส่วนพี่ผู้หญิงยืนด้านข้าว แล้วเอาแขนทั้งสองข้าง โอบคอพี่ผู้ชายไว้ แล้วซบลงบนบ่า…จบการนำเสนอ

ในฝันคือ ฉันยกมือขึ้นไหว้ (หรือยกขึ้นไหว้จริงๆ ก็ไม่รู้) แล้วก็พูดว่า ขอบคุณมากค่ะที่มาหา ขอบคุณมากที่มาบอกกันดีๆ เหมือนที่ขอ ขอบคุณมากๆ ที่คิดถึงกันและมาเจอกัน แล้วหลังจากนั้นฉันก็ลืมตาขึ้นมา รอบตัวคือเสียงเงียบไปหมดแล้ว ได้ยินแต่เสียงกรนของน้องๆ บางคนทะลุผ่านเต็นท์มา แต่แปลกมากที่ไม่มีความรู้สึกกลัวหรือสะดุ้งเลย กลับรู้สึกเหมือนได้กลับมาเจอญาติจริงๆ อิ่มเอม อุ่นใจ บอกไม่ถูก หลังจากนั้นก็หลับต่อจนถึงเช้า

 

รุ่งเช้า…ตื่นแล้วก็เก็บเต็นท์ ล้างหน้าล้างตา แล้วก็เดินออกมาด้านหน้าศาลา มองไปที่ต้นไม้ที่อยู่ข้างหน้าแล้วก็ตกใจแบบแรงมาก ต้นไม้ต้นนั้นเป็นต้นไม้ที่ตั้งสูงตรงขึ้นไป เป็นต้นไม้เก่าแก่ที่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าต้นอะไร ติดกันเป็นต้นไม้อีกต้นที่ขึ้นอยู่แนบข้าง แล้วมีกิ่งไม้โอบรอบต้นไม้ใหญ่ไว้อีกที ลักษณะเหมือนคนโอบกัน

ในใจคือ..ใช่แน่แล้ว เขาอยู่ที่นี่มาตลอด ก็เลยยกมือไหว้ แล้วเดินออกไปหาเพื่อน ซึ่งประจำอยู่ที่นี่ “แกๆ แถวนี้มีใครเคยเจอแบบ..ผีผู้หญิงผู้ชายอะไรแบบนี้มั่งแมะ”

เพื่อนตอบทันที  “โห เมิง เพียบ…เดือนก่อน ไอ้..เจอผู้ชายนั่งบนหลังคาห้อยขาลงมา นี่มันยังช็อคไม่หายเลย ส่วนอีกคน เจอผู้หญิงเดินอยู่แถวต้นไม้เนี่ย ใส่ชุดแบบโบราณๆ ทำไมอ่ะ เมิงเจออะไรเหรอ”

โอเค…ไม่ต้องสืบ ใช่แน่ๆ แล้ว…

บ่ายวันนั้น ระหว่างนั่งรอกลับกรุงเทพฯ ทุกคนออกไปเคลียร์งานกันหมด นัดกันว่าประมาณบ่ายสามน่าจะกลับมา ฉันก็นั่งทำงานอยู่คนเดียวในศาลาพักร้อนที่แยกออกมาด้านนอก หันไปมองต้นไม้ต้นนั้นอีกรอบ แล้วก็เลยพูดขึ้นลอยๆ ว่า

“ถ้าพี่อยู่ตรงนั้นจริง น้องก็อยากกราบสวัสดีค่ะ วันนี้น้องจะกลับบ้านแล้วนะคะ กลับไปจะหมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลมาให้ค่ะ”

จู่ๆ ก็มีลมบ้าหมูที่หน้าตาเหมือนงวงช้างขนาดเล็ก สูงประมาณสองฟุต ก่อตัวขึ้นมาข้างที่ฉันนั่งอยู่แบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลย หมุนๆๆ อยู่แบบนั้นประมาณ 1 นาทีแล้วก็สลายไป

เป็นอันว่า พี่คงตอบรับฉันแล้ว…

 

และหลังจากนั้น ฉันก็ไม่ได้กลับไปที่นั่นอีกเลย ได้แต่ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ในทุกครั้งที่ระลึกขึ้นมาได้ และหวังว่าพี่ๆ เขาจะได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีขึ้นแล้วนับจากนี้

Don`t copy text!