วิญญาณออนไลน์

วิญญาณออนไลน์

โดย : ทรรศิตา

Loading

อ่านเอาขอแบ่งปันเรื่องเล่าจากเงาสนธยา เรื่องลี้ลับจากประสบการณ์ตรงของ ภัทรภร มนุษย์ฟรีแลนซ์ ที่ตระเวนเดินทางทำงานไปทั่วทิศและมักได้ของแถมเป็นการพบปะทักทายจากเหล่าเพื่อนต่างมิติ และ ทรรศิตา มนุษย์ผู้ใช้ชีวิตเป็นจาริกชนคนเดินทางแสวงหาความหมายชีวิตระหว่างอดีตกับปัจจุบัน และมักผูกพันกับเรื่องลี้ลับบางอย่างเกินคาดเดา

ข่าวร้ายที่มาถึงในตอนเช้ามืดวันนั้นทำให้ ฉัน ลนลานรีบเปิดดูช่องข้อความของเฟสทันที ข้อความที่เคยคุยกันทั้งถามและตอบนั้นยังคงเหมือนเติม แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามา คือ .. จุด! ใช่จุดสองจุด มันคืออะไร? แต่ที่น่าสะพรึงกลัวมากกว่านั้น มันถูกตอบกลับมาถึงฉันในวันที่เจ้าของข้อความนั้นไม่มีชีวิตอยู่แล้ว!

ในชีวิตความเป็น ครู ที่มีอายุการทำงานยาวนานถึงยี่สิบกว่าปี ทำให้มีลูกศิษย์มากมายหลายร้อยชีวิต ซึ่งเมื่อจบออกจากโรงเรียนไปแล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปตามทางชีวิตของใครของมัน บางคนศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา บางคนเลือกไปประกอบอาชีพตามที่ตนเองถนัด มีหลายคนที่หายเงียบไปไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย หากก็มีอีกหลายคนที่คอยทักทายมาสม่ำเสมอทางไลน์บ้าง ทางช่องข้อความของเฟสบุ๊คบ้าง ดังเช่น ‘พิชัย’ ที่ฉันจะเล่าให้ฟัง

พิชัย เป็นนักเรียนที่ย้ายมาจากอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อเข้ามาศึกษาต่อชั้น ม.๔ ในโรงเรียนที่ฉันสอนอยู่ และในบรรดานักเรียนทั้งหมด ๒๕ คนของห้อง ม.๔/๓ ที่มีฉันเป็นครูที่ปรึกษาประจำชั้นนั้นพิชัย จัดได้ว่าเป็นนักเรียนอีกคนหนึ่งที่ ฉัน ต้องใส่ใจมากกว่าคนอื่นๆ เพราะเขาเป็นคนเงียบถึงเงียบที่สุด วันหนึ่งๆ พูดแทบจะนับคำได้ พิชัยชอบนั่งอยู่หลังห้องริมหน้าต่างด้านขวา บางทีฉันสังเกตเห็นว่า เขาชอบเหม่อลอยออกไปไกลกว่าห้องเรียนบ่อยๆ แม้พิชัยจะมีปกตินิสัยเงียบขรึม หากก็เป็นคนดีมีน้ำใจต่อเพื่อนๆ เขาจึงมีเพื่อนสนิทหลายคนในห้อง ซึ่งฉันก็ได้อาศัยเพื่อนๆ ของพิชัยเหล่านี้เองคอยให้ข้อมูลช่วยเหลือเมื่อเขามีปัญหาใดๆ แต่สิ่งที่สะดุดตาและอยู่ในความทรงจำฉันมากที่สุด คือ ดวงตาของพิชัยนั้นเศร้ามาก แววตาแบบนี้ฉันเคยได้ยินคนเฒ่าคนแก่บอกว่า เป็นตาของคนอาภัพอายุมักจะค่อยไม่ยืน!

ปีต่อมาในช่วงเทอมสุดท้ายของชั้น ม.๕/๓ มีช่วงหนึ่งที่พิชัยขาดเรียนไปหลายวัน ฉันถามนักเรียนในชั้นจึงได้ทราบว่า เขามีปัญหาทางครอบครัวบางอย่างจึงกลับไปสะสาง จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อพิชัยกลับมาเรียนอีกครั้ง ฉันจึงเข้าไปถามดูเพื่ออาจจะช่วยเหลือสิ่งใดได้บ้าง ฉันจำได้ดีว่าช่วงพักเที่ยงวันนั้น ฉันเห็นพิชัยนั่งเหม่อลอยคนเดียวตรงระเบียงหน้าห้องเรียน จึงเข้าไปถาม . .

“พิชัยเป็นอะไรไหม…ไม่สบายหรือปล่าว?” เขาหันมายิ้มให้และตอบเบาๆ ว่า

“ไม่มีอะไรครับครู ” ฉันจึงลองถามไปเรื่องอื่นๆ จนถึงเรื่องที่เขาขาดโรงเรียนไปหนึ่งสัปดาห์ด้วยความเป็นห่วงเกรงว่าจะเรียนไม่ทันเพื่อน ทั้งแนะนำให้ไปถามเรื่องเรียนและการบ้านกับเพื่อนสนิทในห้อง เขารับคำและนิ่งไปนาน หากจู่ๆ เขาก็พูดขึ้นว่า …

“ครูครับ ผมจะลาออกจากโรงเรียนดีไหม?”  ฉันตกใจพลางถามหาสาเหตุ นั่นเองถึงได้รู้ว่าเขามีปัญหาชีวิตเรื่องครอบครัวแตกแยกจนต้องได้ไปอาศัยอยู่กับพี่สาว  ฉันจึงเตือนสติให้เขาคิดให้ดี “ให้รู้จักแยะแยะปัญหาให้ออก เพราะปัญหาบางอย่างเราแก้เองไม่ได้ มันเกินวัยและความสามารถของเรา ก็ต้องปล่อยมันไปให้นึกถึงตัวเองเป็นหลัก ทำหน้าที่ที่มีอยู่ให้ดีที่สุด และอย่าทำตัวเองให้เป็นภาระของครอบครัว เขารับคำและนิ่งไปอีกนาน หากมีท่าทีที่ดีขึ้นกว่าเดิม

พิชัยตั้งใจเรียนจนจบชั้น ม.๖ หลังจากวันปัจฉิมนิเทศจบการศึกษา เขาก็หายเงียบไป ฉันได้ทราบข่าวของเขาจากศิษย์เก่าร่วมรุ่นว่า พิชัยเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ จนกระทั่งหลายปีต่อมา วันหนึ่งเขามาขอเป็นเพื่อนทางเฟสบุ๊คเราจึงได้คุยกันอีกครั้ง

“ถ้าวันนั้นผมไม่ได้ครูช่วยไว้ ผมคงไม่มีวันนี้ ขอบคุณจริงๆครับ “พิชัยส่งข้อความนี้มาพร้อมกับภาพวันรับปริญญา ทำให้ฉันปลื้มปริ่มใจไปอีกหลายวัน ต่อจากวันนั้นเป็นต้นมาเราจึงได้คุยกันบ้าง หากก็นานๆครั้งเพราะเขาได้ทำงานเป็นเชฟประจำร้านอาหารแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

ฉันสังเกตว่าช่วงหลังๆ เขาเริ่มโพสข้อความแปลกๆ ลงเฟสเหมือนชีวิตกำลังมีปัญหาอย่างหนักหน่วง จึงส่งข้อความไปถาม พิชัยตอบมาว่า เขากำลังมีปัญหากับคนรักที่คบกันมาหลายปี และสภาพร่างกายของเขาไม่สบายด้วยโรคบางอย่าง ฉันได้แต่แนะนำว่าให้ใจเย็นๆ ไว้ก่อน ค่อยๆ คุยปรับความเข้าใจกัน เขาขอบคุณและเงียบไปอีกเกือบเดือน

กระทั่งคืนวันหนึ่งด้วยความเป็นห่วงฉันจึงส่งข้อความไปทักว่า “พิชัย มีอะไรไหม? หายเงียบไปเลย…ถ้ามีอะไรบอกครูได้นะ” แต่ไม่มีข้อความตอบกลับมา ฉันคิดว่าเขาคงเหนื่อยและยุ่งกับงานอยู่จึงไม่ได้ถามต่อ  อีกสองวันต่อมาเป็นวันที่ทำให้ฉันตกใจสุดขีดเมื่อลูกศิษย์ร่วมรุ่นเดียวกันกับพิชัยโทรมาบอกแต่เช้าตรู่ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า

“ครูครับพิชัยตายแล้วนะ พบศพเมื่อวานนี่เอง!” ฉันตกตะลึงจนแทบจะยืนไม่อยู่ เป็นไปได้อย่างไรก็เมื่อวันก่อนฉันยังทักหาเขาอยู่เลย!

ฉันตัวสั่นขนลุกลนลานรีบเปิดดูช่องข้อความทางเฟสทันที ข้อความที่เคยคุยกันทั้งถามและตอบนั้นยังคงเหมือนเติม แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามา คือ .. จุด! ใช่จุดสองจุด มันคืออะไร? แต่ที่น่าสะพรึงกลัวมากกว่านั้น มันถูกอ่านและตอบกลับมาถึงฉันในวันที่เจ้าของข้อความนั้นไม่อยู่แล้ว! เพราะเจ้าหน้าที่ไปพบศพเขาที่ห้องพักในสภาพศพที่กำลังขึ้นอืดเพราะเสียชีวิตนานมาแล้วถึงสามวัน

กระทั่งถึงทุกวันนี้ ฉันยังข้องใจอยู่ว่า ใครเป็นอ่านข้อความ และจุดที่ตอบกลับมาสองจุดนั่น มันคืออะไร!

 

Don`t copy text!