อรุณแสงรัก บทที่ 9 : ปรารถนา (1)

อรุณแสงรัก บทที่ 9 : ปรารถนา (1)

โดย : SUDA

Loading

อรุณแสงรัก โดย  SUDA นวนิยายอ่านฟรีที่อ่านเอามีให้คุณได้อ่านที่ anowl.co กับเรื่องของ “นวล” หญิงสาวจากสวรรคโลก ที่ชีวิตพลิกผันจนต้องมาใช้ชีวิตในกรุงศรีอยุธยาและได้ร่วมหัวจมท้ายกับชายหนุ่มบ้านใกล้เรือนเคียงที่ความสัมพันธ์เริ่มต้นจากความสงสาร เพียงแค่อยู่ร่วมกันแต่ไม่เคยร่วมเรียงเคียงหมอนแบบนี้จะเรียกว่าความรักได้หรือไม่

เมื่อนวลเขียนลายและชุบน้ำเคลือบเรียบร้อยแล้ว พ่อกล้าจึงนำเข้าเตาเผาเป็นครั้งที่สอง แต่ครั้งนี้ใช้เวลานานถึงสี่วันเต็ม จึงมีชายฉกรรจ์อีกสามคนเข้ามาช่วย ซึ่งเป็นชาวบ้านจากคลองสระบัวฝั่งทิศตะวันตกที่เก่งฉกาจเรื่องการใช้เตาเผากระเบื้องนัก

ชายหนุ่มเริ่มอุ่นเตาโดยจุดไฟกับท่อนซุงขนาดใหญ่…เลี้ยงไฟต่อเนื่องไปจนครบสามวัน จากนั้นจึงเริ่มแทงฟืนเพื่อเผาไต่ระดับความร้อน ซึ่งการเผาเร่งไฟขั้นตอนนี้ต้องทำต่อเนื่องห้ามหยุดพัก ความร้อนจึงจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ครบเวลาแล้วพ่อกล้าจึงเรียกสหายมาช่วยกันแทงไฟเพื่อให้เกิดความร้อนสูงสุด

ในการเผาช่วงสุดท้ายจึงมีชายหนุ่มทั้งหลายเดินวนไปมารอบเตา…ส่วนนวลทำได้เพียงยืนมองอยู่ห่างๆ เพราะความร้อนนั้นมากจนเธอเข้าใกล้ไม่ได้ เปลวไฟสีแดงโหมตั้งแต่ปากเตาแล้วทะลุออกปล่องไฟพร้อมควันโขมง

แต่แม้ร้อนขนาดนั้นแล้วพ่อกล้าและสหายกลับยิ่งแทงไฟเพิ่มมากขึ้นไปอีก เร่งมือเติมฟืนจนกระทั่งควันเริ่มหมดไป…เปลวไฟเปลี่ยนเป็นสีขาวโหมทะลุปล่องขึ้นสู่ท้องฟ้า ร้อนจนชายหนุ่มต้องสลับกันวิ่งลงไปแช่ตัวในลำคลอง ก่อนจะรีบหอบท่อนฟืนเข้ามาแทงไฟอย่างแข็งขัน

ชายหนุ่มต่างช่วยกันเผายืนไฟให้โหมขึ้นอีกสักพัก จากนั้นจึงปิดปากเตาแล้วปล่อยให้การเผาด้านในดำเนินต่อไปเรื่อยๆ คงใช้เวลาราวสองวันจึงมอดสนิท

นวลเห็นกรรมวิธีการเผาดูคล้ายกับที่บิดาเคยทำ…เธอจึงมั่นใจว่าครั้งนี้ต้องสำเร็จแน่…

 

หลังจากกระบวนการเผาเสร็จสิ้นลงแล้วสหายทั้งสามคนก็ขอตัวกลับเรือนไป พ่อกล้าจึงเดินลงไปแช่น้ำในคลองให้เย็นกาย…ก่อนจะปีนขึ้นมาบนท่าน้ำแล้วนอนหมดแรงอยู่ตรงนั้น

“พี่กล้า…พี่เป็นอย่างไรบ้าง”

พ่อกล้าหันมองหญิงสาวที่เดินมาหา แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่ยอมลุก ร่างสูงนอนแผ่บนท่าน้ำทั้งที่ร่างกายเปียกปอน ก่อนจะผ่อนลมหายใจเบาๆ ท่าทางผ่อนคลาย

“ข้ามิเป็นไรดอก…”

“โกหก” นวลเอ่ยตอบทันที “พี่เดินหอบฟืนอยู่ทั้งวันทั้งคืนเพิ่งได้พักเมื่อครู่นี้เอง จักมิให้ปวดเมื่อยได้อย่างไร นอนหันหลังมาเร็ว…ข้าจักนวดให้”

หญิงสาวเดินเข้ามานั่งบนท่าน้ำข้างกายเขา ร่างสูงจึงยอมนอนคว่ำราบไปกับพื้นไม้แล้วปล่อยให้เธอนวดหลังให้ อันที่จริงเขาก็เหนื่อยจนสายตัวแทบขาด…แต่โกหกเพียงเพราะไม่อยากให้เธอกังวลเท่านั้น เมื่อได้แรงกดนวดจากมือหญิงสาวก็ทำให้ผ่อนคลายมากขึ้น

“วันนี้ร้อนเหลือเกินพี่กล้า หากจักเผาจนร้อนเตาแทบแตกเช่นนี้…ข้าว่าเราต้องทำสำเร็จแน่ๆ”

“แล้วที่ผ่านมาเอ็งมิเคยเห็นเขาเผาเครื่องถ้วยเลยรึ”

“เคยเห็น…แต่มิเคยเข้าไปทำกับเขาด้วย”

นวลกล่าวตอบพลางใช้มือทุบหลังให้ “ปกติงานในเตาเผาต้องเป็นชายหลายคนช่วยกันทำ งานแม่หญิงจักง่วนอยู่กับการเขียนลายมากกว่า ว่าแต่พี่เถิด…ทำไมอยู่ๆ จึงรู้วิธีเผากระเบื้องขึ้นมาได้”

“ข้าไปถามคนอื่นมา”

“ถามใคร”

“ก็คนที่สร้างเตานี้อย่างไรเล่า…” พ่อกล้าพลิกกายนอนตะแคงแล้วเงยหน้าสบตา “วิธีนี้จักเป็นการเผาโดยใช้ความร้อนสูงสุด ข้าจึงคิดว่าคงใช้หลอมน้ำเคลือบของเอ็งได้…เพราะจักร้อนกว่านี้มิได้อีกแล้ว”

“เช่นนั้นเราคงทำสำเร็จแน่”

“ข้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น” พ่อกล้าเอ่ยตอบก่อนจะลุกขึ้นนั่งเคียงข้าง นัยน์ตาคมพลันเจือความเศร้าเพราะภาพเธอละเมอในคืนนั้นยังติดอยู่ในหัว เขารู้ว่าที่ผ่านมาเธอต้องอยู่อย่างลำบาก…ยิ่งทำให้รู้สึกว่าตนนั้นด้อยค่านักที่มิอาจดูแลเธอได้

“เอ็งเหนื่อยมามากแล้วหนาแม่นวล ข้าอยากให้เอ็งอยู่อย่างเป็นสุขเสียที”

เมื่อได้มองสบตานวลก็พลันก้มหน้าเงียบด้วยความสับสน พ่อกล้าเองก็นึกโกรธตนเองนักที่เผลอแสดงความรู้สึกไปจนได้ ทั้งที่เขาควรเก็บซ่อนมันไว้ในใจ…เพราะรู้ว่ารักนี้มิอาจสมหวัง

เขารู้ดีว่าเธอเป็นของใคร…และรู้ดีว่าใจเธอยังรักใคร…

แม้นวลจะคิดว่าชายคนรักตายจากไปแล้ว แต่เขารู้ว่าพ่อขวัญยังซ่อนตัวอยู่ที่ใดสักแห่ง หากวันใดพ่อขวัญปรากฏตัวเพื่อทวงเธอกลับคืนไป เมื่อนั้นเขาคงไม่มีสิทธิ์ขัดขวาง

 

ทั้งสองรอเวลาอีกราวสามวันจึงครบกำหนดเปิดเตา คืนนี้นวลจึงมารอพ่อกล้าตั้งแต่หัวค่ำ ร่างเล็กนั่งอยู่บนแคร่ใต้ถุนเรือนมองดูเขาด้วยใจจดจ่อ แต่เมื่อเห็นพ่อกล้ากำลังนั่งกะเทาะเอาก้อนดินเหนียวออกจากปากเตา…ภาพเหตุการณ์เก่าก็พลันผุดขึ้นในหัว

หญิงสาวรีบก้มหน้าเงียบ รู้สึกใจสั่นขึ้นมาเพราะกลัวเห็นภาพความผิดหวังอีกครั้ง เมื่อพ่อกล้าเดินเข้ามาหาแล้วยื่นถ้วยให้เธอจึงไม่กล้ารับ

“เอ็งเป็นกระไรไป”

“ข้ามิกล้าดู” นวลกล่าวตอบพลางหลับตาปี๋ “ข้า…ข้ากลัว”

“กลัวกระไรกัน ลืมตาขึ้นมาดูประเดี๋ยวนี้”

พ่อกล้าเอ่ยเสียงเข้ม เมื่อนวลลืมตาขึ้นมาจึงเห็นเขานั่งอยู่ตรงหน้าพร้อมกับยื่นเครื่องถ้วยให้เธอดูใกล้ๆ หญิงสาวจึงตั้งสติให้มั่นแล้วก้มลงมองทันที

ร่างเล็กพลันนิ่งชะงัก…ก่อนจะหยิบเอาถ้วยจากมือเขามาดูราวกับไม่เชื่อสายตา

“พี่กล้า…”

“งาม…งามเหลือเกิน”

นวลเอ่ยเสียงสั่น ในมือเธอเป็นถ้วยกระเบื้องเคลือบเนื้อมันวาว สีส้มอิฐคล้ายศิลาแลง ลวดลายใต้เคลือบเป็นลายดอกไม้ก้านขดสีคมชัด รอบขอบถ้วยงามละเอียดไม่มีที่ติ เมื่อกวาดสายตามองถ้วยชามใบอื่นที่พ่อกล้านำออกมาวางเรียงราย…น้ำตาก็ไหลเอ่อออกมาด้วยความสุข

“เราทำได้แล้วพี่กล้า! เราทำได้แล้ว”

นวลโผเข้ากอดพ่อกล้าไว้แน่นก่อนจะร้องไห้ด้วยความดีใจ ถ้วยชามเหล่านี้งดงามกว่าที่เธอคาดไว้มากนัก แม้เนื้อถ้วยไม่ได้ออกขาว แต่สีน้ำตาลอ่อนเช่นนี้ก็งดงามไม่น้อย อีกทั้งน้ำเคลือบก็ยังถูกเผาจนหลอมเป็นแก้วใส งามเสียจนเธอเผลอนึกว่าเป็นเพียงความฝัน

“ข้าดีใจเหลือเกิน…” นวลซุกใบหน้าบนแผ่นอกแกร่งพลางร่ำไห้สะอึกสะอื้น

เรือนกายนุ่มนิ่มที่ซบอยู่ในอก ทำให้พ่อกล้าหวั่นไหวเสียจนไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่พร่ำบอกตัวเองว่าเธอเพียงเผลอกอดด้วยความดีใจเท่านั้น

 

ทันทีที่นวลนำมาขายที่ริมคลองสระบัว เครื่องถ้วยของเธอก็เป็นที่สนใจของทั้งตลาดตามที่คาดเดาไว้ เหตุเพราะดูแปลกตามิเหมือนเครื่องถ้วยทั่วไป คล้ายสังคโลกแต่บางคราก็ดูมิใช่ นอกจากบรรดาแม่ค้าที่เข้ามาชื่นชมแล้ว…ยังเป็นที่สนใจของบรรดาภริยาขุนนางใหญ่ที่มาซื้อของอีกด้วย

“เครื่องถ้วยอย่างนี้ข้ามิเคยเห็น งามนัก”

หญิงวัยกลางคนหยิบเอาถ้วยกระเบื้องใบเล็กมาพิจารณาใกล้ๆ นวลเงยหน้ามองเพียงครู่เดียวก็พอรู้ว่าเป็นหญิงมีฐานะ เพราะนอกจากจะแต่งกายด้วยผ้าพิมพ์ลายเนื้อดีแล้ว ยังมีบ่าวติดตามมาหลายคน

“ถ้วยพวกนี้ข้าทำเองเจ้าค่ะ”

หญิงสาวกล่าวตอบเสียงใส “ข้าเคยทำเครื่องสังคโลกขายมาก่อน เมื่อได้มาอยู่กรุงศรีจึงเลือกเอาดินเหนียวที่นี่มาใช้ ดัดแปลงกับกรรมวิธีที่ข้าเคยทำจึงได้ถ้วยกระเบื้องออกมาเป็นแบบใหม่”

“นี่เจ้าทำเองดอกรึ…แล้วทำอย่างไรจึงได้ถ้วยเคลือบเนื้อมันวาวเช่นนี้ได้ งามจนใช้จัดสำรับถวายเจ้านายได้เชียวหนา” หญิงวัยกลางคนไม่ว่าเปล่า แต่เลือกเอาถ้วยชามไปหลายใบ รวมถึงจานเชิงใส่อาหาร กาน้ำชา และชุดถ้วยน้ำชาด้วย

“ข้าเอาหมดนี่ละ รวมราคาเป็นเท่าใด”

“ถ้วยใบละหนึ่งเฟื้อง กาน้ำชาราคาสองเฟื้อง ถ้วยน้ำชาสี่ใบราคาหนึ่งเฟื้อง จานเชิงอีกสองใบ ใบละหนึ่งสลึง รวมทั้งหมดก็…หนึ่งบาทเจ้าค่ะ”

หญิงวัยกลางคนพยักหน้ารับ ก่อนจะหยิบเงินพดด้วงยื่นให้หญิงสาว “ราคามิแพงเสียด้วย”

“ขอบน้ำใจเจ้าค่ะ” นวลพนมมือไหว้แล้วรับเงินมาด้วยความดีใจ เงินพดด้วงแม้เป็นเพียงก้อนเล็กแต่มีราคาสูงมากทีเดียว ดีใจเหลือเกินที่ขายของได้มากมายขนาดนี้ เพราะนอกจากหญิงวัยกลางคนผู้นั้นแล้ว ยังมีอีกหลายคนที่ทยอยเข้ามาซื้อจนของหมดด้วย

เธอรู้สึกว่าเครื่องถ้วยที่นี่ขายดีกว่าที่สวรรคโลก อาจเพราะในกรุงศรีอยุธยามีชนชั้นขุนนางอยู่มาก จึงมีกำลังมากพอจะซื้อของราคาสูง แตกต่างจากชาวบ้านทั่วไปที่ใช้เพียงถ้วยดินเผาธรรมดาเท่านั้น

วันนี้เธอได้เงินกลับไปราวสองตำลึงเลยทีเดียว หากพ่อกล้านำถ้วยเคลือบที่เหลือเข้าเตาเผาจนหมดแล้วนำออกมาขาย…คงได้เงินมากถึงหนึ่งชั่งเป็นแน่ นึกได้เช่นนั้นนวลจึงรีบเก็บเงินใส่ถุงให้เรียบร้อย

ดีใจเหลือเกิน…ในที่สุดเธอก็จะหลุดพ้นความลำบากเสียที

 



Don`t copy text!