พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 11.2 : ฤดูแห่งดวงดาว

พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 11.2 : ฤดูแห่งดวงดาว

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

“เรื่องแปลก เรื่องอะไรคะ” อัญญาวีร์นิ่วหน้า ขณะที่ลิ่วลมรู้สึกสังหรณ์ไม่ดี

“เมื่อวานนี้ มีฝรั่งสองสามคนผ่านทางมา มุ่งหน้าไปซัมเซครับ” โซนัมเล่า “พวกเขามาแวะขอเข้าห้องน้ำที่สถานีของเรา ตอนแรกผมนึกว่าเขาจะขอนอนพักด้วย แต่กลับเดินทางต่อไปเลย”

“แล้วที่ว่าแปลก…แปลกยังไงครับ” ลิ่วลมอยากรู้

“ประการแรกเลย…เส้นทางสายนี้ไม่ได้ใช้งานมานานหลายปีแล้ว นักท่องเที่ยวทั่วไปไม่น่ารู้จัก ยกเว้นมีคนในพื้นที่นำทาง แต่พวกเขามากันเอง ไม่มีไกด์” เยชิช่วยอธิบาย “ประการที่สอง โซนัมแอบเห็นเห็นพวกเขามีเครื่องมือแปลกๆ มาด้วยหลายอย่าง ทั้งเครื่องรับส่งสัญญาณดาวเทียม ขวดแก้ว น้ำยาวิทยาศาสตร์ รวมไปถึง…อาวุธหนักพวกปืนและระเบิด”

“อะไรนะ” นารีญาฟังแล้วได้แต่ประหลาดใจ “พวกเขาจะเอาระเบิดไปทำอะไร”

“นั่นสิครับ แปลกอย่างที่ผมว่าไหมล่ะ และประการที่สาม…ประการนี้สำคัญมาก” เยชิขยับตัวอย่างอึดอัด เขาหันไปสบตากับโซนัมก่อนจะเล่าออกมาด้วยสุ้มเสียงแผ่วต่ำในลำคอ “หนึ่งในนั้นถามโซนัมและคนของเขาว่าเคยเห็นพืชชนิดนี้ไหม…”

โซนัมยื่นโทรศัพท์มือถือให้คณะของลิ่วลมดู เป็นคลิปที่โซนัมถ่ายเอาไว้ ในภาพจะเห็นมีหลอดแก้วบรรจุน้ำยาสีเขียวอ่อน ภายในมีตัวอย่างพันธุ์พืชเก็บเอาไว้ และทันทีที่ลิ่วลมเห็นดอกไม้ที่ถูกดองอยู่ในน้ำยาเคมี เขาถึงกับตัวเย็นวาบ

“อุทุมพร…”

ชายหนุ่มคราง หัวใจเต้นตึ้กตั้กแรงเร็ว

ดอกไม้สีขาวซีดๆ รูปร่างคล้ายระฆังคว่ำ บนก้านดอกเดี่ยวนั้นดูเหมือนกับดอกไม้ปลอมมากกว่าดอกไม้จริง จังหวะที่ฝรั่งเจ้าของตัวอย่างพืชขยับมือ ทำให้น้ำยาในหลอดแก้วกระเพื่อม พาให้กลีบดอกบอบบางนั้นพริ้วไหวราวผีเสื้อขยับปีก

แม้ไม่เคยเห็นของจริง แต่จากที่เคยเห็นในภาพเขียนและฟังจากคำบรรยาย ลิ่วลมมั่นใจว่านั่นคือดอกไม้ทิพย์ในตำนาน…

“ใช่ครับ” โซนัมพยักหน้า “ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้บอกว่านี่คือดอกอุทุมพร แต่ผมผู้รู้ว่านี่คืออุทุมพร ผมเคยเห็นจากภาพวาดในหนังสือที่เกี่ยวกับตำนานของภูฏาน ตอนแรกเขาก็ไม่ยอมให้ผมถ่ายคลิปนะ แต่ผมบอกว่าจำเป็นต้องถ่าย เพราะจะได้เอาไปถามจากพวกชาวบ้านที่เก็บของป่าขาย พวกเขาถึงยอมให้ถ่ายและให้หมายเลขติดต่อเอาไว้ กำชับว่าถ้าผมได้เบาะแสของดอกอุทุมพรให้รีบบอกพวกเขาทันที ถ้าพวกเขาตามเบาะแสของผมไปและพบดอกไม้ของจริง ก็จะมีค่าตอบแทนให้อย่างงาม”

โซนัมยื่นหมายเลขที่ฝรั่งนักเดินทางจดลงในกระดาษให้ลิ่วลมดู และชายหนุ่มก็นิ่วหน้าพึมพำว่า

“เป็นเบอร์โทรศัพท์หมายเลขแปลกมาก”

“ครับ” โซนัมถอนใจยาว“ผมลองให้ลูกโทรไป ก็ไม่มีเสียงสัญญาณอะไรเลย เช็คเบอร์ก็ไม่ใช่เบอร์ของภูฏาน”

“หมายเลขพิเศษ” ลิ่วลมเคยได้ยินเรื่องหมายเลขโทรศัพท์พิเศษที่สร้างขึ้นมาเพื่อกิจการลับบางอย่าง “พวกเขาจะเห็นว่ามีใครโทรเข้าไป แล้วจะโทรกลับมาเอง”

“มีคนโทรกลับมาจริงๆ ครับ แต่ไม่โชว์เลขหมาย ลูกผมเลยไม่กล้ารับสาย” โซนัมเล่าต่อ “สายลึกลับยังพยายามโทรกลับมาอีกหลายครั้ง ลูกผมกลัวเลยเปลี่ยนเบอร์มือถือไปแล้ว”

“พวกนั้นไม่ธรรมดา แต่เตรียมการทุกอย่างมาเป็นอย่างดี ถ้าใครสักคนพบอุทุมพรของจริงละก็ ไม่อยากนึกเลยนะครับว่าจะมีอะไรตามมาหลังจากนั้นบ้าง ชื่อเสียง เงินทอง ผลประโยชน์” เยชิเม้มริมฝีปาก “ตัวอย่างพืชที่เขาติดมาด้วย ยิ่งช่วยยืนยันว่าอุทุมพรมีจริง คงจะมีพรรคพวกของเขาเคยเห็นมาแล้ว และเก็บเอาตัวอย่างไป…มาครั้งนี้พวกเขาเลยกลับมาอีกครั้ง…อุปกรณ์ในรถรวมถึงระเบิด ก็คงเตรียมมาเป็นอย่างดีเพื่อการนี้”

“Orchid Hunter แน่นอน” นารีญาแค่นเสียง

“นอกจากหมายเลขโทรศัพท์สำหรับติดต่อ มีรายละเอียดอะไรอีกไหมคะ” อัญญาวีร์รีบถาม “เป็นต้นว่า ฝรั่งพวกนั้นชื่ออะไร เขาบอกไหมคะว่าเขาถามหาดอกไม้นี้ไปทำไม”

“พวกเขาได้แต่ถามอย่างเดียว แต่ไม่ยอมบอกอะไรเกี่ยวกับตัวเองเลยครับ” โซนัมว่า “พอผมบอกว่าไม่เคยเห็น พวกเขาก็เปลี่ยนเรื่องคุยไปเลย”

“คุณโซนัมว่าคุณแอบเห็นข้าวของเครื่องมือในรถของพวกเขา” นารีญาเอ่ยขึ้นบ้าง หลังจากพักผ่อนมาในรถอย่างเต็มที่ ดวงหน้าของนารีญาก็เริ่มมีเลือดฝาด “ถามจริงๆ…คุณแอบถ่ายภาพเครื่องมือพวกนั้นมาด้วยหรือเปล่าคะ”

โซนัมพยักหน้า และนารีญาก็เอ่ยต่อไปอีกว่า “ขอฉันดูหน่อยได้ไหม”

เขาไม่ตอบ แต่ยื่นโทรศัพท์มือถือให้นารีญาเปิดดูภาพที่เขาแอบถ่ายมา

“ที่จริงผมก็ทำไม่ถูกหรอกนะครับ” โซนัมมีท่าทางรู้สึกผิด “ไปแอบถ่ายของส่วนตัวของคนอื่นแบบนั้น แต่สัญชาตญาณบอกผมว่า…เรื่องนี้ไม่ปกติธรรมดา คนพวกนี้มาด้วยวัตถุประสงค์อะไรก็ไม่รู้ ผมเลยถ่ายภาพเก็บเอาไว้ก่อน เผื่อจะมีประโยชน์ในภายหลัง”

“มีประโยชน์ค่ะ” นารีญาพยักหน้า เธอชี้ให้อัญญาวีร์ดูอะไรบางอย่างในภาพถ่ายภาพหนึ่ง “น้าอัญดูนี่สิคะ…โลโก้ Linn Plant Company…น่าจะเป็นชื่อบริษัท หรือองค์กรอะไรสักอย่าง”

“ชื่อคุ้นมาก” ดวงตาของอัญญาวีร์มีร่องรอยรำลึก “น้าเคยได้ยินชื่อนี้ แต่นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินจากที่ไหน”

“แหม” ลิ่วลมบ่น “น่าเสียดายนะครับ ไม่มีอินเทอร์เนต ไม่อย่างงั้นเราคงเสิร์ชค้นหาได้ว่าเป็นหน่วยงานอะไรกันแน่”

“จะมาจากหน่วยงานอะไร พวกเราก็ควรระวังตัวกันให้ดีครับ” เยชิยังมีท่าทางหนักใจ “พวกนั้นมาตามหาอุทุมพร ขณะที่เรามีแผนที่บอกว่าอุทุมพรอยู่ที่ไหน…หวังว่าพวกนั้นคงไม่รู้ว่าเรามีอะไรแบบนี้นะครับ”

“Linn Plant Company” อัญญาวีร์ยังคงพยายามนึก

“เดี๋ยวพอเข้าเขตซัมเซ มีสัญญาณโทรศัพท์หรืออินเทอร์เนต เราค่อยเสิร์ชหาดูกันอีกทีก็ได้ค่ะ” คินซาแนะนำ “ฉันว่าตอนนี้เรามากินข้าวกันก่อนดีกว่า เสร็จเรียบร้อยจะได้นอนพักผ่อนกัน พรุ่งนี้ยังจะต้องเดินทางกันต่ออีกหลายชั่วโมงนะคะ”

หลังจากรับประทานอาหารเย็นแบบพื้นเมืองเสร็จเรียบร้อย ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน เยชิให้ลูกหาบสี่คนของเขาสลับเวรยามกันนั่งเผ้าแคมป์ เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง การเดินทางครั้งนี้นอกจากยากลำบากด้วยสภาพภูมิศาสตร์แล้ว ยังมีกลุ่มคนที่ไม่น่าไว้วางใจมุ่งหน้าไปที่ซัมเซอีกด้วย

ลิ่วลมพยายามหลับตา หากนอนเท่าไรก็ไม่หลับ เพราะใจคิดวุ่นวายเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปต่างๆ นานา พลิกตัวกลับไปกลับมา ก็พอดีกับนาฬิกาข้อมือดิจิตอลของเขาส่งสัญญาณเตือน ดวงตาของลิ่วลมเบิกกว้างเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ เขาลุกขึ้นเปิดประตูห้องนอน แล้วโหย่งเท้าเดินออกไปจากบ้านพัก มั่งหน้าไปยังทุ่งกว้างหน้าอาคารที่ทำการป่าไม้

สายลมยามราตรีพัดผ่านมารวยริน กลิ่นหอมของดอกไม้ป่าอวลในอณูอากาศ เขากระชับเสื้อแจ็คเก็ตแน่นเข้าเพราะอากาศเริ่มทวีความหนาวเย็น

เหนือขึ้นไปบนฟากฟ้า ดวงดาราทอแสงสุกสกาว

เป็นค่ำคืนที่ดวงดาวเกลื่อนเต็มผืนฟ้าราตรี แต่ละดวงเปล่งแสงสว่างเป็นประกายงดงาม เหมือนกับเพชรที่โปรยอยู่บนกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มอมดำ

มีเพียงสามดวงที่สว่างเป็นพิเศษ…

“ดูดาวเหรอนายลม” เสียงใสๆ ของนารีญาทำให้ชายหนุ่มถึงกับสะดุ้ง “อารมณ์สุนทรีย์จังเลยนะ”

“มาได้ไง” ลิ่วลมหันไปทางหลานสาวอาจารย์อัญญาวีร์ นารีญาห่มผ้านวมผืนใหญ่ ดูตัวอ้วนกลมเหมือนตุ๊กตาหิมะ

“ก็เห็นนายเดินออกมา” นารีญาว่า

“เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก” เขาเอ็ด “กลับเข้าไปได้แล้ว”

“คืนนี้ดาวสวยจังนะคุณ” นารีญาตอบไปคนละเรื่อง ดวงตาคู่แจ่มกระจ่างของเธอเปล่งประกายวิบวับแข่งกับดาวบนฟ้า

“ทานาบาตะ” ลิ่วลมพึมพำ “วันที่ ๗ เดือน ๗”

“จริงด้วย” นารีญาอ้าปากกว้าง “มิน่า ดาวถึงสุกสกาวเป็นพิเศษ”

“ดูดาวสองดวงนั่นสิ”

เขาชี้ให้นารีญาดูดาวสองดวงที่อย่กันคนละฟากฟ้า ถูกเชื่อมเข้าหากันด้วยทางช้างเผือก และนั่นทำให้เขาอดนึกไปถึงรินดารา ผู้เป็นพี่สาวมิได้

“นั่นดาวโอริฮิเมะ – Orihime หรือเจ้าหญิงทอผ้า…ฝั่งตรงข้ามคือดาวฮิโคะโบชิ – Hikoboshir หรือดาวหนุ่มเลี้ยงวัว มีแค่คืนนี้เท่านั้นที่พวกเขาจะได้พบกัน…วันที่หนุ่มเลี้ยงวัวจะได้พบกับเจ้าหญิงทอผ้า…วันเดียวกันกับที่เทพเจ้านกกะเรียนได้พบกับเมียวโจโอจิ”

“งั้นเราต้องขอพรสิคุณ” นารีญาว่า “แต่เราไม่มีกระดาษ ไม่มีต้นไผ่…เอายังไงดี”

“ก็ตั้งใจอธิษฐานสิ” เขาหมายความตามนั้น

ลิ่วลมหลับตานิ่ง นึกอธิษฐานขอพรเทพเจ้านกกะเรียนในใจ…ขอให้เขาช่วยล่องเมฆได้ทันเวลา ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

รินดาราเคยเล่าเรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับเธอและอาคิระผู้เป็นสามีให้เขาและน้องฝาแฝดฟัง ลิ่วลมหวังว่าเรื่องมหัศจรรย์นั้นจะเกิดขึ้นกับเขาและล่องเมฆบ้าง

“อธิษฐานเสียนานเลย” เสียงใสๆ ของนารีญาดังขึ้นทำลายความเงียบ “ขออะไรหรอ”

“ทำไมต้องบอกด้วย” เขาทำหน้ากวนใส่หญิงสาว

“ไม่บอกก็อย่าบอก” นารีญายักไหล่ “ว่าแต่นายรู้ไหมว่าฉันอธิษฐานอะไร”

“ไม่เห็นอยากรู้” ลิ่วลมแกล้งว่าไปอย่างนั้น ทั้งที่ใจจริงก็แอบอยากรู้

“ไม่อยากรู้ แต่ฉันอยากบอก…ฉันอธิษฐานขอให้นายเจอน้องไวๆ” นารีญาพูดซื่อๆ จริงใจ และนั่นทำให้ลิ่วลมถึงกับนิ่งไป

“ทำไมไม่ขอให้ตัวเอง” เขาสงสัย

“ก็ไม่รู้จะขออะไร” นารีญาหมายความตามที่พูดจริงๆ “ทุกวันนี้ฉันก็มีความสุขดีอยู่แล้ว…ขอให้นายดีกว่า จะได้เจอน้องไวๆ”

“ขอบใจนะ” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว และนารีญาก็ร้องโวยวายขึ้นมาอีก เธอชี้มือไปบนท้องฟ้า เสียงตื่นเต้น

“ดาวตก”

“อย่าชี้สิ” เขาว่า

“ทำไมชี้ไม่ได้” นารีญาสงสัย

“ผมก็ไม่รู้” เขาหัวเราะเบาๆ “พ่อกับแม่ผมเคยห้ามว่า ถ้าเจอดาวตกห้ามชี้”

“ไม่เห็นเคยรู้เลย” นารีญาส่ายหน้า เธอมองดูดาวดวงเล็กที่พุ่งผ่านท้องฟ้า และลับหายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะอ้าปากหาวแล้วพึมพำว่า

“แต่จะชี้หรือไม่ชี้ คงไม่มีผลอะไรมั๊งคุณ…ดูสิ พอเราอธิษฐานเสร็จ ดาวตกก็พุ่งผ่านมาพอดี เห็นไหมล่ะ…ฉันว่าเทพเจ้าคงได้ยินคำอธิษฐานของเราแล้วละ…ไม่ต้องกังวลนะนายลม ฉันว่าเราจะต้องหาตัวล่องเมฆพบแน่นอน”

 



Don`t copy text!