พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 12.2 : ช่วยด้วย
โดย : พงศกร
พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้
คำสั่งหนักแน่นจริงจังของเยชิ ทำให้ลิ่วลม อัญญาวีร์ และนารีญาขนลุกชัน แม้ฝ่ายนั้นจะไม่ได้บอกชัดเจน หากชาวไทยทั้งสามสัมผัสได้ถึงอันตรายที่แฝงอยู่โดยรอบ
เยชิทิ้งคินซาเอาไว้คอยดูแลลูกทัวร์ชาวไทย ตัวเขากับเทนซิลและยูเยนแบกเต็นท์และสัมภาระที่จำเป็นออกไปหาสถานที่สำหรับพักแรมคืนนี้ รออยู่พักใหญ่กว่าที่เยชิจะกลับมา สถานที่สำหรับกางเต็นท์อยู่ห่างออกไปราวห้าร้อยเมตร เป็นที่โล่ง รายล้อมด้วยป่าสน
วังโมกลับมาคนเดียว เขาบอกว่านัมเกสั่งให้เขากลับมาก่อน ตัวเองอยากจะแกะรอยคนร้ายต่อไปอีกสักหน่อย นัมเกคิดว่าคนร้ายยังไปไม่ไกล แต่เฝ้ารอดูพวกเขาอยู่แถวนี้
“นัมเกสงสัยว่า พวกคนร้ายทำแบบนี้ไม่ใช่แค่จะชะลอการเดินทางของพวกเรา แต่พวกเขาอาจหาทางย้อนกลับมา เพราะพวกนั้นน่าจะต้องการอะไรสักอย่างจากพวกคุณ…”
ประโยคสุดท้ายเด็กหนุ่มหันมาทางลิ่วลม
“พยับฟ้าโพยมดิน” ลิ่วลมพึมพำแผ่วเบา มือของเขาที่จับกระบอกโลหะบีบแน่นเข้า เขาไม่ยอมให้ของสำคัญสิ่งนี้ห่างตัวโดยเด็ดขาด
“พวกคุณรออยู่ที่นี่นะครับ” เยชิลุกขึ้น “ผมจะไปหาฟืนสำหรับก่อไฟ เราจำเป็นต้องมีเชื้อเพลิงให้เพียงพอสำหรับคืนนี้ ระหว่างนี้วังโม เทนซิล และยูเยนจะไปช่วยกันเลื่อยต้นไม้ที่ขวางทาง”
“ฉันไปด้วย” คินซาอาสา
“อยู่ที่นี่แหละ” เยชิเป็นห่วงแขกชาวไทยของเขา
“ไปด้วยกันดีกว่า” คินซาเหลือบสายตามองไปรอบๆ “อยู่ใจกลางนยาลาลัมแบบนี้ อย่าไปไหนมาไหนคนเดียวเลย”
“ให้คินซาไปเป็นเพื่อนเถอะค่ะ” อัญญาวีร์สนับสนุน “พวกเราจะอยู่ตรงนี้ สัญญาว่าจะไม่ไปไหนเด็ดขาด”
เยชิพยักหน้ายอมอนุญาต จากนั้นคินซาก็เดินตามเขาไปพร้อมกับขวานในมือ ตอนนี้ในบริเวณนั้นเหลือแต่ลิ่วลม อัญญาวีร์ และนารีญา พร้อมๆ กับที่อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ จนทุกคนเริ่มรู้สึกหนาว ทั้งที่ยังสวมแจ็กเก็ตตัวหนาอยู่
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า แสงแดดลำสุดท้ายค่อยๆ ลับเหลี่ยมเขาตรงหน้า และสนธยาเริ่มคลี่คลุม ยังไม่มีใครกลับมาแม้แต่คนเดียว
อีกไม่นานแถวนี้คงมืดสนิท ลิ่วลมอดประหวั่นไม่ได้ว่า หากเยชิและคินซาไม่กลับมา…
ถ้าพวกนั้นทิ้งพวกเขาไว้ที่นี่…ใจกลางป่าลึกของภูฏาน…พวกเขาจะทำอย่างไรต่อไป สัญญาณมือถือก็ไม่มี จะขอความช่วยเหลือใครได้
“เอ้า อย่ามัวหงอยเหงา…มาเซลฟีกันหน่อยค่ะ…ผู้ประสบภัยทั้งสาม”
นารีญาไม่รู้จะทำอะไร เลยยกมือถือขึ้นถ่ายรูปเล่น อัญญาวีร์อยากจะเอ็ดหลาน แต่ก็ไมรู้ว่าจะเอ็ดไปเพื่ออะไร อย่างน้อยมีใครสักคนที่ยังร่าเริงอยู่ได้ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ย่อมดีกว่านั่งเครียด
ถ่ายภาพกันไปหลายภาพ นารีญาเริ่มหมดมุก ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ เปิดมือถือเพื่อโพสต์ภาพ หรือติดตามข่าวสารในโซเชียลมีเดียก็ทำไม่ได้ เพราะไม่มีสัญญาณ สุดท้ายจึงได้แต่นั่งกอดเข่า ร้องเพลงพึมพำอยู่ในลำคอ
“หมอกจางๆ และควัน…”
นารีญาเหลือบสายตามองกรุ่นไอหมอกที่รอยเรี่ยพื้น ไม่มีเพลงไหนเหมาะกับบรรยากาศแบบนี้ เท่าเพลงหมอกหรือควันของพี่เบิร์ดอีกแล้ว
…หมอกกกกก…ควันนนนน…
มีเสียงสะท้อนก้องกลับมาจากราวป่าทางด้านทิศตะวันตก
“ถอนตัว…” นารีญาร้องต่อ
และเสียงสะท้อนนั้นก็ก้องกลับมาอีกครั้ง
…ถอนนนน ตัวววววว...
ลิ่วลมเหลือบมองไปรอบๆ ขณะที่นารีญาหันไปมองน้าของเธอ และหยุดร้องเพลง
“ได้ยินใช่ไหม” เธอกระซิบถามลิ่วลม และชายหนุ่มก็พยักหน้า
“เสียงสะท้อนน่ะ…ไม่มีอะไรหรอก” ลิ่วลมปลอบ ทั้งที่ตนเองก็รู้สึกว่าเสียงนั้นดูไม่ปกติ
“ไหน คุณลองร้องดูมั่งสิ” นารีญาพยักหน้ากับลิ่วลม
“ไม่เอาอะ” ลิ่วลมส่ายหน้า
“ลองหน่อย” นารีญาคะยั้นคะยอ
“น้าร้องเอง” อญญาวีร์ตัดสิน เธอฮัมเพลงในลำคอ “พรุ่งนี้…ชีวิตของเรา…”
…พรุ่งนี้ ชีวิตตตตตตตตต ของงงงงง เรา…
มีเสียงสะท้อนกลับมาจริงๆ เหมือนใครบางคนกำลังล้อเล่นอยู่ในราวป่า
เสียงสะท้อนนั้นมีสำเนียงแปร่งประหลาด บางจังหวะเยือกเย็นโหยไห้ ลิ่วลมรู้สึกขุมขนบนเรือนกายลุกชัน เมื่อหันไปมองก็พบว่าอัญญาวีร์และนารีญาก็กำลังรู้สึกเช่นเดียวกัน
…ฮือออ ฮืออออ…
เมื่อไม่มีเสียงร้องเพลง คราวนี้ทั้งสามได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังถอนสะอื้นดังมาจากทิศเดิม
“ใคร” นารีญาเสียงสั่น เธอหันมาทางทุกคนแล้วพึมพำถามว่า “ได้ยินกันใช่ไหมคะ”
…ฮือออ ฮืออออ…
“ได้ยิน” อัญญาวีร์พยักหน้า และลิ่วลมกำลังจะพูดอะไรออกมาสักอย่าง ก็เห็นเงาของใครบางคนโผล่ออกมาจากชายป่าทางด้านนั้นเสียก่อน
…ต่อให้ไกลแค่ไหน เขาก็ไม่มีวันจะจำไม่ได้…
“เมฆ” ลิ่วลมลุกพรวดพราดขึ้นรวดเร็ว “ล่องเมฆ”
ล่องเมฆ…
น้องชายฝาแฝดของเขา
น้องชายที่เขากำลังตามหาตัว
ล่องเมฆมาโผล่ตรงนี้ได้อย่างไรกัน
“พี่ลม…ช่วยผมด้วย” น้องของเขากำลังขอความช่วยเหลือ
อัญญาวีร์หันไปทิศเดียวกันกับที่ลูกศิษย์หันไปมอง แล้วหัวใจของเธอก็เต้นแรงเร็วด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ระคนแปลกใจ
“เชวัง…”
เชวัง ทินเลย์นั่นเอง
เขามาที่นี่จริงๆ น่ะหรือ
อัญญาวีร์ขยี้ตาด้วยไม่อยากจะเชื่อ แต่เงาที่ปรากฏให้เห็นตรงนั้นคืออดีตคนรักของเธอจริงๆ
“อัญ…ผมเอง ช่วยผมด้วย” เสียงของเชวังเหมือกำลังบาดเจ็บ
นารีญาเองก็พลอยอ้าปากค้างไปด้วย เพราะสิ่งที่เธอเห็นตรงหน้านั้นคือคนที่เธออยากพบมาตลอดหลายปีที่ไม่ได้พบกัน
“แม่…แม่จริงๆ ด้วย…”
“รีญา…ช่วยแม่ด้วย” มารีอากวักมือเรียกลูกสาว และนารีญาก็ลุกขึ้นรวดเร็ว
“ล่องเมฆ”
“เชวัง”
“แม่ขา…”
ลิ่วลม อัญญาวีร์ และนารีญาต่างร้องขึ้นพร้อมกัน!
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 12.2 : ช่วยด้วย
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 12.1 : นยาลาลัม
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 11.2 : ฤดูแห่งดวงดาว
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 11.1 : อ้อมกอดแห่งขุนเขา
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 10.2 : วิหารม้าเทวดา
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 10.1 : ออกเดินทาง
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 9.2 : Orchid Hunter
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 9.1 : เหตุร้าย
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 8.2 : นิมิตของลิ่วลม
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 8.1 : พยับฟ้าโพยมดิน
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 7.2 : Til the Earth through the Heavens
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 7.1 : เบาะแสของดอกไม้ทิพย์
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 6.2 : พิพิธภัณฑ์ผ้าเคซัง
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 6.1 : ภัณฑารักษ์จาก The MET
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 5.2 : ท่านครุ
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 5.1 : วิหารฟ้าคะนอง
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 4.2 : เกาตัน ซับบา
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 4.1 : ฝากไว้
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 3.2 : เธอคือแสงตะวัน
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 3.1 : ความทรงจำเหมือนม่านหมอก
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 2.2 : วันฟ้ากระจ่าง
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 2.1 : มีเมฆบ้างเป็นบางวัน
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 1.2 : ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 1.1 : Udumbara - อุทุมพร ดอกไม้สวรรค์
- READ พยับฟ้าโพยมดิน : บทนำ