พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 22.2 : โจมตี

พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 22.2 : โจมตี

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

ไม่ทันเสียแล้ว

นารีญากดถ่ายภาพไปเรียบร้อย

แสงสว่างจากแฟลชกล้องมือถือวาบขึ้นและจางหายไปอย่างรวดเร็ว หากทว่านานพอจะทำให้คณะเดินทางเห็นว่า ดวงกลมขาวๆ วาวๆ ราวลูกแก้วบนผนังนั้นหาใช่ลูกแก้วอย่างที่คิดไม่ แต่เป็นดวงตาของสัตว์ชนิดหนึ่งที่คล้ายกับค้างคาว

…คล้ายค้างคาวแต่ไม่ใช่…

พวกมันมีหน้าเหมือนหนู แต่หูยาวเหมือนกับกระต่าย ดวงตาของมันกลมโตราวกับตัวการ์ตูนในภาพยนตร์แอนิเมชัน มีปีกสองข้างติดอยู่กับท่อนแขน ริมฝีปากหนาอวบอิ่มสีแดงสด แต่ที่น่าหวาดกลัวก็คือเขี้ยวแหลมสองข้างมุมปาก และน้ำลายที่ไหลยืดราวกำลังหิวกระหาย

“ทุกคนหมอบลง หมอบลง!”

เชวังตะโกนเสียงสั่น เมื่อดวงกลมวาวราวลูกแก้วเริ่มขยับเขยื้อน และพุ่งเข้าโจมตีมนุษย์ที่อยู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็ว

นารีญาส่งเสียงร้องวี้ด รู้สึกได้ถึงปีกที่กระพือพรึ่บพรั่บอยู่รอบตัว

หญิงสาวยกมือขึ้นปัดป่าย เมื่อสัตว์ประหลาดหลายตัวพยายามพุ่งเข้ามาที่ใบหน้าของเธอ มีเป้าหมายอยู่ที่ดวงตาคู่สวย

กลิ่นเหม็นสาบสางของค้างคาวประหลาดลอยอวล นารีญารู้สึกถึงกระแสลมที่เกิดจากปีกนับร้อยที่กระพือบิน บางตัวบินเฉียดหน้าหล่อนไปอย่างรวดเร็ว

“โอ๊ย” เสียงของยูเยนร้องดังลั่น เมื่อค้างคาวผีตัวหนึ่งพยายามใช้ปากแหลมๆ จิกเข้าที่ดวงตาของเธอ เคราะห์ดีที่ยูเยนสะบัดหน้าหนีได้ทัน แต่กระนั้นก็เกิดมีบาดแผลเลือดไหลซิบ

เชวังอยู่ใกล้ยูเยนมากที่สุด เขาดึงลูกหาบหญิงแกร่งมาหลบอยู่ข้างหลัง ส่งผ้าเช็ดหน้าให้ยูเยนกดแผลเอาไว้

สัตว์ประหลาดที่ดวงตากลมเหมือนการ์ตูนส่งเสียงร้องแหลมเล็กหากันเป็นทอดๆ เสียงร้องของพวกมันสะท้อนก้องกลับไปกลับมาราวไม่มีที่สิ้นสุด หลายตัวพุ่งเข้าหานารีญาอีก เป้าหมายยังคงอยู่ที่ดวงตา ครั้นเมื่อเธอยกมือขึ้นปิดตา พวกมันก็เปลี่ยนเป้าหมายไปยังคนอื่น

“ระวังนะคะ” นารีญาร้องเตือน “ดูเหมือนพวกมันจะโจมตีดวงตาของเรา”

“จริงด้วย” ลิ่วลมลองหลับตา และพบว่าค้างคาวตัวที่พุ่งมาหาเขาเปลี่ยนทิศไปทางอื่นทันที

“เอายังไงดีคะ หนีไปทางไหนกันดี” นารีญาร้องถาม รอบตัวมืดสนิทจนไม่รู้ทิศทาง

“นิ่งๆ ไว้ก่อน” ลิ่วลมพุ่งไปหาหญิงสาว ดึงให้เธอหมอบราบลงกับพื้นในทันทีนั้น

เชวังเองก็เช่นกัน เขาเห็นเงาของอัญญาวีร์ยังยืนงงอยู่ท่ามกลางสัตว์ร้าย เขาเลยดึงให้เธอหมอบลงมาอยู่ข้างๆ กัน

“ดับไฟด้วย” เชวังสั่งให้ทุกคนเก็บแท่งฟลูออเรสเซนต์ “ก้มหน้าแนบพื้น หลับตาและเงียบไว้ ห้ามพูดอะไรทั้งนั้น”

แม้ไม่รู้ว่าเชวังมีเหตุผลอะไร หากทุกคนทำตามคำสั่งของเขาแต่โดยดี ประสบการณ์ที่ผ่านมาบอกให้รู้ว่าเชวังรู้ดีว่าควรรับมือกับสถานการณ์แบบนี้อย่างไร

รอบกายมีแต่ความมืดมนและเสียงลมหายใจฟืดฟาดของคณะเดินทาง ทุกคนก้มหน้านิ่ง พยายามที่สุดที่จะไม่ขยับตัว

เสียงปีกของสัตว์ร้ายดังพึ่บพั่บ ลิ่วลมรู้สึกได้ว่าพวกมันบินโฉบไปโฉบมา น่าประหลาดที่พวกมันมองไม่เห็นพวกเขา รออยู่ชั่วอึดใจใหญ่ๆ ทุกสรรพสิ่งก็กลับเงียบลงอีกครั้ง ลิ่วลมเหลือบตามองก็เห็นดวงตากลมวาวสีขาวเกาะนิ่งๆ อยู่ในตำแหน่งเดิม

ความรู้สึกตื่นเต้นของเขาหายไปหมดแล้วในตอนนั้น เหลือเพียงความสยดสยอง

ในใจนึกว่าแผนที่พยับฟ้าโพยมดิน ปักรูปค้างคาวเสียน่ารัก แต่ตัวจริงโหดเสียไม่มี

จะว่าไป ภาพลายปักสามารถเก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน

ถูกต้องทุกอย่างจนน่าทึ่ง

สิ่งเหล่านี้ไม่มีทางพบในแผนที่ทั่วไปแน่ๆ แต่ต้องเป็นแผนที่ที่เกิดจากประสบการณ์ตรงของผู้เดินทาง และนำมาบันทึกไว้ในรูปแบบของผ้าปัก

ไม่ว่าจะเป็นเห็ดดอกสีแดงมีลายประสีขาว มาจนถึงค้างคาวที่มีดวงตากลมโตเหมือนกับลูกแก้ว…เพียงแต่พวกเขาไม่รู้เลยว่า ตัวจริงของเห็ดปีศาจและค้างคาวผีจะโหดร้ายกว่าที่ปรากฏในภาพหลายเท่า

“พอขยับตัวคลานไปด้านหน้าได้ไหม”

เชวังกระซิบถาม และทุกคนไม่มีใครค้าน

“เราจะค่อยๆ กระเถิบตัวไปข้างหน้า” เชวังพยายามพูดให้เบาที่สุด

เขาสังเกตว่าเมื่อทำเสียงดัง ค้างคาวผีก็จะขยับเขยื้อน ดวงตากลมวาวของมันกลอกไปกลอกมา ราวสอดส่ายหาที่มาของเสียง

“ห้ามเงยหน้าขึ้นมอง ห้ามพวกมันเห็นดวงตาของเราเด็ดขาด” เสียงของเชวังยังแผ่วกระซิบ แต่เพราะอยู่ในความเงียบ ทุกคนที่ทิ้งตัวนอนราบในบริเวณนั้น จึงได้ยินโดยทั่วกัน

“มันคือ…Eyeball eater”

เขาเอ่ยเสียงสั่น

“อะไรนะ” อัญญาวีร์แทบไม่เชื่อหู “พวกมันกินลูกตาหรือคุณ”

“ใช่ครับ” เชวังว่า และเมื่อค้าวคาวผีขยับตัวเสียงดังแกรก เขาก็นิ่งเงียบ รอจนพวกมันสงบนิ่ง เชวังจึงอธิบายต่อ

“พ่อของผมเคยเล่าให้ฟังว่า มีค้างคาวชนิดหนึ่ง พวกมันกินลูกตาของสัตว์อื่นเป็นอาหาร…เราเรียกมันว่า Eyeball eater”

คำพูดประโยคนั้นของชายหนุ่มทำให้ลิ่วลมและนารีญาถึงกับตัวเย็นวาบ พฤติกรรมที่มันพุ่งโจมตีดวงตาของนารีญาและยูเยน เป็นเครื่องยืนยันว่าสิ่งที่เชวังพูดนั้นไม่ผิดความจริงไปนัก

“พวกมันมีดวงตากลมโต สีขาวคล้ายลูกแก้ว มันจะมีแต่ตาขาว ไม่มีตาดำ…พวกมันจะใช้ประสาทสัมผัสฟังเสียง คอยจับการเคลื่อนไหวของเหยื่อ เมื่อจะโจมตี มันจะพุ่งเข้าโจมตีดวงตาของเหยื่อ จิกกินเป็นอาหาร”

“คุณพระช่วย” เสียงอัญญาวีร์พึมพำ

“ผมฟังพ่อเล่า ไม่เคยเห็นของจริง” เชวังเล่าต่อ “นึกว่ามีแต่ในตำนาน พ่อยืนยันว่ามีจริงๆ…พ่อเคยเห็นมาแล้ว แต่พ่อไม่ได้บอกว่าเคยเจอกับพวกมันที่ไหน…พ่อยังบอกอีกว่า ถ้าเจอพวกมัน ให้ก้มหน้า หลับตาเอาไว้ อย่าให้มันเห็นดวงตาของเราเด็ดขาด…ทำแบบนี้แล้วเราจะปลอดภัย”

เล่าถึงตรงนี้ เชวังก็เงียบเสียงไปอีกพักใหญ่ ลิ่วลมได้ยินเสียงขยับเคลื่อนไหวของค้าวคาวผี ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบสงบอีกครั้ง

“เอาละ…พร้อมหรือยังทุกคน” เชวังว่า “เราจะต้องออกไปจากโถงนี้ให้ได้…ทุกคนอดทนเอาไว้นะครับ…ทางเดียวที่เราจะรอดจากพวกมันได้คือ…ต้องนอนราบกับพื้น ก้มหน้า หลับตา แล้วพยายามกระเถิบตัวเองตามผมมาทางนี้...”



Don`t copy text!