พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 23.2 : เซริงมา

พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 23.2 : เซริงมา

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

ค่ำคืนนั้นลิ่วลมหลับสนิทไปในทันทีที่ศีรษะแตะถูกเป้ใบใหญ่ที่ใช้ต่างหมอน อาจจะเพราะเดินทางไกลและผจญกับภยันตรายมาตลอดทั้งวัน

ในเป้ของทุกคนมีผ้าใบสำหรับปูพื้น เชวังบอกให้ทุกคนพักผ่อนให้เต็มที่ ตัวเขา เยชิ คินซา และลูกหาบทั้งสามจะผลัดกันพักผ่อนและอยู่เวรยามเพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนจะปลอดภัย

โถงถ้ำที่หยุดพักเป็นโถงถ้ำขนาดย่อม ลักษณะคล้ายห้องสี่เหลี่ยมที่ผนังทั้งสี่ด้านราบเรียบราวกับมีคนมาสร้างเอาไว้

อากาศในโถงถ่ายเทปลอดโปร่ง สายลมเย็นสบายพัดผ่านมารวยริน หลังจากปูผ้าและใช้เป้วางต่างหมอนหนุน พวกเขาก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว

ลิ่วลมมารู้สึกตัวอีกที เมื่อได้กลิ่นหอมของดอกไม้บางอย่างที่อวลตลบ ครั้นเมื่อเขาลืมตาขึ้นมองก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนพรมหญ้า ท้องฟ้าเบื้องบนใสกระจ่าง มีเมฆสีขาวก้อนเล็กๆ ลอยอยู่ทั่วไป ลิ่วลมได้ยินเสียงน้ำไหลและเสียงนกร้องร่าเริง ครั้นเมื่อเหลือบสายตามองไปข้างๆ ก็พบลำธารน้ำใส และน้ำพุธรรมชาติที่ผุดขึ้นมาจากผืนดิน

“อะไรกันเนี่ย”

เขาผุดลุกขึ้นในทันทีนั้น

เหลือบมองหาคนอื่นก็ไม่พบใคร

“รีญา…อาจารย์ครับ” เขาร้องเรียกคนอื่นๆ “เชวัง เยชิ…ทุกคนอยู่ไหน”

ลิ่วลมรีบลุกขึ้นยืน ยกมือขึ้นขยี้ตาอย่างจะให้แน่ใจ

เขากำลังอยู่ในทุ่งหญ้าแห่งหนึ่งจริงๆ นั่นละ แต่จะเป็นไปได้อย่างไร เขางีบหลับไปในโถงถ้ำที่มืดสลัว ครั้นพอตื่นขึ้นมากลับกลายเป็นว่าเขามาอยู่ในสถานที่แห่งนี้เสียแล้ว

“นยาลา เดียม…”

เขาพึมพำ ใจหายวาบ ต้องเป็นภาพมายาที่ปีศาจร้ายแห่งป่าลึก…นยาลาลัม สร้างขึ้นเพื่อล่อลวงเขาแน่ๆ มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง

“ไม่…ไม่นะ” เขายกมือขึ้นปัดป่าย “ออกไป”

“ใจเย็นก่อนพ่อหนุ่ม”

เสียงใสๆ ราวระฆังแก้วของใครคนหนึ่งดังขึ้น ครั้นเมื่อลิ่วลมหันหลังกลับไปก็พบว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นสตรีรูปร่างโปร่งระหง สวมคีร่า ซึ่งเป็นชุดประจำชาติของภูฏาน

“คุณเป็นใคร” ลิ่วลมนิ่วหน้า เขาขยับถอยหลังเพื่อตั้งหลัก “นยาลา เดียมใช่ไหม…อย่าพยายามเลย ผมไม่กลัวคุณหรอก”

“เฮ้อ” หญิงผู้นั้นถอนใจยาว พร้อมกับส่ายหน้าไปมา

ลิ่วลมเพิ่งสังเกตเห็นตอนนั้นว่าเสื้อคลุมตัวนอกหรือเตียโกะ – Tyoko ที่สวมทับเสื้อตัวในแขนยาว หรือวนจู – Wonju ของเธอนั้น ปักลวดลายวิจิตร เส้นไหมสีทองเกิดประกายเหลือบรุ้ง เลื่อมพรายงดงามอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

“คิดได้ยังไงว่าเราคือนางปีศาจร้ายชั้นต่ำ…เอ…” เธอนิ่วหน้า “หรือว่าฉันจะสวยไม่พอ”

ลิ่วลมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายมาไม้ไหนกันแน่

“อ้ะ” เธอก้มลงมองตนเอง ก่อนจะหมุนตัวซ้ายขวาสามรอบ แล้วหันมาทางลิ่วลม “ดูใหม่…ดูให้ดีว่าฉันคือนางปีศาจนยาลา เดียม หรือเปล่า”

สายลมเย็นสบายพัดชายเตียโกะพลิ้วไหว ลิ่วลมจ้องมองสตรีที่อยู่ตรงหน้าด้วยความทึ่งแกมตื่นตะลึง เพิ่งสังเกตเดี๋ยวนั้นเองว่า ผิวของเธอมีสีขาวบริสุทธิ์ราวหิมะ แสงแดดสีทองเบื้องบนที่สาดส่องลงมาทำให้ผิวของเธอเรืองรองราวเปล่งรัศมีออกมาได้

มือของเธอถือดอกป๊อปปี้ที่เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติภูฏาน ทว่าเป็นป๊อปปี้ทองคำ หาใช่ป๊อปปี้สีฟ้าที่เห็นดาษดื่นอยู่ในท้องทุ่งไม่

ดวงหน้าเรียวยาวแลดูงามสง่า เต็มไปด้วยความเมตตา เธอยื่นป๊อปปี้สีทองในมือส่งให้กับลิ่วลม

“ถ้าไม่ใช่นยาลา เดียม” เสียงของลิ่วลมอ่อนลง เขาเอื้อมมือไปรับป๊อปปี้ทองคำมาถือเอาไว้ “แล้วท่านคือใคร”

“เซริงมา” เธอบอกนามของตนเอง

“ท่านชื่อเซริงมา” หัวคิ้วของลิ่วลมยังคงขมวดมุ่น “แล้วท่านคือใคร”

“เราเป็นใครก็ช่างเถอะ เรื่องมันยาว ขี้เกียจอธิบาย” เซริงมาว่า

“แล้ว…” ลิ่วลมอ้าปากจะถามต่อ หากสตรีแปลกหน้าผู้นั้นยกมือห้ามเอาไว้

“พอเถอะ เอาแต่พูดว่า แล้ว แล้ว แล้ว…ดูเหมือนในหัวเจ้าจะเต็มไปด้วยคำถาม” เซริงมาส่ายหน้า

“จะไม่ให้ผมถามอย่างไร ผมมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรก็ยังไม่รู้เลย” ลิ่วลมถอนใจ “ป่านนี้เพื่อนๆ ผมเป็นห่วงแย่แล้ว”

“ไม่มีใครรู้หรอกว่าเจ้ามาที่นี่” เซริงมาพูดง่ายดาย “เจ้าแค่แวะมาชั่วคราว ประเดี๋ยวเราก็จะส่งกลับไปเองนั่นละ”

“แปลว่าท่านพาผมมาจริงๆ” ลิ่วลมจ้องมองหญิงสาวนามเซริงมา

“แหงละ” เธอพยักหน้าและหัวเราะเบาๆ “ถ้าเราไม่พามา เจ้ามาไม่ได้หรอก”

“เข้าเรื่องเลยดีกว่า ตกลงท่านพาผมมาทำไม” ลิ่วลมถาม

“เข้าเรื่องก็ได้” เซริงมาเลิกพูดเล่น “เราพาเจ้ามาที่นี่ เพราะเพื่อนของเราขอร้องให้ช่วยดูแลพวกเจ้า ในระหว่างที่เขาติดภารกิจ”

“เพื่อนของท่าน” ลิ่วลมกะพริบตาปริบๆ “ขอร้องให้ท่านดูแลพวกผม ใครครับ เพื่อนของท่าน”

“โฮชิโนโอจิ”

ชื่อที่เซริงมาเอ่ย ทำให้ลิ่วลมถึงกับอ้าปากค้าง เพราะนั่นคือชื่อของเทพเจ้าที่พี่สาวของเขาให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก ทั้งยังมีความเกี่ยวข้องกับรินดาราและอาคิระเป็นอย่างมากด้วย

และเมื่อวันทานาบาตะที่ผ่านมา…เขาเพิ่งขอพรให้ท่านเทพเจ้ากระเรียนช่วย

“โฮชิโนโอจิ” เซริงมาย้ำ “เขาส่งข้อความมาขอให้เราช่วยเหลือพวกเจ้า”

“ถ้าท่านเป็นเพื่อนโฮชิโนโอจิ…ก็หมายความว่า…ท่านไม่ใช่มนุษย์…” ลิ่วลมขนลุกซู่

“และก็ไม่ใช่ปีศาจ” เซริงมาอมยิ้ม

“ท่านคือเทพธิดาใช่ไหม…ผมว่าต้องใช่แน่ๆ…” ทำไมเขาเพิ่งนึกได้นะ

“จะเป็นอะไรก็ช่างเถอะ” เซริงมายังยืนยันเช่นเดิม “ที่เรามาพบเจ้าวันนี้ เพื่อจะช่วย…พวกเจ้ากำลังไม่แน่ใจใช่ไหม ว่าจะเลือกเดินทางในช่วงต่อไปอย่างไร”

“มีทางแยกซ้ายขวา” ลิ่วลมว่า “และสัญลักษณ์ในพยับฟ้าโพยมดินในเส้นทางช่วงนี้ ถูกไฟไหม้เสียหายพอดีครับ”

“อืม” เซริงมาพยักหน้า ก่อนจะเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเสนาะใสว่า

“ขวาจะร้าย ซ้ายจะดี มีกำหนด, ทางหนึ่งยศ สรรเสริญ เพลินพาหลง, ทางหนึ่งโลภ ครอบงำ นำดิ่งลง, จะรอดจง มั่นคง ในศรัทธา”

“นี่คำใบ้เหรอครับ” ลิ่วลมเดาว่าเซริงมากำลังบอกใบ้อะไรบางอย่างให้กับเขา

“ไปคิดเอาเอง” เซริงมาส่ายหน้า “เราบอกเจ้าได้เท่านี้ละ”

“จะบอกทำไมไม่บอกให้หมดล่ะครับ” ลิ่วลมบ่นพึมพำ

“กฎสวรรค์” เซริมาเน้นเสียง “ถึงจะเป็นเทพธิดา ก็ไม่ใช่ว่าจะทำอะไรได้ตามใจทุกอย่าง ทุกโลก ทุกภพภูมิ ล้วนมีกฎเสมอ…ถ้าทุกคนไม่ทำตามกฎ ทุกหย่อมหญ้าจะมีแต่ความวุ่นวาย…เราบอกเจ้าได้เท่านี้ละ ที่เหลือไปคิดเอาเอง”

 



Don`t copy text!