
พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 24.2 : สิ่งที่มีประกาย
โดย : พงศกร
พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้
เชวัง ทินเลย์นำทุกคนเดินเลี้ยวไปทางโพรงถ้ำด้านซ้ายมือ
ทางเดินในช่วงนี้สบายกว่าทุกช่วงที่ผ่านมา
พื้นถ้ำราบเรียบไม่มีหินงอกหรือก้อนหินตะปุ่มตะป่ำให้เดินสะดุด อากาศถ่ายเทดี มีสายลมพัดผ่านมารวยริน เพดานด้านบนมีรอยแตกยาว ทำให้มีแสงสว่างมากพอที่จะเดินทางกันต่อไปโดยไม่ต้องใช้แท่งฟลูออเรสเซนต์ส่องนำทาง
นารีญาส่งดอกป๊อปปี้ทองคำคืนให้ลิ่วลม ทว่าชายหนุ่มบอกให้เธอเก็บเอาไว้ นารีญาจึงหยิบเอาตลับพลาสติกใบเล็กที่ใช้เก็บสิ่งของจิปาถะออกมาจากในเป้สะพายหลัง แล้วใส่ดอกป๊อปปี้สีทองลงไปด้วยอาการทะนุถนอม
“เก็บดีๆ เลยคุณ” ลิ่วลมหันมาบอก “ประเดี๋ยวพวก Linn Plant มาเห็นเข้า ก็จะออกตามล่าหาป๊อปปี้สีทองกันยกใหญ่อีก”
“เป็นบริษัทที่น่าเกลียด ชั่วร้ายเลวทรามที่สุด” นารีญาแค่นเสียง “คอยดูนะ กลับไปได้ฉันจะโพสต์ประจานความชั่วของพวกมัน ให้โลกรู้ว่ามีกลุ่มคนที่โลภมากจนไม่คำนึงถึงความถูกต้องแบบนี้อยู่”
“ผมว่าคุณทำไม่ได้หรอก” ลิ่วลมพูดเสียงเครียด “จริงๆ นะ ผมว่ากรณีดอกอุทุมพรนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Linn Plant ออกตามล่า แต่คงมีดอกไม้ พรรณพืช และสัตว์จากทุกมุมโลกเคยโดนล่ามาแล้ว และคนที่ได้รับผลกระทบก็คงพยายามจะบอกให้โลกรู้ แต่พวกมันน่าจะมีวิธีการควบคุมข่าว…อย่างเช่น ซื้อสื่อ จ้างคน ปิดปากคน อะไรทำนองนี้”
“ก็ต้องลองดูกันสักตั้ง” นารีญาว่า “ให้รู้ไปว่าพลังโซเชียลจะเปลี่ยนโลกไม่ได้”
“จะยังไงก็ตาม” ลิ่วลมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถ้าคุณอยากจะทำยังงั้น ตอนนี้ก็ต้องรักษาตัวให้ดี ให้กลับบ้านไปอย่างปลอดภัย”
หลังจากเดินกันมาได้ประมาณหนึ่งชั่วโมง โถงทางเดินก็ค่อยขยายกว้างขึ้นจนกลายเป็นโถงถ้ำรูปวงกลม พื้นถ้ำมีมอสสีเขียวขึ้นเต็มพื้นที่ราวกับมีคนปูพรมเอาไว้ให้ เชวังโบกมือให้สัญญาณลูกหาบและบอกกับทุกคนว่าจะหยุดพักรับประทานอาหารเช้ากันที่นี่
“ไม่อยากเหยียบเลยค่ะ” นารีญาพึมพำ เธอกลัวว่ามอสเหล่านี้จะตาย หากมีคนเหยียบลงไป
“เราไม่มีทางเลือก” เชวังส่ายหน้า “พยายามเหยียบให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ และอย่าทิ้งเศษขยะเอาไว้ก็แล้วกันครับ”
อาหารเช้าเป็นขนมปังกินกับเนยและแยม น้ำดื่มร่อยหรอลงไปมากแล้ว เชวังจึงย้ำให้ทุกคนพยายามประหยัด เพราะไม่รู้ว่าจะต้องเดินทางกันอีกกี่ชั่วโมง ข้างหน้าจะมีน้ำสะอาดให้ดื่มหรือไม่ เขาแนะนำให้ทุกคนดื่มน้ำแต่เพียงพอดี พอดับกระหาย อย่าดื่มในปริมาณมาก
และหลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อย นั่งพักผ่อน ทำธุระส่วนตัวกันพักใหญ่ เชวังก็บอกให้ทุกคนออกเดินทางกันต่อ
เดินกันไปได้อีกพักใหญ่ จู่ๆ เยชิก็ยกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนหยุด เขาเงี่ยหูฟังเสียงอะไรบางอย่าง จากนั้นก็หันมาทางเชวัง สีหน้าท่าทางตื่นเต้น
“ผมได้ยินเสียงน้ำ”
“หูดีจัง” นารีญาหันไปพึมพำกับลิ่วลม “ฉันไม่เห็นจะได้ยินเลย”
“เยชิเขาทำงานกับป่ามาทั้งชีวิต ย่อมจะมีความชำนาญกว่าเรา” ลิ่วลมว่า
แล้วเมื่อทุกคนออกเดินทางกันต่อไป สักพักก็พบกับลำธารขนาดใหญ่อยู่ข้างหน้าจริงๆ
โถงทางเดินตอนนี้เปลี่ยนสภาพไปแล้ว เพดานเบื้องบนหายไป เกิดเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ของหุบเขา แลเห็นเมฆ หมู่นกที่บินผ่านไปและก้อนเมฆสีขาวที่ลอยเรี่ยต่ำ อากาศรอบกายเย็นจนเกือบจะเป็นหนาว
ลำธารน้ำใสไหลผ่านหน้าผาที่โอบล้อมอยู่ทั้งสองด้าน มีรอยแตกของหน้าผามากมาย กระจัดกระจายอยู่ตรงนั้นตรงนี้ ทุกๆ รอยแตกจะมีธารน้ำสายเล็กๆ ไหลลงมา รวมกันกลายเป็นลำธารใหญ่ตรงหน้า ภาพที่ปรากฏนั้นสวยงามราวภาพเขียน เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำในลำธารสามารถดื่มได้หรือไม่ เขาเลยเดินไปทดสอบน้ำในลำธาร
เยชิใช้นิ้วแตะน้ำ ก่อนจะนำมาแตะปลายลิ้น ก่อนจะหันมาบอกกับทุกคนว่า
“น้ำสะอาด…ดื่มได้ ล้างหน้าล้างตาได้ครับ”
อัญญาวีร์และนารีญาเป็นสองคนแรกที่รีบวางเป้ในกระเป๋าลงบนพื้นทางเดิน แล้วรีบวิ่งไปริมลำธาร คุกเข่านั่งลงและวักน้ำมาดื่ม พร้อมกับล้างหน้าล้างตา
เท่านั้นไม่พอ สองสาวสองวัยไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน พวกเธอถึงกับเดินลุยลงไปในลำธารด้วยความร่าเริงยินดี
“ระวังนะคะน้าอัญ” นารีญาที่ลงไปก่อน ยกมือขึ้นปัดๆ บริเวณขา “เหมือนมีสาหร่ายหรืออะไรก็ไม่รู้ พันๆ อยู่ที่ขา”
“ไหน” อัญญาวีร์ยกมือขึ้นลูบๆ ที่ขาบ้าง “ไม่เห็นมีอะไรเลย”
“สงสัยหนูคิดไปเอง” นารีญาหัวเราะชอบใจ
ลิ่วลมเดินตามทุกคนไปติดๆ ลองจุ่มนิ้วลงไปทดสอบ ก็พบว่าเย็นจัดราวน้ำในตู้เย็น และเพราะความเย็นจัดของน้ำ ลิ่วลมเลยไม่อยากดื่ม แล้วเลยตัดสินใจไม่เดินลุยลงไปในลำธารเหมือนกับคนอื่นๆ
ประกายแดดอ่อนอุ่นส่องสะท้อนไปถึงก้นลำธาร ทำให้เห็นกรวดกลมขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกัน มีทั้งสีดำ สีขาว สีน้ำตาลแลดูสวยงาม ที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับลิ่วลมก็คือกรวดบางก้อนมีสีทองสุกสว่าง ราวกับทองคำ
ความอยากรู้ ทำให้เขาเอื้อมมือไปคว้ากรวดจากก้นลำธารขึ้นมาพินิจดู และพบว่ามันไม่ใช่แค่เหมือนกับทองคำ แต่มันเป็นทองคำจริงๆ
“ทอง…เชวัง” ลิ่วลมหันไปทางนายแพทย์วัยกลางคน ส่งกรวดทองคำในมือให้เขาดู “นี่มันทองคำแท้ๆเลยนะครับ”
“นั่นสิ” เชวังจ้องมองกรวดทองคำด้วยความสนใจ นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความครุ่นคิด ไม่ได้มีท่าทางตื่นเต้นเหมือนคนอื่น ตรงกันข้าม เขากลับกวาดสายตามองดูลำธารตรงหน้า สลับกับมองไปรอบๆบริเวณด้วยความพินิจพิเคราะห์ เขาเป็นอีกหนึ่งคนที่ยังไม่ยอมดื่มน้ำในลำธาร
“ทองคำ มีทองคำในลำธาร”
นารีญาส่งเสียงร้องกรี๊ดกร๊าดด้วยความตื่นเต้น
ไม่ใช่แต่ลิ่วลมคนเดียวที่สังเกตเห็น ทว่าอัญญาวีร์ นารีญา เยชิ คินซา และลูกหาบทั้งสามก็เห็นเช่นกัน ยูเยนซึ่งเป็นลูกหาบสตรีจ้องมองดูกรวดทองคำด้วยความตื่นเต้นกว่าใครๆ เธอวางข้าวของสัมภาระที่ริมฝั่ง แล้ววิ่งลุยลงไปในลำธารรวดเร็ว
“อุ๊ย” นารีญาร้อง เธอเอื้อมมือไปช้อนกรวดสีแดงเข้มขึ้นมาจากลำธาร “ไม่ได้มีแต่ทองคำนะน้าอัญ มีทับทิมด้วยค่ะ…นี่เรากำลังจะรวยกันแล้วนะคะ ช่วยกันขนเอากลับกรุงเทพไปให้หมดนี่เลยน้าอัญ”
“สีเขียวนี่เป็นมรกตแท้ๆ เลยนะคะเชวัง น้ำง้าม งาม ไม่เคยเห็นมรกตที่ไหนสวย สีเข้มอย่างนี้มาก่อน” อัญญาวีร์หันมาทางเชวัง ชูกรวดสีเขียวในมือให้เขาดู ท่าทางอาจารย์ของลิ่วลมจะพลอยตื่นเต้นไปด้วยอีกคน
“มาทางนี้น้าอัญ ลุยมาทางนี้เลยค่ะ” นารีญาเดินลุยลงไปกลางลำธาร “ทองคำตรงนี้ก้อนใหญ่กว่าตรงที่อัญยืนอยู่เสียอีก”
“ไหน” อัญญาวีร์ขยับตามนารีญาไปดู “อุ๊ย…จริงด้วย ทองคำก้อนใหญ๊ ใหญ่ แล้วไม่ใช่แต่ทับทิมและมรกตนะ…นี่มันไพลินไม่ใช่หรือ”
อัญญาวีร์ควานเอากรวดสีน้ำเงินเข้มขึ้นมาจากก้นลำธาร และยกขึ้นส่องกับแสงแดด ประกายสีน้ำเงินของมันล้อกับแสงอาทิตย์เกิดรัศมีเรืองรอง
“เก็บไปได้ไหมคะน้าอัญ” นารีญาหันมาถาม
“คงได้ละมัง ของพวกนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ไม่มีเจ้าของ”
อัญญาวีร์ว่า มือเรียวยาวของเธอเก็บกรวดทับทิมขึ้นมาจากลำธารก้อนหนึ่ง ครั้นเมื่อเหลือบไปเห็นว่าถัดจากตำแหน่งที่ยืนอยู่ไปไม่ไกล มีทับทิมก้อนใหม่ที่ใหญ่กว่า เธอก็ปล่อยก้อนเดิมลงไปในลำธาร แล้วเดินไปหยิบก้อนที่ใหญ่กว่าขึ้นมาถือไว้
“ลำธารอัญมณี” ลิ่วลมจดรายละเอียดลงไปในสมุดเล่มเล็กๆ ที่เขามักจะพกติดตัว
ลิ่วลมวาดภาพลำธารลงไปในสมุดด้วย เขาตั้งใจว่าถ้าได้นำเอาพยับฟ้าโพยมดินกลับไปที่พิพิธภัณฑ์ของเคซัง จะได้บอกรายละเอียดของลวดลายส่วนที่เสียหายแก่คนซ่อมผ้า ว่าตรงนี้คือลำธารที่เต็มไปด้วยอัญมณี
เสียงร้องด้วยความตื่นเต้นของนารีญาและอัญญาวีร์ยังคงดังมาให้ได้ยินเป็นระยะ
ยูเยนและคินซาเห็นดังนั้น ก็พลอยเดินลุยลงไปในลำธารเพื่อเก็บกรวดอัญมณีใส่กระเป๋า หลังจากอดใจอยู่พักใหญ่ เยชิและลูกหาบที่เหลือก็พลอยลุยลงไปในลำธารกับเขาด้วย
ลิ่วลมไม่เคยเห็นอาจารย์ของเขามีท่าทางตื่นเต้นร่าเริงแบบนี้มาก่อน ปกติแล้วอัญญาวีร์เป็นคนเก็บอารมณ์และความรู้สึก ไม่ค่อยแสดงออกให้ใครเห็นว่ากำลังดีใจหรือเสียใจ ท่าทางของอาจารย์ในวันนี้ดูร่าเริงมาก…
…มากจนเกินไป…
นอกจากจะมีท่าทางตื่นเต้นร่าเริงแล้ว ลิ่วลมยังสังเกตเห็นว่าทุกคนที่ลุยลงไปในลำธาร เพื่อเก็บกรวดอัญมณีมีพฤติกรรมคล้ายกัน นั่นคือ พอหยิบอัญมณีขึ้นมาจากก้นลำธารก้อนหนึ่ง สักพักก็จะเดินไปเจอก้อนใหม่ที่ใหญ่กว่า แล้วก็เลยจะทิ้งก้อนเดิมลงไปในลำธาร หยิบก้อนใหม่ขึ้นมาเก็บเอาไว้ อีกสักพักต่อมาก็จะเดินไปพบก้อนใหม่ที่ใหญ่ขึ้น
ทุกคนมีพฤติกรรมเหมือนกัน
และทุกคนก็เริ่มเดินล่องไปตามลำธาร
…ออกห่างจากเส้นทางสายหลักไปเรื่อยๆ…
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 25.2 : ภาพลวง
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 25.1 : อะไรในสายน้ำ
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 24.2 : สิ่งที่มีประกาย
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 24.1 : ป๊อปปี้สีทอง
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 23.2 : เซริงมา
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 23.1 : ทางแยก
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 22.2 : โจมตี
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 22.1 : กลมวาวราวลูกแก้ว
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 21.2 : หาดทราย สามลม สองเรา
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 21.1 : อโหสิให้ด้วยนะ
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 20.2 : หุบมรณะ
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 20.1 : พรมสีแดง
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 19.2 : ถ้าเรากลับไปได้
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 19.1 : ศรีวัตสะ
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 18.2 : ปรับแผนเดินทาง
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 18.1 : สี่เทพผู้พิทักษ์
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 17.2 : ภาพนิมิต
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 17.1 : Linn Plant Company
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 16.2 : ผิดแผน
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 16.1 : วันฟ้าหลัว
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 15.2 : ความทรงจำ
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 15.1 : ไม่ใช่นัมเก
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 14.2 : อันตรายที่มองไม่เห็น
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 14.1 : ผู้พิทักษ์ขุนเขา
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 13.2 : ผู้ช่วยของนัมเก
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 13.1 : นยาลา เดียม
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 12.2 : ช่วยด้วย
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 12.1 : นยาลาลัม
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 11.2 : ฤดูแห่งดวงดาว
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 11.1 : อ้อมกอดแห่งขุนเขา
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 10.2 : วิหารม้าเทวดา
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 10.1 : ออกเดินทาง
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 9.2 : Orchid Hunter
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 9.1 : เหตุร้าย
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 8.2 : นิมิตของลิ่วลม
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 8.1 : พยับฟ้าโพยมดิน
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 7.2 : Til the Earth through the Heavens
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 7.1 : เบาะแสของดอกไม้ทิพย์
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 6.2 : พิพิธภัณฑ์ผ้าเคซัง
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 6.1 : ภัณฑารักษ์จาก The MET
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 5.2 : ท่านครุ
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 5.1 : วิหารฟ้าคะนอง
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 4.2 : เกาตัน ซับบา
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 4.1 : ฝากไว้
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 3.2 : เธอคือแสงตะวัน
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 3.1 : ความทรงจำเหมือนม่านหมอก
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 2.2 : วันฟ้ากระจ่าง
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 2.1 : มีเมฆบ้างเป็นบางวัน
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 1.2 : ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก
- READ พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 1.1 : Udumbara - อุทุมพร ดอกไม้สวรรค์
- READ พยับฟ้าโพยมดิน : บทนำ