พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 25.2 : ภาพลวง

พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 25.2 : ภาพลวง

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

เชวังเดินนำลงไปก่อน มีลิ่วลมตามไปติดๆ

แสงแดดจากเบื้องบนส่องสะท้อนอัญมณีในลำธารเกิดเป็นประกายสวยสดงดงาม ขนาดเขามีสติสัมปชัญญะครบถ้วน มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ยังอดชื่นชมไม่ได้ว่าอัญมณีพวกนี้สวยงามเสียเหลือเกิน ถ้าเอากลับไปขายคงจะมีมูลค่ามากมายมหาศาล แล้วคนที่โดนพิษสาหร่ายจนขาดสติจะไม่เกิดอาการลุ่มหลงได้อย่างไร

พวกเขาเดินลุยล่องไปตามธารน้ำ

ลิ่วลมสังเกตว่าพื้นลำธารบริเวณที่ไกลออกไปออกจะนิ่มผิดปกติ เขาลองหยั่งเท้าลงน้ำหนัก ก็พบว่าดินข้างใต้นั้นยวบยุบลงไปราวกับพื้นโคลน

“อัญ…อัญญาวีร์”

เชวังเข้าถึงตัวอัญญาวีร์เป็นคนแรก สองมือของเธอหอบอัญมณีเอาไว้เป็นกำ ขาทั้งสองข้างจมอยู่ในก้นลำธาร

“อะไร ทำไม” ดวงตาอัญญาวีร์ขุ่นขวาง “ออกไป เสียเวลา ฉันจะเก็บเพชรพลอยพวกนี้”

“กินนี่หน่อย” เชวังหยิบขวดแก้วออกมาเปิดและตักสมุนไพรส่งไปให้อาจารย์ของลิ่วลม

“ไม่” อัญญาวีร์ปัดมือของเชวัง จนสมุนไพรหกลงไปในลำธาร

“กินหน่อย” เชวังยังไม่ละความพยายาม “คุณจะได้มีแรงเก็บเพชรพลอยพวกนี้ไง”

“เอางั้นหรือ” คำว่ามีแรงเก็บเพชรพลอย ทำให้อัญญาวีร์สนใจ “งั้นก็ได้”

เธอยอมกินสมุนไพรที่เชวังป้อนในที่สุด

หลังจากผงสมุนไพรละลายในปาก ลิ่วลมเห็นอัญญาวีร์หยุดชะงัก ตัวแข็งราวกับกลายเป็นรูปปั้นไปแล้ว เขาเดินตรงไปหานารีญาที่กำลังตั้งหน้าตั้งตากวาดเอากรวดสีเขียวขึ้นมาจากก้นลำธาร สาหร่าย Lunatic Algae ยังลอยเป็นสายพันอยู่รอบๆ ขาของหญิงสาวและตัวของเขา มันคล้ายกับใยแมงมุมบางเบาที่แผ่กระจายอยู่เต็มท้องน้ำ

“รีญา” เขาเรียกหลานสาวของอัญญาวีร์

“เรียกทำไม” นารีญาหันมาทางเขา ลิ่วลมพยายามเดินลุยไปหาหญิงสาว เขารู้สึกว่าก้นลำธารบริเวณที่ยืนอยู่นั้น เริ่มอ่อนยวบลงไปยิ่งกว่าเก่า “เออ มาก็ดีแล้ว ช่วยกันเก็บเพชรพลอยพวกนี้หน่อย ของดีๆ ทั้งนั้น เอาไปขายรับรองรวยไม่รู้เรื่อง”

“ได้ ผมช่วย” ลิ่วลมแกล้งว่า เขาหยิบขวดยาแก้พิษออกมา แล้วตักผงสมุนไพรสีเขียวอมทองส่งให้หญิงสาว “แต่รีญาต้องกินนี่ก่อน แล้วผมถึงจะช่วย”

“ไม่” นารีญาส่ายหน้า “ไม่กิน”

“กินสิ” ลิ่วลมจ้องหน้า “แล้วผมถึงจะช่วย”

“ไม่ช่วยก็ตามใจ” นารีญาเงยหน้าขึ้นหัวเราะ “ฉันจะได้รวยคนเดียว”

“ไม่กินเองใช่ไหม” ลิ่วลมว่า

“จะไปไหนก็ไปเถอะ อย่ามายุ่งกับ…ฉะ ฉัน…” นารีญายังพูดไม่ทันจบประโยค ลิ่วลมก็ยื่นมือไปบีบปากของเธอ แล้วบังคับป้อนผงยาสมุนไพรไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่นารีญาจะทันรู้ตัว

“ไอ้บ้า ไอ้ลิ่วลมบ้า เอาอะไรให้ฉันกิน” นารีญาร้องโวยวาย ก่อนที่ผงสมุนไพรจะค่อยๆ ละลาย แล้วร่างของเธอก็นิ่งขึงไปเช่นเดียวกับอัญญาวีร์

จังหวะเดียวกันนั้นเอง ที่เชวังพยายามไล่บังคับให้เยชิ คินซา และลูกหาบที่เหลือกินยาแก้พิษ ลิ่วลมเดินไปช่วยนายแพทย์หนุ่ม ทั้งหลอกล่อ ทั้งบังคับ จนในที่สุดคณะเดินทางทุกคน ที่ตั้งหนาตั้งตากอบโกยอัญมณีอยู่ในลำธารก็ได้รับยาจนถ้วนทั่ว

ทุกคนยืนนิ่งขึงราวกับเป็นรูปปั้นไปแล้ว

ลิ่วลมเดาว่านั่นเป็นช่วงที่ยากำลังออกฤทธิ์ และฤทธิ์ของยาที่มีดอกป๊อปปี้ทองคำเป็นส่วนประกอบ กำลังต่อสู้กับพิษที่ทำลายความยับยั้งชั่งใจ ทำลายความรู้สึกผิดชอบชั่วดี

เสียงน้ำไหลดังระรื่นหู และสาหร่ายที่ดูสวยงามก็พลิ้วไหวไปตามกระแสน้ำ และจังหวะนั้นเองที่ลิ่วลมหันไปเห็นกองอะไรบางอย่างที่ขาวโพลนปะปนอยู่กับกรวดในลำธาร

มันกองซ้อนกันเป็นเนินใหญ่น้อย

จมอยู่ในพื้นลำธาร มีบางส่วนโผล่ขึ้นมาให้เห็น

และเมื่อเดินไปจนใกล้ ลิ่วลมก็ผงะถอยหลังแทบไม่ทัน

กะโหลกศีรษะคน

และกระดูก!

“โอ๊ะ…”

เขาเผลออุทานออกมา และถ้ามือแข็งแรงของเชวังไม่ได้จับเอาไว้ ลิ่วลมคงจะล้มหงายหลังไปแล้ว

“กะ…กะโหลก” ลิ่วลมชี้ให้เชวังดู กะโหลกใหญ่น้อย ของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ รวมถึงกะโหลกของสัตว์ที่ยากจะบอกว่าเป็นสัตว์อะไร

“ฮื่อ” เชวังพยักหน้า “เห็นแล้ว”

นอกจากกะโหลกที่มีอยู่มากมาย ยังมีกระดูกในลำธารเต็มไปหมด หลากหลายขนาด มาจากหลายส่วนของร่างกาย ชิ้นใหญ่ชิ้นน้อย กระดูกมือบางชิ้นยังกำอัญมณีเอาไว้อยู่เลย

“คนพวกนี้น่าจะลุ่มหลงกับเพชรพลอยจนเสียชีวิต” น้ำเสียงของเชวังแผ่วเบา ดวงตาของเขายังมีร่องรอยของความหวาดระแวง

“เสียชีวิต…เสียชีวิตจากอะไรครับ” ลิ่วลมพลอยระแวงไปด้วย “น้ำตื้นแค่หัวเข่า…ไม่มีปลา ไม่มีสัตว์ร้าย แล้วคนพวกนี้ตายจากอะไร ต่อสู้แย่งชิงของมีค่ากันอย่างนั้นหรือ ผมว่าไม่น่าเป็นไปได้ ในลำธารนี้มีอัญมณีเหลือเฟือ”

“นั่นสิ…อะไรที่เป็นสาเหตุทำให้พวกเขาเสียชีวิตนะ” เชวังเม้มริมฝีปากแน่น เขาขยับขาไปมา เพราะรู้สึกเหมือนกับว่าพื้นลำธารกำลังยวบต่ำลงไปเรื่อยๆ

“หรือว่าสาหร่ายจะดูดเลือดดูดเนื้อพวกเขา เหมือนอย่างเห็ดพิษพวกนั้น” ลิ่วลมตั้งข้อสงสัย

“ไม่น่าจะเป็นไปได้” เชวังส่ายหน้า “สาหร่ายพวกนี้ไม่ได้เป็นสาหร่ายกินสัตว์”

“แล้วอะไรคือสาเหตุ” ลิ่วลมชักหายใจไม่ทั่วท้อง

“นั่นสิ…อะไร” เชวังพึมพำ แต่เขายังไม่ทันได้วิเคราะห์อะไรต่อ อัญญาวีร์ที่ยืนนิ่งขึงอยู่นานหลายนาที ก็เริ่มขยับตัวขึ้นเป็นคนแรก

เธอมองอัญมณีที่อยู่เต็มอ้อมแขน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเชวังและลิ่วลมด้วยความประหลาดใจ พร้อมกับเอ่ยถามว่า

“เกิดอะไรขึ้น ลม…ครูมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง…แล้วอัญมณีพวกนี้”

“อาจารย์ไม่รู้ตัวจริงๆ หรือครับ” ลิ่วลมอ้าปากค้าง

“ไม่รู้เลย” อัญญาวีร์ส่ายหน้า “ครูรู้แค่ว่าเจอลำธาร…อยากล้างหน้าล้างตาเพราะเหนียวตัวเต็มที…เลยวิ่งไปกับรีญา…แล้วจากนั้น”

เธอนิ่งไปพักใหญ่ ก่อนจะพึมพำออกมาว่า

“จากนั้น…ครูก็ไม่รู้ตัวอีกเลย”

“นั่นสิคะ” นารีญาเดินมาสมทบ เธอฟังทุกคนสนทนากันด้วยอาการงุนงง “เกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่”

“พวกคุณถูกพิษสาหร่าย” เชวังเล่า มือของเขายังสวมถุงมือยาง ชายหนุ่มก้มลงช้อนสาหร่ายที่มีลักษณะโปร่งใสขึ้นมาส่งให้ทุกคนดู

“โอ…” นารีญาทำตาโต “เหมือนวุ้นเส้นเลยนะคะ”

เธอเปรียบเทียบ

“อย่าเพิ่งถามอะไร ผมว่าเรารีบขึ้นจากน้ำเถอะครับ” เชวังรู้สึกว่าพื้นลำธารในส่วนที่พวกเขายืนอยู่นั้น มีความผิดปกติมากขึ้น เหมือนกับมันกำลังจมลึกลงไปทุกขณะ เริ่มต้นจากระดับน้ำที่ตอนแรกลึกแค่หัวเข่า ทว่าบัดนี้พวกเขากลับจมลึกลงไปจนเกือบถึงเอว ทั้งๆ ที่ไม่มีใครขยับตัวไปไหนเลยด้วยซ้ำ

ทุกคนยังยืนอยู่ที่เดิม

ปริมาณน้ำในลำธารไม่ได้เพิ่มขึ้น ทว่าพื้นลำธารกำลังเคลื่อนต่ำลงไปทุกขณะ

พร้อมๆ กับตัวของพวกเขากำลังจมลึกลงไปทุกที!



Don`t copy text!