พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 27.2 : เลือดมังกร

พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 27.2 : เลือดมังกร

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ไกลหรือใกล้ มีสัญญาณโทรศัพท์หรือไม่ก็ตาม นั่นไม่ใช่ปัญหาระหว่างเขากับลิ่วลม

ที่ว่าฝาแฝดมีจิตเชื่อมถึงกันนั้นเป็นความจริง เพราะเขากับพี่ชายไม่เคยขาดการติดต่อกันเลย จิตของล่องเมฆและลิ่วลมเชื่อมถึงกันเสมอ เวลาคุยกันด้วยจิต ล่องเมฆก็แค่ทำสมาธิ เพ่งจิตนึกถึงลิ่วลม ไม่นานนักเสียงของลิ่วลมก็จะดังขึ้นในหัว

สองพี่น้องสื่อสารถึงกันด้วยวิธีการนี้มาตลอดตั้งแต่จำความได้

ตอนแรกเขาก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร รู้แต่ว่าได้ยินเสียงลิ่วลมถามอะไรบางอย่างดังก้องขึ้นในหัว และเขาก็นึกคำตอบ ตอบในใจออกไป ต่อมาเมื่อโตขึ้น รู้ความมากขึ้น ลิ่วลมและล่องเมฆจึงรู้ว่านั่นคือความสามารถพิเศษของพวกเขาทั้งสอง

แต่หลังจากเขาสวมโทจัพ…จิตของเขาก็ไม่สามารถเชื่อมต่อกับจิตของลิ่วลมได้อีกเลย

อยากบอกให้พี่ชายรู้ว่าเขายังอยู่ดี ไม่ได้รับอันตราย แต่เขาออกไปจากหุบเขานี้ไม่ได้

ออกไปไม่ได้ เพราะยังเชนไม่ยอมให้ออก เนื่องจากเขาไปพบความลับอันยิ่งใหญ่เข้าโดยบังเอิญ

ล่องเมฆทอดสายตามองดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ในแก้วน้ำที่วางไว้เหนือหัวเตียง

ดอกไม้รูปร่างคล้ายระฆังคว่ำบนก้านสีเขียวสด ส่งกลิ่นหอมชื่นใจ

ล่องเมฆถอนใจยาวด้วยความหนักใจ

…อูดุมบารา…

ดอกไม้ทิพย์ที่ทุกคนคิดว่ามีอยู่แต่ในตำนาน

หนึ่งในดอกไม้ลึกลับที่ผู้คนตามหากันแทบพลิกแผ่นดิน

มันมีอยู่ที่ซัมเซจริงๆ

วันนั้นยังเชนพาเขาเดินเข้าไปเก็บตัวอย่างสมุนไพรในหุบเขาลึก ต้องข้ามภูเขาไปไกลจากหมู่บ้านหลายกิโลเมตร ยังเชนพาเขาเข้าไปในทุ่งหญ้าเขียวขจีที่ไม่ปรากฏในแผนที่

พอมาถึง ยังเชนเพิ่งรู้ตัวว่าหยิบกระเป๋ามาผิดใบ ใบที่เธอถือติดตัวมานั้นมีถุงยาของย่ามาติดมาด้วย ยานั้นเป็นยาตัวสำคัญเกี่ยวกับโรคหัวใจ อาของเธอกำชับนักหนาว่าห้ามลืมเด็ดขาด ยังเชนมองดูนาฬิกาก็พบว่าเลยเวลายามานานแล้ว ครั้นจะกลับกันตอนนั้นเลยก็น่าเสียดายเพราะล่องเมฆพบสมุนไพรหายากที่เขากำลังทำวิจัยอยู่พอดี

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงบอกให้เขาค่อยๆ เก็บข้อมูลของสมุนไพร และรออยู่ที่นั่น ห้ามออกไปนอกบริเวณโดยเด็ดขาด ให้รอจนกว่าเธอจะเอายาไปให้ย่าแล้วย้อนกลับมารับ

ล่องเมฆพยักหน้า และนั่งถ่ายภาพสมุนไพร วาดรูป ศึกษาดูกิ่ง ก้าน ใบและรากด้วยความสนใจ สมุนไพรชนิดนี้มีชื่อว่า ‘Dragon Blood’ หรือเลือดมังกร เป็นสมุนไพรที่ถูกพูดถึงในตำรายาพื้นบ้านของภูฏานมานานนับศตวรรษ ล่องเมฆเห็นตัวอย่างต้นตากแห้งที่มหาวิทยาลัย อาจารย์ของเขาศึกษาพบว่าเลือดมังกร มีสารเคมีบางอย่างที่มีคุณสมบัติคล้ายกับ Vincristine – วินคริสทีน ยาเคมีบำบัดที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งปอดที่รักษาให้หายได้ยาก

ผลการศึกษาในหลอดทดลองยังพบว่า ไม่เพียงแต่จะมีคุณสมบัติคล้ายกับวินคริสทีน ทว่าเลือดมังกรมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าหลายเท่า นอกจากผลข้างเคียงในการรักษาจะน้อยกว่าแล้ว ยังมีประสิทธิภาพรักษามะเร็งปอดได้ดีกว่าถึงสิบเท่า

นั่นหมายความว่า ถ้าสามารถสกัดยาจากเลือดมังกรได้ ก็จะช่วยผู้ป่วยโรคมะเร็งได้อีกมากมาย

แต่น่าเสียดาย ที่เลือดมังกรเป็นพืชเฉพาะถิ่น พบได้ในหุบเขาที่ภูฏานที่เดียวเท่านั้น และรายงานพรรณพืชในปัจจุบัน เหมือนกับว่าเลือดมังกรสูญพันธุ์ไปแล้ว

แต่ล่องเมฆไม่ยอมแพ้

ภูฏานเป็นประเทศใหญ่ มีดินแดนที่ไม่ได้รับการสำรวจมากมาย

เขาพยายามสืบค้นข้อมูลจากทุกแหล่ง สัมภาษณ์ผู้คนในภูฏานจำนวนมากผ่านทางออนไลน์และโทรศัพท์ทางไกล จนมีข้อมูลมากพอจะทำให้เชื่อได้ว่า เลือดมังกรอาจจะยังไม่สูญพันธุ์ไปอย่างที่ทุกคนคิด แต่ยังมีหลงเหลืออยู่ในหุบเขาที่ซัมเซ…ดินแดนซึ่งเต็มไปด้วยพรรณพืชหายาก ด้วยเหตุนี้เขาจึงเลือกหัวข้อวิจัยเกี่ยวกับเลือดมังกร และเดินทางมาที่ซัมเซ

ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

ได้พบทั้งยังเชน และสมุนไพรเลือดมังกร

แล้วเขาก็พบเลือดมังกรจริงๆ

มันยังอยู่ในหุบเขาลึกท่ามกลางอ้อมแขนของหิมาลัย งอกงามอย่างสมบูรณ์แบบ ท่ามกลางแสงแดดและสายลมที่บริสุทธิ์

ล่องเมฆจ้องมองใบสีแดงสดคล้ายกับเลือดของมันด้วยสายตาทึ่งแกมตื่นตะลึง ความพยายามของเขาไม่สูญเปล่า ความเหน็ดเหนื่อยที่ผ่านมาทั้งหมดหายไปเป็นปลิดทิ้ง เพราะสิ่งที่เขาค้นพบนั้นยิ่งใหญ่จนคุ้มที่จะเหนื่อย

และขณะที่เขากำลังใช้แว่นขยายส่องดูรายละเอียดของกิ่ง ก้าน ใบ รวมถึงดอกที่มีกลีบคล้ายกับปีกของเลือดมังกรอยู่นั่นเอง จมูกของเขากลับได้กลิ่นหอมอ่อนจางของดอกไม้อีกชนิดที่ลอยมากับสายลมยะเยือกเย็น

เป็นกลิ่นหอมที่ไม่เหมือนกลิ่นดอกไม้ใดๆ ที่นักศึกษาปริญญาเอกสาขาพฤกษศาสตร์อย่างล่องเมฆเคยรู้จัก ความหอมนั้นประหนึ่งยาชูกำลัง นอกจากทำให้ซ่านซาบ สดชื่นแล้ว ล่องเมฆยังรู้สึกได้ถึงพละกำลังที่เปี่ยมไปทั่วทั้งร่างกาย

หรือจะเป็น…

อูดุมบารา…

ล่องเมฆนึกเล่นๆ แล้วก็อดขนลุกกับความคิดของตัวเองไม่ได้

กลิ่นหอมนั้นกรุ่นแรงขึ้นราวจะยั่วล้อ และเขาสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ เพื่อมองหาที่มาของกลิ่นหอมนั้น

แล้วเขาก็ได้ก็ได้พบ…

อูดุมบารา…

อูดุมบาราจริงๆ ด้วย

มันแอบอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวด้านหลังก้อนหิน ท่ามกลางดงสมุนไพรเลือดมังกร

อูดุมบารา…ดอกไม้ที่เคยเห็นในภาพเขียนบนกล่องไม้ที่วิหารฟ้าคำราม

ก่อนเดินทางมาตามหาเลือดมังกรที่ซัมเซ ยังเชนพาเขาไปเที่ยววิหารบนยอดเขาสูงแห่งนั้น และเขาก็ได้เห็นกล่องไม้โบราณที่เขียนภาพพรรณพืชและดอกไม้พื้นถิ่นของภูฏานจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือดอกไม้สีขาวรูปทรงคล้ายระฆังคว่ำ ท่านครุเจ้าอาวาสวิหารฟ้าคำรามบอกว่ามันคือ…อูดุมบารา…หรือดอกอุทุมพร ที่มีอยู่แต่ในตำนานเก่าแก่

เขาตื่นเต้นมากและเล่าเรื่องนี้ให้กับลิ่วลมฟัง บอกพี่ชายฝาแฝดว่าเขากำลังจะเดินทางไปซัมเซ เพื่อทำงานวิจัย และถ้าโชคดี เขาอาจจะพบดอกไม้ในตำนานของชาวภูฏาน

ล่องเมฆขออนุญาตท่านครุ ถ่ายภาพกล่องไม้สำหรับเอาไว้ศึกษารายละเอียด ท่านครุยังบอกด้วยว่ากล่องไม้นี้เป็นของเก่าแก่ ศิลปินคนวาดภาพเป็นชาวซัมเซ

ล่องเมฆคิดว่า ศิลปินคนนั้นต้องเคยเห็นดอกอุทุมพรของจริงมาแล้วแน่นอน เพราะดอกไม้ดอกอื่นๆ ที่ปรากฏบนกล่องไม้ ล้วนมีของจริงทั้งสิ้น

ตอนนั้นเขาแค่คิดว่ามีความเป็นไปได้ที่เขาอาจจะได้พบ ล่องเมฆไม่นึกเลยว่าอูดุมบาราของจริง ได้มา ปรากฏให้เห็นอยู่ตรงหน้า

แค่พบเลือดมังกรขึ้นอยู่ด้วยกันเต็มท้องทุ่ง ล่องเมฆก็ดีใจจนแทบจะทำอะไรไม่ถูกแล้ว แต่ใกล้กับเลือดมังกรเขายังพบว่ามันมีอูดุมบาราขึ้นอยู่ด้วย…

นี่สิ

สวรรค์บนดินของแท้!



Don`t copy text!